สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้ขออนุญาตมานำเสนอ รีวิวรถสองคันในกระทู้เดียวเลยละกันครับ
นั่นคือ
Cefiro และ
Scirocco (หลังจากคิดว่าจะเขียนตั้งแต่ปีที่แล้ว)
และ
รีวิวนี้จะเป็นเรื่องเล่า ยาวซักหน่อย ว่าทำไมถึงได้เป็น Scirocco มา ไม่คาดคิดมากๆ ใครขี้เกียจอ่านข้ามไปรีวิวเลยได้
เดี๋ยวเราจะมาลองเปรียบเทียบกันดูว่า รถที่อายุต่างกัน 20 ปี มันจะต่างอะไรกันบ้าง
ถามว่าทำไมต้องสองคันนี้ ก็ผมขับและเคยขับประจำอยู่แค่สองคันนี้ แหะๆ
แต่ก่อนจะเริ่ม เราต้องแอบโปรยตอนจบให้ชวนติดตามก่อน 555
ใครจะเชื่อว่า ปีที่แล้วแค่ช่วงเวลาไม่ถึงเดือน รถทั้ง 2 คันที่เห็นในรูปนี้ มันจากมือผมไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน
รอติดตามอ่านครับ
.
.
เอาละครับ ขอเริ่มย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ผมขับคุณพี่ Cefiro A31 รุ่น 2.0 12V เดิมๆ มาได้ซัก 8 ปีแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องเปลี่ยนรถแต่อย่างใด ตอนนั้นรู้สึกอย่างเดียว เปลืองน้ำมันโคตรๆ ไม่เคยรู้สึกว่ารถมันอืดแค่ไหน (เพราะไม่เคยขับคันอื่นเลย ณ ตอนนั้น) ปกติผมขับชิวๆ รอบเกิน 4000 นี่นับครั้งได้ ค่าน้ำมันก็ยังกระฉูดอยู่ดี แต่ก็ได้แก้ปัญหาด้วยการติด LPG ไปเรียบร้อย สบายกันไป ขับกันกระจาย 555 อะไรเสียนิดหน่อยก็ซ่อมกันไป ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
แต่อยู่มาวันนึงเมื่อ 3 ปีก่อน เริ่มได้ขับรถคันอื่น Captiva ดีเซลของบ้านแฟนไปตจว. อู้ว แหล่มเลย รู้สึกมันยอดเยี่ยมมาก แรงดึงของเครื่องดีเซลมันเป็นอย่างงี้นี่เอง ช่วงล่างพวงมาลัย ประทับใจทีเดียว เรานี่ขับคันเดียวมาตลอด ไม่เคยรู้ว่ามันไปถึงไหนกันแล้ว 555 ถ้าที่บ้านจะซื้อ SUV ผมจะเอา Captiva นี่แหละ
นอกจากนั้นบ้านแฟนอีกคันที่ได้ขับคือ Vios ตัวแรก ความรู้สึกที่ได้คือ เครื่องจิ๊ดๆไม่เบา ถ้าเทียบกับ A31 กับเก้าอี้ทุกตำแหน่งที่นั่งเกินสิบนาที...ปวดหลังหมดทุกที่ และทุกที -___-'
หลังจากนั้น ก็เริ่มติดตามข่าวคราวรถยนต์ รวมทั้ง HLM ด้วย เพื่อจะหาทางเปลี่ยนรถ 555
แต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ เมื่อ 2 ปีก่อนขับรถกลับบ้าน อยู่ๆฝนตกหนัก ขับลุยน้ำท่วมพี่เลยดับกลางอากาศ เลยรู้สึกว่า เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ละ 555 (ลากไปอู่ ทิ้งไว้แห้ง ตอนเช้าตื่นมาสตาร์ตติด ไม่ต้องทำไรเลย เซ็งเลย)
ตอนนั้นแบบยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่เล็งไว้คันแรกๆเลย Lancer EX ดูในเน็ตสวยมากตอนเปิดตัว เท่โคตรๆ แต่กว่าจะมาไทย พอได้ไปดูคันจริง ภายในไม่ประทับใจ แถมเปลืองน้ำมันอีก เลยปล่อยผ่าน
หลังจากนั้นเริ่มย้อนกลับมาดูความต้องการ ว่าเราต้องการรถอะไร คิดออกมาได้ตามนี้
