"ทาทา มอเตอร์ส"ประกาศแผนธุรกิจยานยนต์ในไทย ไตรมาส 4ส่งเก๋งทาทานาโนโฉมใหม่ เบียดตลาดรถเล็ก-รถมอเตอร์ไซค์ เคาะราคาไม่ถึง 4 แสนบาท/คัน เครื่องยนต์ 624 ซีซี นำเข้าจากอินเดียนำร่อง 1,000 คัน ใช้เชื้อเพลิงอี 20ได้ เผย 4 ปี พอใจกับยอดขายรถกระบะในไทย ภายใน 3 ปีจะโตเท่าตัว
ซานเจย์ มิชราซานเจย์ มิชรา นายซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2556 (ต.ค.-ธ.ค) ทาทา มอเตอร์ส จะเปิดตัวรถใหม่อีก 2 ประเภทในประเทศไทย จะเป็นการบุกตลาดเชิงรุก โดยเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น จากที่ผ่านมาให้น้ำหนักในการเปิดตลาดรถกระบะไปแล้วและได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปลายปีนี้ พร้อมเปิดตัวรถเก๋งเล็ก นาโน โฉมใหม่ โดยปรับสเปกต่างจากโฉมเก่าที่เข้ามาเปิดตลาดเมื่อปี 2555 โดยรถทาทานาโน จะนำเข้ามาจากอินเดีย นำร่องก่อนจำนวน 1 พันคัน โดยสเปกของรถมีเครื่องยนต์ขนาด 624 ซีซี ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน อี 20 ได้ เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยไอเสีย ระดับ ยูโร 4 มีเครื่องปรับอากาศ ล้ออะลูมินัมอัลลอย (แมก) มี 4 ที่นั่ง กระจกไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมไฟตัดหมอกด้านหน้า และผ่านมาตรฐานยุโรปในการทดสอบความปลอดภัยจากการชน ด้านหน้า ไม่มีพวงมาลัยพาวเวอร์ และไม่มีวิทยุ ล่าสุดกำลังตั้งชื่อรุ่นและพร้อมจะเปิดเผยในวันเปิดตัว
อย่างไรก็ตาม รถเก๋งทาทานาโน จะสามารถแข่งขันกับรถจีนนำเข้าได้ โดยราคาปรับสูงขึ้นกว่าทาทานาโน ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ โดยมีราคาต่ำกว่า 4 แสนบาท/คัน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกำหนดราคาขั้นสุดท้าย โดยรถเก๋งนาโนจะเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาดรถเก๋งเล็ก และโดยเฉพาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์ เพราะจะมีความปลอดภัยสูงกว่า โดยจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อยแลกกับความปลอดภัยในชีวิต ในขณะที่รถมอเตอร์ไซค์สามารถใช้งานได้เฉพาะบางสภาพอากาศ คาดว่าจะเป็นรถยนต์เล็ก ที่สามารถดึงดูดคนที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วหันมาให้ความสนใจรถเก๋งทาทานาโนมากขึ้น และเหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อย หรือกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย
"ในช่วงที่ผ่านมารถเก๋งทาทานาโนมีการลงทุนในอินเดียสูงถึง 5 พันล้านบาท ก่อนหน้านี้เปิดตัวไปแล้วที่อินเดีย และศรีลังกา โดยได้รับการขานรับจากตลาดมาอย่างดี และในปลายปีนี้จะเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกมาพร้อมกับโฉมใหม่ในสเปกที่หลากหลายกว่า หลังจากนั้นจะไปเปิดตัวที่แอฟริกาใต้ เป็นลำดับต่อไป "
alt นอกจากนี้ บริษัทวางแผนทำตลาดรถบรรทุกหัวลาก ที่พร้อมจะเปิดตัวได้ในปลายปีนี้ด้วย โดยนำเข้ามาจากทาทา แดวู ประเทศเกาหลี ใช้เชื้อเพลิงเป็นน้ำมันดีเซล และซีเอ็นจี ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดราคาได้ เพราะรถดังกล่าวคาดว่าจะนำเข้ามาจากอินเดียด้วย และอยู่ระหว่างการกำหนดราคา ที่จะต้องเปรียบเทียบกับประโยชน์ใช้สอยที่ผู้บริโภคได้รับ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวอีกว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว กลุ่มทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย เข้ามาลงทุนและเปิดตลาดรถกระบะในประเทศไทย ได้รับการขานรับมาอย่างดี โดยเฉพาะรถกระบะ ซีนอน ขนาด 1 ตัน ทำให้บริษัทมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาตอบสนองลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิดตัว ไจแอนท์ เป็นรถเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน เครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร รถกระบะพื้นเรียบที่สามารถบรรทุกได้มากขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการใช้เชื้อเพลิงทั้งซีเอ็นจี และน้ำมันดีเซล และมีรถกระบะขนาดต่ำกว่า 1 ตัน ทาทา ซูเปอร์ เอซ ที่นำเข้ามาจากอินเดีย ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้โดย ปี 2555 ทาทา มอเตอร์ส สามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดได้ 20% ปีนี้จะเพิ่มเป็น 25% นำเข้ามาแล้ว 1,600 คัน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,000 คัน มีคู่แข่งคือซูซูกิ และรถนำเข้าจากจีน
