Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ พฤศจิกายน 24, 2017, 23:01:31
-
จากที่มีการเปิดตัว Toyota Rush ซึ่งก็คือ Avanza ยกสูง ใส่ล้อใหญ่ มีอุปกรณ์ค่อนข้างครบๆ เหมือนจะเป็นรุ่นบนๆ ของ Avanza อีกที
ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเขาจะใช้ platform ร่วมกับ Vios Yaris
แต่สุดท้าย กลายเป็นว่า เอา Avanza เดิมมาต่อยอด ใช้เครื่องเกียร์เดียวกับ Avanza ปี 2016
คือ เป็นรถขับหลัง ใช้เครื่อง 2NR-VE (ตัวขับหลังของ 2NR แต่ใช้ block เหล็กหล่อ ยังไม่เป็นอลูมีเนียมเต็มตัว)
ที่สำคัญ คือ เป็นออโต้ 4 speed แบบเดิม
ส่วนตัวผมมองว่า น่าจะเหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการรถใช้งาน ลุยๆ นิดๆ
ผมชอบครับ เป็นรถที่รู้สึกว่า แตกต่างจาก Mini MPV คันอื่นอย่างชัดเจน ทำถูกแล้วที่ใช้ platform นี้
ตัวรถของ Avanza เดิม มันดีตรงมันสูง ลุยน้ำท่วมแบบกระบะตัวเตี้ยได้สบายๆ สูงกว่าแม้กระทั้ง Honda BR-V ที่โฆษณาว่าสูงและเป็น SUV ซะอีก
เหมาะกับการใช้งานของที่บ้านผม ที่ค่อนข้างกลัวน้ำท่วม ใน กทม. แต่ไม่สะดวกใจสบายใจกับการซื้อกระบะ 4 ประตู ที่ภาษีแพง คันใหญ่โตโคตรๆ เกินไป และตำรวจชอบจับ
ไม่ชอบแนวคิดการซื้อรถ SUV มือ 2 จำพวก CR-V
ไม่เหมาะกับรถเก๋งเล็ก เครื่อง 1.2-1.6 ที่ปัจจุบัน มีปัญหามาก คือ รถมันเตี้ยครับ
เวลานั่งกัน 4 คน (คนละ 100 กิโล) รวม 400 กิโล รถมันจะแบกน้ำหนักมากจนวิ่งไม่ออก ใต้ท้องอาจจะกระแทกกับพื้นลาดต่างระดับ (แบบที่ผมเจอใน Ativ)
เจ้านี้เป็นรถที่อยู่ตรงกลาง ระหว่าง กระบะกับเก๋ง ในราคางบ มือ 2 C-SUV
...ถ้า Toyota เอาเข้ามาขายจะดีมากๆ ครับ
มันคงไม่ตีกับ Sienta หรอกครับ เพราะลูกค้าคนละกลุ่มกัน
คนที่ชอบ Avanza ส่วนมากก็ชอบรถยกสูงอยู่แล้ว ต้องการรถแนวๆ ทนทานลุยๆ ซึ่ง Sienta นี่มันไม่ตอยโจทก์คนกลุ่มนี้ครับ
ในราคา 6-7 แสน ไม่มีรถคันไหน ที่เป็นรถยกสูง ให้ลูกค้ากลุ่มนี้ ที่งบไม่ถึงเลือกเลย...(หวังว่าจะเอามาขายครับ)
อาจจะเอามาแต่ Avanza ก็ได้ครับ จะได้ราคาไม่สูงจนเกินไป
แล้วทุกท่านคิดอย่างไรกันการที่ Toyota Rush (Avanza) ยังเป็นรถขับหลัง เกียร์ออโต้ 4 speed และ platform เดิมครับ
ขอเชิญร่วมแชร์ฺความคิดเห็นกันครับ
https://www.youtube.com/watch?v=VjmmVn2OH-k (https://www.youtube.com/watch?v=VjmmVn2OH-k)
-
ส่วนตัวผมชอบที่เป็นขับเคลื่อนล้อหลังครับ แต่ไม่ค่อยโอเคตรงที่เกียร์ 4สปีดครับ อย่างน้อยจริงๆน่าจะให้สัก 5 ครับ
คหสต.