1. ดีไซน์ภายนอกสวย - อันนี้เป็นหลักเลย ความชอบส่วนตัว (เมื่อก่อนเคยซื้อ thumb drive ราคาแพงกว่าปกติ 100 นึงเพราะว่ามันสวย 555)
2. เกียร์ต้องมากกว่า 4 speed - คือตอนขับ A31 รู้สึกว่าแต่ละเกียร์มันห่างไป คิกดาวน์ทีมันรอบพุ่งไป บางทีอยากแค่คิกเบาๆ
3. เครื่อง direct injection หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เบนซินหรือดีเซลก็ได้ มันน่าจะเป็นมาตรฐานของรุ่นใหม่ๆได้แล้ว จากการอ่านรีวิวต่างประเทศหลายรุ่น
อย่างอื่นดูเป็นรุ่นๆไป
4. ช่วงล่างพวงมาลัยดี
ตอนนั้นที่เข้าตา Nissan Juke โห โดนมากมาย สวยโดดเด่น 1.6 Turbo แต่ไม่มีใครคอนเฟิร์มว่าจะมาไทยเทื่อไหร่ แถมถ้ามาไทยไม่ได้ 1.6 Turbo คงเซ็งอีก
ต่อมา Mazda 3 อันนี้ก็มาช้า แถมไม่ได้เครื่อง direct injection ของต่างประเทศอีก รุ่น 2.0 ธรรมดาก็เปลืองน้ำมัน Mazda 2 ไปลองนั่งก็ไม่ประทับใจ เรื่องเยอะจังเรา
ดูรูปไปพลางๆ (ถ่ายไว้เยอะ 555)
หลังจากนั้นได้ไปลองขับ Teana อ่าาาา ประทับใจช่วงล่างสุดๆ แต่มันใหญ่เกินความต้องการไปหน่อย แถมเปลืองน้ำมันอีกเพราะคิดว่าคันนี้จะไม่ติดแก๊สแล้ว ก็เลยลอง March มาด้วย ไม่เลวนะ ขับแบบไม่คิดมาก หรือถ้าเอาไปโมต่อเล่นก็น่าสน เพราะช่วงล่าง พวงมาลัย เสียงซุ้มล้อหลังไม่ประทับใจเลย เลยคิดว่าถ้าจะ March รอ Almera ดีกว่า สวยกว่า 555 ก็อ้างกันไป
สุดท้ายจะมาลงที่ Fiesta เพราะลงตัวกำลังดีทุกอย่าง ลองขับแล้วประทับใจ ช่วงล่าง พวงมาลัย เกียร์คลัชคู่ ดีไซน์ใช้ได้ เหลือแค่ว่าจะไปจองเมื่อไหร่ดี
ดูรูปพลางๆ 2
แต่
พอพ่อผมเห็นว่าผมกำลังสนใจ Fiesta พ่อเลยอยากได้รถใหม่บ้าง 555 ซึ่งที่พ่อผมเล็งไว้ตอนนั้น คือ Cayman มือ2 ซึ่งปกติพ่อผมแทบไม่ค่อยจะขับรถ ทำงานที่บ้าน นอนที่บ้านไม่ได้ไปซิ่งไหน ขับทีรอบยังไม่เกิน 3000 (ยิ่งกว่าผมอีก 555) จะเอา Cayman ไปทำไม แต่พ่อก็บอกให้ลองหาข้อมูลในเน็ตดูว่า Cayman เป็นไง เข้าทางผมกับแม่ก็เลยพยายามพูดถึงข้อเสียซะส่วนใหญ่ อิอิ พ่อก็เริ่มถามว่าแล้วมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง
แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อผมเอารีวิว จัดอันดับของ HLM เมื่อปีก่อนให้ดู ตอนนั้นพยายามจะเชียร์ BMW แต่พ่อดันถูกใจอันดับ 9 เข้าให้ นั่นคือ Scirocco นั่นเอง ซึ่งผมเองก็ถูกใจ Scirocco กับ Golf มาตั้งแต่อ่านรีวิวมานานแล้ว คิดว่าถ้าชีวิตนี้ได้ลองขับน่าจะดี เลยบอกพ่อไปว่า ถ้าพ่อเอา Scirocco ผมไม่เอา Fiesta แล้ว ผมทนขับ A31 ต่อแล้วรอขับ Scirocco จากพ่อดีกว่า 555
จุดที่ทำให้พ่อผม ตัดสินใจว่าเอาแน่ Scirocco คือคลิป Golf GTI ของพี่จิมกับพี่แพน นี่แหละครับ (จริงๆผมก็พยายามแนะนำเทคโนโลยีใหม่ ให้พ่อมาเรื่อยๆอยู่แล้ว เพื่อปูทางซื้อ Juke 555) คลิปฮามาก แล้วพี่แพนก็ขับมันมาก ตอนพากษ์เรือหางยาวนี่พ่อผมฮามาก
สุดท้ายก็เลยมาเป็นคันนี้แหละครับ
.
