Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: cloud ที่ เมษายน 20, 2014, 14:48:19
-
เวลาคนรวยซื้อรถราคาแพงๆเช่น S classคันเป็น10ล้านเรารู้ๆกันอยู่ว่าออกวันนี้ป้ายแดงพรุ่งนี้ขับเข้าไปเต้นท์ เต้นท์ตีให้เรา5ล้านแล้วเต้นท์ไปขายต่อ8ล้านเป็นต้น คำถามของผมคือผมอยากรู้ว่าคนรวยเวลาจะขายรถเขาทำยังไงกัน
1.ขายเต้นท์ไปเลยช่างมันรวยอยู่แระ เศษเงิน คนรวยยอมให้คนอื่นเอาเปรียบด้วยเหรอ? (ไม่น่าใช่นิสัยคนรวยนะ >>>ความคิดผม)
2.ขายเองใช้เวลานานหน่อยแต่ราคาดีกว่าเป็นล้านแน่ๆ นี่รึป่าวคนรวยใช้เงินเป็น
3.เทิรน์กับศูนย์เบนซ์ เบนซ์ก็เรียกเต้นท์มาตีอยู่ดีแระ
4.ใช้ต่อสะเลยราคาตกดีนักเก็บไว้ไม่เป็นไร รวยอยู่แลัว
ปล.ใครทำอาชีพเต้นท์ผมไม่ได้ว่านะ ผมเข้าใจว่าเงินคุณจมแน่ๆและไม่รู้จะขายได้เมื่อไหร่ ดังนั้นก็ต้องกดราคาให้ต่ำไว้ ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ
นี่ถ้าเฟอร์รารี่20ล้านไม่รู้เต้นท์ตีกันเท่าไหร่ ^_^
-
ก็คงมีทุกรูปแบบแหละครับ ถ้ามีความรู้+เวลาเยอะๆ ก็คงขายเอง
แต่ถ้าไม่มี ไม่ชอบยุ่งยาก ยังไงก็ได้ ขาดทุนก็ไม่เป็นไร ผมว่า เค้าคง ตีเทิร์นไปเลย
แต่ที่เจอมาคือ จะเอาไปปล่อยคนรู้จัก ในราคา กันเอง
ถ้าคนนั้น เป็นคนที่ ไม่เสียดายเงินเลย
-
พวกนี้ส่วนมาก จะซื้อรถกันในชื่อบริษัท เงินก็จะเป็นเงินที่ได้จากผลกำไรของบริษัท ไม่ใช่เงินส่วนตัว
ซึ่งเงินส่วนนี้ ถ้าไม่ได้ใช้ ก็ต้องเอาไปจ่ายภาษีแพงลิบลิ้ว
แต่ถ้ามีการใช้ บริษัทมีค่าใช้จ่าย กำไรก็จะลดลง จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายก็ลดลง
ค่าใช้จ่ายนี้ ยังรวมไปถึง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่ายาง ค่าซ่อมรถ รวมถึงเงินเดือนคนขับรถ และอีกมากมาย... *แปลว่าเจ้าของไม่ต้องออกเงินส่วนตัวเลยแม้แต่1สตางค์
ส่วนคนที่ซื้อด้วยเงินตัวเอง เค้าก็คงทำใจไว้แล้วล่ะ ว่า รถ=ลด
นี่คือในความเข้าใจของผมนะครับ ซึ่งอาจไม่ถูก 100%
เพิ่มเติม* Fer หลายๆรุ่นตกไม่น่ากลัวครับ เช่น 360 ผ่านไปเป็น10กว่าปีแล้ว ยัง8-9ล้านอยู่เลย แต่ก็ยังมีบางรุ่นที่ตกแบบดิ่งเหว
-
คนรวยจริงไม่น่ามาตอบ เพราะคงไม่หลงจัวเองว่ารวย แต่เมื่อรวยได้เมื่อใช้เงินเป็น น่าจะหาทางออกที่คุ้มค่า และเหมาะที่สุด อย่างเช่นเทิร์นกับศูนย์ครับ
-
คนรวย ซื้อเวลา ซื้อความง่าย
คนรวยไม่โง่ เขารู้ว่าเขาขาดทุนให้พ่อค้ารถ แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคืออะไร
คนรวยไม่ได้เก่งที่การหาเงิน แต่เก่งที่การบริหารจัดการทรัพยากรทุกอย่างในมือ ให้มีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล ดีที่สุด
-
คนรวยจริงไม่น่ามาตอบ เพราะคงไม่หลงจัวเองว่ารวย แต่เมื่อรวยได้เมื่อใช้เงินเป็น น่าจะหาทางออกที่คุ้มค่า และเหมาะที่สุด อย่างเช่นเทิร์นกับศูนย์ครับ
