ไม่ได้แอนตี้นะครับ
แต่ผมเคยอธิบายในหลายคอมเม้นท์ที่ถามถึงรถไฟฟ้าหรือรถน้ำมันบางค่ายที่ไม่ประสบความสำเร็จ
การจะทะลายกำแพงวัฏจักรการใช้งานของคนทำงานหาเช้ากินค่ำำ และพนักงานประจำลงได้นั้น ในประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้ได้ครับ
เก็บเงินก้อน - ดาวน์รถ - ผ่อน 5-7 ปี - ขาย
กลับสู่วงกลมเดิม
ส่วนรถที่ขายไป ไปสู่เจ้าของใหม่
อาจจะไม่ต้องดาวน์หรือดาวน์น้อย - ผ่อน 5 ปี - ขาย
แล้วก็กลับเข้าสู่วงกลมใหม่
แปลว่ารถคันนั้นๆ จะอยู่ในตลาดร่วมๆ 12-15 ปี
ถ้ารถคันไหนไม่สามารถเข้าสู่วัฏจักรนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็จะจากไปตั้งแต่วงกลมแรก เผลอๆจะไม่ได้อยู่ในวงกลมแรกเลย
เพราะวงกลมแรกนั้นสำคัญมาก ถ้ารถคันนั้นๆเมื่อขายแล้วเอาไปดาวน์คันใหม่ไม่ได้หรือต้องเพิ่มเงินเยอะ รถคันนั้นๆก็จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย
ถึงตรงนี้ ผมยังนึกไม่ออกว่า รถไฟฟ้าจะเข้าไปในวงกลมแรกได้อย่างไร???
ไฮบริด หรือ รถน้ำมันบางรุ่นยังไปไม่รอดเลยครับ
ถ้ารัฐบาลหักดิบ ก็คงเกิดเป็นผลกระทบเป็นวงกว้างแน่ๆ
ส่วนอะไรที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ผมขอรวบสั้นๆเลยคือ ความทนทาน ความเหมาะสมเรื่องราคาและระยะเวลาการป้อนของอะไหล่ และความนิยมของรถยี่ห้อนั้นๆ
เห็นด้วยครับ เรื่อง cycle สมมติผมซื้อ taycan มือสองมา ต่อให้ราคาดีมากๆ แต่ new taycan ก็อาจถูกพัฒนาไปไกล ทั้ง software hardware จนรุ่นเก่าเทียบไม่ติด แบบนี้ก็คิดหนักแล้วครับ ว่าความคุ้มค่าคือตรงไหน
ปัจจัยที่ทำให้รถไฟฟ้าน่าสนใจขึ้นมาก
- ค่ายรถรับประกันระบบ 8-10 ปี
- ค่ายรถรับประกันแบต 10-12 ปี
- ค่ายรถอัพเกรดแบตเตอรี่รุ่นใหม่ให้ แต่คงยาก เพราะ แบตน่าจะถูกออกใหม่เรื่อยๆ จน unfitable กับรุ่นเก่า
- หอพัก คอนโด อาคารจอดรถ ลงทุนทำ wall charger เพื่อสร้างรายได้ประจำให้ตนเอง (หากรัฐอนุญาตให้ทำได้)
- รัฐการันตี มูลค่าซาก กรณีใช้งาน 12-15 ปี