Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kop104 ที่ เมษายน 04, 2012, 17:31:41
-
สวัสดีครับ ผมสมาชิคใหม่ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
ผมมีปัญหาน่าปวดหัวเกี่ยวกับความลังเลอยู่ครับ >:(
ผมกำลังจะตัดสินใจซื้อรถ ALPHARD 2012 2.4 , 2.4HV เลยมีความลังเลไม่แน่ใจ
เลยอยากขอคำแนะนำจากพวกพี่ๆที่ใจดีในเว็ปนี้ครับ.... ;D
ใจหนึ่งก็สนใจ 2.4HV แต่ติดอยู่ที่ว่ามีคนเตือนว่า 2.4HV จะมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า
กลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องศูนย์บริการบ้างละ และไม่แน่ใจในตัวHV กลัวมีปัญหาต่างใช้ไป
นานๆระบบHV จะเสื่อมเร็ว(ใช้รถอยู่ต่างจังหวัด 101 ;D) จึงไม่มั่นใจในระบบHV แต่ใจหนึ่ง
ก็อยากจะลองเทคโนโลยีใหม่ ที่สำคัญ2.4HVประหยัดน้ำมันมากกว่าเรี่ยวแรงก็มีมากกว่าตัว2.4
แต่ติดที่ค่าซ่อมบำรุงแพงมาก ไม่ทราบว่าผมเข้าใจผิดหรือเปล่าที่ว่า ปั้มน้ำไฮบิดจะเสียที่ 45,000 กม.
แล้วปั้มABS เสียที่ 100,000 km. จริงหรือเปล่าครับ ::)
2.4HV 1.ตกแต่งดีกว่ามีที่รองน่องคนนั่งหน้า(ข้างคนขับ)
2.มีที่รองเท้าเบาะแถวสองทั้งสองข้าง
3.มีระบบปรับอากาศนาโนยั้บยังกลิ่น
4.เทคโนโลยีทันสมัยมากๆ
5.ประหยัดน้ำมันกว่า 40%
พี่ๆที่เคยใช้ ALPHARD ไฮบิด ช่วยด้วยนะครับ
ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ :)
-
นี่่แหละปัญหาใหญ่เลยครับ ผมก็ไม่รู้ แต่ มอเตอร์โชว์ปีนี้ไปถามๆมา ผู้จัดการก็ให้คำตอบไม่เคลียร์มาก ยังไม่มีการเทส แต่บอกว่า 15 โลลิตร ทางไกล * อันนี้ผมไม่ชัวร์นะครับ ฟังผจก เค้ามา ส่วนภายในแต่สวยกว่าจริง แถมฟิล์มหน้า เพราะด้านข้างกันแสงอยู่แล้ว ประกันไม่แถมนะครับ
ส่วนเรื่องการประกันไฟฟ้า 5 ปี ก็ไม่น้อยนะครับ ผมว่าเพิ่มอีกแสนได้มาเยอะโขเลยครับ
-
Hybrid ไปเถอะครับ
ยังงัยก็โตโยต้า เข้าศูนย์ได้หมด อะไหล่มีให้แน่ๆ
และตัวนี้น่าจะเครื่องเดียวกับ Camry ด้วยมั้งครับ (ไม่แน่ใจ)
ถ้าตัวเดียวกัน วิ่งกันทั่วบ้านทั่วเมือง เรื่องอะไหล่ คงไม่น่ากังวล
โดยทั่วๆ ไป กว่ารถจะเริ่มเสีย เริ่มจุกจิก ส่วนใหญ่ก็ปาเข้าไปปีที่ 4-5
ถ้าตอนนั้น เทคโนโลยี Hybrid คงไปถึงไหน ต่อไหนแล้ว
อะไหล่แท้ อะไหล่เทียบ อะไหล่มือสอง มีมาให้เลือกเต็มตลาด
-
2.4 hvเลยคับราคานี้ถูกกว่าเกรย์อีกได้ประกันศูนย์อีกต่างหาก ที่ญี่ปุ่นตัว2.4hv ราคาแพงกว่าตัว3.5อีกคับ ;D
-
แนะนำ HV ครับ