-
ความเป็นขับหลังนี่หละจุดเด่นของมันเลย ส่วนตัวไม่เคยมองว่า Avanza สวยเลย รุ่นแรก็หัวลีบๆแปลก รุ่นสองก็เฉยๆ มารุ่นนี้นี่ชอบเลยนะ ลงตัวพอดีเลย ดีใจที่มือจับประตูไม่มีรูกุญแจหน้าเกลียดอีกแล้ว แล้วก็ภายในดูดีขึ้นมากเลย ถ้ามาไทยแล้วตัวท็อปไม่เกิน8แสน จะดีมากๆ
-
ชอบ Avanza/ Rush ตรงที่สูง และเป็น MPV ขนาดเล็กครับ .. แต่ไม่ค่อยโอเคกับการออกแบบ และความเป็นเกียร์ 4 สปีด
ว่าแต่รถขับหลังนี่ มันดีกว่าขับหน้าอย่างไรครับ? ถึกกว่า ขับมันกว่า?
-
ไม่ตีกับ Sienta แน่ใจเหรอครับ ถ้ามาจริงมันจะเหมือนเคส Mobilio กับ BRV ของฮอนด้าที่ออกมาฆ่าตัดยอดกันเองน่ะแหละครับ
-
น่าใช้ครับ
สวยแบบ Crv G4 มีที่พักแขนซ้าย
ดูเหมือนจะยัดถุงลม7ใบ ครบๆ
-
ชอบ Avanza/ Rush ตรงที่สูง และเป็น MPV ขนาดเล็กครับ .. แต่ไม่ค่อยโอเคกับการออกแบบ และความเป็นเกียร์ 4 สปีด
ว่าแต่รถขับหลังนี่ มันดีกว่าขับหน้าอย่างไรครับ? ถึกกว่า ขับมันกว่า?
เอาคร่าวๆน่ะครับ (ถ้าเอาแบบเจาะลึกต้องพูดกันยาวเกินหน้ากระดาษ A4 ละครับ)
- ใช้งานสมบุกสมบันได้ทนทานกว่ามาก
- การกระจายน้ำหนัก เครื่อง เกียร์ เฟือท้าย เพลาขับ อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า คือวางตรงแกนกลางตามยาวแนวเดียวกับรถ
บาล๊านซ์จึงดีกว่า
- จากข้อบน มีผลให้รถโดยรวมมีการทรงตัวดีกว่า และเบรกได้ดีกว่า
- ได้ฟีลลิ้งพวงมาลัยธรรมชาติแท้ๆ เพราะล้อหน้าทำหน้าที่บังคับเล้ยวอย่างเดียว ไม่มีแรงบิดของเครื่อง-เกียร์มาปนเปื้อนให้เสียความรู้สึกในบางที
- ยิ่งบรรทุกหนัก หรือยิ่งออกตัวแรงมากเท่าไหร่ Traction (การยึดเกาะของล้อที่ขับเคลื่อน) ก็จะมากตาม เพราะเวลามีน้ำหนักบรรทุก
หรือเร่งแรงๆ น้ำหนักของรถมันจะเทไปด้านหลัง ไปกดล้อหลังให้จิกยึดกับพื้นมากขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นล้อที่ขับเคลื่อนนั่นเอง...
แต่ถ้ารถขับเคลื่อนล้อหน้าจะตรงกันข้ามครับ คือยิ่งบรรทุกหนัก หรือยิ่งออกตัวแรงมากเท่าไหร่ Traction จะด้อยลง เกาะน้อยลง
สังเกตุ ถ้าบรรทุกหนักหน่อย เช่นนั่งเต็มคัน 5คน+สัมภาระ แล้วไปวิ่งพื้นเปียกน้ำหน่อย รถขับหน้าจะออกตัวล้อฟรีง่ายกว่าตอนหนังคนเดียวครับ
เพราะล้อที่ขับเคลื่อนมันเกาะน้อยลงนั่นเอง...
