ผู้เขียน หัวข้อ: !!!! เลือกฉะเชิงเทรา ระบายน้ำก้อนใหญ่ลงทะเล น้ำอาจท่วมสูง 1-2 เมตร  (อ่าน 14756 ครั้ง)

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
เมืองแปดริ้วถูกเลือกให้เป็นทางระบายมวลน้ำก้อนใหญ่ลงทะเล

ฉะเชิงเทรา - แปดริ้วถูกเลือกเป็นช่องทางระบายมวลน้ำก้อนใหญ่ทิ้งลงทะเล เผยระดับน้ำอาจสูงถึง 2 เมตร พื้นที่แหลกลาญ รวม 6 อำเภอ
     
      วันนี้ (10 ต.ค.54) เวลา 19.50 น.นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยถึงกระแสข่าวลือว่าจะมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เมืองแปดริ้วว่า เป็นข้อเท็จจริง หลังจากพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทราได้ถูกเลือกให้เป็นเส้นทางการระบายน้ำออกจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ที่กำลังถูกน้ำท่วมอย่างหนักโดยไม่มีช่องทางระบายออกลงสู่ทะเล หลายฝ่ายจึงมีความเห็นตรงกันว่า จะเลือกใช้ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเส้นทางการระบายน้ำ ผ่านลงสู่แม่น้ำบางปะกง ก่อนที่จะถูกปล่อยออกสู่ทะเล เนื่องจากเป็นเพียงช่องทางเดียวที่จะเกิดความเสียหายน้อยที่สุด
     
      โดยระดับน้ำที่จะถูกระบายผ่านเข้ามานั้น จะเป็นมวลน้ำจำนวนมาก จนทำให้แม่น้ำบางปะกงเอ่อล้นออกนอกลำน้ำ และจะไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่รวม 6 อำเภอ คือ อ.คลองเขื่อน อ.เมือง อ.บ้านโพธิ์ อ.บางปะกง อ.บางคล้าบางส่วน อ.บางน้ำเปรี้ยวบางส่วน โดยระดับน้ำจะท่วมสูงถึงประมาณ 1-2 เมตร ซึ่งคาดว่ามวลน้ำจำนวนดังกล่าวนี้ จะมาถึงยังในเขตจังหวัดฉะเชิงเทราอีกประมาณ 10 วันข้างหน้า ขณะที่ปริมาณน้ำในพื้นที่นั้น
     
      ขณะนี้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำคลองระบม และอ่างสียัด เต็มล้นแล้วทั้ง 2 อ่าง และได้มีการเร่งระบายน้ำออกจากอ่างสียัดอย่างต่อเนื่องถึงวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอ่างแควระบมนั้นได้ชะลอการระบายลง สวนความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนั้น จะส่งผลกระทบอย่างหนักในพื้นที่ลุ่มต่ำ

ที่มา http:manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000129212

-------------------------

สำนักงานเทศบาลเมือง ฉะเชิงเทรา ได้แจ้งเตือนภัยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ให้เตรียมเก็บข้าวของขึ้นไว้ในที่สูง และพร้อมรับมือกับน้ำท่วม หลังถูกเลือกเป็นช่องทางระบายน้ำออกจากอยุธยา ลงแม่น้ำบางปะกง

ด้าน นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ฉะเชิงเทรา ได้ถูกเลือกให้เป็นเส้นทางการระบายน้ำจากอยุธยา ที่ไม่มีช่องทางระบายลงสู่ทะเล ซึ่งการเลือกใช้ฉะเชิงเทรา เป็นเส้นทางการระบายน้ำผ่านลงสู่แม่น้ำบางปะกง ก่อนที่จะถูกปล่อยออกสู่ทะเลนั้น เนื่องจากเป็นเพียงช่องทางที่จะเกิดความเสียหายน้อยที่สุด

ทั้งนี้ มวลน้ำขนาดใหญ่จะถึงเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา อีกประมาณ 10 วันข้างหน้า ซึ่งจะทำให้แม่น้ำบางปะกงไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ คือ อ.คลองเขื่อน อ.เมือง อ.บ้านโพธิ์ อ.บางปะกง อ.บางคล้าอ.บางน้ำเปรี้ยว โดยระดับน้ำจะท่วมสูงถึงประมาณ 1-2 เมตร

----------------------------------------------------
http://news.mthai.com/headline-news/134331.html'


ภาพพื้นที่ น้ำท่วม และคาดว่าจะท่วมครับ




NgoH

  • บุคคลทั่วไป
บ้านผมอยู่สุดเขตลาดกระบังติดฉะเชิงเทรา น้ำท่วมมาหลายวันแล้ว มาอีกคงตายกันพอดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2011, 12:23:04 โดย NgoH »

ออฟไลน์ TTL

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,276
มีคนเสนอความคิดว่า ไม่ต้องไปกั้นอะไร กทม.หรอกนอกจากกั้น

แค่คลองชลประทาน กับ รถไฟฟ้าใต้ดินรวมถึงสถานที่สำคัญก็พอแล้วก็ให้มันไหลลงมาแล้วก็ไปลงอ่าวไทยเลยดีกว่าไม

ไม่งั้นประชาชนโดยรอบก็โดนท่วมแต่ที่สำคัญนำ้ท่วมขังนานมากๆ ยอมแปปเดียวแล้วนำ้ลงไปทั้งหมดเลย ยอมแปปเดียวดีกว่าท่วมขังกันยาวๆ

ผมบ้านก็อยู่้กทม. งานก็อยู่กทม.เข้าใจว่ามันก็เป็นเมืองเศรษฐกิจ แต่บ้างครั้งเราก็คิดว่ายังไงกทม. ก็ต้องโดนแล้วก็อาจจะไม่ได้นำ้ลดลงโดยเร็ว

 แต่สิ่งที่ผมอ่านเจอแง่คิดมันก็คงได้แต่คิด(แนวคิดนี้คล้ายๆในหนังLondon Floodมั้งครับจำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้เหมือนกันแต่เคยดู)

 แต่ผมว่าเอาจริงๆคนก็ไม่อยากให้บ้านตัวเองท่วมหรอก....ยังไงตอนนี้มันก็คงเป็นแค่แง่คิดหละครับ  

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,367
เฮ้อ ผมต้องเตรียมขนของหนีน้ำ ล่าสุดมองสวนตัวเอง เหลืออีกไม่ถึงเมตรน้ำจะท่วมบ้านละ
หมาก็อาจจะต้องไปหาที่ฝากเลี้ยง ไม่งั้น ถ้าน้ำท่วมมีหวังได้ตายหมดอีก
ส่วนคน ถ้าท่วมสูงมากๆ คงต้องอพยพล่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะท่วมนานขนาดไหน
อยากจะบอกว่า รัฐบาลเลือกแปดริ้วเป็นเมืองที่จะผันน้ำมาแล้ว แต่ไม่เห็นมีการส่งคนมาช่วยเตรียมการอะไรเลย แม้กระทั่งข่าวประกาศ รถกระจายเสียงว่าน้ำจะมาวันไหน ก็ยังไม่มีวิ่งสักแอะ

คิดอะไรกันง่ายๆ ขอให้กรุงเทพฯ น้ำไม่ท่วมก็พอ แต่คนรอบนอกจะท่วมยังไงก็ช่าง มันก็ไม่ไหวนะครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
มีคนเสนอความคิดว่า ไม่ต้องไปกั้นอะไร กทม.หรอกนอกจากกั้น

แค่คลองชลประทาน กับ รถไฟฟ้าใต้ดินรวมถึงสถานที่สำคัญก็พอแล้วก็ให้มันไหลลงมาแล้วก็ไปลงอ่าวไทยเลยดีกว่าไม

ไม่งั้นประชาชนโดยรอบก็โดนท่วมแต่ที่สำคัญนำ้ท่วมขังนานมากๆ ยอมแปปเดียวแล้วนำ้ลงไปทั้งหมดเลย ยอมแปปเดียวดีกว่าท่วมขังกันยาวๆ