-
มาเชียร์ HV ครับ
ที่ยี่ปุ่น 2.4HV เป็นเครื่องตัว top ครับ
-
Hybrid ไปเถอะครับ
ยังงัยก็โตโยต้า เข้าศูนย์ได้หมด อะไหล่มีให้แน่ๆ
และตัวนี้น่าจะเครื่องเดียวกับ Camry ด้วยมั้งครับ (ไม่แน่ใจ)
ถ้าตัวเดียวกัน วิ่งกันทั่วบ้านทั่วเมือง เรื่องอะไหล่ คงไม่น่ากังวล
โดยทั่วๆ ไป กว่ารถจะเริ่มเสีย เริ่มจุกจิก ส่วนใหญ่ก็ปาเข้าไปปีที่ 4-5
ถ้าตอนนั้น เทคโนโลยี Hybrid คงไปถึงไหน ต่อไหนแล้ว
อะไหล่แท้ อะไหล่เทียบ อะไหล่มือสอง มีมาให้เลือกเต็มตลาด
เครื่องบล๊อคเดียวกับcamry แต่ไม่ใช่เครื่องเดียวกันครับ
-
ไฮบริดดีกว่าครับ 2.4 ธรรมดาวิ่งไม่ออกนะ
-
HV เท่านั้นครับ
-
HV อีกหนึ่งเสียงครับ
แรงกว่า ประหยัดกว่า option มากกว่า
ระบบ hybrid ของ Toyota ไม่ต้องกลัวเลยเขาใช้มาเป็น 10 ปี up. แล้วครับ
-
ถ้าใช้ยาวๆ ผมกลับสนใจตัวธรรมดามากกว่า
อีกอย่าง ผมยังกังขา กับอัตราเร่งตัว HV
เพราะเคยมีโอกาสนั่งรุ่นที่แล้ว มันก็ไม่ได้วิ่งดีกว่าตัวปกติแต่อย่างใด
ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดว่ามีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วย อัตราเร่งน่าจะดีกว่าตัวธรรมดาแบบเห็นได้ชัด
ส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะมี E four ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย ก็เลยทำให้วิ่งไม่ได้ดังที่คิดเอาไว้
ผมก็เลยไม่แน่ใจว่ารุ่นใหม่นี้ ดีขึ้นสักแค่ไหน
ลองถามไปปรึกษาผู้ใช้งานในเวป estima-alphardclub ดูครับ
-
ถ้าใช้ยาวๆ ผมกลับสนใจตัวธรรมดามากกว่า
อีกอย่าง ผมยังกังขา กับอัตราเร่งตัว HV
เพราะเคยมีโอกาสนั่งรุ่นที่แล้ว มันก็ไม่ได้วิ่งดีกว่าตัวปกติแต่อย่างใด
ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดว่ามีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วย อัตราเร่งน่าจะดีกว่าตัวธรรมดาแบบเห็นได้ชัด
ส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะมี E four ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย ก็เลยทำให้วิ่งไม่ได้ดังที่คิดเอาไว้
ผมก็เลยไม่แน่ใจว่ารุ่นใหม่นี้ ดีขึ้นสักแค่ไหน
ลองถามไปปรึกษาผู้ใช้งานในเวป estima-alphardclub ดูครับ
ห๊ะ มันขับสี่หรอครับ แต่ก็ว่าเถอะ เครื่องสันดาปสำหรับไฮบริดน่ะ มันโดนตัดกำลังไปตั้งเยอะ >:(
-
ผมว่ารถมันถูกสร้างขึ้นเพื่อขับขี่แบบสะดวกและสบาย มันจึงไม่แรงมากแต่ไม่อืดเกินไป
-
วันนี้เพิ่งไปจองมาครับ
