Jatco CVT-7 เป็นเกียร์ที่โฆษณาว่ามีอัตราทดแปรผันที่ช่วงกว้างที่สุดในโลก (เพื่อ!!)
แต่ผมว่ามันมีปัญหาบางอย่าง คือทำพูลเล่ย์สายพานมาดันไม่จุ่มน้ำมันเกียร์ (ให้เหตุผลว่าถ้าจุ่มน้ำมันเกียร์จะทำให้สูญเสียกำลังโดยใช่เหตุ)
ผลที่ได้คือ เกียร์ร้อนจัด ใครติดออยเกียร์จะรู้เลยว่ามันร้อนมากๆ ร้อนจนเอามือแตะไม่ได้เลยครับ
พอมันร้อน พวกชิ้นส่วนก็กลับบ้านเร็วกว่าปกติ เช่น ชุดลูกปืนแตก โอริงเสื่อม แผ่นคลัชหลุดลอกเร็ว กรองตัน น้ำมันดำ
3 ปีเกียร์หอนถือว่ามีอาการเสียเร็วมากครับ
เอาใจช่วยครับ
ประเด็นเรื่องเกียร์ร้อนจัด ไม่ได้เกิดจากเรื่องจุ่มไม่จุ่มเป็นหลักนะครับ CVT-8 ที่ใส่ Teana/X-Trail ตัวปัจจุบัน ก็ออกแบบทรงเดียวกัน แต่เหมือนปั๊มจะคนละอย่าง...
ปัญหาหลักๆ คือ ถ้าเป็นพาร์ตเดิมมาจากศูนย์เลย มันไม่มีระบบระบายความร้อนน้ำมันเกียร์ครับ มีแต่ระบบต่อน้ำเข้าไป Warmer
บ้านเราไม่ได้อุณหภูมิติดลบขนาดต้องเอาน้ำหล่อเย็นมาอุ่นเกียร์ มีแต่จะร้อนเกินเหตุต่างหาก
ซึ่ง ถ้าเป็นพวกสามสูบที่อุณหภูมิทำงานไม่สูง ก็ยังพอได้ถ้าขับไม่ไวนัก (3 สูบ 84-86 องศา ไม่เกินนี้ ถ้าเปิดแอร์) แต่ถ้าพวกสี่สูบ แรงบิดใกล้ๆ 180 Nm นี่ มีเสียว
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ในส่วนของสเป็กน้ำมันเกียร์เอง ยังยืนยันว่าการออกแบบมันมีปัญหา โดยเฉพาะ NS-2 ล็อตแรกๆ ที่มีสารตัวเติมที่ดันเป็นสารทำให้เกิดฟอง
พอเกิดฟอง น้ำมันมันก็ไม่คงคุณสมบัติการหล่อลื่น แล้วก็กลายเป็นสะสมความร้อนแทน จนชิ้นส่วนภายในพัง (โดยเฉพาะโซลินอยด์วาล์วที่ชอบไปก่อนเพื่อน)
ส่วน NS-3 กลับกัน คือ Additive ดีขึ้น แต่ตัวน้ำมันเกียร์น่ะ ใสไป (ใสกว่า NS-2 เยอะอยู่ ดูจาก VI ที่ 100 องศาเซลเซียส 6.3:7.2)
พอใสปุ๊บ ถ้าใส่กะเครื่องที่อุณหภูมิสูงๆ ไม่มีระบบทำความเย็นน้ำมันเกียร์ด้วยอากาศหรืออื่นๆ ก็แล้วแต่ มันก็สูญเสียคุณสมบัติการหล่อลื่นได้ไว
ซึ่งสเป็ก แม้ยี่ห้ออื่นจะใช้คนละตัว เช่น Suzuki ใช้ชื่อ Green I/IV/II หรือ Mitsubishi ใช้ CVTF-J1/J4 แทน Nissan NS-2/NS-3 ก็ตาม
แต่อานิสงส์จากการออกแบบระบบอย่างนั้น ทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพไว ยิ่งใครถ่ายครั้งแรกช้ากว่าระดับ 20,000 โล แต่เท้าหนัก ไปหวันทุกราย
วิธีแก้... ตอบไว้กระทู้อื่นแล้ว เปลี่ยนให้บ่อยจนชิน ไม่ก็ถ้าลากมานาน ฟลัชรอบนึง แล้วค่อยเปลี่ยนให้เป็นกิจวัตร ช่วยได้มาก