จากคนใช้ ACV 50 2.0 G ก่อน MC นะครับ
ยังงัย 2.0 D4S ก็ยังห่างกับ 2.5 Dual VVTI อยู่ดีครับ ผมใช้ ACV50 2.0 สลับกับ J32 V6 2.5 ยังเสียดายอยู่เลยว่าน่าจะจัด ACV 50 2.5 มาขับ เพราะเวลาสลับรถไปมานี่ เครื่องสองพันกับ BODY ขนาดนี้มันหนักไปครับ ขับในเมืองเรื่อยๆ ไหลๆ รถติด ไม่เป็นไร แต่พออก ตจว. แล้วปลี่ยนเลนเพื่อแซงต้องเผื่อระยะ ไม่งั้นข้างหลังด่าเอา ผิดกับพวก 2.5 ทั้งหลายแรงบิดมารออยู่ที่เท้า ยิ่ง ACV50 2.5 มีเกียร์ 6 AT ด้วย
ทุกวันนี้แคมรี่ผมเลยให้พ่อกับแม่ใช้ขับ รับ ส่ง หลานครับ....
ถูกต้องที่สุดครับ ผมก็เคยใช้ ACV50 ตัว 2.0 เช่นกัน เวลาจะเร่งแซงแบบทันด่วน รู้สึกทรมานรถยังไงชอบกล ถ้าออกตจว.แซงแบบสวนเลน ตบซีเควนเชี่ยลเกียร์ 3 เท่านั้น ถ้าอยู่ D ต้องเผื่อระยะมากๆ อย่าไปทึกทักว่าตัวเลขเร่งแซงที่พอๆ กับ B-Segment 1.5 ก็โอเคแล้ว อย่าลืมว่าบอดี้แค่นั้นมันคล่องแคล่วกว่ากันมาก แม้แต่ตัว 2.0 ใหม่ ถัาไม่ตบซีเควนเชี่ยล ก็ไม่ต่างจากตัวก่อน Mc ครับ
อีกอย่างรถมันจะรู้สึกหนักๆ พวงมาลัยหนักดูอุ้ยอ้ายในเมืองแต่ก็มั่นใจดีเวลาขับทางไกล (ซึ่งเป็นข้อดีอย่างเดียวของมัน) ผิดกับตัวไฮบริด นั่นก็พวงมาลัยหวิวเกิน วิ่งเร็วๆ 160 ขึ้นไป รู้สึกรถมันอยากเป็นเครื่องบินชั่วคราว เตรียมเทคออฟ เหมือนกับว่าไฮบริดมันช่วยผ่อนแรงเครื่องไปซะทุกอย่าง เบรค แอร์ เครื่อง เกียร์ พวงมาลัย ซึ่งบางครั่งผมว่ามันทำหน้าที่มากเกินจำเป็น ผมได้ขับมา 3 คัน เป็นรถที่บริษัท อาการคล้ายกันมาก มีคันนึงใช้ยาง Ecopia อันนั้นเจอหลังเต่ามัน floating ข้ามไปเลย ถ้าไปนั่งหลัง ใครขี้เมารถ เวียนหัวได้ง่ายๆ
สรุปนะครับ ถ้าไม่กังวลเรื่องค่าน้ำมันจนเกินไป ตัว 2.5 ขับดีสุดในอนุกรมแคมรี่แล้วครับ เกียร์สมูท ฉลาด แรงเครื่องสำรองเหลือๆ ขับสนุกกว่าตัวไฮบริดด้วยซ้ำ ถ้าจะเอาตัว 2.0 ต้องมั่นใจว่าเป็นคนขับเรื่อยๆ สบายๆ ไม่ชอบแซงใคร ถึงใช้ในเมืองเป็นหลัก ก็ไม่ใช่ว่าชอบซ่าบนทางด่วน อันนั้นคุณจะหงุดหงิดเปล่าๆ