ส่วนข้อเสียของรถขับหลังก็คือ วิ่งในเมืองจะกินน้ำมันมากกว่าชัดเจนครับ โดยเฉพาะถ้าขับแบบเลี้ยวแล้วเร่งบ่อยๆ
แต่ถ้านอกเมืองวิ่งลอยลำก็จะไม่ต่างมากนัก + แล้วก็ต้องเปลืองพื้นที่ในห้องโดยสารมากกว่าครับ ไม่เหมาะกับพวกรถเล็กๆอย่าง Eco car
+ ต้นทุนผลิตสูงกว่า
สรุป
รถขับเคลื่อนล้อหลัง มักจะใช้กับรถประเภทดังต่อไปนี้
1. รถบรรทุกที่ต้องการความทนทานในการใช้งานหนัก + ความยึดเกาะตอนบรรทุกหนัก เช่นรถกระบะ รถแวนรถตู้บางรุ่น หรือ รถบรรทุกใหญ่ๆนั่นเอง
รวมถึงรถ Taxi ของประเทศพัฒนาแล้วหลายๆประเทศ ก็จะใช้รถขับหลังครับ เพราะต้องการใช้งานหนัก เช่นที่ อเมริกา , ญี่ปุ่น ฯลฯ
2. รถที่มุ่งเป้าหมายไปในเรื่องคุณภาพการขับขี่เป็นพิเศษ ไม่แคร์ต้นทุนการผลิตมากนัก (มักเป็นรถมีราคา) เช่น รถหรูพรีเมี่ยม
3. รถที่มุ่งเป้าหมายไปในเรื่องคุณภาพการขับขี่+สมรรถนะ+อรรถรส+ต้องรองรับเครื่องกำลังสูงๆ เช่น รถสปอร์ต , รถแข่ง
หมายเหตุ; แต่กรณีของ Avanza ผมคิดว่าทำมาเพื่อเน้นความทนทานเฉยๆครับ
ปล. เอาเท่านี้ก่อนน่ะครับ จริงๆถ้าเจาะลึกจะมีเยอะกว่านี้ครับ แต่เดี๋ยวยาวไป ผมง่วงแล้วด้วย 555+
-
ชอบ Avanza/ Rush ตรงที่สูง และเป็น MPV ขนาดเล็กครับ .. แต่ไม่ค่อยโอเคกับการออกแบบ และความเป็นเกียร์ 4 สปีด
ว่าแต่รถขับหลังนี่ มันดีกว่าขับหน้าอย่างไรครับ? ถึกกว่า ขับมันกว่า?
เอาคร่าวๆน่ะครับ (ถ้าเอาแบบเจาะลึกต้องพูดกันยาวเกินหน้ากระดาษ A4 ละครับ)
- ใช้งานสมบุกสมบันได้ทนทานกว่ามาก
- การกระจายน้ำหนัก เครื่อง เกียร์ เฟือท้าย เพลาขับ อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า คือวางตรงแกนกลางตามยาวแนวเดียวกับรถ
บาล๊านซ์จึงดีกว่า
- จากข้อบน มีผลให้รถโดยรวมมีการทรงตัวดีกว่า และเบรกได้ดีกว่า
- ได้ฟีลลิ้งพวงมาลัยธรรมชาติแท้ๆ เพราะล้อหน้าทำหน้าที่บังคับเล้ยวอย่างเดียว ไม่มีแรงบิดของเครื่อง-เกียร์มาปนเปื้อนให้เสียความรู้สึกในบางที
- ยิ่งบรรทุกหนัก หรือยิ่งออกตัวแรงมากเท่าไหร่ Traction (การยึดเกาะของล้อที่ขับเคลื่อน) ก็จะมากตาม เพราะเวลามีน้ำหนักบรรทุก
หรือเร่งแรงๆ น้ำหนักของรถมันจะเทไปด้านหลัง ไปกดล้อหลังให้จิกยึดกับพื้นมากขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นล้อที่ขับเคลื่อนนั่นเอง...
แต่ถ้ารถขับเคลื่อนล้อหน้าจะตรงกันข้ามครับ คือยิ่งบรรทุกหนัก หรือยิ่งออกตัวแรงมากเท่าไหร่ Traction จะด้อยลง เกาะน้อยลง
สังเกตุ ถ้าบรรทุกหนักหน่อย เช่นนั่งเต็มคัน 5คน+สัมภาระ แล้วไปวิ่งพื้นเปียกน้ำหน่อย รถขับหน้าจะออกตัวล้อฟรีง่ายกว่าตอนหนังคนเดียวครับ
เพราะล้อที่ขับเคลื่อนมันเกาะน้อยลงนั่นเอง...