เทิรนกับศูนย์ได้ราคาดีที่สุดเหรอครับ
-
แล้วแต่คนเลยครับ
เพื่อนผมพ่อแม่รวย พอเบื่ออยากได้รถใหม่เข้าเต้นขายๆ ขาดทุนไม่สน
เพื่อนผมอีกคนเค้าหาเงินเองเวลาขายรถเค้าก็ประกาศขายเอง ไม่รีบร้อนอะไรโชคดีหน่อยก็ไว
-
เท่าที่ผมทราบมา คนทำธุรกิจส่วนมากมักจะซื้อรถในนามบริษัทนะครับ
แล้วเค้าจะซื้อผ่อนเท่าอายุการใช้งานตามบัญชีครับ เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปหักค่าใช้จ่ายบริษัท สุดท้ายก็เสียภาษีน้อยลงครับ
ไหนจะค่าน้ำมันก็เบิกบริษัทได้หมดอีก ไม่ต้องแปลกใจเลยที่ทำไมคนรวยขับแต่รถดีๆแพงๆครับ วินๆ ได้รถมาขับ เสียเงิน(ภาษี)น้อยลง
มีพี่ที่รู้จักท่านนึงก็มีธุรกิจของตัวเองเคยบอกว่า ถ้าบริษัทใครได้กำไรเยอะๆไม่ซื้อหนะสิแปลก (จริงๆเค้าพูดว่าโง่เลยครับ) อาจจะฟังดูแรงนะครับ
แต่เพราะส่วนมากคนพวกนี้ไม่โง่หนะสิครับ 555
เรื่องขาย ขายยังไงก็คือกำไรครับเพราะได้เงินกลับเข้ากระเป๋ามาทั้งๆที่เงินที่ซื้อหักเอากับบริษัทไปเรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนจะขายยังไงขายเองหรือว่าอย่างไร ผมว่าแล้วแต่คนครับ ขึ้นกับนิสัยของคนครับ บางคนคิดว่าขายได้ราคาต่ำกว่าเล็กน้อยไม่ว่าแต่เน้นสะดวก
บางคนขี้เหนี่ยวหน่อยก็หาทางให้ขายได้ราคาดีๆครับ หรือบางทีก็ขายให้คนรู้จักกันอันนี้ก็แล้วแต่คุยกันเลยครับ
* เพิ่งเห็นว่าตอบเหมือนๆคุณ thnnn158 เลยครับไม่เป็นไรนะครับ 55
-
เขาซื้อในนามบริษัทครับ ทำไมเป็นแบบนั้นลองไปศึกษาดูครับ
ผมยังอยากทำแบบนั้นบ้างเลย เสียดายเราเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้ร่ำรวยครับ เลยไม่มีบริษัท
-
เห็นด้วยตามนั้นครับ คนร่ำรวยจริงคงไม่มีเวลามาอ่านบอร์ด และคงไม่เอาช่องทางนู่นนี่นั้น มาให้คนอื่นรู้หรอกครับ
เปรียบเทียบเช่นกับว่า คุณทำราดหน้า สูตรหมูหมักคุณ ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ จะเอามาเปิดเผยให้คนอื่นได้รู้เหรอครับ
-
ใช่คนที่เขารวยส่วนใหญ่ซื้อในนามบริษัทครับ :-X จากคนรู้จักนะถ้าเขาจะเปลี่ยนรถเขาจะถามคนรอบข้างก่อนว่ามีใครอยากได้มั้ย
ถ้ามีคนอยากได้ก็ขายให้ไปในราคามิตรภาพ แต่ถ้าไม่มีใครเอาเอาเทิรนกับศูนย์เลย
-
คนรวยหลายตนที่เป็นเจ้าของบริษัทก็ทำแบบที่หลายความเห็นว่ามาใช่ในชื่อบริษัท
แต่ตอนขายผมว่าแล้วแต่คน บางคนยอมขายถูกๆเพราะขี้เกียจช่างมันเหอะคนจนหลายคนก็เป็น บางคนก็ขายเองช้าหน่อยแต่ได้เยอะ บางคนก็เก็บไว้ใช้บ้างแหละ
-
อ่อ เริ่มได้ไอเดียแระครับ อย่างนี้นี่เอง
-
ผมถามหน่อยครับ
ถ้าเรามีธุรกิจเล็กๆ
ทุนจดสัก 1 ล้านบาท แล้วเราไปซื้อ รถ ในนามบริษัทได้ไหมคับ หักค่าใช้จ่ายได้ด้วย
-
คำว่าคนรวยคือ?????
