ผู้เขียน หัวข้อ: ล้อกระทะกับล้อแม็กซ์ต่างกันยังไง  (อ่าน 20846 ครั้ง)

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,728
  • Nine & Knight
สงสัยมานานแล้วครับ นอกจากความสวยงามและราคาแล้วล้อทั้งสองแบบต่างกันยังไงและส่งผลอะไรบ้างครับ เช่น ความเร็ว อัตราเร่ง ความประหยัดน้ำมัน การเก็บเสียง การเกาะถนน การเข้าโค้ง ความนุ่มนวล ถ้าเสียตังแล้วสวยงามขึ้นแล้วส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นมันก็คุ้ม  รบกวนสอบถามหน่อยนะครับ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,047
Re: ล้อกระทะกับล้อแม็กซ์ต่างกันยังไง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 22, 2012, 23:08:04 »
ล้อเต็มที่ (แม็กซ์, max) ไม่มีตัวตนนะครับ
ถ้าจะแบ่งง่ายๆหน่อยก็เหล็ก ที่ประกบเป็นรูปกระทะ โบราณและใช้มาสักพักใหญ่แล้ว คือทั้งหนักและแข็งแรงพอสมควรครับ
อีกแบบ เป็นวัสดุอัลลอย อาจจะเป็นแบบธรรมดา หรือแม็กนีเซียมอัลลอย ซึ่งเบากว่าแต่ยังคงความแข็งแรงไว้ได้ และในเมื่อมันเบา (และราคาสูงกว่า) สมรรถนะพื้นฐานก็สูงกว่าครับ

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
Re: ล้อกระทะกับล้อแม็กซ์ต่างกันยังไง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 12:05:06 »
เคยตอบไว้ในกระทู้นึงนานมากแล้วครับ เลยขออนุญาต copy มาทั้งดุ้นเลยละกันนะครับ

ที่มา: http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,10799.html

อ้างถึง
ถามแบบนี้มันกว้างนะครับ คุยกันได้เป็นวันเลยแหละถ้าจะตอบแบบละเอียดจริงจริง

หลาย คห. ข้างต้นตอบไว้ดีแล้วนะครับ
เวลาเราพูดถึงขนาดล้อ 16", 17" จะหมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ
ความแตกต่างทางสายตาก็คือ ขนาด ซึ่งตัวเลขยิ่งมาก ล้อก็ยิ่งใหญ่โตขึ้น

จริงจริงขนาดล้อนั้น ด้วยตัวมันเองไม่มีข้อดีหรือข้อเสีย แต่มันดันไปสัมพันธ์กับขนาดยางที่ใช้
ซึ่งส่งผลต่อสมรรถนะในการยึดเกาะถนนโดยตรง คิดดูละกันว่ารถทั้งคันมีพื้นที่ยึดกับถนนแค่ยาง 4 เส้นเท่านั้น
แล้วไม่ใช่ยางทั้งเส้นจะช่วยให้เกาะอยู่กับถนนได้ แต่เป็นพื้นที่เล็กเล็กตอนที่ยางสัมผัสพื้นถนนแค่นั้นเอง

เวลาเราเลือกล้อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น ก็มีหลากหลายเหตุผล แต่โดยดั้งเดิมมันมาจากรถแข่ง
ซึ่งต้องการใช้ยางแก้มเตี้ย เวลาเร่ง/เบรก/เข้าโค้งอย่างรุนแรง แก้มยางจะได้ไม่บิดตัวมาก
ทำให้อาการของรถ "แน่นอน" มากขึ้น กะเกณฑ์ได้ ไม่ใช่ตามมีตามเกิดว่ายางจะโย้ย้วยไปแค่ไหน
พวกยางแก้มสูงสูง ถ้าเจอการขับที่รุนแรงมากมาก บางทีก็มีโอกาสหลุดออกจากล้อได้ง่ายง่ายเหมือนกัน
เมื่อมันใช้ในสนามแข่งได้ดี รถสปอร์ตราคาแพงก็เริ่มนำมาใช้มากขึ้น พอล้อโตยางเตี้ยไปอยู่ในรถสปอร์ตแบนแบน
มันก็เลยดูสวยงามเป็นพิเศษ ก็เลยสืบเนื่องต่อมาจนถึงรถบ้านบ้านอย่างเรา ที่อย่างจะเสริมหน้าทาจมูกให้หล่อกับเค้าบ้าง
เทรนด์ล้อโต ยางเตี้ย โหลดต่ำ มันเลยโผล่มาถึงรถบ้านตามท้องถนนที่เราเห็นกันโดยทั่วไปทุกวันนี้