ตัว 2.4 Hybrid 3,359,000
Toyota Alphard 2.4 Hybrid รุ่นนี้ ทาง Toyota Thailand ได้นำเข้ารถมาทั้งคันจากญี่ปุ่น (ไม่ใช่ประกอบในไทยหรือ อินโดนีเซีย ตามที่ Gray บางเจ้าอ้าง)
จะมีอยู่แค่ 2 ส่วนที่นำมาตกแต่งเพิ่มเติมในประเทศคือ
1 หุ้มเบาะหนังทั้งคัน
2 ระบบ Multimedia เช่น จอDVDหน้า และ จอกลาง รวมถึง ระบบ Navigator ที่สมบูรณ์และสามารถใช้ได้จริงในประเทศไทย
ส่วนตัวผมว่างานนี้ Gray Market ท่าทางลำบากพอสมควร
เพราะเท่าที่ไปดูเปรียบเทียบ Gray Market หลายๆเจ้า ยังOption ไม่เท่าศูนย์
แถมเปิดกัน 3.3 - 3.9
ทาง Gray ก็บอกว่าตัวเอง Option ดีกว่าศูนย์
แต่ผมทำการบ้านมาพอสมควร จึงเห็นได้ชัดว่า รถ Gray Option ไม่ได้มากกว่ารถศูนย์ครับ อาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ
Option หลักที่ศูนย์มี แต่ Gray อาจจะไม่มีคือ
1 ระบบนำทาง Navigator แบบหน้าจอสัมผัส ใช้ได้จริงในประเทศ ได้ทั้งภาษาไทย/อังกฤษ ไม่ใช่ญี่ปุ่น
2 จอหน้า DVD CD MP3/WMA LCD ระบบสัมผัส 7" พร้อม Bluetooth จาก Alpine ช่องต่อ USB/ iPod
3 จอ DVD แถวสอง บนหลังคา ขนาด 10.1 นิ้ว
4 เบาะคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ที่พักเท้าผู้โดยสาร
ด้านหลังแถวที่ 1 และระบบเลื่อนถอยหลัง
อัตโนมัติขณะเข้า-ออกจากตัวรถ
5 เบาะแถวสอง ปรับไฟฟ้่า 2 ที่นั่ง แบบเฟิร์สคลาส พร้อมที่รองขา
6 เบาะคนนั่งหน้า ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
7 ระบบจัดการรวมไดนามิก ของตัวรถ (VDIM)
8 ระบบเชื่อมต่อ โทรศัพท์ไร้สาย (Bluetooth)
9 กล้องมองหลัง
10 พร้อมระบบ nanoe สำหรับห้องโดยสาร ด้านหน้าและด้านหลัง (บางที่ไม่มีด้านหลัง หรือไม่มีระบบนี้เลย)
11 ไฟส่องสว่างบริเวณ แผงประตูหน้าขณะประตูเปิด
12 เบาะ Memory 3 จุด
13 รถศุนย์เบาะหนังสีครีม ส่วน Gray หลายๆที่เป็นเบาะผ้า อันนี้แล้วแต่ชอบครับ
14 ชุดแต่ง Skirt รอบคัน ด้านหน้า-หลังเป็นแบบติดมุม
ด้านข้างเป็นกาบชิ้นใหญ่ มีเดินคิ้วโครเมี่ยมยาวๆ
มาดูOption ที่รถ Gray บางคันอาจจะมี แต่รถศูนย์ไม่มีครับ
1 เบาะหนังสีดำ หรือเบาะผ้า / ภายในดำ
2 กระจกโค้งมองมุมหน้ารถ (อยู่แถวๆกระโปรงหน้าฝั่งคนนั่ง)
3 ปุ่มเปลี่ยนเพลง ปรับเสียง ที่พวงมาลัย
4 ล้อขนาด 17หรือ 18 (รถศูนย์ ล้อขนาด16")
5 กล้องหน้าหลังซ้ายขวารอบคัน (รถศูนย์มีแค่กล้องมองหลัง)
6 เมนู ภาษาญี่ปุ่น อิอิๆๆ
รถศูนย์ ประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม
เข้าService ได้ที่ Toyota ทั่วราชอาณาจักร
อะไรเสียเปลี่ยนได้หมด ไม่ต้องลุ้นว่ามีอะไหล่ไหม เปลี่ยนเป็นไหม หรือมีเครื่องมือไหม
Battery Hybrid ประกัน 5+5 = 10 ปี
5 ปีแรกตรวจเช็คตามระยะไม่มีค่าใช้จ่าย Batt Hybrid เสียเปลี่ยนเลย
5 ปีหลัง ตรวจตามระยะ ค่าตรวจเช็ค 1000 บาท/ครั้ง
หากเสีย ก็เปลี่ยนฟรีเหมือนกัน แต่เสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนประมาณ 3,000 บาท)
รถ Gray ประกัน Gray ครับ
1ปี 20000 โล หรือ 2ปึ 50000 โล
ต้องดูเอาเองว่า Gray เจ้านั้นเป็นอย่างไร
เวลามีอะไรเสีย หรือเกิดปัญหา Claim ไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านคิด
อาจจะต้องซ่อมก่อน ถ้าซ่อมไม่หายค่อยเปลี่ยน หรืออาจจะเคลมง่ายก็ได้ อันนี้ต้องแล้วแต่คิดครับ
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นข้อมูลที่ผมได้ศึกษาก่อนไปจองมา
หากมีส่วนใดผิดพลาด ก็ท้วงติงได้นะครับ
อยากจะนำข้อมูลมาแชร์ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ได้รับทราบไว้
อาจเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยครับผม
-
HY ครับ
-
โดยปกติแล้วตัว Hybrid นั้น ไม่ว่าจะเวอร์ชั่น TMT หรือ gray ก็จะมีแต่ขอบ 16 เท่านั้น
ส่วนล้อ 17 จะมาอยู่ในรุ่น G (ภายในสี ivory)
และล้อ 18 จะมาอยู่ในรุ่น S (ภายในดำ) / S"C package (ภายในดำ เบาะมิกกี้เมาส์)
อ่อ รุ่น X เกรดต่ำสุดที่ญี่ปุ่นก็ได้ล้อ 16 เหมือนกัน แต่เป็นคนละลายกับ Hybrid (ล้อรุ่น X ก็ลายเดียวกับ ALPHARD TMT ก่อน minor นั่นแหละ)
สำหรับรถ ALPAHRD TMT ทั้ง 3 รุ่น ค่อนข้างมาเต็มพอสมควร
เพราะเบาะมิกกี้เมาส์นั้น ปกติจะมีในรุ่น 350 L package เท่านั้น
และผมค่อนข้างมั่นใจว่ายอดขายรถ minorchage รอบนี้ TMT คงโกยยอดได้มากกว่าเกรย์แน่
เพราะเกรย์ทำราคาสู้ไม่ได้ จะไปได้ขาย ก็เฉพาะคนที่อยากได้ภายในสีดำ
ไม่งั้น ก็คงต้องเป็นคนที่มอง VELLFIRE ไปเลย
-
ขับ4ในที่นี่ คือถ้าผมจำไม่ผิดคือมีมอเตอร์ไฟฟ้่าในการให้พลังงาน ล้อชุดหลังด้วยครับ (ถ้าใครเคยนั่งE-fourแล้วดูแผนการทำงานจะรู้ครับ)
ตัวของญาติผม เป็นEstima HV E-Four AHR10 อัตราเร่งผมว่าก็ลื่นไหลดีนะครับ เหยียบเป็นมาได้เหมือนกันเลยครับ แต่หลังๆเริ่มจุกจิกเอามากๆแล้วครับ
บ้างครั้ง ไฟแบ็ตอยู๋ๆก็เหลือจุดเดียวแล้วรถวิ่งไม่ออก ต้องรอชาร์ตไฟเข้าไป ล่าสุดพึ่งกลับมาจากหัวหินกับผมเนี่ยแหละ