ผมบ้านก็อยู่้กทม. งานก็อยู่กทม.เข้าใจว่ามันก็เป็นเมืองเศรษฐกิจ แต่บ้างครั้งเราก็คิดว่ายังไงกทม. ก็ต้องโดนแล้วก็อาจจะไม่ได้นำ้ลดลงโดยเร็ว

 แต่สิ่งที่ผมอ่านเจอแง่คิดมันก็คงได้แต่คิด(แนวคิดนี้คล้ายๆในหนังLondon Floodมั้งครับจำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้เหมือนกันแต่เคยดู)

 แต่ผมว่าเอาจริงๆคนก็ไม่อยากให้บ้านตัวเองท่วมหรอก....ยังไงตอนนี้มันก็คงเป็นแค่แง่คิดหละครับ  

เห็นด้วยครับ ผมยอดนะครับ ถ้าบ้านผมมันจะท่วมไปบ้าง แต่ช่วยให้น้ำระบายเร็วๆ สัก 2-3 วัน ก็อยู่บ้านชั้น 2 ไป

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
เฮ้ย Toyota บ้านโพธิ์ + โรงงาน Isuzu แปลงยาว + นิคม Gate Way ( รวม Toyota Gate Way ด้วย )

ออฟไลน์ TTL

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,276
มีคนเสนอความคิดว่า ไม่ต้องไปกั้นอะไร กทม.หรอกนอกจากกั้น

แค่คลองชลประทาน กับ รถไฟฟ้าใต้ดินรวมถึงสถานที่สำคัญก็พอแล้วก็ให้มันไหลลงมาแล้วก็ไปลงอ่าวไทยเลยดีกว่าไม

ไม่งั้นประชาชนโดยรอบก็โดนท่วมแต่ที่สำคัญนำ้ท่วมขังนานมากๆ ยอมแปปเดียวแล้วนำ้ลงไปทั้งหมดเลย ยอมแปปเดียวดีกว่าท่วมขังกันยาวๆ

ผมบ้านก็อยู่้กทม. งานก็อยู่กทม.เข้าใจว่ามันก็เป็นเมืองเศรษฐกิจ แต่บ้างครั้งเราก็คิดว่ายังไงกทม. ก็ต้องโดนแล้วก็อาจจะไม่ได้นำ้ลดลงโดยเร็ว

 แต่สิ่งที่ผมอ่านเจอแง่คิดมันก็คงได้แต่คิด(แนวคิดนี้คล้ายๆในหนังLondon Floodมั้งครับจำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้เหมือนกันแต่เคยดู)

 แต่ผมว่าเอาจริงๆคนก็ไม่อยากให้บ้านตัวเองท่วมหรอก....ยังไงตอนนี้มันก็คงเป็นแค่แง่คิดหละครับ  

เห็นด้วยครับ ผมยอดนะครับ ถ้าบ้านผมมันจะท่วมไปบ้าง แต่ช่วยให้น้ำระบายเร็วๆ สัก 2-3 วัน ก็อยู่บ้านชั้น 2 ไป
ก็ใช่ครับ ผมก็เห็นด้วยจะยาวกว่านั้นสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไร แต่ขอให้มันระบายลงไปให้หมดไม่ต้องท่วมเรื้อรังกันแบบนี้..ก็มีคนที่เห็นด้วยและอีกด้านนึงแน่นอนครับความเป็นมนุษย์มันก็ต้องมี
ความเห็นแก่ตัวกันหละครับ  แต่จะนึำกถึงผู้อื่นรึป่าวมันอยู่ที่จิตสำนึึกของคนครับ...

ออนไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,602
    • อีเมล์
ผมดูข่าวมร่วมๆ3เดือน

ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับทีพยายามกั้นน้ำมัน

ภาคเหนือทั้งภาค ไม่มีจังหวัดไหนกั้นน้ำได้

นครสวรรค์ที่ว่าแน่ สุดท้าย....

นิมคมต่างๆ  สุดท้าย.....

ผมไม่ได้ดูถูก พลังเจ้าหน้าท่กทม หรอกนะ

แต่ตอบได้เลย  ครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งที่มนุษย์ไม่สามรถเอาชนะธรรมชาติได้
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ว่างั้นว่างี้สุดท้ายมันก็มาตามคลองอยู่ดีละครับ
จะปล่อยผ่าน กทม. แต่แรกก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกมั้งครับ
H.

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมดูข่าวมร่วมๆ3เดือน

ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับทีพยายามกั้นน้ำมัน

ภาคเหนือทั้งภาค ไม่มีจังหวัดไหนกั้นน้ำได้

นครสวรรค์ที่ว่าแน่ สุดท้าย....

นิมคมต่างๆ  สุดท้าย.....

ผมไม่ได้ดูถูก พลังเจ้าหน้าท่กทม หรอกนะ

แต่ตอบได้เลย  ครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งที่มนุษย์ไม่สามรถเอาชนะธรรมชาติได้
ว่างั้นว่างี้สุดท้ายมันก็มาตามคลองอยู่ดีละครับ
จะปล่อยผ่าน กทม. แต่แรกก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกมั้งครับ

เห็นด้วยครับ ว่าสุดท้ายเราก็หนีไม่ได้ มันก็ไหลมาออกคลองบ้านเราอยู่ดีนะครับ

NgoH

  • บุคคลทั่วไป
ปล่อยให้เข้ากทม.เข้าไปล้างเลือดแถวทำเนียบ ก็ดีเหมือนนะครับ เผื่อมันจะล้างอาถรรห์ได้

ออฟไลน์ mayjazza

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 469
  • .......
ผมดูข่าวมร่วมๆ3เดือน

ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับทีพยายามกั้นน้ำมัน

ภาคเหนือทั้งภาค ไม่มีจังหวัดไหนกั้นน้ำได้

นครสวรรค์ที่ว่าแน่ สุดท้าย....

นิมคมต่างๆ  สุดท้าย.....

ผมไม่ได้ดูถูก พลังเจ้าหน้าท่กทม หรอกนะ

แต่ตอบได้เลย  ครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งที่มนุษย์ไม่สามรถเอาชนะธรรมชาติได้
  ผมว่าผมเห็นด้วยนะ ยังไงซะ น้ำมันเยอะมากจริงๆ ต้องรีบปล่อย ออกให้เร็วๆ ไม่ใช่มาขัง อันเก่า ไม่หมด อันใหม่ก็มา เรื่อยๆผมว่ายิ่งกั้นยิ่งแย่ นะ
สมมุติยอม ปิดกรุงเทพ สัก2-3 วัน แล้ววางแผนการระบาย ให้เร็ว เร่งดันให้มันออก ยอมเสียหายสักหน่อย วางแผนรับมือดีๆ
...อาจเสียหายอาจ พอสมควร แต่ผมว่ายังดีกว่า ปล่อยไว้แบบนี้ มันยิ่งแต่ เพิ่มความเสียหาย ให้มากขึ้นไปอีกแล้วอีกเมื่อไหร่ นานเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ น้ำถึงจะออก เพราะ คิดแต่กั้นอย่างเดียว ทางปล่อยยังไม่มี...