แต่การใส่ล้อโต ยางเตี้ย โหลดต่ำ มันก็มากับข้อดีเรื่องการขับขี่ด้วย รถเตี้ยลง จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง
เวลาขับแล้วก็เกาะถนนมากขึ้น ไม่โคลงเคลงแบบรถสูง แถมยางแก้มเตี้ยก็ให้ข้อดีแบบที่บอกไปอีก
แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะมีแต่ข้อดี ไม่มีข้อเสีย เพราะหน้าที่นึงของยางคือการรับน้ำหนักรถให้แล่นไปบนถนนได้
ตอนยางแก้มสูงสูง ก็มีพื้นที่แก้มยางตั้งมากให้ช่วยกันรับน้ำหนัก จะบิดเบี้ยวนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าเป็นยางแก้มเตี้ยแล้ว มันไม่มีทางจะอื่นนอกจากจะทำให้แก้มยางแข็งแรงมากเป็นพิเศษ
ก็ลองคิดดูครับ ยางแก้มเตี้ยทั้งหลาย มีความสูงตรงแก้มยางประมาณ 1-2 ซม. แต่ต้องรับน้ำหนักในแนวดิ่งของรถให้ได้
ดังนั้น มันเลยต้องเสริมเหล็กเข้าไป ใช้วิธีการพิเศษในการผลิต แถมเวลาจะถอดและใส่ยางก็ต้องใช้เครื่องมือพิเศษด้วย
ราคาของยางแก้มเตี้ยเลยแพงกว่ายางธรรมดาทั่วไป มากขึ้นตามลำดับความเตี้ย
ซึ่งก็ไปสอดคล้องกับ กลไกตลาดที่ยางแบบนี้เป็นที่นิยมน้อยกว่ายางติดรถธรรมดาทั่วไป เมื่อขายได้น้อยต้นทุนก็สูงไปด้วย

ถามว่า แล้วล้อขนาดไหนเหมาะสม
คำตอบคือ ไม่มีครับ

รถแต่ละคัน ขนาดวงล้อไม่เท่ากัน ขนาดซุ้มล้อไม่เท่ากัน จุดประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกัน
เจ้าของรถแต่ละคนก็ชอบอะไรไม่เหมือนกัน ดังนั้นการจะเลือกล้อแม็กให้เหมาะสม ต้องถามตัวคุณเองว่าจะใช้งานอย่างไหน

แต่ถ้าจะให้พูดว่า ล้อแม็กอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็ตอบได้ประมาณนี้
1. ล้อที่ใส่แล้ว มีอาการติดขัดเวลาบรรทุกมาก เกิดจากเลือกแม็กผิดขนาดตั้งแต่แรกทำให้ ล้อหุบ/ยื่นกว่าปกติมาก
2. ล้อที่ไม่ได้มาตรฐาน พวกล้อไต้หวันราคาถูกที่เน้นเลียนแบบล้อแพงจากเมืองนอกนั้น อันตราย
เพราะใช้วิธีนำอัลลอยที่ทำประตูรั้วบ้านเราเนี่ย มาดัด หลอม เทลงแบบ ทำให้โมเลกุลเหล็กเรียงตัวไม่ดี ออกมาไม่สมดุลย์ เปราะแตกง่าย