ส่วนข้อเสียของรถขับหลังก็คือ วิ่งในเมืองจะกินน้ำมันมากกว่าชัดเจนครับ โดยเฉพาะถ้าขับแบบเลี้ยวแล้วเร่งบ่อยๆ
แต่ถ้านอกเมืองวิ่งลอยลำก็จะไม่ต่างมากนัก + แล้วก็ต้องเปลืองพื้นที่ในห้องโดยสารมากกว่าครับ ไม่เหมาะกับพวกรถเล็กๆอย่าง Eco car
+ ต้นทุนผลิตสูงกว่า
สรุป
รถขับเคลื่อนล้อหลัง มักจะใช้กับรถประเภทดังต่อไปนี้
1. รถบรรทุกที่ต้องการความทนทานในการใช้งานหนัก + ความยึดเกาะตอนบรรทุกหนัก เช่นรถกระบะ รถแวนรถตู้บางรุ่น หรือ รถบรรทุกใหญ่ๆนั่นเอง
รวมถึงรถ Taxi ของประเทศพัฒนาแล้วหลายๆประเทศ ก็จะใช้รถขับหลังครับ เพราะต้องการใช้งานหนัก เช่นที่ อเมริกา , ญี่ปุ่น ฯลฯ
2. รถที่มุ่งเป้าหมายไปในเรื่องคุณภาพการขับขี่เป็นพิเศษ ไม่แคร์ต้นทุนการผลิตมากนัก (มักเป็นรถมีราคา) เช่น รถหรูพรีเมี่ยม
3. รถที่มุ่งเป้าหมายไปในเรื่องคุณภาพการขับขี่+สมรรถนะ+อรรถรส+ต้องรองรับเครื่องกำลังสูงๆ เช่น รถสปอร์ต , รถแข่ง
หมายเหตุ; แต่กรณีของ Avanza ผมคิดว่าทำมาเพื่อเน้นความทนทานเฉยๆครับ
ปล. เอาเท่านี้ก่อนน่ะครับ จริงๆถ้าเจาะลึกจะมีเยอะกว่านี้ครับ แต่เดี๋ยวยาวไป ผมง่วงแล้วด้วย 555+
ขอบคุณมากๆเลยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่านแบบละเอียดอีกรอบ .. คืนนี้ ตาจะปิดเหมือนกัน 555..
-
ขับหลังก็โอเคนะสำหรับคนที่ชอบรถขับหลังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ที่คนไทยบ่นๆ เอาเข้าจริงมันใช้ดีในภูมิประเทศอย่างอินโดนีเซียนะ เดี๋ยวก็ขึ้นเขา-ลงเขา เดี๋ยวก็จอดข้ามเกาะ เท่าที่ดูจากการเปิดตัว Mitsubishi Xpander นางก็ใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แล้วยอดจอดถล่มทลาย ผมว่าเขาทำ Re-Search มาดีทุกอย่างแล้วแหละ คนอินโดเขาอาจจะชอบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะโบราณกาล ก็ได้ เราไม่ได้รู้กับเขานี่นา ส่วนถ้ามาบ้านเราก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก Indonesia Version หรอก แล้วก็เดาว่าเสียบแทน Avanza แต่ไม่ใช้ชื่อ Rush ใช้ชื่อ Avanza เดิมเลย ราคาอาจจะแตะๆ Sienta แน่ๆ และตัดยอดกันเองบ้างไม่ได้เยอะ
-
เน้นทน ถึก ดูแลง่าย ลุยได้
ผมว่า segment ชัดเจนดีครับ
-
ผมว่า rush ไม่ได้มาแทน avanza นะ เพราะเคยเห็นรัชตัวเก่า คือมันมาแทนตัวเดิมนิครับ
ไหนๆจะยกสูง จะขับหลังแล้ว ทำขับสี่มาเลยดีไหม ;D
ถ้าประกอบไทย ผมอาจจะซื้อนะ แต่คิดว่าประกอบอินโดแล้วคงเอาเข้ามาขายแบบแก้บนเหมือน avanza นั่นละ
รอดูเทียบกับ จิมนี่ครับ คันไหนถูกใจกว่าก็คันนั้น ผมมีแพลนจะซื้อ suv คันเล็กๆมาวิ่งบ้านต่างจังหวัดอยู่แล้ว วิ่งน้อยๆ ใช้นานๆ ออโต้4เลยไม่ค่อยเป็นประเด็น ขอทนอยู่นานไว้ก่อน..