ออฟไลน์ pongrsu

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 101
มีคนเสนอความคิดว่า ไม่ต้องไปกั้นอะไร กทม.หรอกนอกจากกั้น

แค่คลองชลประทาน กับ รถไฟฟ้าใต้ดินรวมถึงสถานที่สำคัญก็พอแล้วก็ให้มันไหลลงมาแล้วก็ไปลงอ่าวไทยเลยดีกว่าไม

ไม่งั้นประชาชนโดยรอบก็โดนท่วมแต่ที่สำคัญนำ้ท่วมขังนานมากๆ ยอมแปปเดียวแล้วนำ้ลงไปทั้งหมดเลย ยอมแปปเดียวดีกว่าท่วมขังกันยาวๆ

ผมบ้านก็อยู่้กทม. งานก็อยู่กทม.เข้าใจว่ามันก็เป็นเมืองเศรษฐกิจ แต่บ้างครั้งเราก็คิดว่ายังไงกทม. ก็ต้องโดนแล้วก็อาจจะไม่ได้นำ้ลดลงโดยเร็ว

 แต่สิ่งที่ผมอ่านเจอแง่คิดมันก็คงได้แต่คิด(แนวคิดนี้คล้ายๆในหนังLondon Floodมั้งครับจำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้เหมือนกันแต่เคยดู)

 แต่ผมว่าเอาจริงๆคนก็ไม่อยากให้บ้านตัวเองท่วมหรอก....ยังไงตอนนี้มันก็คงเป็นแค่แง่คิดหละครับ  

เห็นด้วยเลยครับ บ้านผมอยู่ อำเภอเมืองนครนายก ปีนี้ ท่วมมา3ครั้งแร้ว  แต่ผมทำงานอยู่ กทม.
ผมมองว่า การที่จะรักษา กทม. ไม่ให้ท่วม เพื่อ
1.เป็นการรักษาเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่
2.เป็นการรักษาความเชื่อมั่น ของนักลงทุน
ผมว่ามันออกจะเป็นแนวคิดที่เห็นแก่ตัว ที่ว่า ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้กรุงเืทพน้ำท่วม แต่ จ. อื่นๆ จะเป็นอย่างไร ช่างมันก่อน
เด๋วค่อยหาคนไปแพ็คของ ทหารเอากระสอบทรายไปให้ ผมเกรงว่า ปีนี้จะได้เป็นปีสุดท้ายที่น้ำจะท่วม เขตรอบกรุงเทพ
เพราะปีหน้า ถ้าเกิดอย่างงี้อีก ชาวบ้าน คงได้เอาระเบิดไประเบิดประตูระบายน้ำ
หรือไม่ ก็รื้อแนวคันกั้นน้ำ
ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย 1 คนมีสิทธ เท่าเทียมกัน
จริงอยู่ที่ย่อมต้องมีการเสียสละบ้าง แต่ คนๆนึงๆ หรือกลุ่มคนกลุ่มนึง
ถ้าต้องเสียสละ จนตัวตาย วอดวายไปข้าง ก็คงไม่มีใครอยากจะเสียสละ


ออฟไลน์ Satanic za'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,072
จริงๆผมว่า น่าจะปล่อยน้ำให้ไหลออกไปทางเจ้าพระยา ทางกรุงเทพนั่นแหละ

ชาวบ้านที่เค้าโดนน้ำท่วมกันในตอนบน น่าสงสารกว่าเราเยอะ เพราะน้ำมันมาเร็วมาก และมาเยอะด้วย ไม่ต้องคิดเลยว่าจะขนของไปไหร แค่เอาชีวิตรอดก็บุญแล้ว

แต่กทมเราถูกปกป้องมาเป็นเดือนๆ น่าจะเตรียมการ อย่างน้อยก็เอากระสอบกั้นสถานที่สำคัญๆ กั้นบ้าน ย้ายรถขึ้นที่สูง แล้วปล่อยให้มันเข้ามาเลยดีกว่า ผมสงสารชาวบ้านมากๆ ไม่รุ้เค้าจะต้องรับกรรมกันอีกเท่าไหร่

และผมเชื่อว่า หลังจากนี้ คงมีคนต่างจังหวัดมาหางานทำมาตั้งรกรากใน กทม อีกมาก คนที่ทำการเกษตรพืชไร่เขาตายหมดแล้วเขาจะเอาอะไรกิน ทุกๆอย่าง กทม ถูกปกป้องมาตลอด แล้วชีวิตคนกรุงอาจจะแออัดยัดเยียดมากกว่าเดิมอีก ก็คงจะไปว่าชาวต่างจังหวัดไม่ได้

ก่อนหน้านี้ ผมได้อ่านผลโหวตของชาว กทม 60 กว่าเปอร์เซนต์เขาก็สงสารชาวต่างจังหวัด เค้าก็ยอมให้ผันน้ำผ่านทาง กทม กันนะครับ ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพส่วนใหญ่ คงไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ทุกคนต่างสงสารชาวบ้านกันหมด

ปล บ้านผมก็อยู่ กทม นะ แต่ผมสงสารชาวบ้านภาคกลางจริงๆ ถ้าท่วมไม่นาน ผมก็ยอมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2011, 13:30:57 โดย Satanic za' »

ออฟไลน์ balliblue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
- ขอตอบอีกแนวครับ ออกตัวก่อนว่าบ้านไม่ได้อยู่ กทม บ้านอยู่ นครปฐมครับ สาเหตุที่ไม่ระบายน้ำทางนี้ เพราะเป็นพื้นที่สูงกว่า กทม และ จังหวัดอื่นๆ ระบายน้ำได้ยากครับ

ผมก็เห็นด้วย ที่พยายามจะรักษา กทม ไว้ จริงอยู่ว่า ถ้าระบายผ่าน กทม ตามลักษณะภูมิประเทศแล้วจะเร็วและน้ำไปได้ครับ แต่ ถ้าสมมติว่า น้ำท่วม กทม 2 เมตรรวมพื้นที่ชั้นในด้วย จะำเกิดอะไร?

1  ระบบขนส่งของประเทศทางบกของประเทศในภาคกลาง ทั้งหมดจะถูกตัดขาดทันที
2 การลำเลียงสะเบียง และทางการเเพทย์ทั้งหมด จะลำบากมาก แน่นอนว่าคนกรุงเทพจะไม่บริจาคอะไรอีกทั้งสินเพราะต้องเก็บไว้ใช้
3. สถานทีราชการ การสั่งการเพื่อแก้ไขจะยาก การติดต่อสื่อสาร การให้ข่าวแก่พื้นที่รอบๆ จะลำบากแน่นอน
4. ไม่ีมีทรัพยากรเีพียงพอจะป้องกันการท่วมสถานที่สำคัญและบ้านเรือนประชาชนเนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ มีประชากรหนาแน่น ประมาณ 10 ล้านคน
ไม่มีท้องทุ่งรับน้ำ
5. ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะสูงมาก รวมทั้งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศด้วย

ที่คิดได้ก็มีเพียงเท่านี้ครับ  
  

ออฟไลน์ PapaRo@ch~*

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

เมื่อมันเกิดแล้ว ต้องหาทางที่เสียหายน้อยที่สุดครับ

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าเลือกระบายน้ำไปทางฉะเชิงเทราเพื่อรักษากรุงเทพ

งานนี้ไม่ใช่เรื่องความเห็นแก่ตัวหรอกครับ อยากให้มองภาพให้กว้าง เปิดใจให้กว้างนะครับ

ออฟไลน์ LaTeX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 973
ผมว่ากรุงเทพก็เหมือนสมองหรือหัวใจ ที่ต้องรักษาให้ถึงที่สุด จะเสียหายก็ต้องให้น้อยที่สุด
มาถึงจุดนี้ต้องมองผลประโยชน์ด้านกว้างมากกว่าตัดสินด้วยอารมณ์อย่างเดียวแล้วครับ

เมื่อวานตามข่าวที่ปทุมที่น้ำท่วมอีกฝั่งถนนแต่ชาวบ้านไม่ยอมให้กั้นทำนบใหม่ สุดท้ายก็ท่วมด้วยกันทั้งสองฝั่ง
แล้วก็อีกหลายกรณีที่มีการไม่ยอมให้กั้นหรือแอบทำลายแนวกั้นทิ้ง ทำให้การจัดการแนวป้องกันเป็นไปอย่างลำบาก

เรื่องแบบนี้ต้องมองกว้างๆครับ การจัดการน้ำต้องมองแบบมหภาคถ้าทางการเขาออกมาจัดการแล้วควรจะช่วยเหลือสนับสนุนมากกว่าจะมาขัดแข้งขากัน


ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ในฐานะคนที่บ้านเคยเจอน้ำท่วมมาหลายต่อหลายครั้ง
ผมเข้าใจความรู้สึกของหลายๆคนที่กำลังเจอน้ำท่วมตอนนี้

ไม่มีใครอยากโดนท่วมหรอกครับ

สำหรับ กทม ยังไงก็ท่วมแน่ แต่จะต้องเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพราะถ้าการคมนาคมจากศูนย์กลางถูกตัดขาด ปัญหาคือ แล้วใครจะช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยในเขตเดือดร้อนตอนนี้กันละ?
มันจะกลายเป็นว่า ทุกฝ่าย อยู่ในน้ำเหมือนกัน ประสบชะตากรรมเดียวกัน แต่ก็ไร้ซึ่งทางออกเหมือนกัน

สุดท้าย ไม่ใช่แค่คุณผู้เดือดร้อนที่พัง แต่ประเทศก็แทบจะพังกันไปด้วย

บ้านผม เคยเสียสละ ให้น้ำเข้ามาท่วมในหมู่บ้านมาแล้วรอบนึง
เข้าใจดีว่า ตอนนั้น ทางการแทบไม่มาช่วยเหลือดูแลอะไรเลย
แต่ ถุงยังชีพพระราชทานหนะ มาก่อนใครเพื่อนเลย และมาแทบจะในทันที
ที่น้ำเข้าท่วม วันรุ่งขึ้น ถึงก็มาแล้ว

แต่ของสมุทรปราการเหรอ กว่าจะมา โน่น น้ำลงไปแล้ว เอาถุงยังชีพมาให้ทำห่าเหวอะไรกัน?