เอาเป็นว่า ส่วนใหญ่ที่ผมรู้จัก หากมีบริษัท รถถูก รถแพงไม่เกี่ยว เพราะเข้าบริษัทหักภาษีได้ ยังไงก็คุ้มเม็ดเงินมากกว่าแน่ๆ
ส่วนใหญ่เห็นเขาเทรินกันเลยเอารถใหม่ออกมาเลย เพราะไม่เสียเวลา เขาเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ดีกว่ามานั่งรอ เอารถให้คนโน้นคนนี้ลองไรงี้ครับ
-
คือ ต้องเข้าใจว่า รถ แค่ขับออกมาจาก 0 แล้วเอาไปเข้าเต๊นท์ ราคาก็ตกแล้วครับ "ผู้ใช้รถไม่มีวันได้กำไรจากการขายรถครับ" คำถามนี้ไม่จำเป็นวันต้องถามคนรวยเสมอไปครับ
ส่วนถ้าจะเอาตรงคำถามจริงๆ ผมเคยคุยกับคนรู้จักที่เขาทำงานให้คนรวย เขาบอกว่าจะขายให้คนสนิทและลูกน้องในราคาที่ ต่ำเตี้ยเลี่ยดินยิ่งกว่าเต๊นท์ตีราคาอีกครับ << อันนี้จะออกแนวรวยใจดีครับ
-
คำจำกัดความของคนรวยของคุณคือ ?
เจ้าของกิจการ ไม่ได้แปลว่า รวย น๊ะครับ คนละเรื่อง
-
เรื่องรถมันจุกจิก เค้าเอาเวลาไปทำมาหากินมากกว่า
ลู่ทางมันก็มีอยู่แล้ว จะขายทางไหนก็
เทิร์นศูนย์ง่ายเพราะเซลรถยุโรปมาเอารถที่บ้านเองเลยด้วยซ้ำไม่ต้องคิดไรมาก ใช้มือเซ็นอย่างเดียว
มันเอาเปรียบตรงไหน ถ้ารถ10ล้านเอาไปขายเต้นท์12ล้านจะมีใครรับ
บางคนผมเห็น 1-2ปีก็เปลี่ยนรถแต่คงมีคนต่อคิวไว้แล้ว เพราะเค้ารู้ว่าคนนี้ใช้รถน้อย ขับรถถนอม
ก็ win-winกันไป ขาดทุน 200-400k ต่อปีผมว่าก็โอ
ปล. ผมไม่ได้รวยนะครับ
ปล2. ไม่รู้เท่าไหนถึงเรียกว่ารวย บางทีมีกิจการแต่ยังเป็นหนี้ธนาคารอยู่ แต่ถ้ามีเงินสดสัก1000ล้านบาทผมยอมรับว่ารวยอยู่ครับ ;D
(แต่ใครจะเก็บเงินสดไว้มากขนาดนั้นนนน :P)
-
สำหรับผมนะใครขับ c class series3 ได้แค่นี้ผมถือว่ารวยแล้วล่ะครับไม่สนว่าจะผ่อนหรือสดเพราะคุณมีปัญญาผ่อนรถแบบนี้ได้ผมไม่ถือว่าคุณจนแล้วล่ะครับ
-
พวกนี้ส่วนมาก จะซื้อรถกันในชื่อบริษัท เงินก็จะเป็นเงินที่ได้จากผลกำไรของบริษัท ไม่ใช่เงินส่วนตัว
ซึ่งเงินส่วนนี้ ถ้าไม่ได้ใช้ ก็ต้องเอาไปจ่ายภาษีแพงลิบลิ้ว
แต่ถ้ามีการใช้ บริษัทมีค่าใช้จ่าย กำไรก็จะลดลง จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายก็ลดลง
ค่าใช้จ่ายนี้ ยังรวมไปถึง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่ายาง ค่าซ่อมรถ รวมถึงเงินเดือนคนขับรถ และอีกมากมาย... *แปลว่าเจ้าของไม่ต้องออกเงินส่วนตัวเลยแม้แต่1สตางค์
ส่วนคนที่ซื้อด้วยเงินตัวเอง เค้าก็คงทำใจไว้แล้วล่ะ ว่า รถ=ลด
นี่คือในความเข้าใจของผมนะครับ ซึ่งอาจไม่ถูก 100%
เพิ่มเติม* Fer หลายๆรุ่นตกไม่น่ากลัวครับ เช่น 360 ผ่านไปเป็น10กว่าปีแล้ว ยัง8-9ล้านอยู่เลย แต่ก็ยังมีบางรุ่นที่ตกแบบดิ่งเหว
สรุปแล้วดูเหมือนกับว่า บริษัทจำกัด หรือพวกคนมีโอกาส ได้เงินมาจะใช้จ่ายก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยนำไปคิดคำนวณภาษี ส่วนประชาชนคนธรรมดาทั่วไป พอมีรายได้มา(เงินเดือน) จะต้องหักไว้เสียภาษีก่อน(หักภาษี ณ.ที่จ่าย) แล้วที่เหลือค่อยนำไปใช้จ่าย
อืม...ยุติธรรมดีแท้ๆ
-
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามต่อเลยละกัน อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง
คนรวยต้องมีเงินสด สินทรัพย์ เท่าไหร่ถึงที่คิดเรียกว่าคนรวยครับ?