-
มันทนจนลืมซ่อมไปเลยครับ สำหรับคนที่ต้องการใช้งาน10ปีขึ้นไป
แต่คนที่เปลี่ยนรถบ่อยๆ เกียร์ออโต้ 4 คงไม่ชอบนักครับ
-
ผมมองว่ายังไงมันก็ยังดีกว่า CVT แล้วกันครับ แต่ไม่โอเคตรงเครื่องยังเป็น 1.5 แรงม้าเท่า B segment
-
ขับหลัง ข้อดีเยอะขนาดนั้น ทำไมเทรนรถยุคนี้ถึงไม่ทำตาม?
-
ก็ไม่คิดอะไร ปกติรถแบบนี้ขายอินโดเป็นหลัก MPV แล้วที่อินโดต้องการรถที่ทนทานไม่ต้องซ่อมอะไีีรมากมาย รถราคาไม่แพงเกินไป เรียบ ๆ ไม่หวือหวาด้านหน้าตาหรือการตบแต่ง ต้องการ เครื่องเบนซินไม่ต้องใหญ่ ขนของสัมภาระได้เยอะ
แต่ที่ไทยรถแบบนี้อาจไม่ได้มีจำนวนยอดขายอะไรที่เยอะแบบนั้นเพราะคนไทยไมไ่ด้นิยมซื้อรถคันเดียวไปทั้งครอบครัว ถ้าไปทั้งครอบครัวก้มองรถปิคอัพมากกว่า หรือใครมีเงินเยอะหน่อยก็มอง PPV SUV หรือไม่ก็ MPV บน ๆ ไปเลย
-
คนอินโดเขาแค่จะเอารถใช้งานตามวิถีชีวิตเขา ไม่ได้มานั่งบ้า สปีดเกียร์ แบบคนไทย ไทยจะเอามาขายหรือปล่าว ยังไม่รู้เลย
-
โดยส่วนตัวชอบครับ เกียร์ 4 at ยังดีกว่า CVT 10 speed มากมาย
ชอบความทนถึก ลากอัดยาวๆ ไม่พังง่ายๆ
-
คนอินโดเขาแค่จะเอารถใช้งานตามวิถีชีวิตเขา ไม่ได้มานั่งบ้า สปีดเกียร์ แบบคนไทย ไทยจะเอามาขายหรือปล่าว ยังไม่รู้เลย
+1
-
ขับหลัง ข้อดีเยอะขนาดนั้น ทำไมเทรนรถยุคนี้ถึงไม่ทำตาม?
มันแพงพี่ ต้นทุนแพงกว่าชับหน้า เพราะมันมีเพลากลาง เพลาหลังตัวเป้ง ๆ ทำให้รถขับหลังมัน...
น้ำหนักรถเยอะกว่า --> แนวโน้มกินน้ำมันมากกว่า + แนวโน้มอัตราเร่งจะอืดกว่า
เพลากลาง + เพลาหลัง --> เปลืองที่ เบียดบังห้องโดยสาร ห้องสัมภาระ แคบกว่ากว่ารถขับหน้า
เทรนรถเล็กมันเคยเป็นขับหลังแล้วเปลี่ยนมาเป็นขับหน้าต่างห่างล่ะพี่ และคงไม่เปลี่ยนกลับแล้วล่ะฮะ
-
ขับหลัง ข้อดีเยอะขนาดนั้น ทำไมเทรนรถยุคนี้ถึงไม่ทำตาม?