มาวันนี้ผมก็อยากจะบอกว่า ขอบคุณ กับชุมชนจำนวนมาก ที่ช่วยเสียสละ
ลดความแรงของกระแสน้ำ ก่อนที่มันจะมาถึงบ้านผม (ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าอาจจะท่วมอยู่ดีเหมือนเดิมนั่นละ)

เราทุกคนได้รับผลกระทบกันทุกหย่อมหญ้า ไม่ใช่ว่า อยู่กันสบายแต่อย่างใด

ขออนุญาตยกตัวอย่างน้องในทีม The Coup ของเรา

น้องกล้วย BnN กับคุณ Fiat ไปเป็นอาสาสมัคร Call Center ที่ ศปภ. มาหลายวันแล้ว
เราหลายๆคน ก็มีบริจาคผานทางองค์กรการกุศลอื่นๆ ผ่านบัญชีที่เปิดรับบริจาคกันอยู่
คนในกรุงตอนนี้ ก็เห็นใจ และพยายามจะช่วยผู้ประสบภัยในต่างจังหวัดกันเท่าที่มีกำลังจะทำได้

ล่าสุด แม้แต่กลุ่ม Bangkok SuperCar เอง ก็กำลังจะจัดกิจกรรมการกุศล รับบริจาคข้าวของ
ไปช่วยน้ำท่วม เห็นว่าเพิ่งประกาศลง Facebook กันอยู่ ดารานักร้องนักแสดงจำนวนมาก
ก็ลงพื้นที่กันไปตั้งแต่เริ่มเกิดเรื่องกันแล้ว

กลุ่มพนักงานของบริษัทรถยนต์ทั้งหลาย แต่ละค่ายแต่ละยี่ห้อ เขาก็ระดมเงิน และข้าวของ
ไปบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยกันอย่างต่อเนื่อง Mitsubishi ก็ทำกันอยู่

แม้แต่ Honda ที่โรงงานโรจนะน้ำท่วมหนัก
ก็ยังมีพนักงานจำนวนไม่น้อย ที่เสียสละ เอาของไปบริจาคช่วยเหลือกันอยู่

ทุกคน เขาพยายามทำเพื่อพวกคุณกันอย่างเต็มที่


ดังนั้น ไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องกลุ้มใจ ว่าทำไมต้องปล่อยให้กรุงเทพสบาย เพราะคนกรุงเทพ
ไม่ได้อยู่กันอย่างสบาย ตรงกันข้าม กลับทุกข์ร้อนใจ ไม่แพ้คุณทั้งหลายกันหรอกครับ

ดังนั้น เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่เราจะมานั่งเห็นแก่ตัวกัน มานั่งคิดว่า ใครเป็นพวกใคร หรือคิดจะช่วยแค่พวกเดียวกัน

เลิกคิดเห็นและมองโลกในแง่ร้ายกันเสียที แล้วมาช่วยกันทำเท่าที่แต่ละคนจะมีกำลังทำได้กันเถอะ!

เพื่อที่พวกเราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยเร็ว และด้วยดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2011, 13:59:22 โดย J!MMY »

ออฟไลน์ biancocelesti

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
เรียนทุกท่านครับ

ผมไม่เห็นด้วยนะครับผม ที่จะปล่อยให้น้ำท่วมกรุงเทพเพราะว่าจะได้ทำให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ในตอนบนของประเทศบรรเทาลง
เพราะหากปล่อยให้น้ำท่วมกรุงเทพแบบเต็มใจแล้ว จะเกิดผลเสียที่ยิ่งใหญ่กับประเทศอย่างไม่ต้องพูดถึง เช่น

1.   เศรษฐกิจ คือ ศูนย์กลางและหัวใจหลักของประเทศ สำนักงานใหญ่ต่าง ต้องเป็นอัมพาต ทุกอย่างหยุดหมด โดนตัดน้ำ ตัดไฟ การฟื้นตัวจะเกิดขึ้นได้ ต้องใช้เวลานานมากเลยนะครับ ถ้าทุกอย่างที่กรุงเทพหยุดลง ประเทศเรา พังนะครับ ไม่ต้องนับถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนอะไรต่างๆเลยครับ แค่ เศรษฐกิจ ในประเทศที่พยายามแก้ปัญหาให้ทุกอย่างดีขึ้น จะพังทลายหมดเลย

2.   การคมนาคม การสื่อสาร ประเทศไทยจะเหมือนโดนตัดขาดออกจากกัน ตอนนี้ที่ไปช่วยเหลือชาวบ้านต่างๆเนี่ย คนก็มาจากกรุงเทพนพครับผม ถ้าคนกรุงเทยต้องช่วยตัวเอง แล้วใครจะไปช่วยคนต่างจังหวัดครับ ทุกอย่างจะยิ่งแย่ลงในทันทีเลยนะครับผม การเดินทางของคนไม่ต้องพูดถึง อัมพาตแน่นอน คนกรุงเทพก็จะไม่มีอะไรกิน คนต่างจังหวัดก็ไม่มีกินเหมือนกัน

ออฟไลน์ 911turbo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 288
กลัวว่าปล่อยท่วม มันจะไม่ใช่ 3 วันนะสิครับ
ห่วยๆก็สองเดือน  กว่าน้ำจากพิจิตรที่มันยังท่วมอยู่จะค่อยๆไหลมาๆ น้ำเดิมๆจากทั้งนครสวรรค์ อยุธยา อีกเพียบ

ถ้าท่วม กรุงเทพ 2 เดือนเนี่ยนะ รับรอง.......เละ

ออฟไลน์ kaiparotra

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 121
ตอนนี้ประเทศไทยเหมือนเป็นมะเร็งครึ่งท่อน  เราจะปล่อยให้ครึ่งท่อนที่ว่ามันติดเชื้อ
อยู่อย่างนั้นรอวันเน่า  แล้วตัดทิ้ง  หรือว่าจะทำครีโมให้ยาแรง  จนร่างกายโดยรวมมัน
ชา หัวโก๋นผมร่วง หมดสวย  เพื่อรอรับวันใหม่ด้วยร่างกายสดใสไร้โรคาต่อไป

ออฟไลน์ zekoza11

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 297
น้ำท่วมกรุงเทพได้เนี้ย แทบจะประเมินความเสียหายกันไม่ได้เลย
ถ้าคิดอะไรกันไม่ออกแบบ win win กันทุกฝ่าย อย่างไง ก็ต้องเลือกในสิ่งที่สูญเสียน้อยที่สุดละครับ

ส่วนใครที่ถูก save ไว้ก็ต้องช่วยเหลือส่งสะเบียงกันต่อไป

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ที่โพสกันอยู่นี้ก็คนกรุงเทพ-ปริมณฑลกันนิครับ

สำหรับผม ที่ผมเห็นคือกรุงเทพมีสนามบิน มีรัฐสภา สำนักงานกระทรวงต่างๆที่ควรป้องกัน
แต่...นอกนั้นละ ห้างสรรพสินค้าเอย Head office ทั้งหลายแหล่ที่สูงหลาย 10 ชั้น
ตรงนี้ผมว่าเขาน่าจะมีมาตรการป้องกันไว้อยู่แล้วละ เพราะถึงยังให้น้ำมันอ้อมกรุงเทพไป มันก็วกเข้ามาในคลองต่างๆซึ่งมีพาดผ่านไปทั้ว กทม. อยู่แล้ว ก็ท่วมเหมือนกันแหละครับ น้ำก็ไปได้ช้าด้วยเพราะต้องอ้อมไป

แล้วถึง Head office จะอยู่ แต่โรงงานท่วมแหลกลานจะทำงานยังไงครับ ? ยื้อไปได้เต็มที่ก็ไม่กี่วัน


แล้วไหนจะพายุลูกต่อไป (23W) อีก แสดงว่าเรามีเวลาระบายน้ำลงทะเลอีกไม่กี่วันนะครับ อาจจะ 5-6 วันแค่นั้น ซึ่งจะพอให้น้ำมันอ้อมไป ท่วมไปเรื่อยๆเรียงๆ ค่อยๆไปใจเย็นๆ ได้หรือเปล่าละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2011, 14:37:20 โดย Codename - H »
H.