.
.
.
เอาหล่ะครับ คราวนี้มาดูกันว่า รถที่อายุเทคโนโลยี ต่างกันเกือบ 20 ปีนั้นต่างกันยังไง
ภายนอกA31 ภายนอกเดิมๆ ก็ไม่เลว ติดแค่ว่าควรจะไปเปลี่ยนแมกซ์ให้เป็น Advan Racing version 2 จะสวยถูกใจมาก
Scirocco โดนมาก โดดเด่น แมกซ์ใหญ่ไปนิด กลัวดุ้งมาก เท่าที่ลงมาหลายหลุมก็ยังไม่เป็นไร
ป้ายแดง ผ่านสงครามโลกมากๆ
ไฟหน้า ดูไปก็คล้ายๆกัน ดวงกลมอยู่ในโคม แต่ของ Scirocco ตัดหมอกแยกมาข้างล่าง
ของ Scirocco เวลาเลี้ยวมีไฟนำทาง หักพวงมาลัยเกิน 90 องศา ก็จะเริ่มติด แต่ A31 รุ่น 24V ก็มีให้นะ 555 20ปีผ่านไปก็ยังมีอยู่ แต่ผมแอบรำคาญอยู่พอควรเวลาหักหลบรถในซอย มันติดมาเหมือนเราไปเปิดไฟใสเค้าเลย จะปิดมันก็ดันเชื่อมเมนูนี้รวมไปกับ ไฟเลี้ยวที่เวลาขยับก้านนิดเดียวติดสามครั้ง ซึ่งผมชอบใช้ เลยไม่อยากปิด
ด้านท้าย Scirocco ตูดอวบมาก 555 ส่วนของ Cefiro ผมชอบของรุ่น 24V มากกว่า
ด้านข้าง Cefiro ประตูมากกว่าเห็นๆ 20 ปีผ่านไป ว้า ประตูลดลง 555 Scirocco ด้านข้างสวยมาก
ภายในไปดูเบาะหลังกันก่อน ถึงแม้ Scirocco จะไม่มีประตู แต่พื้นที่นั่งแทบไม่แตกต่าง Cefiro จะแคบไปไหน ผมว่านั่งหลังของ Scirocco จะสบายกว่าด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ค่อยได้นั่งเท่าไหร่ทั้งสองคัน เข้าออกเบาะหลังเทียบกัน คือ ยากกับยากกว่า
เบาะหลัง Cefiro ไม่มีพนักพิงแยก(เหมือนมาร์ชเลย) แต่ Scirocco ก็เหมือนกัน 555 รถเราระดับเดียวกะอีโคคาร์เลย
จากรูป Scirocco จะเห็นว่ามีซันรูฟ ที่เปิดแง้มได้อย่างเดียว ไม่เคยเปิดเลย อยากเปลี่ยนเป็นออพชั่นอื่นมากๆ
ประตู Scirocco เปิดได้กว้างสะใจมาก เปิดได้สามขยัก และควรเปิดให้ลงขยักมัน เพราะถ้าครึ่งๆกลางๆ มันจะย้อนมาฟาดคุณได้ แรงมาก
เบาะหน้า Scirocco ปรับไฟฟ้า แถมด้วยดันหลัง แต่อย่าประมาทรถ 20 ปีที่แล้ว ปรับเบาะได้ทุกทิศทางที่ Scirocco ทำได้ แต่เบาะ A31 ปรับต่ำสุดแล้วก็ยังรู้สึกสูงมาก หัวเฉียดเพดานตลอดเวลา ทำผมตั้งไม่ได้ ดันหลังก็มี ปรับได้มากน้อยปรับดันสูงต่ำไม่ได้แค่นั้น มือบิดอยู่ข้างเบาะ แถมปรับพนักพิงศีรษะให้ดันมากขึ้นได้ แต่ Scirocco ออพชั่นของศูนย์ไม่มี (ในคู่มือมีให้เสียใจเล่น) ปรับได้แต่สูงต่ำ
พวงมาลัย ปรับได้ 4 ทิศทางทั้งคู่ Cefiro ไม่มีปุ่มอะไรเลย ถุงลมก็ไม่มี Scirocco ปุ่มเพียบ แต่ไม่มีบลูทูธต่อโทรศัพท์ T-T
แอร์ Cefiro แอร์ออโต้นะครับ (แค่ไม่ดิจิตอล) ทั้งคู่ต่อเครื่องเสียงกับไอพอดตลอด ด้วยสาย Aux Scirocco ตัวศูนย์ไม่มี USB มีแต่ใน Golf เสียใจอีกแล้ว คู่มือมี T-T เครื่องเสียงดีด้วยกันทั้งคู่ ( Cefiro ไปติดแอมป์ เปลี่ยนลำโพงมา ตั้งแต่สมัยพ่อ) ยกเว้น