ถ้าพูดถึงพวกรถเก๋งซีดานยุคนี้รถขับหลังเค้าก็ทำอยู่น่ะครับ เพียงแต่มันไม่ใช่รถตลาด คำว่ารถตลาดหมายถึง รถที่ผลิตมาเน้นให้ผู้บริโภคจับต้องได้ง่าย
ต้นทุนการผลิตต้องไม่สูงมาก สมรรถนะไม่จำเป็นต้องยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวก็ได้ ขับไปไหนมาไหนได้ก็พอ (เน้นตลาดล่าง-กลางนั่นเอง)
เหตุผลที่รถตลาด (ถ้าไม่นับรถกระบะที่จำเป็นต้องเป็นขับหลังอยู่แล้ว) ไม่ค่อยทำขับเคลื่อนล้อหลัง เพราะ
1. ต้นทุนการผลิตรถขับหลังสูงกว่า ใช้เวลาในการผลิตมากกว่า = ต้องขายรถแพงกว่า ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคขอรถประเภทนี้"โดยส่วนมาก"
ไม่ใช่คนรวย ราคารถที่ถูก-แพงต่างกันไม่ว่าจะ5หมื่นหรือแสนเดียว ก็มีความหมาย และส่งผลต่อการตัดสินของกลุ่มลูกค้าประเภทนี้อย่างมาก
การทำรถเป็นขับเคลื่อนล้อหน้า ก็ช่วยลดต้นทุนได้พอสมควรครับ แล้วกลุ่มลูกค้าประเภทนี้จะคิดมากเรื่องอัตราบริโภคน้ำมันด้วย
ซึ่งรถขับหน้าวิ่งในเมืองออกตัวบ่อยๆจะประหยัดน้ำมันกว่า 1-2 กม./ลิตร จึงส่งผลดีกับกลุ่มลูกค้าประเภทเข้าไปอีกนี้ครับ
2. ส่วนมากรถตลาด หลายรุ่นๆไม่ใช่รถขนาดใหญ่ ถ้าตัวรถขนาดมันค่อนข้างเล็กอยู่แล้ว ถ้าทำเป็นระบบขับหลังมันจะไปกินพื้นที่เข้าไปอีก
แล้วรถขับหน้า สามารถทำให้ด้านหน้าสั้นลงได้มากกว่า จึงเหมาะกับรถที่ต้องการความคล่องตัวในเมืองเป็นพิเศษ
3. รถตลาดส่วนมากเครื่องจะไม่ได้แรงไม่ได้ใหญ่มาก จะใช้ระบบขับหน้าก็ได้ เพื่อให้ได้ประโยชน์จาก 2บน
4. กว่า 80% ของกลุ่มลูกค้าคนใช้รถตลาด ไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการขับขี่แบบ Motorsport คือไม่ใช่สายซิ่ง ไม่ใช่สาย Performance
หรือไม่ใช่คนที่ชอบรถเลยด้วยซ้ำ กลุ่มลูกค้าพวกนี้ซื้อรถมาเพราะจำเป็นต้องใช้โดยสารไปไหนมาไหนเฉยๆ บางคนกดคันเร่งไม่เคยเกินครึ่ง
ขับเท่าความเร็ว Honda Wave 100 แทบจะตลอดชีวิต เจอโค้งก็คลานเข้าโค้ง....แบบนี้ถ้าทำขับเคลื่อนล้อหลังมา ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดของมัน
ก็เลยทำขับหน้าแล้วเอาประโยชน์จาก 2ข้อแรกดีกว่า
5. หัวเพลาขับ+ยางกันฝุ่น+ยางแท่นเครื่อง-แท่นเกียร์ ของรถขับหน้าจะอายุสั้นกว่าของขับหลังมาก ซึ่งดีต่อผู้ผลิต เพราะจะขายอะไหล่ได้
แล้วมันจะยิ่งสั้นกว่าปกติเข้าไปอีก หากไปอยู่กับคนที่เท้าหนัก ช่วงต้นๆชอบเร่งแรงๆบ่อยๆ โดยเฉพาะเร่งแรงๆขณะเข้าโค้ง
หรือตอนล้อมีการหักเลี้ยวอยู่ แบบนี้เพลาขับจะไปเร็วเป็นพิเศษครับ