ออฟไลน์ [J]e[w]

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,375
แล้วลาดกระบังจะรับปริญญาได้ไหมนี่
Don't waste time grieving over past mistakes, learn from them and move on!

ออฟไลน์ gttle

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 222
    • อีเมล์
เห็นใจทั้งคนที่โดนท่วมและคนกรุงเทพ เราคงต้องจัดการบริหารน้ำกันใหม่แล้วมั้งครับพวกกำแพงกั้นน้ำมันก็เท่ากับบังคับทางน้ำไปด้วยไม่มีทางออกพอมาทีเดียวเยอะมันก็มีปัญหา

ถ้ากรุงเทพท่วมแล้วมันต้องเสียหายเยอะมากๆก็ป้องกันได้ครับแต่ผมอยากให้มีการเก็บภาษีคนที่อยู่ในกรุงเทพเพิ่มครับเพื่อเอาไปช่วยรอบนอกครับเป็นภาษีป้องกันอุทกภัยอะไรก็ว่ากันไปอย่างน้อยจะได้ช่วยคนที่โดนน้ำท่วมเสียหายเยอะได้มากกว่านี้..ถือเป็นหน้าที่ๆต้องจ่ายกันไปเลย

เพราะผมเห็นท่วมรอบๆทุกปีมีแต่จะมากน้อยก็น่าจะมีภาษีส่วนนี้ไว้เลยจะได้เอาไปช่วยคนที่เดือดร้อนมากๆ จากการถูกน้ำท่วมครับงบ รัฐอย่างเดียวถ้าเสียหายเยอะอย่างปีนี้ยังไงก็ไม่พอครับ

ออฟไลน์ kaiparotra

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 121
เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เกลี่ยน้ำมาตะวันออก  แต่จะไม่เห็นด้วยเลยถ้าจะผันมันมาทั้งหมด
อย่าคิดว่าเขตเศรษฐกิจเมืองมันสำคัญจนแตะไม่ได้  ถ้าน้ำมาตะวันออกมากเกินไป
โรงงานและนาข้าวแปดริ้วไม่ใช่น้อยนะ  เลยไปริมบางประกงกับพานทองยังมี มอเตอร์
เวย์และนิคมอมตะนครอีก  แต่ยังดีที่ใกล้ทะเล  นี่ยังต้องรวมกับน้ำทีระบายจากเขื่อน
สียัดที่มีคลองส่งมาทีอมตะอีก  ถ้าน้ำท่วมถนนสุวินทวงษ์ มอเตอร์เวย์ บายพาสชลบุรี
ทีนี้ละอย่าว่าแต่แสนล้านเลย  มันกระทบยัน ท่าเรือแหลมฉบัง อิสเทรินซีบอร์ด เหมราช
ปลวกแดง จนถึงมาบตาพุฒโน่นเลย นับมูลค่าเสียหายไม่ถูกละทีนี้

ในฐานะคนที่อยู่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ถึงจะไม่ได้อยู่ในเขตน้ำท่วมในรูปแต่ก็คาดว่าน่าจะโดนแน่นอนเพราะบ้านผมติดคลองที่ระบายจากอ่างสียัดลงแม่น้ำ

แต่ผมคิดว่าถึงท่วมยังไงก็ไม่เท่าที่อยุธยาแน่ เห็นในเมืองก็เริ่มก่อกำแพงกั้นกันแล้วชาวบ้านก็เก็บของขึ้นชั้นสองกันหมดแล้ว ส่วนโรงพยาบาลก็ย้ายคนขึ้นชั้นบนแล้ว

เฮ้ย Toyota บ้านโพธิ์ + โรงงาน Isuzu แปลงยาว + นิคม Gate Way ( รวม Toyota Gate Way ด้วย )
ถ้าน้ำมาตามรูปGate Way กับ Isuzuหนะ ผมว่ารอดเพราะอยู่ไกลแม่น้ำและอยู่สูง แต่ Toyota บ้านโพธิ์ นี่สิเต็มๆ

ออฟไลน์ gttle

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 222
    • อีเมล์
เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เกลี่ยน้ำมาตะวันออก  แต่จะไม่เห็นด้วยเลยถ้าจะผันมันมาทั้งหมด
อย่าคิดว่าเขตเศรษฐกิจเมืองมันสำคัญจนแตะไม่ได้  ถ้าน้ำมาตะวันออกมากเกินไป
โรงงานและนาข้าวแปดริ้วไม่ใช่น้อยนะ  เลยไปริมบางประกงกับพานทองยังมี มอเตอร์
เวย์และนิคมอมตะนครอีก  แต่ยังดีที่ใกล้ทะเล  นี่ยังต้องรวมกับน้ำทีระบายจากเขื่อน
สียัดที่มีคลองส่งมาทีอมตะอีก  ถ้าน้ำท่วมถนนสุวินทวงษ์ มอเตอร์เวย์ บายพาสชลบุรี
ทีนี้ละอย่าว่าแต่แสนล้านเลย  มันกระทบยัน ท่าเรือแหลมฉบัง อิสเทรินซีบอร์ด เหมราช
ปลวกแดง จนถึงมาบตาพุฒโน่นเลย นับมูลค่าเสียหายไม่ถูกละทีนี้

ค่อนข้างเห็นด้วยครับ คงต้องเทียบว่าถ้าให้ผ่านกรุงเทพกับผันไปทางตะวันออกอันไหนจะเสียหายน้อยกว่ากัน

ออฟไลน์ biancocelesti

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
ยาวหน่อยนะครับ รบกวนอ่านกันนิดนึง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องครับผม

จาก : http://www.suthichaiyoon.com/detail/16765

ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองถึงสถานการณ์อุทกภัยที่กำลังรุมเร้าพื้นที่ลุ่มภาคกลางอย่างหนัก และดูเหมือนความรุนแรงจะคืบคลานใกล้เข้ามายังเมืองหลวงมากขึ้นทุกขณะ ล่าสุดสถานการณ์น้ำเริ่มทะลักเข้ามายังเขตปริมณฑลอย่างปทุมธานี นนทบุรีแล้ว
            แต่ดูเหมือนว่าระดับผู้ปฏิบัติที่คร่ำหวอดอยู่กับการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานครจะมีความมั่นอกมั่นใจเต็มร้อยว่าสามารถรักษาพื้นที่กรุงเทพมหานครให้รอดพ้นจากภัยน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ไปได้ สวนทางกับผู้บริหารบ้านเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลที่ยังออกอาการก้ำกึ่งว่าจะรับมือไหวหรือไม่เพียงใด
          "ณรงค์  จิรสรรพคุณากร"  ผู้อำนวยการกองสารสนเทศระบายน้ำ สำนักระบายน้ำ กทม. เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวเนชั่น ถึงสถานการณ์การรับมือของกทม.ชนิดยืนยัน นั่งยันว่า กทม.น้ำไม่ท่วมร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงขนาดกล้าเอาหัวเป็นประกัน
 