เวลา Scirocco เปิดด้วย SD Card เสียงรับไม่ได้ครับ แย่ลงเยอะ แล้วก็ประมาณ 1-2 วินาทีแรกโดนตัดเกือบทุกเพลง เหมือนโหลดมาลง memory ไม่ทัน
ของ Scirocco ตอนนี้ ใช้สายต่อเป็น line out ที่มีแอมป์เล็กๆกับรีโมทคอนโทรล ก่อนต่อเข้าในกล่องที่วางแขน ไม่งั้นเปลี่ยนเพลงลำบาก ไม่เหมือน Cefiro วางเปิดเผยมาก 555
ดีไซน์ภายในของ A31 สวยใช้ได้เลย ตั้งแต่สมัยนั้น แค่วัสดุจะแห้งกรอบง่ายบ้างเท่านั้น
ปุ่มอื่นๆ กระจกมองข้าง Cefiro ปรับไฟฟ้า พับไฟฟ้า ไฮโซมากสมัยนั้น แต่
Scirocco ปรับไฟฟ้า พับมือ T-T เสียใจอีกแล้ว คู่มือมี แต่ศูนย์ไม่เอามา ล็อกรถเสร็จ ออกมาพับกระจก เขินคนอื่นมากๆ ปุ่มล๊อกกดโคตรยากถ้าใช้นิ้วกดปกติ ผมว่าเค้าดีไซน์มาให้ใช้ตรงข้อนิ้วหลังมือกดเอา 555 ของ Cefiro ประตูล๊อกเองเมื่อความเร็วมากกว่า 15 กม/ชม จะกดปุ่มทำให้เมื่อย 20 ปีที่แล้วไฮโซกว่าเห็น
ที่วางมือถือ เวิร์คมั้ย
ส่วนของ Scirocco ตอนนี้ใช้ขาที่เป็นแมงมุมพันๆมือจับไว้ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
เบรคมือ Scirocco เป็นแบบปกติ Cefiro เป็นแบบเหยียบ สมัยนั้นแทบไม่มีใครทำ
เกียร์ Scirocco จับถนัดมือ ได้อารมณ์สปอร์ตดีมาก พี่ซีมีเกียร์มากกว่าเห็นๆ (มี 1,2 ด้วย 555) มือจับแบบโบราณ มีที่ล็อคเกียร์ด้วย
ที่วางศอกซ้าย Scirocco ปรับได้ (เพิ่งรู้ตอนกลับมาอ่านรีวิวอีกรอบ) วางสบายมาก Cefiro ปรับไม่ได้ แต่ก็วางได้โอเคปกติ
(ที่วางไอพอดแบบเดิม) Scirocco มีออพชั่นปรับความแข็งของช่วงล่าง ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็ปรับไปมาระหว่าง comfort กับ normal ส่วนใหญ่จะใช้ comfort ซึ่งก็ได้ช่วงล่างที่ feeling เยี่ยมแล้ว ยกเว้นจัมพ์คอสะพานแรงๆ ใจหวิวไปสองครั้ง 555 แบบ normal จะมั่นใจมากกว่า แต่ถนนกทม. ผมขอเลือก comfort ดีกว่า (comfort เวลากดคันเร่งเยอะๆ รู้สึกเหมือนรถต้องขอย้วยตูดก่อนนิดนึง ก่อนจะออกตัวไปยังไงไม่รู้) ส่วน sport รู้สึกรถเป็นชิ้นเดียวกันมากๆ ไปไหนไปด้วยกัน แต่ลงหลุมทีไส้ทะลัก -_-' คงไว้ใช้ในสนามอย่างเดียว
แต่
..อย่าประมาทรถเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเหมือนกันครับ ปรับช่วงล่าง พวงมาลัย comfort กับ sport ตอนเด็กๆสมัยพ่อขับ ใช้ comfort รู้สึกมันเด้งยวยๆมากๆ ตอนขับเองก็เลย sport ตลอด พวงมาลัยหนืดมากๆ จอดรถกล้ามขึ้น เคยปรับ comfort ว้าว พวงมาลัยเบา แต่ช่วงล่างรับไม่ได้ sport ช่วงล่างแข็งพอควร ลงหลุมสะดุ้ง ถ้าเปลี่ยนแมกซ์คงแข็งกว่านี้อีก พอได้ขับสองคันสับไปมา จะรู้ได้ว่า Cefiro เวลาลงหลุมแข็งเชียว แต่พอเข้าโค้งย้วยเชียว
