ขอแชร์บ้าง
ตอนนี้ใช้ดีเซลธรรมดาเพราะรถไม่มี dpf ลองวนไปวนมาอยู่ 2-3 ยี่ห้อ เสือ star ใบไม้
อัตราเร่ง เสือเหมือนจะดีสุด ติดเท้าสุด ใบไม้รองลงมา และ star อืดสุดซะงั้น ลองมากี่ถังก็เป็นแบบนี้
กลิ่นไอเสีย ไม่ได้ตั้งใจไปยืนดมนะครับ แต่มันเข้าจมูกเอง เสือได้กลิ่นกำมะถันแรงกว่าเจ้าอื่นชัดเจน เลยตั้งสมมติฐานว่าถ้ารถมี dpf มาเติมเสือธรรมดา น่าจะตันก่อนเพื่อนเลยใช่มั้ย?
กลิ่นรองลงมาคือ star และดูเหมือนใบไม้จะสะอาดที่สุด กลิ่นจาง เบาจมูกที่สุด สังเกตแบบชาวบ้านๆคงได้แค่นี้ ว่าแล้วก็อยากมีเครื่องมือทดสอบจังครับ
ตอนนี้ถ้าดีเซลธรรมดาเลยติดใจใบไม้
ดีเซลพรีเมียมบ้าง ถามว่าจำเป็นหรือไม่ ตอบเลยว่าถ้ารถมี dpf ยังไงก็จำเป็นล่ะครับ แต่ต้องเลือกเจ้าที่เป็น euro 5 (ที่มีอยู่ 2 เจ้า) ไม่งั้นผมเองก็ยังไม่เห็นเหตุผลที่จะจ่ายเพิ่มส่วนต่างละครับ เพราะ dpf จะมาพร้อมกับมาตรฐาน euro 5 ถ้าคู่มือระบุแล้วว่า minimum = euro 5 ก็ต้องยอมรับส่วนต่างล่ะครับ
แล้วมีใครสังเกตมั้ยว่าส่วนต่างดีเซลพรีเมียมกับดีเซลปกติ เพิ่มจาก 3.68 บาท เป็น 3.87 บาทต่อลิตรแล้ว?เพิ่มไปเนียนๆเลยนะครับ
ส่วนรถกลุ่มที่ไม่มี dpf สำหรับผมคิดว่าไม่จำเป็นเท่าไรนัก โดยเฉพาะกลุ่มปิคอัพที่เครื่องยนต์เองก็ไม่ได้ต้องการซีเทนที่สูงมากอยู่แล้ว (48 ขึ้นไป) แบบนี้ไปเติมใบไม้ตัวแพงอาจเปล่าประโยชน์ แต่ไม่ใช่ว่าจะเปล่าประโยชน์ซะทีเดียว อาจได้ benefits จากสารต่างๆที่ "อ้าง" ว่าใส่เพิ่มไปจากตัวธรรมดาในการชะล้างระบบ ล้างหัวฉีดครับ แต่ด้วยราคาส่วนต่างขนาดนี้ ผมเองก็ชักจะไปเติมเป็นครั้งคราวไม่ลงเหมือนกัน ต่างประเทศ premium บวกส่วนต่างไม่โหดขนาดบ้านเรา
ส่วนรายการ fifth gear ที่ทดสอบ premium vs regular นั้นเป็นการทดสอบ petrol หรือเบนซิน เท่าที่จำได้ episode นั้นไม่ได้ทดสอบดีเซลครับ
ดีเซลพรีเมียมเสือ vs ดีเซลธรรมดาเสือ ความต่างมีครับ ไอเสียเหม็นน้อยลงชัดเจน แต่ผมกลับรู้สึกอืดกว่าตัวธรรมดาของค่ายตัวเองอีก เลยลาก่อนครับพรีเมียมเสือ
สุดท้าย เฉพาะรถผมนะครับ อัตราสิ้นเปลือง ธรรมดา vs premium ตอบแบบไม่หลอกตัวเองนะวัดเองทุกถัง ไม่ได้ต่างแบบมีนัยยะเลยครับ