# สถานการณ์ของบกทม.ขณะนี้เป็นอย่างไร ?
            เราอยู่ได้เพราะคันกั้นน้ำที่พัฒนามาไม่ต่ำว่า 20 ปี  ความจริงแล้วในกทม.ไม่มีจุดไหนที่สูงกว่าน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหรือระดับน้ำทะเลปานกลางเลย ถ้าเราไม่มีคันกั้น น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะเข้ามา แต่เมื่อมีคันกั้นน้ำจึงไม่ท่วม  อย่าง ถ.สุขุมวิท ก็อยู่ระดับเดียวกับแม่น้ำเจ้าพระยา รามคำแหงน้ำก็สูงกว่าระดับถนน 30 ซม.  ถ.เพชรบุรีน้ำสูงกว่า 8 ซม.  ถ.ศรีอยุธยาน้ำสูงกว่า  6 ซม. ถ.ราชดำเนินน้ำสูงกว่า  78 ซม. ถ.อรุณอมรินทร์ น้ำสูงกว่า 1.60 ซม. ถ.จรัลสนิทวงศ์น้ำสูงกว่า 1.27 ซม. แต่กทม.โดยได้สร้างแนวคันกั้นน้ำล้อมเมืองไม่ให้น้ำเข้า ความยาว 77 กม.  ขณะนี้เสร็จไปแล้ว 75.8 กม.  เหลืออีก  1.2  กม. ที่ยังก่อสร้างยังไม่เสร็จ
            ส่วนแผนป้องกันน้ำท่วมจะแบ่ง กทม.ออกเป็นสี่ส่วน  1.ฝั่งธนบุรี  2.ฝั่ง กทม. ภายในคันกั้นน้ำ ตามพระราชดำริ  3.นอกคันกั้นน้ำตามพระราชดำริแถวมีนบุรี หนองจอก คลองสามวา ลาดกระบัง แต่พื้นที่บริเวณนั้นได้พัฒนาร่วมกับกรมชลประทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และ 4. คือตามแม่น้ำเจ้าพระยาคลองบางกอกน้อยคลองมหาสวัสดิ์
 
# หากน้ำมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเราจะกันอย่างไร ?
            เราก็มีเขื่อนอย่างที่เห็น  แต่ก็มีบางส่วนที่ฟันหลอเพราะถูกผู้รับเหมาทิ้งงาน  แถวท่าพระจันทร์ถึงท่าเตียน ท่าโรงโม่ เดิมประชาชนไม่ยอมให้สร้าง เราก็เลยทำทางเดินแทน เช่นตามข้างม.ธรรมศาสตร์เราก็ยกทางเดิน แต่ตอนนี้เราเจรจาก็น่าจะให้เราสร้างแล้ว  ส่วนที่ 1.2 กม.ที่เหลือแม้จะฟันหลอก็ไม่มีปัญหา เพราะเราใช้กระสอบทรายกั้น แล้ววิธีกั้นกระสอบทรายของเราไม่เหมือนที่อื่น เราวางกระสอบทรายเป็นรูปปิรามิด เพื่อให้ฐานมันกว้างยังไงก็ไม่มีวันล้มเพราะแรงดันน้ำ และเราจะมีเจ้าหน้าที่ประจำ  24 ชั่วโมง พร้อมกับสต็อกกระสอบทราย หากมีปัญหาจุดไหนเจ้าหน้าที่ก็มาแก้ปัญหาได้ทันที
 
# ส่วนที่เป็นฟันหลออยู่ช่วงไหน ?
            แถวราชวงศ์ ท่าน้่ำราชวงศ์ เพราะประชาชนไม่ยอมให้สร้างเลย  แต่ต่อมาก็ยอมและกำลังเจรจาก่อสร้าง โดยคาดว่าปีหน้าจะเสร็จหมด ตอนนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง
 
# บริเวณคลองบางกอกน้อย บางกอกใหญ่จะมีจุดเชื่อมและมีจุดปิดเปิดหรือไม่ ?
            บางกอกน้อยเราไม่ได้ปิด เพราะเป็นเส้นทางใหญ่ใช้สัญจร แต่คลองในพื้นที่เรามีประตูน้ำปิดกั้นหมด เรามีสถานีสูบน้ำคอยสูบน้ำออก โดยกทม.ฝั่งธนบุรี  กทม. ตอนใต้จากคลองบางนา สะพานแขวน พระราม 9  เราก็ทำคันกั้นน้ำสูง 2.50 ม. จากพระราม 9 ถึงซังฮี้ เราทำคันสูง 2.80 ม. จากซังฮี้ถึงพระราม 7 ทำคันสูง  3 เมตร  ถามว่าทำไมทำไม่เท่ากัน ก็เพราะพฤติกรรมของน้ำเวลาไหลจะมีความลาดเอียงตอนเหนือจะสูง ตอนใต้จะต่ำ เราสร้างคันล้อตามผิวน้ำที่เกิดขึ้นจริง  ส่วนคลองบางกอกน้อยและคลองมหาสวัสดิ์เราทำคันไว้สูง 3เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
 
# คาดว่าคันที่ทำไว้นั้นเพียงพอต่อการรับแรงดันของน้ำหรือไม่ ?
            เราคำนวนตามหลักวิศวกรรมศาสตร์ เราใช้ค่า 100 ปี โอกาสที่เกิดใน 100 ปี บวกค่าการทรุดตัวของแผ่นดิน ค่าความสูงของคลื่นน้ำ เราคำนวนไว้หมดแล้ว แต่ถามว่าในอนาคตจะพอไหม เราออกแบบไว้ตั้งแต่ 2538 เป็นปีที่น้ำท่วมใหญ่ เราจ้างวิศวกรที่ปรึกษาจากเนเธอร์แลนด์มาออกแบบ  ปีนั้นทางเหนือทั้งหมดระบบระบายน้ำยังไม่พัฒนามาก ถามว่าอนาคตจะเป็นยังไง ทุกจังหวัดต้องป้องกันตนเอง ในอนาคตแนวที่เราทำไว้ต้องปรับปรุง ปีนี้ต่างจังหวัดมีแนวกั้นน้ำที่ไม่ถาวรมันถึงพัง แต่ในอนาคตเขาต้องพัฒนาเหมือนเราแน่  ต้องสร้างถาวรเหมือนเราแน่ คันของเราเป็นเขื่อนถาวรคอนกรีตเสริมเหล็ก และลงเสาเข็มความลึกกว่า 25 เมตร ไม่ใช่แนวคันดินชั่วคราวเหมือนที่อื่น
 
# ถ้าทุกจังหวัดสร้างคันเหมือนกันหมดจะเกิดอะไรขึ้น ?
            เป็นปัญหาแน่ เราเคยรันโมเดลว่าถ้าจังหวัดเหนือเราทั้งหมดสร้างเขื่อนเหมือนเรายันจังหวัดชัยนาท น้ำในแม่น้ำจะเป็นอย่างไร หากปริมาณน้ำมามากเหมือน ปี 2538 และน้ำไม่แผ่ไปท่วมที่ไหน น้ำที่อ่างทองจะสูงกว่าเมื่อปี 38 ประมาณ 8 เมตร เพราะน้ำเข้าทุ่งไม่ได้ น้ำมันเยอะก็เลยยกตัวสูงขึ้น ถามว่าถึงตอนนั้นเป็นยังไง ตายกันหมด ถ้าทุกคนพัฒนา
 
# แล้วกรุงเทพฯจะสูงเท่าไหร่  หากอ่างทองมีน้ำสูง 8 เมตร ?
            ต้องสูงขึ้น  เราต้องเสริมอีกอย่างน้อย  1 เมตร  เพราะโดยธรรมชาติของน้ำจะลาดเอียง กทม.จะต่ำ ต่างจังหวัดจะสูง เราจะรับไม่เต็ม ต่างจังหวัดจะสูงกว่าเรา แต่พระองค์ท่านเล็งเห็นตรงนี้  ดำรัสผ่านคณะกรรมการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)  ตอนนี้เราประชุมทุกสัปดาห์เราทราบก็วางแผนกัน กรมชลประทานก็มีโครงการแก้มลิงตอนบน ตอนล่าง คลองผันน้ำเราศึกษาไว้หมด กรมชลประทานถึงเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบตั้งแต่ใต้จังหวัด ลำพูนหรือลำปาง   หลายแห่งได้เริ่มทำถ้าทุกคนพัฒนาเหมือนเราหมดริมแม่น้ำลงทุนมหาศาล  และกันน้ำท่วมอย่างเดียว แต่หากทำแก้มลิงกันได้ทั้งน้ำท่วม และน้ำในการเกษตรด้วย แต่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในการเอาคนออกไป
 