ต้องมีรายรับหักค่าใช้จ่ายเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ครับถึงเรียกว่ารวย?
อยากรู้ว่าคำว่าคนรวยทั่วไปที่เข้าใจจะต้องมีซักประมาณเท่าไหร่กัน?
-
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามต่อเลยละกัน อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง
คนรวยต้องมีเงินสด สินทรัพย์ เท่าไหร่ถึงที่คิดเรียกว่าคนรวยครับ?
ต้องมีรายรับหักค่าใช้จ่ายเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ครับถึงเรียกว่ารวย?
อยากรู้ว่าคำว่าคนรวยทั่วไปที่เข้าใจจะต้องมีซักประมาณเท่าไหร่กัน?
สำหรับผมนะ รู้จักอยู่คนหนึง ไม่ต้องทำงาน ไม่มีหนี้สิน มีบ้านทั้งในและ ตจว. ใหญ่โตมากๆ
มีคนรับใช้ มีคนขับรถ อยากไปไหนก็ไป ในโลกนี้แกไปมาเกือบหมด ซื้อรถใหม่เกือบทุกปี รู้สึกแกจะรวยอยู่แล้ว แถมไม่มีครอบครัวอีก
แต่เมื่อก่อนรับสอนพิเศษ กับ เป็นครู เป็นเล่นๆเนี่ยแหละ แต่สอนดี เป็นอิสระทางการเงินเนี่ยแหละ
รายได้ไม่เกิน 500k ผมก็ว่ายังคนชั้นกลางอยู่นะ
เอาจริงๆเรื่องรวยไม่รวยผมไม่ซีเรียส ขีวิตคนเราจริงๆไม่ได้ต้องการไรมากหรอก ผมเห็นทุกวันนี้
คนทำงานกันหนัก โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ที่สำคัญคือจิตสาธารณะมากกว่า ที่มีเงินแล้ววุ่นวายแบบนี้
สู้เงินน้อยแต่อยู่อย่างเกื้อกูลกันดีกว่า [ขอยืนยันว่ามีเมืองบางเมืองในยุโรป ค่าครองชีพต่ำกว่า กทม. คนรายได้พอๆกับกทม. แต่คุณภาพชีวิตดีกว่า]เริ่มง่ายๆก็ หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ผมเพิ่งมาคิดได้เนี่ยแหละ
เมื่อก่อนผมเห็นคนข้าม ผมจะรีบขับให้พ้นๆจะได้ไม่ต้องเบรค เดี๋ยวนี้ถ้าหยุดได้หยุดให้เลย แล้วผลเป็นไงรู้ไหมครับ
80% เค้ายกมือขอบคุณเรา เหมือนเขินๆว่าคนหยุดให้ ตปท เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไทยรีบไปก็ไปติดข้างหน้าอยู่ดี
นอกเรื่องไปไกล ;D
-
เวลาคนรวยซื้อรถราคาแพงๆเช่น S classคันเป็น10ล้านเรารู้ๆกันอยู่ว่าออกวันนี้ป้ายแดงพรุ่งนี้ขับเข้าไปเต้นท์ เต้นท์ตีให้เรา5ล้านแล้วเต้นท์ไปขายต่อ8ล้านเป็นต้น คำถามของผมคือผมอยากรู้ว่าคนรวยเวลาจะขายรถเขาทำยังไงกัน
1.ขายเต้นท์ไปเลยช่างมันรวยอยู่แระ เศษเงิน คนรวยยอมให้คนอื่นเอาเปรียบด้วยเหรอ? (ไม่น่าใช่นิสัยคนรวยนะ >>>ความคิดผม)
--- เอาที่รวยจริงๆ ก็ตามสเต็ปครับ สเตปแรกขายถูกๆให้เพื่อนก่อนเลย อย่างพ่อผมได้ RX300 จากเพื่อน 7 แสน รถแค่ 2 ปี สเตปต่อไปถ้าเพื่อนไม่มี ส่งเต้นท์ที่รู้จัก แต่ให้ลูกน้องไปจัดการให้ แต่โดยส่วนใหญ่คนรวยจริงๆ เครือข่ายเยอะ ส่งทางไหนก็ได้
เพิ่มเติมครับ ถ้าซื้อในนามบริษัท ประเภทรถหรู ทางบัญชีจะตีเป็นรถประจำตัวกรรมการ มีได้เต็มที่ 2 คัน ถ้ากรรมการ 3 คน ก็มีรถได้ 6 คัน จึงจะนำมาหักภาษีได้
บางท่านก็ไม่นำเข้าบริษัท ถ้ารถคันนั้นเป็นคันที่ 3 หรือ 4
-
ระดับความรวยคือขนาดไหนครับ
ในฐานะคนชั้นกลาง จะซื้อในนามบริษัทครับ ตอนขายก็จะขายให้ตัวเองก่อนอันดับแรก ในราคาซาก เพราะเป็นการหักค่าเสื่อมทุกปี ประมานนี้ละกันนะ
-
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามต่อเลยละกัน อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง
คนรวยต้องมีเงินสด สินทรัพย์ เท่าไหร่ถึงที่คิดเรียกว่าคนรวยครับ?