เรื่องล้อแม็กนี่จริงจริงเคยตอบไว้ในกระทู้อื่นแล้ว แต่เล่าให้ฟังอีกทีก็ได้ครับ
คำว่า "ล้อแม็ก" มันเป็นคำย่อมาจาก Magnesium Alloy แปลว่าวัสดุที่มีส่วนผสมของเหล็กหลายอย่าง แต่ส่วนผสมหลักคือ แมกนีเซียม
ให้ความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบามาก แต่แตกหักได้ง่ายกว่าล้อทั่วไป ไม่มีอาการดุ้งหรือคดให้เห็น ถ้าจะแตกก็แตกเลย
ล้อแบบนี้ไม่มีให้เห็นกันบ่อยหรอกครับ ยกเว้นจะอยู่ใน Ferrari, Lamborghini สมัยก่อนก่อน สาเหตุเพราะราคาแพงมาก วางดาวน์รถได้

ดังนั้น ล้อที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน แล้วอนุมานกันเรียกว่า "ล้อแม็ก" นี่ จริงจริงแล้วคือ Aluminum Alloy คือมี อลูมิเนียม ผสมอยู่มากแทน
ให้ความแข็งแรงพอสมควร เหนียวไม่เปราะ ทนทานกว่า แต่จะมีน้ำหนักมาก ราคาก็ถูกกว่าหลายเท่าตัว เลยเป็นที่นิยมใช้กัน
แต่ล้อหนักนี่มันก็ส่งผลเสียอีกหลายอย่างตามมา ถ้าเราเรียนวิศวกรรมยานยนต์เราจะรู้จักคำว่า Unsprung Weight หรือน้ำหนักใต้สปริง
ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลให้สมรรถนะของรถในการเกาะถนนแย่ลงเท่านั้น คิดง่ายง่ายของยิ่งหนักเวลามันถูกโยนขึ้นลง มันจะกระแทกแรง
เป็นธรรมดา ก็เหมือนกับล้อที่พอเจอถนนขรุขระก็จะกระเด้งขึ้นลง ดังนั้นล้อหนักก็จะทำให้รถสะท้านไปทั้งคัน ไม่นิ่ง การทรงตัวก็สั่นส่ายไปมา

วัสดุที่ใช้ทำล้อ ไม่เกี่ยวว่าล้อเล็กจะใช้อย่างนึง แล้วล้อโตจะใช้อีกอย่างนึงนะครับ เป็นของสองอย่างที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
อย่างล้อรถ Hummer รุ่นแรก เป็นเหล็กทั้งชิ้น ขนาดใหญ่โตมโหระทึก ในขณะที่รถสปอร์ตเล็กอย่าง Daihatsu Copen ก็ใช้รถอัลลอยด์ขนาดแค่ 14"

ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,332
Re: ล้อกระทะกับล้อแม็กซ์ต่างกันยังไง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 17:14:02 »
 ;D ;D ;D.......หลักๆ  กระทะเหล็กเหนียวแข็งแรง ให้ความปลอดภัยสูงสุด  นั่นคือหัวใจไม่ใช่หรือ? 8)

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,728
  • Nine & Knight
Re: ล้อกระทะกับล้อแม็กซ์ต่างกันยังไง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 22:04:44 »
ขอบคุณมากเลยครับคุณเนย ได้ความรู้หลายเรื่องกันเลยทีเดียว

อ่านลิงค์ที่ให้มาด้วยแล้ว ถ้าผมซื้อรถใหม่แล้วต้องการเปลี่ยนก็คงเอาของ Lenso ดีกว่า มั่นใจเรื่องวัสดุและประสิทธิภาพโดยรวมให้ความมั่นใจได้มากกว่าแต่แรกๆก็คงใช้ล้อกระทะไปก่อน
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น