รถเบรคไม่อยู่ ไฟขับ4WD VSC ไฟเตือนเบรคขึ้น ไฟเตือนระบบHVมีปัญหา ผมนั่งอยู่ผมหละคิดเลยว่าถ้าจะใช้HVยาวๆ คงต้องยอมรับกับเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้น รถคันผม6-7ปีครับ สรุป โดนเรื่องปั๊มนำ้พัง ไป1.3หมื่น ไม่รู้อะไนจะพังอยู่ ตอนนี้เสียวๆinverter เสียวๆปั๊มABS พังมาคงต้องขายทิ่งแล้วหละครับ
...ความประหยัด วิ่งนอกเมืองได้ ประมาณ12-14กม./ล. (ส่วนมากขับ110เซ็ตCruiseได้ประมาณ12ปลายๆครับ14ต้องขับแบบเนียนๆจริง) วิ่งในเมืองได้ราวๆ 7-8 กม./ล. ครับ เป็นเครื่อง2.4 HV E-four ที่พูดมาสำหรับผมๆว่ามันก็จุกจิกอยู่นะครับ ความประหยัดก็ถือว่าทำได้ไม่น่าเกียว แต่นอกเมืองก็ไม่ได้ประหยัดล้นฟ้าอะไร
...แต่รถพวกนี้ต้องยอมรับว่า นั่งสบายมากๆจริงๆครับ ทั้งAlphardและEstima สำหรับผมแล้วเครื่อง 2.4ธรรมดา ที่อยู่ในAlphardผมว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ
มันก็เพียงพอต่อการใช้งาน รถพวกนี้จะให้ขับซิ่งๆ มุดไปมุดมาผมว่ามันก็ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร ถ้าเป็นผมๆเลือก2.4 เดิมๆ ดีกว่าครับ ใช้ยาวๆไมต้องปวด
หัวกับHV
-
วันนี้เพิ่งไปจองมาครับ
ตัว 2.4 Hybrid 3,359,000
Toyota Alphard 2.4 Hybrid รุ่นนี้ ทาง Toyota Thailand ได้นำเข้ารถมาทั้งคันจากญี่ปุ่น (ไม่ใช่ประกอบในไทยหรือ อินโดนีเซีย ตามที่ Gray บางเจ้าอ้าง)
จะมีอยู่แค่ 2 ส่วนที่นำมาตกแต่งเพิ่มเติมในประเทศคือ
1 หุ้มเบาะหนังทั้งคัน
2 ระบบ Multimedia เช่น จอDVDหน้า และ จอกลาง รวมถึง ระบบ Navigator ที่สมบูรณ์และสามารถใช้ได้จริงในประเทศไทย
ส่วนตัวผมว่างานนี้ Gray Market ท่าทางลำบากพอสมควร
เพราะเท่าที่ไปดูเปรียบเทียบ Gray Market หลายๆเจ้า ยังOption ไม่เท่าศูนย์
แถมเปิดกัน 3.3 - 3.9
ทาง Gray ก็บอกว่าตัวเอง Option ดีกว่าศูนย์
แต่ผมทำการบ้านมาพอสมควร จึงเห็นได้ชัดว่า รถ Gray Option ไม่ได้มากกว่ารถศูนย์ครับ อาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ
Option หลักที่ศูนย์มี แต่ Gray อาจจะไม่มีคือ
1 ระบบนำทาง Navigator แบบหน้าจอสัมผัส ใช้ได้จริงในประเทศ ได้ทั้งภาษาไทย/อังกฤษ ไม่ใช่ญี่ปุ่น
2 จอหน้า DVD CD MP3/WMA LCD ระบบสัมผัส 7" พร้อม Bluetooth จาก Alpine ช่องต่อ USB/ iPod
3 จอ DVD แถวสอง บนหลังคา ขนาด 10.1 นิ้ว
4 เบาะคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ที่พักเท้าผู้โดยสาร