ต้องมีรายรับหักค่าใช้จ่ายเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ครับถึงเรียกว่ารวย?
อยากรู้ว่าคำว่าคนรวยทั่วไปที่เข้าใจจะต้องมีซักประมาณเท่าไหร่กัน?
สำหรับผมนะ รู้จักอยู่คนหนึง ไม่ต้องทำงาน ไม่มีหนี้สิน มีบ้านทั้งในและ ตจว. ใหญ่โตมากๆ
มีคนรับใช้ มีคนขับรถ อยากไปไหนก็ไป ในโลกนี้แกไปมาเกือบหมด ซื้อรถใหม่เกือบทุกปี รู้สึกแกจะรวยอยู่แล้ว แถมไม่มีครอบครัวอีก
แต่เมื่อก่อนรับสอนพิเศษ กับ เป็นครู เป็นเล่นๆเนี่ยแหละ แต่สอนดี เป็นอิสระทางการเงินเนี่ยแหละ
รายได้ไม่เกิน 500k ผมก็ว่ายังคนชั้นกลางอยู่นะ
เอาจริงๆเรื่องรวยไม่รวยผมไม่ซีเรียส ขีวิตคนเราจริงๆไม่ได้ต้องการไรมากหรอก ผมเห็นทุกวันนี้
คนทำงานกันหนัก โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ที่สำคัญคือจิตสาธารณะมากกว่า ที่มีเงินแล้ววุ่นวายแบบนี้
สู้เงินน้อยแต่อยู่อย่างเกื้อกูลกันดีกว่า [ขอยืนยันว่ามีเมืองบางเมืองในยุโรป ค่าครองชีพต่ำกว่า กทม. คนรายได้พอๆกับกทม. แต่คุณภาพชีวิตดีกว่า]เริ่มง่ายๆก็ หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ผมเพิ่งมาคิดได้เนี่ยแหละ
เมื่อก่อนผมเห็นคนข้าม ผมจะรีบขับให้พ้นๆจะได้ไม่ต้องเบรค เดี๋ยวนี้ถ้าหยุดได้หยุดให้เลย แล้วผลเป็นไงรู้ไหมครับ
80% เค้ายกมือขอบคุณเรา เหมือนเขินๆว่าคนหยุดให้ ตปท เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไทยรีบไปก็ไปติดข้างหน้าอยู่ดี
นอกเรื่องไปไกล ;D
เห็นด้วยเรื่องหยุดรถมากๆครับ คนข้ามขอบคุณ เราก็พลอยยิ้มไปด้วย
ส่วนรถที่ไม่จอด (รถเมล์เนี่ยตัวดี) ไม่รู้จะรีบไปไหน ข้างหน้าก็ติดอยู่ดี บางคนก็ชอบทับทางม้าลายแม่งเลย (เว้นไว้หน่อย มันจะไปช้าลงซักกี่มิลลิวิ?)
-
ที่ผมเคยเห็นคือคนรวยๆจะเลือกเซลล์ที่ชอบใจไว้คนนึง(แบบว่าคุยรู้เรื่อง ถูกชะตา) พอมีรุ่นใหม่เซลล์จะโทรมาถามว่าสนใจไหมถ้าสนใจก็สั่งxคัน รุ่นxxx + สีที่ต้องการ พอรถมาถึงก็เอาคันเดิมไปเทิร์น ที่ผมเจอกับตัวคือ เสี่ยใช้อัลพาร์ดอยู่ เซลโทรมาถาม"เวลไฟร์รุ่นใหม่มาแล้วเฮียสนใจไหมคะ" เสี่ยตอบ "เอาสีขาวรุ่นtopคันนึง" จบการซื้อขายรอรถมาส่ง(เสี่ยก็ส่องรถในเว็บนอกรอ พอเข้าไทยก็จะมีเซลล์โทรบอก )
-
ผมว่า ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจน
อยู่ที่นิสัยมากกว่า
-
ผมถามหน่อยครับ
ถ้าเรามีธุรกิจเล็กๆ
ทุนจดสัก 1 ล้านบาท แล้วเราไปซื้อ รถ ในนามบริษัทได้ไหมคับ หักค่าใช้จ่ายได้ด้วย
1ล้าน ไม่เล็กแล้วครับ 555+ (อาจจะมียอดขายเดือนละ 5-200ล้านก็ได้ หุหุหุ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณเต้ ต้องถามกับฝ่ายบัญชีก่อนว่า ทำได้ขนาดไหน
1. ดูจากกำไรต่อเดือนว่า เหลือพอที่จะทำผ่อน/เช่า ได้เดือนละเท่าไหร่ (ข้อกฎหมายกำหนด เช่า/Leasing เดือนละไม่เกิน 36,000 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)