ก็ประมาณนี้ครับ ส่วนรถที่ไม่ได้ห่วงเรื่องข้อจำกัดดังที่กล่าวมาด้านบน เค้าก็จะทำเป็นขับเคลื่อนล้อหลังอยู่ครับ
ถ้าพวกซีดาน ก็เช่น Benz , BMW ตัวที่เป็นคลาสหลักเช่น C-S หรือซีรี่ส์ 3-7
ถ้าฝั่งญี่ปุ่นก็มี Toyota Crown ซึ่งเป็นขับหลังมาโดยตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง....เรื่องพื้นที่ ด้วยรถพวกนี้ตัวถังค่อนข้างใหญ่อยู่แล้ว
การทำเป็นขับเคลื่อนล้อหลังก็จะไม่กระทบต่อพื้นที่ในห้องโดยสารเท่าไหร่ ยังไงก็ยังมีพื้นที่กว้างอยู่ ยังไงก็นั่งสบายครับ
จริงๆฝั่งญี่ปุ่นก็เหมือนจะมีอีกนะครับ แต่นึกไม่ออกแต่ถ้ามี ก็อาจไม่ได้ขายอยู่แถวๆนี้นะครับ
ส่วนรถสปอร์ต ไฮเปอร์คาร์ พวกนี้จำเป็นต้องเป็นขับหลังครับ เพราะเครื่องแรงจัด เน้นสมรรถนะทุกด้าน และอรรถรสในการขับขี่ เหนือสิ่งอื่นใด
ส่วนราคาไม่สน แพงเท่าไหร่เท่ากัน เพราะกลุ่มลูกค้าของรถแนวนี้เป็นคนมีกะตังอยู่แล้วครับ
แต่รถสปอร์ตเครื่องไม่แรงมาก แต่เป็นขับหลังก็มีครับ เช่น MX-5 , GT86 , BRZ ฯลฯ พวกนี้ทำขับหลังมาน่าจะเพื่อเน้น Handling
เป็นหลักมากกว่า แต่ราคาก็ไม่ถูกนะครับ จะว่า
อ่อ อีกหนึ่งข้อดีของรถขับหลังที่มีผลในด้านการขับขี่คือ วิศวกรสามารถ ผลิต+จูน ช่วงล่างด้านหน้าได้เต็มที่มากกว่าครับ
เพราะรถขับหน้า ทั้งเครื่องทั้งเกียร์ หันขวางกินเนื้อที่ซุ้มล้ออยู่ แถมมีเพลาขับก็เสียบไปที่ล้อหน้า ขวางทางไปอีกหน่อย
ถ้าขับหลังจะตรงข้ามครับ คือบริเวณซุ้มล้อหน้าจะโล่งกว่าเยอะ อยากใส่ช่วงล่างแบบไหน จัดเต็มได้เลย
ปีกนกใหญ่ยาวขนาดไหน จูนยังไง จัดได้เต็มที่กว่าของขับหน้าครับ
สรุป; ทุกระบบมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกันไปแหละครับ ผู้ผลิตเค้าจะทำมาระบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับประเภทรถนั้นๆ
ว่าเป็นแบบไหน , เอาไปใช้งานยังไง , กลุ่มลูกค้าส่วนมากของรถประเภทนั้นเป็นแบบไหน (ไลฟ์สไตล์การใช้รถ) นะครับ.
-
ผมว่า rush ไม่ได้มาแทน avanza นะ เพราะเคยเห็นรัชตัวเก่า คือมันมาแทนตัวเดิมนิครับ
ไหนๆจะยกสูง จะขับหลังแล้ว ทำขับสี่มาเลยดีไหม ;D
ถ้าประกอบไทย ผมอาจจะซื้อนะ แต่คิดว่าประกอบอินโดแล้วคงเอาเข้ามาขายแบบแก้บนเหมือน avanza นั่นละ
รอดูเทียบกับ จิมนี่ครับ คันไหนถูกใจกว่าก็คันนั้น ผมมีแพลนจะซื้อ suv คันเล็กๆมาวิ่งบ้านต่างจังหวัดอยู่แล้ว วิ่งน้อยๆ ใช้นานๆ ออโต้4เลยไม่ค่อยเป็นประเด็น ขอทนอยู่นานไว้ก่อน..