ด้านหลังแถวที่ 1 และระบบเลื่อนถอยหลัง
อัตโนมัติขณะเข้า-ออกจากตัวรถ
5 เบาะแถวสอง ปรับไฟฟ้่า 2 ที่นั่ง แบบเฟิร์สคลาส พร้อมที่รองขา
6 เบาะคนนั่งหน้า ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
7 ระบบจัดการรวมไดนามิก ของตัวรถ (VDIM)
8 ระบบเชื่อมต่อ โทรศัพท์ไร้สาย (Bluetooth)
9 กล้องมองหลัง
10 พร้อมระบบ nanoe สำหรับห้องโดยสาร ด้านหน้าและด้านหลัง (บางที่ไม่มีด้านหลัง หรือไม่มีระบบนี้เลย)
11 ไฟส่องสว่างบริเวณ แผงประตูหน้าขณะประตูเปิด
12 เบาะ Memory 3 จุด
13 รถศุนย์เบาะหนังสีครีม ส่วน Gray หลายๆที่เป็นเบาะผ้า อันนี้แล้วแต่ชอบครับ
14 ชุดแต่ง Skirt รอบคัน ด้านหน้า-หลังเป็นแบบติดมุม
ด้านข้างเป็นกาบชิ้นใหญ่ มีเดินคิ้วโครเมี่ยมยาวๆ
มาดูOption ที่รถ Gray บางคันอาจจะมี แต่รถศูนย์ไม่มีครับ
1 เบาะหนังสีดำ หรือเบาะผ้า / ภายในดำ
2 กระจกโค้งมองมุมหน้ารถ (อยู่แถวๆกระโปรงหน้าฝั่งคนนั่ง)
3 ปุ่มเปลี่ยนเพลง ปรับเสียง ที่พวงมาลัย
4 ล้อขนาด 17หรือ 18 (รถศูนย์ ล้อขนาด16")
5 กล้องหน้าหลังซ้ายขวารอบคัน (รถศูนย์มีแค่กล้องมองหลัง)
6 เมนู ภาษาญี่ปุ่น อิอิๆๆ
รถศูนย์ ประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม
เข้าService ได้ที่ Toyota ทั่วราชอาณาจักร
อะไรเสียเปลี่ยนได้หมด ไม่ต้องลุ้นว่ามีอะไหล่ไหม เปลี่ยนเป็นไหม หรือมีเครื่องมือไหม
Battery Hybrid ประกัน 5+5 = 10 ปี
5 ปีแรกตรวจเช็คตามระยะไม่มีค่าใช้จ่าย Batt Hybrid เสียเปลี่ยนเลย
5 ปีหลัง ตรวจตามระยะ ค่าตรวจเช็ค 1000 บาท/ครั้ง
หากเสีย ก็เปลี่ยนฟรีเหมือนกัน แต่เสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนประมาณ 3,000 บาท)
รถ Gray ประกัน Gray ครับ
1ปี 20000 โล หรือ 2ปึ 50000 โล
ต้องดูเอาเองว่า Gray เจ้านั้นเป็นอย่างไร
เวลามีอะไรเสีย หรือเกิดปัญหา Claim ไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านคิด
อาจจะต้องซ่อมก่อน ถ้าซ่อมไม่หายค่อยเปลี่ยน หรืออาจจะเคลมง่ายก็ได้ อันนี้ต้องแล้วแต่คิดครับ
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นข้อมูลที่ผมได้ศึกษาก่อนไปจองมา
หากมีส่วนใดผิดพลาด ก็ท้วงติงได้นะครับ
อยากจะนำข้อมูลมาแชร์ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ได้รับทราบไว้
อาจเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยครับผม
ข้อมูลปึกคับ
ผมก็ดูๆ อยู่เหมือนกัน