2. ถ้าจะเอารถหรู ก็ดูตามข้อที่ 1 ได้เลย แต่ถ้า ซื้อรถมาใช้งาน เช่น 10ล้อบรรทุก 6ล้อบรรทุก ก็อีกกรณีหนึ่ง แต่ใช้Leasing เหมือนกันครับ ต้องถามบัญชีจะดีกว่าครับ มันมีกฎหมายบางอย่างที่ต้องมาดู รวมถึงงบการเงินของบริษัทด้วย
ไม่ใช่ว่า ทำงบการเงิน มีกำไรเหลือ เดือนละ 2หมื่นบาท แต่เช่ารถเพิ่มมาอีก 3หมื่นบาท แบบนี้สรรพากรเรียกพบแน่นอน (ยกเว้นกรณีบริษัทเปิดใหม่นะ) ส่วนใหญ่สรรพากรจะปล่อยให้รันตัวเลขประมาณ 3-4ปี แล้วจะมาดูส่วนต่างๆอีกทีว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ...เรื่องยาว ไม่พูดต่อละ ^^
เอาเป็นว่าทำได้ครับ อยู่ที่งบการเงินของบริษัทว่าจะเหมาะสมในการทำLeasing เดือนละเท่าไหร่ ก็แล้วกันครับ
-
คนรวยจริงไม่น่ามาตอบ เพราะคงไม่หลงจัวเองว่ารวย แต่เมื่อรวยได้เมื่อใช้เงินเป็น น่าจะหาทางออกที่คุ้มค่า และเหมาะที่สุด อย่างเช่นเทิร์นกับศูนย์ครับ
เทิรนกับศูนย์ได้ราคาดีที่สุดเหรอครับ
ไม่ได้บอกราคาดีที่สุด แต่เหมาะสมที่สุดครับ
-
ผมว่าความรวยอย่างเดียวมันวัดไม่ได้นะ ต้องดูนิสัยการใช้เงิน การเห็นคุณค่าของเงิน
บางคนมีรถหลายคันแต่เลือกที่จะขายรถเอง ลงเว็ปเอง ไม่รีบร้อน ขอแค่ราคาที่ตั้งไว้ในใจ
บางคนมีรถคันเดียว แต่เลือกเข้าเต้น ยอมโดนกดราคา เพราะไม่ถนัดในการขายทางเน็ต
ของพวกนี้ นนจต.ครับ บางทีเงินก็ไม่เกี่ยว
-
ขอแชร์ความเข้าใจที่เจอมากับตัวเองครับ
เรื่องซื้อรถในนามบริษัท แล้วถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในนามบริษัท เพื่อเสียภาษีน้อยลงนั้น...จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ
รถที่หักเป็นค่าใช้จ่ายได้เต็มๆ คือพวกรถเชิงพาณิชครับ พวกรถกะบะ
ผมเป็นคนนึงที่เข้าใจผิดมาตลอด แหะๆ เอาเงินไปซื่อเบ้น แล้วจดเป็นในนามบรริษัท หวังจะให้เป็นค่าใช้จ่าย
ปรากฏว่า สรรพากรเค้าถือว่ารถยุโรปประเภทพวกนี้หักภาษีไม่ได้ (ทั้งๆที่ตอนซื้อมันบอกว่ารวม VAT ) หักได้เฉพาะค่าเสื่อมปลายปี 20%ครับ
ก็ถือว่ายังคุ้มอยู่บ้าง เพราะต่อทะเบียนรถที่จดในนามบริษัท ก็ต้องเสีย 2 เท่า
ส่วนเรื่องเวลาขายต่อ โอ้ว อันนี้งานเข้าแน่นอนครับ คุณจะโอนรถที่จดในนามบริษัทไปขายให้ใครซักคน มันต้องมีราคาขายต่อเป็นเอกสารมีที่มาที่ไปครับ
ซึ่งนั่นคือรายรับเต็มๆของบริษัทอีกครับ ผมเชคกับทางลิสซิ่งมา เค้าบอกมาเองว่า รถเบนซ์พวกนี้ตอนซื้อ หักภาษีไม่ได้ แต่ตอนขาย ขายได้เท่าไหร่ถือว่าเป็นรายได้บริษัทครับ
แต่ผมยังไม่ชัวเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้ขายต่อใครครับ เลยไม่รู้ว่าจริงมั้ย
-
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามต่อเลยละกัน อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง
คนรวยต้องมีเงินสด สินทรัพย์ เท่าไหร่ถึงที่คิดเรียกว่าคนรวยครับ?
ต้องมีรายรับหักค่าใช้จ่ายเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ครับถึงเรียกว่ารวย?
อยากรู้ว่าคำว่าคนรวยทั่วไปที่เข้าใจจะต้องมีซักประมาณเท่าไหร่กัน?
เมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว ได้ฟังบรรยายจากนักวิชาการเกี่ยวกับการเงินท่านหนึ่งเค้าบอกว่า
คนรวยเค้าให้นับที่รายได้อยู่ใน Q1 ของคนทั้งประเทศหน่ะครับ ตอนนั้นมากกว่าสองแสนเค้าถือว่ารวย ตอนนี้เท่าไหร่แล้วไม่รู้
(ประมาณเอารายได้คนทั้งประเทศมาเรียงกันแล้วต้องอยู่ 25% แรกหน่ะครับ เค้าถือว่ารวย)
-
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามต่อเลยละกัน อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง
คนรวยต้องมีเงินสด สินทรัพย์ เท่าไหร่ถึงที่คิดเรียกว่าคนรวยครับ?
ต้องมีรายรับหักค่าใช้จ่ายเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ครับถึงเรียกว่ารวย?
อยากรู้ว่าคำว่าคนรวยทั่วไปที่เข้าใจจะต้องมีซักประมาณเท่าไหร่กัน?
ต้องมีอิสระภาพทางการเงินครับผมถึงจะเรียกว่ารวยจริงๆ ซื้อของไม่ต้องดูราคา แต่ไม่ได้หมายความถึงคนฟุ่มเฟือยนะครับ
ยกตัวอย่างโรนัลโด้ตอนไปถ่ายโฆษณาให้บูกาติเวรอน พอถ่ายจบพี่แกบอกถูกใจรถซื้อเลยแบบนี้แหละมีอิสระภาพทางการเงินจริงๆ
-
เห็นญาติผม เขาใช้วิธี ซื้อรถเป็นชื่อพ่อแม่หรือผู้สูงอายุเอาน่ะครับเพื่อไม่ให้โดนภาษีเยอะ แล้วทำเรื่องเป็นบริษัทไปเช่ามาจากพ่อแม่เราหรือญาติๆอีกที ไม่รู้รายละเอียดมากนักแต่่เท่าที่รู้มันประมาณนี้แล้วแจ้งเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทกันไป
เป็นวิธีคุ้มครับดีกว่าไปเสียภาษีเต็มๆให้สรรพากร เราได้เป็นทรัพสินมาแม้มันจะลดลงเรื่อยๆก็ตาม จริงๆมันมีรายละเอียดวิธีมากกว่านี้แต่ผมฟังผ่านๆมาแหะๆ
-
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามต่อเลยละกัน อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง
คนรวยต้องมีเงินสด สินทรัพย์ เท่าไหร่ถึงที่คิดเรียกว่าคนรวยครับ?
ต้องมีรายรับหักค่าใช้จ่ายเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ครับถึงเรียกว่ารวย?
อยากรู้ว่าคำว่าคนรวยทั่วไปที่เข้าใจจะต้องมีซักประมาณเท่าไหร่กัน?
ต้องมีอิสระภาพทางการเงินครับผมถึงจะเรียกว่ารวยจริงๆ ซื้อของไม่ต้องดูราคา แต่ไม่ได้หมายความถึงคนฟุ่มเฟือยนะครับ
ยกตัวอย่างโรนัลโด้ตอนไปถ่ายโฆษณาให้บูกาติเวรอน พอถ่ายจบพี่แกบอกถูกใจรถซื้อเลยแบบนี้แหละมีอิสระภาพทางการเงินจริงๆ
อิสระภาพทางการเงินหมายถึง มีเงินพอที่จะใช้ชีวิตได้สุขสบายเหมือนหรือใกล้เคียงเดิม โดยที่ไม่ต้องทำงาน
ที่เขาเรียกกันว่าให้เงินทำงาน เช่น อยู่ได้ด้วยเงินปันผลหรือดอกเบี้ยธนาคารโดยไม่ต้องรับเงินเดือน
กรณีโรนัลโด้ ถ้ามองแค่ใช้เงินโดยไม่คิดมากยังไม่ได้แปลว่ามีอิสรภาพทางการเงิน
แต่ถ้าโรนัลโ้ด้เลิกทำงาน (ทั้งเลิกเตะและเลิกเป็นพรีเซนเตอร์) แล้วยังมีคุณภาพชีวิตเหมือนเดิม ก็ถือว่ามีอิสรภาพทางการเงิน
-
ขอตอบบ้างเห็นหลายความเห็นแล้ว กลัวคนจะเข้าใจผิดแห่ไปซื้อรถเพื่อเอามารถภาษีให้บริษัท
รถยนต์ หักเป็นรายจ่ายได้แค่ 1,000,000 บาทแรกเท่านั้นครับ ถ้าไม่ใช่ SME เสียภาษีแพงสุดตอนนี้ 20% เท่ากับประหยัดได้ 200,000 บาท ในเวลา 5 ปี ตกต่อปี ประหยัดภาษีไป 40,000 บาทถ้วนต่อปีครับ ซื้อ ห้าล้าน สิบล้านก็ประหยัดได้ต่อคันเท่าครับ เก่าแล้วขายขาดทุนก็เอามาเป็นรายจ่ายไม่ได้ครับ
ใครใช้เกินอยู่ระวังโดนตรวจสอบย้อนหลังนะครับ หุๆๆๆ
-
เคยขับC230 Kompressor(จำปีไม่ได้)ของแม่ไปให้เต๊นท์ ในเส้นกาญจนาหลายๆเต๊นท์ตีราคา
คือแม่ไม่ค่อยได้ขับ ใช้น้อยมาก เลยว่าจะขาย สภาพสวยใหม่กริ๊ป
ราคาซื้อสด2ล้านปลายๆหรือ3ต้นๆผมจำไม่ได้ เต๊นท์ตีให้7.5แสนสูงสุด!!!!.......เลยใช้มาจนบัดนี้
-
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามต่อเลยละกัน อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง
คนรวยต้องมีเงินสด สินทรัพย์ เท่าไหร่ถึงที่คิดเรียกว่าคนรวยครับ?