# วันนี้น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเพราะทุกคนต่างทำคันกั้นน้ำใช่หรือไม่ ?
            ต้องเข้าใจว่าทุกคนต้องป้องกันตนเอง สมมุติผมเป็นนายอำเภออยู่ ก็ต้องป้องกันอำเภอผม ผมเป็นผู้ว่าฯผมก็ต้องป้องกันจังหวัดผมเป็นของธรรมดา ผมไม่ทำชาวบ้านก็ด่าผม แต่ไม่ได้มองภาพรวมผ่านคณะกรรมการ กปร. ที่เรามีข้อมูลกองไว้ตรงนั้น ผมยังเสียใจที่ไม่ได้เอาข้อมูลตรงนี้มาใช้ ซึ่งพระองค์ท่านเห็นเรื่องนี้มาตั้งนานทำไมไม่เอามาใช้
 
# กทม.ก็บล็อกน้ำของตัวเองเหมือนกัน ?
            เราป้องกันพื้นที่ เราไม่ได้ปิดแม่น้ำเจ้าพระยา เราไม่ได้ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาแคบลง เราไม่ได้ถมน้ำให้ตื้น หรือให้น้ำผ่านน้อย ไม่ใช่ หากเราสร้างเขื่อนเราก็ขุดแม่น้ำในส่วนที่สร้าง ให้ลึกขึ้น เราไม่ได้ปิดเลย ตอนนี้ต่างจังหวัดที่ท่วมเราก็ช่วย อย่างฝั่งธนบุรี เราก็เปิดประตูน้ำที่ทวีวัฒนา
 
# รับน้ำจากที่ไหนเข้าคลองทวีวัฒนา ?
            คลองทวีวัฒนาจะเชื่อมกับประตูระบายน้ำที่บางเลน  บริเวณคลองบางหลวง ซึ่งเป็นคลองใหญ่ น้ำตอนนี้ลามทุ่งมาหมดแล้ว  แล้วมาถึงคลองมหาสวัสดิ์ที่เป็นชายแดนของเรา ในพื้นที่เรา เราก็ทำประตูระบายน้ำปิด และมีสถานีสูบน้ำเพื่อไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่ เราไม่ได้สูบออก แต่เราสูบเข้าแก้มลิงสนามไชย เราช่วย จ.นนทบุรี เราปล่อยน้ำเข้ามาไม่ให้พื้นที่เราท่วม เราใช้แก้มลิงตรงนี้
            ส่วนหนึ่งก็ไหลออกไปทางท่าจีน ส่วนหนึ่งก็ออกคลองบางกอกน้อยลงแม่น้ำเจ้าพระยา เราไม่ได้ไปปิดคลองมหาสวัสดิ์ เราปิดคลองซอย  น้ำจากจังหวัดนนทบุรีก็มาเชื่อมที่คลองมหาสวัสดิ์ได้ ส่วนที่ออกท่าจีนก็มีประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำของกรมชลประทาน
 
# ได้มีการประสานงานกับกรมชลประทานอย่างไร ?
            ตอนนี้กับกรมชลฯ เราเชื่อมข้อมูลถึงกันโดยวางเคเบิลใยแก้ว ข้อมูลถึงกันหมด เราจะประสานงานค่อนข้างตรง โดยมีหน่วยงานที่เชื่อมข้อมูลถึงกัน คือ กทม. ชลประทาน กรมอุทกศาสตร์ กรมอุตุนิยมวิทยา และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต  ข้อมูลของแต่ละฝ่ายสามารถเข้าไปดูได้ ยกหูคุยกันได้
 
# แก้มลิมสนามไชยจะรับน้ำจากที่ไหนบ้าง ?
            ใช้คลองซอย คลองพระยาราชมนตรี คลองสนามไชย แก้มลิงนี้ใช้ประโยชน์สองจังหวัด คือ กทม. และสมุทรสาคร  ซึ่งกรมชลประทานกับเราร่วมกันพัฒนาตามโครงการพระราชดำริ
 
# กทม.ฝั่งตะวันตกมองทั้งระบบที่มี ปลอดภัยแค่ไหน ?
            ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ถ้าประชาชนจากนนทบุรีไม่มาพังประตูน้ำเราซึ่งเคยเกิดเมื่อปี 2549 มีการถือมีดถือขวาน เจ้าหน้าที่เราเห็นก็ปิดตู้ควบคุมแล้วโดดน้ำหนี มาถึงเขาก็ทุบตู้คอนโทรล สับสวิตช์ให้ประตูเปิด
            ส่วนที่เสริมกระสอบทรายคือบริเวณคลองทวีวัฒนา เราร่วมกับกองทัพเรือ ไปปิดน้ำที่จะตลบด้านข้างจากนครปฐม  แต่เราก็ปิดเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีคลองทวีวัฒนา และใช้ถนนพุทธมณฑลสาย 4 เป็นคันกั้นน้ำ
 
# ขณะนี้คลองทวีวัฒนาน้ำล้นแล้วจะมีปัญหาหรือไม่ ?
            ล้นเพราะเราปล่อยเข้ามา ตอนนี้เราช่วย จ.นนทบุรี เราปล่อยผ่านคลองมหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา วันละ 3 ล้านลบ.ม. และใช้แก้มลิงสูบออก ที่น้ำปริ่มๆเพราะเราช่วย จ.นนทบุรี เปิดน้ำเข้ามา
 
# คันกั้นน้ำถาวรของ กทม. รับแรงปะทะได้ขนาดไหนถ้ามีมวลน้ำขนาดใหญ่มา ?
            เขื่อนของเราไม่ได้ขวางทางน้ำ เราสร้างตามลำน้ำ แรงปะทะของเราจะไม่มี  เราไม่ได้กั้นแม่น้ำ เรากั้นตามยาว เราไม่ได้สร้างขวาง แต่สร้างตามแรงไหลของน้ำ
 
# หากมีชาวบ้านจากนนทบุรีมาพังจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ?
            เรามีแผนสอง หากเลยคลองมหาสวัสดิ์ ตัดเข้ามาสักร้อยเมตร เรามีถนนศาลาธรรมสพณ์ที่ยกระดับอยู่อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจะเป็นคันกั้นของเรา
 
# มวลน้ำที่จะลงมากทม.จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
            เราตามน้ำมาตั้งแต่แต่นครสวรรค์ ตอนนี้ปริมาณน้ำนิ่งหมดแล้ว หมายความว่าน้ำที่ท่วมขังตอนนี้จะมีกระเพื่อมเล็กน้อย จะไม่พรวดพราด ลุ่มน้ำปิงลด แม่น้ำวังลด แม่น้ำน่านคงที่ น้ำยมก็คงที่ หากระดับจะสูงขึ้นก็เป็นแค่การกระเพื่อม
 
# หากน้ำจากเขื่อนภูมิพลและจากอยุธยาเข้ามาเพิ่มจะมีปัญหามั้ย ?
            ก็เท่านี้ จะไม่เพิ่มขึ้นกว่านี้ เขื่อนภูมิพลเราคาดการณ์ว่าจะปล่อยเป็น 100 ล้านลูกบาศก์เมตร กรมชลประทานก็รันโมเดลว่าลุ่มน้ำปิงกับวัง หากปล่อยอย่างนี้จะเป็นอย่างไร จากโมเดลนี้ที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ แม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้น 60 ซม .แต่จากการวัดพบว่าหลังจากที่ปล่อยออกมาแล้ว น้ำกลับไม่ได้สูงขึ้นแต่ยังลดลง แสดงว่าน้ำที่ปล่อยมาก็แผ่ตามทุ่งไปหมด บริเวณ จ.ตาก ไม่ลงแม่น้ำเจ้าพระยา  นี่ไม่ใช่การคำนวน แต่มาจากการวัดจริง
            น้ำที่กองอยู่ไม่ได้เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาเพิ่มในอัตราที่น้อยมาก แต่ที่คันกั้นน้ำพังเพราะเป็นคันดินชั่วคราว  หากมีน้ำซึมนิดเดียวก็ธรรมชาติน้ำก็เซาะดินไปเรื่อยๆ จากประสบการณ์ที่เราผ่านมาเป็นอย่างนี้
 