แป้นเบรก โคตรตรงข้ามกันเลยครับ Scirocco แตะนิดหัวทิ่ม ต้องใช้เวลาปรับตัว ตอนนี้โอเคละเบรคเนียนเชียว ส่วน Cefiro กดครึ่งนึงยังไม่เบรก มันอยู่ลึกมาก ขับชินๆก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เปลี่ยนคันทีจะจิ้มตูดคันหน้าทุกที
หน้าปัด ของ Cefiro ก็ไม่เลว ข้อมูลครับ เรียบๆ ของ Scirocco ก็ดูใหม่ดี สวย
กระจกมองหลัง Scirocco เล็กมาก หลายคนบ่น แต่มันขยายไปก็เท่านั้นครับ เพราะว่ามันจะติดเสา C อยู่ดีครับ ก็ทำใจให้ชิน 555
Cefiro ก็มีไฟอ่านแผนที่ แล้วก็มีไฟในเก๋งแยกอีกอัน
พื้นที่เก็บของด้านหลัง แทบไม่ต่างกัน ถึงแม้ Cefiro จะมีกระโปรงหลังแยก แต่ถังแก๊สกินพื้นที่ไปเยอะ แถมขอบสูงมาก ยัดจักรยานพับได้ยังไม่ลงเลย วันนั้นลองยัดอยู่นาน สุดท้ายเอาไปเข้าเบาะหลังแทน - -;
ส่วน Scirocco ท้ายใหญ่ไม่เลว แต่ขอบอยู่สูงมาก ต้องยกของสูงข้าม แล้วไม่มีปุ่มเปิดด้านหลังด้วย ปัญหาจะมีเวลาปิดไม่สนิท ต้องล้วงรีโมทมากดใหม่ ไม่งั้นต้องไปกดสวิทช์ที่ประตูหน้าใหม่ แต่เสียงปิดมันเพราะมาก เสียงแน่นกำลังดี ไม่รู้สึกถึงเหล็กกระแทกกัน
เครื่องยนต์2.0 ลิตรเท่ากันเห็นๆ 555 แต่แรงม้าแรงบิดต่างกันเกือบสองเท่า
Scirocco ก็เครื่องเบนซินไดเรกอินเจกชั่นเทอร์โบ ส่วน Cefiro ก็ 2.0 ลิตรบ้านๆธรรมดายังเป็นคาร์บูอยู่เลย เครื่องเดิมๆ ติดแก๊สเพิ่มอย่างเดียว กว่าจะจูนให้ขับสบายใจใช้เวลาพอควร ขับไปก็กลัวดับไป
ฝากระโปรง Scirocco ใช้เหล็กค้ำ แต่ Cefiro เป็นโช็คนะครับ แต่เมื่อมันเสียก็เลยใช่ท่อค้ำที่โช้คแทน เป็นฝีมือช่างที่ติดแก๊ส เมื่อก่อนใช้โฟมกล่องโทรทัศน์ค้ำ 555+
อารมณ์ในการขับขี่ ไม่ต้องพูดถึง โคตรต่าง วันแรกๆที่ขับผมถึงกับรู้สึกว่า พลังมันมาพรวดพราดมาก พอบูสต์เท่านั้นตกใจทุกที ใช้เวลาปรับตัวอยู่ซักพักทีเดียว พอชินแล้วก็เหลือแต่ความมันส์ อยากแซงใครก็แซงนิสัยเสียมากๆ ใครมาจี้ต้องกดหนีทุกที จากเดิมที่ขับรถออกจะเรียบร้อย
อัตราสิ้นเปลือง ของ Cefiro เฉลี่ยใช้ใน-นอกเมือง 6 km/l !!! แต่กินแก๊ส วิ่งยาวๆตจว. ดีสุดแค่ 10 km/l
ส่วน Scirocco จับบ้างไม่จับบ้าง เฉลี่ยในเมือง 7-8 km/l วิ่งตจว.ชิวๆ 100-110 ได้ สูงสุด 14.6 km/l ขากลับกดเอามันส์ในบางจุดได้ 13.5 km/l แต่ครั้งที่ประหยัดขึ้นหน้าจอมากสุด คือขับชิวๆแถวราชพฤกษ์ ไหลเรื่อยๆ ได้ 15.4 km/l
ต่อด้านล่าง