ถ้ามาจากอินโด ไม่มีไลน์จะขึ้นตัวขับ 4wd ครับ รู้สึกว่าแทบจะทุกยี่ห้อเลยมั้ง
ปล ผมก็รอตัว SUZUKI 4X4 เล็ก ๆ แบบนี้เหมือนกัน อยากได้แบบคานแข็งแบบเดิมไม่เอาปีกนก แต่ต้องเปิดประทุนได้ แต่ปัญหาคือดูทิศทางตลาดแล้วจะไม่มาเพราะในอาเซียนไม่เอา รถกลุ่มนี้ของ SUZUKI ไปขายดีแถบทะเลคาริเบี้ยน โซนอเมริกาใต้ บราซิลอะไรทำนองนั้น แถมเกรย์ก็ไม่นำเข้ามาบ้านเราด้วย
-
คิดว่ามันควรจะเปลี่ยนได้แล้วนี่2017
แต่ถ้าส่วนตัวผมนะ 4ATผมซื้อ CVTผมไม่ซื้อ
-
สำหรับผมเฉยๆนะ เพราะต้องดูหลายๆอย่างประกอบ ทั้งขนาดยาง นน.ตัวรถ อัตราทดเกียร์
สมัยก่อน ไครสเลอร์ นีออน 3 ออโต้ ก็สามารถทำรอบให้ต่ำพอๆกับ 4 ออโต้ได้
ดูกันไปครับ
-
ยังไงก็ได้ถ้ามันทน ถึก และประสิทธิภาพไม่ทิ้งห่างชาวบ้านมากนัก
-
เรื่องระบบขับหลัง จริงๆ ก็เป็นข้อดีนะครับ
รถขับหลัง จะมีวงเลี้ยงแคบกว่ารถขับหน้าด้วย เช่น volvo 940 960 นี่ รัศมีวงเลี้ยว 4.8 เมตร เลี้ยวในที่แคบๆ ง่ายมาก เรื่องความทนทาน ก็ย่อมมีมากกว่า ขับหน้าอยู่แล้ว แต่ก็จะมี ต้นทุนการผลิตที่มากกว่า การบำรุงรักษาที่มากกว่า เช่นน้ำมันเฟืองท้าย
เรื่อง 4AT ผมว่า มันก็ดีนะครับ เท่าที่ใช้ 4AT มา กับ รถต่างๆ เช่น mazda 2, vios, nissan neo การที่ รถมี เกียร์ auto 4 speed มันก็ขับ smooth ดีแม้รอบเครื่องยนต์ อาจจะสูงไปหน่อย ขณะเดินทางไกล ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองที่ด้อยกว่า CVT เล็กน้อย แต่ 4AT ก็ไม่ได้รอบสูงมากเท่าเกียร์ธรรมดา นอกจากนี้ ยังได้อารมณ์ในการเร่งเครื่องมากกว่า ทนกว่า CVT และต้นทุนก็น่าจะสูงกว่า CVT ด้วย
ที่ในปัจจุบัน รถเปลี่ยนเป็น CVT น่าจะมีเหตุผลด้าน การลด CO2 ซะส่วนใหญ่ เพื่อให้ผ่านเงื่อนไขภาษีต่างๆ และก็ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื่อเพลิงดีขึ้น
แต่สำหรับคนที่ไม่แคร์ CO2 เท่าไรนัก เพราะรถที่เก่าๆ ควันดำๆ ก็ยังวิ่งอยู่เต็มเมือง รถพวกนี้ CO2 มากกว่าแน่ๆ และเป็นมลพิษอย่างมาก ที่ยังไม่มีมาตรการชัดเจน ในการจัดการ ผมว่า ก็ต้องชอบ 4AT มากกว่า CVT แน่นอน
-
ทำมาเพื่อตอบรับกับตลาดอินโด ซึ่งชอบรถแบบนี้
ผมว่าก็เป็นไปตามความต้องการของตลาดแหละครับ
-
ผมงงที่ทำไมขับหลัง กับเกียร์ออโต้ 4 ต้องเป็นประเด็น คือเข้าใจว่าขับหลังมันลดต้นทุนเหรอ !