ต้องมีรายรับหักค่าใช้จ่ายเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ครับถึงเรียกว่ารวย?
อยากรู้ว่าคำว่าคนรวยทั่วไปที่เข้าใจจะต้องมีซักประมาณเท่าไหร่กัน?
สำหรับผมนะ รู้จักอยู่คนหนึง ไม่ต้องทำงาน ไม่มีหนี้สิน มีบ้านทั้งในและ ตจว. ใหญ่โตมากๆ
มีคนรับใช้ มีคนขับรถ อยากไปไหนก็ไป ในโลกนี้แกไปมาเกือบหมด ซื้อรถใหม่เกือบทุกปี รู้สึกแกจะรวยอยู่แล้ว แถมไม่มีครอบครัวอีก
แต่เมื่อก่อนรับสอนพิเศษ กับ เป็นครู เป็นเล่นๆเนี่ยแหละ แต่สอนดี เป็นอิสระทางการเงินเนี่ยแหละ
รายได้ไม่เกิน 500k ผมก็ว่ายังคนชั้นกลางอยู่นะ
เอาจริงๆเรื่องรวยไม่รวยผมไม่ซีเรียส ขีวิตคนเราจริงๆไม่ได้ต้องการไรมากหรอก ผมเห็นทุกวันนี้
คนทำงานกันหนัก โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ที่สำคัญคือจิตสาธารณะมากกว่า ที่มีเงินแล้ววุ่นวายแบบนี้
สู้เงินน้อยแต่อยู่อย่างเกื้อกูลกันดีกว่า [ขอยืนยันว่ามีเมืองบางเมืองในยุโรป ค่าครองชีพต่ำกว่า กทม. คนรายได้พอๆกับกทม. แต่คุณภาพชีวิตดีกว่า]เริ่มง่ายๆก็ หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ผมเพิ่งมาคิดได้เนี่ยแหละ
เมื่อก่อนผมเห็นคนข้าม ผมจะรีบขับให้พ้นๆจะได้ไม่ต้องเบรค เดี๋ยวนี้ถ้าหยุดได้หยุดให้เลย แล้วผลเป็นไงรู้ไหมครับ
80% เค้ายกมือขอบคุณเรา เหมือนเขินๆว่าคนหยุดให้ ตปท เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไทยรีบไปก็ไปติดข้างหน้าอยู่ดี
นอกเรื่องไปไกล ;D
เห็นด้วยครับ
ผมหยุดให้ประจำเลยครับเวลาคนจะข้ามทางม้าลาย แต่ปกติคนไทยจะไม่ชินที่รถวิ่งๆมาแล้วตั้งใจหยุดให้ คนข้ามจะ งงๆ เลิกลักๆ แต่ถ้าเราหยุดนานพอสุดท้ายเค้าก็จะยิ้มๆแล้วเดินข้าม
-
ความรวย มันก็มีเกณฑ์ของมันครับ
จำได้แค่พอคร่าวๆ จริงๆน่าจะมีเยอะกว่านี้
มีอิสระภาพทางการเงิน >>> เศรษฐี >>> มหาเศรษฐี >>> เจ้าสัว
วัดจาก ทรัพย์สินที่มีอยู่เป็นหลัก จำได้แค่ว่า เจ้าสัวคือ คนที่มี ทรัพย์สิน มูลค่าเกิน 10,000 ล้านบาท ขึ้นไป ที่เหลือ จำไม่ได้แล้วครับ
มันมีหนังสือเขียนอยู่
-
เห็นคนรวยเปิดเต๊นขายเองอ่ะคับ ;D
-
ทำไมตั้งสมมุติฐานว่า คนรวย ต้องไม่ยอมโดนเอาเปรียบ หรือ คนจนต้องโดนเอาเปรียบ งง