# ขณะนี้เริ่มมีข่าวเขื่อนกั้นน้ำโดยรอบ กทม. เริ่มพัง ?
            คงไม่ส่งผลกระทบมาก  เพราะวันนี้ระดับน้้ำลดลง  ต้องเข้าใจว่าตอนนี้นำมาถึงกทม.แล้ว  อย่าง นวนคร หรือธรรมศาสตร์ น้ำก็มาถึงแล้ว เพียงแต่มีคันล้อมไว้ ถ้าไม่ตรวจตราน้ำก็จะพังเข้ามา
 
# แล้วฝั่ง กทม.จะเป็นอย่างไร ?
            เราใช้แนวถนนต่างๆปิดกั้น แต่ที่เป็นห่วงคือตอนเหนือ เพราะปทุมธานียังไม่พัฒนา ยกตัวอย่างคลองเปรมประชากรที่เชื่อมคลองรังสิต  แต่ตอนนี้เราเริ่มจับมือกันทำแล้ว อย่างบริเวณคลองหลักหกที่มีการขุดลอกทำเขื่อนมีประตูถาวร ตอนนี้เรารุมที่หลักหกมาสองวัน เอาคนเข้าไป เอากระสอบทรายเข้าไป แต่ว่าประชาชนก็ต่อต้านมาก  ทั้งเราทั้งทหารก็อยู่ตรงนั้น  แต่กรมชลประทานกลัวคลองรังสิตที่รับน้ำจากคลองแนวดิ่งลงที่คลองรังสิตและมาลงเจ้าพระยา ที่นายกฯได้เตรียมกระสอบทรายตั้งแต่คลอง1-16 ซึ่งกำลังรุมทำกันอยู่
            อย่างไรก็ตาม ถ้าน้ำเข้ามาตามคลองเราก็มีประตูปิดหมดแล้ว นอกจากนี้เรามี ถ.ร่มเกล้า และ ถ.นิมิตรใหม่ เป็นคันกั้นน้ำ  นี่เป็นรับสั่งของในหลวงในการทำ  เหมือนที่เรายก ถ.ศาลาธรรมสพณ์ เป็นคันกั้นน้ำ
 
# กทม. ฝั่งตะวันออกจะป้องกันอย่างไร เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำโดยตรง ?
            ที่ผ่านมาเราพัฒนากับกรมชลประทาน  ที่คลองสามวาเราทำสถานีสูบน้ำสูบได้  36 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สถานีสูบน้ำคลองแสนแสบ 60  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  คลองประเวศบุรีรมย์  60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  เพื่อสูบน้ำมาทางตะวันตก นอกจากนี้น้ำส่วนหนึ่งจะไปที่แม่น้ำบางปะกง ซึ่งจะมีสถานีสูบน้ำเช่นกัน   แต่โดยธรรมชาติของน้ำส่วนใหญ่จะลงใต้ เราก็ใช้คลองแนวดิ่งเช่น คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต คลองบางโฉลง คลองจระเข้ใหญ่ ซึ่งน้ำจะไม่ไหลผ่าน กทม.  และกรมชลประทานยังทำคลองด่วน 100 คิว ที่จะระบายน้ำจากสนามบินสุวรรณภูมิ และมีสถานีสูบน้ำริมอ่าวไทย  มีประสิทธิภาพสูบน้ำ  100 ลบ.ม. /วินาที
 
# แต่ฝั่งตะวันออก ไม่มีคันกั้นน้ำ ?
            ขณะนี้เราปิดหมดแล้ว 4 เขตที่มีปัญหา เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปิดประตูน้ำที่พระยาสุเรนทร์ น้ำก็เลยทะลุเข้ามา แต่ตอนนี้เราก็เปิดประตูน้ำเพื่อช่วย จ.ปทุมธานี ปล่อยผ่านคลองแสนแสบ และใช้อุโมงค์น้ำสูบออก เราปล่อยวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรในวันที่มีฝน และ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรวันที่ไม่มีฝน น้ำจึงไปขังในบางจุดที่ต่ำ แต่ก็จะท่วมประมาณ 50 ซม. บริเวณริมคลองต่างๆเท่านั้น โดยจะรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้
            ทุ่งตะวันออกเท่าที่ผมตามมาตั้งแต่เขื่อนป่าสัก ประตูพระนารายณ์ มาจนคลอง 13 ตัวเลขนิ่งมาแล้วหนึ่งอาทิตย์  ต่อไปนี้ก็จะลดอย่างเรวดเร็ว เพราะเขื่อนป่าสักลดการปล่อยน้ำอีก น้ำที่กองอยู่ด้านตะวันออกจะลดลง เรารักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ที่กทม.จะสูงระดับเอวไม่มีร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้นิ่งแล้วและต่อไปจะเริ่มลด
 
# จุดอ่อนของกทม.ที่จะทำให้น้ำท่วมมีมั้ย ?
            เรากลัวประชาชนมาพังประตูน้ำ และวันก่อนได้ส่งสัญญาณไปที่ ผอ.เขตทวีวัฒนาว่าให้ไปรายงานว่าให้สั่งนายอำเภอบริเวณนั้น เพราะหัวโจกที่เป็นแกนนำส่วนใหญ่เป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ก็ให้นายอำเภอช่วยกำชับว่าอย่ามา แต่หากไม่ส่งสัญญาณ ประชาชนอาจจะมาถือมีดถือขวาน ใครจะกล้าอยู่
            จากปทุมธานี ถ้าประตูน้ำหรือแนวกั้นพัง เราก็มีแผนสองรองรับว่าจะปิดตรงไหน เราสั่งการไว้แล้วว่าถ้าเกิดจะปิดตรงไหน ทิ้งส่วนไหน ถามว่าจะเดือดร้อนเพิ่มไหม ไม่มี เพราะน้ำนิ่งแล้ว  ด้านตะวันออกจะเห็นเร็วเพราะนิ่งแล้ว
 
# ปลายเดือนจะมีสามน้ำคือน้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน จะทำให้น้ำท่วมหรือไม่ ?
            เราให้กรมอุทกศาสตร์รันโมเดลว่าหากน้ำมาที่ 4,000 ลบ.ม. ต่อวินาที จะเป็นอย่างไร  ซึ่งกลางเดือนจะอยู่ 2.05 ม. และ 2.20 นิดๆ  ก็คิดว่าปลายเดือน ก็น่าจะอยู่ที่ 2.20 ไม่น่าเกินนี้ นี่หมายถึงปริมาณน้ำเหนือรวมกับน้ำหนุนแล้วนะ ขณะที่กทม. เคยเก็บสถิติเมื่อปี  2538  ที่ระดับน้ำสูงสุด 2.27 ม. วันนั้นน้ำผ่าน 5,500 ลบม.วินาที ฉะนั้นสถานการณ์ยังต่างกันเยอะกับตอนนี้ ผมเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่า กทม.น้ำไม่ท่วมร้อยเปอร์เซ็นต์
 
# จริงมั้ยที่เขาบอกว่าคนต่างจังหวัดรับน้ำแทนคนกรุงเทพฯ ?
            เป็นคำถามที่ดีครับ แต่ไม่เป็นความจริงเลย เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาในแต่ละจุดแต่ละช่วงนั้นก็มีความสามารถในการรับน้ำที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาทสามารถรับน้ำได้ 4,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่เมื่อไหลมาถึง อ.บางบาล จ.อยุธยา แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนั้นรับน้ำได้เพียงแค่ 1,300 ลููกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อน้ำมามาก เแต่ความสามารถในแต่ละช่วงรับได้น้อย ไม่ว่าอย่างไรพื้นที่เหล่านั้นก็ต้องท่วม มันก็ต้องล้นออกด้านข้าง ไม่ว่าจะมี กทม. หรือไม่ก็ตาม