"บริษัทมีผลวิจัยตัวสินค้าเพื่อสำรวจว่าลูกค้าพึงพอใจมากแค่ไหน ก็พบว่าได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นในแง่ของยอดขายรถกระบะทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจี พลัส ตัวใหม่ โดย 2 เดือนที่ผ่านมา ขายเกินกว่า 500 คันแล้ว ทำให้มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น"
อย่างไรก็ตามในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พอใจกับยอดขายรถกระบะในไทย โดยขายรถกระบะไปแล้วรวมทั้งสิ้นราว 20,000 คัน และตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจากนี้ไป จะขยายตัวได้อีกเท่าตัว เพราะมั่นใจว่าตลาดในประเทศไทยจะขยายตัวตามโครงการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เช่น การสร้างถนน ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ก็จะทำให้เอื้อต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่งที่ส่วนใหญ่ยังพึ่งพาการขนส่งทางบกมากกว่าขนส่งทางอื่น โดยทาทา มอเตอร์ส จะมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศราว 50 แห่ง โดยตัวแทนจำหน่ายจะขยายตัวตามจำนวนการขยายตัวของการขาย ซึ่งก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีดีลเลอร์รายใดถอนตัวออกไป มีแต่เพิ่มเข้ามาใหม่ หลังจากที่ตัวโปรดักต์ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น
นอกจากนี้ทาทา มอเตอร์ส ยังมีการเชื่อมโยงเครือข่ายทางการผลิตและการตลาดที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน ดังจะเห็นว่าทาทา มอเตอร์ส นอกจากมีตลาดในประเทศไทยและในอาเซียนแล้ว ยังมีการทำตลาดไปทั่วโลกอีก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปเทกโอเวอร์ จากัวร์-แลนด์โรเวอร์ และในส่วนที่เป็นทาทา แดวู ที่ทำรถหัวลากเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังก็มีตลาดรถบัสในสเปน และมีศูนย์ดีไซน์อยู่ในยุโรป โดยทาทา มอเตอร์ส มีฐานการผลิตรถกระจายอยู่ทั่วโลก ประกอบด้วย ที่อินเดีย ผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถกระบะ รวมถึงรถเก๋ง ทาทานาโน ส่วนที่เกาหลีผลิตรถหัวลาก และรถบรรทุกขนาดใหญ่ ส่วนในประเทศไทย จ้างบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ ประกอบรถกระบะ และปลายปีนี้จะมีการนำเข้ารถเก๋งทาทานาโน และรถหัวลากเข้ามาเปิดตลาด ส่วนที่ สเปน จะเป็นฐานการผลิตรถโดยสาร และที่แอฟริกาใต้ เป็นโรงงานประกอบรถบรรทุก และที่อังกฤษ จะเป็นฐานประกอบรถจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ โดยมีฐานลูกค้ากระจายอยู่กว่า 67 ประเทศทั่วโลก
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งบริษัท เมื่อปี 2551 และมีการส่งมอบรถในปี 2552 ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการลงทุนในไทยไปแล้วราว 2 พันล้านบาท โดยยอดขายของทาทา มอเตอร์ทั่วโลกในช่วงเดือนเมษายน 2555 -มีนาคม 2556 จะอยู่ที่ 1 ล้านคันต่อปี เปรียบเทียบกับการขายรถกระบะในประเทศไทย 4 ปี ขายได้ 20,000 คัน หรือเฉลี่ยต่อปีขายได้ 5,000 คัน ยังเป็นสัดส่วนที่น้อย
ปัจจุบัน โครงสร้างการถือหุ้นของ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด จะมีทาทา มอเตอร์ ประเทศอินเดีย ถือหุ้น 90% และบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ ถือหุ้น10% โดยบริษัทธนบุรีฯเป็นพาร์ตเนอร์ 3 รูปแบบคือ 1.เป็นคู่ร่วมทุน 2.เป็นผู้รับจ้างประกอบรถยนต์ให้กับทาทา มอเตอร์ 3.เป็น1 ในดีลเลอร์ หรือ ผู้แทนจำหน่ายด้วย
ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ตลาดอีโคคาร์มีการแข่งขันดุเดือดมาก ประมาณ เรด โอเชี่ยน การที่ทาทา มอเตอร์ส จะนำรถเก๋งเล็กอย่าง นาโน รุ่นใหม่มาเจาะตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย หากนำรุ่นที่มีออพชันแบบเดียวกับที่จำหน่ายในอินเดีย คนไทยคงรับไม่ได้ เพราะพฤติกรรมของคนไทยจะมองเรื่องภาพลักษณ์เป็นหลัก และใช้รถยนต์เป็นเครื่องบ่งบอกสถานะทางสังคม แม้ว่า จะพยายามใช้กลยุทธ์ด้านราคาก็คงไม่ได้ผล เหมือนอย่างที่รถจากจีนยังไม่สามารถเจาะตลาดรถของไทยได้แม้จะทำให้ราคาต่ำกว่าตลาดญี่ปุ่นก็ตาม ตัวอย่าง เช่น รถกระบะเล็กจากจีน พยายามทำราคาต่ำเพียง 3 แสนบาท แต่ไม่สามารถทำยอดขายแข่งขัน ซูซูกิ แครี่ ที่มีราคาเกือบ 4 แสนบาทได้
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=192681:-q4&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417