ที่มา :
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02car01261152§ionid=0210&day=2009-11-26 "ฮอนด้า" ยันดูแลลูกค้ารายทุบรถดีเกินกว่าปกติ เผยเจรจาหลายรอบจึงต้องปล่อยให้ สคบ.และกระบวนการยุติธรรมทำ หน้าที่ คนฮอนด้าชี้ลูกค้าเปลี่ยนรถมา 2 ครั้งระบุข้อบกพร่องกว่า 100 รายการ มากกว่าที่รถจะผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม สคบ. เข้มเรียก 3 ฝ่ายให้ข้อมูลหาข้อสรุป 26 พ.ย.นี้
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เคสการทุบรถฮอนด้าซีวิคสีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน ชว 5399 กรุงเทพฯ ซึ่งซื้อจากโชว์รูมฮอนด้า ซัมมิท หัวหมาก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นเคสที่ฮอนด้าเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด และให้บริการพิเศษมากกว่าลูกค้ารายอื่น ๆ อีกทั้งการเรียกร้องของลูกค้ารายนี้ก็ไม่เหมือนการเรียกร้องทั่วไป ดังนั้นบริษัทจึงจำเป็นต้องให้บุคคลที่ 3 คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ซึ่งฮอนด้าพร้อมรับคำตัดสินของ สคบ. และถ้าหากยังไม่เป็นที่พอใจของทุกฝ่ายบริษัทก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรม
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ฮอนด้าให้ความสำคัญต่อความพึงพอใจของลูกค้าเป็นลำดับต้น ๆ และบริษัทก็พร้อมที่จะรับผิดชอบหากการผลิตรถยนต์ไม่ตรงตามมาตรฐาน โดยเฉพาะคุณภาพและความปลอดภัย
นายจิรชัย มูลทองโร่ย รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ สคบ.ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการนัดผู้ประกอบการคือ ฮอนด้าและผู้บริโภคมาเจรจากัน เพื่อหารือถึงปัญหาและหาข้อยุติรวมกันในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552 นี้
ซึ่งหากการเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้ข้อสรุปก็จะต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยตาม ขั้นตอน หากตกลงไม่ได้ สคบ.ก็จะเป็นผู้ดำเนินการทดสอบและ พิสูจน์ สุดท้ายหากยังตกลงกันไม่ได้อีก สคบ.จะเป็นตัวกลางในการดำเนินการฟ้องร้องคดีให้
" ปัญหานี้ผู้บริโภคฟ้องมาที่ สคบ.มากกว่า 10 รายการ ตั้งแต่คอนโซลหน้าดัง แอร์ทำงานหรือคอมฯตัดมีเสียงและอีกหลายรายการ ซึ่ง สคบ.ก็กำลังดำเนินการให้ แต่ผู้บริโภคกลับตัดสินใจทุบรถเสียก่อนบริเวณฝากระโปรงหน้า ซึ่งถือเป็นคนละเรื่องกับที่ร้องเรียน และหากต้องมีการพิจารณาให้ชดใช้ สคบ.ก็จำเป็นจะต้องพิจารณาตามสภาพของรถยนต์ อาทิ ผ่านการใช้งานมามากน้อยขนาดไหนด้วย " นายจิรชัยกล่าว
แหล่งข่าวดีลเลอร์ฮอนด้ากล่าวว่า ลูกค้ารายนี้ซื้อรถมาตั้งปี 2548 เดิมซื้อฮอนด้าซิตี้ ใช้ไปได้สักพักก็มีปัญหาขอเปลี่ยนรถ ซึ่งทางฮอนด้าก็เปลี่ยนให้ ใช้ไปอีกสักพักมีปัญหาอีก ก็ใช้วิธีเดียวกัน ทีนี้ขอเปลี่ยนเป็นฮอนด้าซีวิค แต่ก็มีปัญหาอีก โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปี เข้าเซอร์วิสทั้งหมด 40 ครั้ง ซึ่งทางช่างเทคนิคของฮอนด้าได้ดำเนินการให้อย่างดี แต่เจ้าของรถส่วนใหญ่จะใช้ความรู้สึกและมองเห็นปัญหามากเป็น 100 รายการ ฮอนด้ายืนยันว่าไม่ใช่เพราะความบกพร่องของตัวสินค้าหรือขาดมาตรฐานด้านความ ปลอดภัยแต่อย่างใด เนื่องจากการผลิตรถยนต์จะต้องผ่านมาตรฐานการควบคุมจากสำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ฮอนด้าก็เลยต้องปล่อยให้บุคคลที่ 3 เข้ามาไกล่เกลี่ย
สำหรับนางชมพูนุช วานิชกุล ลูกค้าทุบรถรายนี้ระบุว่า ซื้อรถฮอนด้าซีวิคสีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน ชว 5399 กรุงเทพฯ จากโชว์รูมฮอนด้า ซัมมิท หัวหมาก เมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2550 หรือประมาณ 2 ปีก่อน หลังจากซื้อรถมาแล้วพบว่ารถมีปัญหาตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ และจากนั้นต้องนำรถคันดังกล่าวกลับเข้าไปซ่อมยังศูนย์บริการมาแล้วไม่น้อย กว่า 30 ครั้ง
โดยเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ผู้จัดการ โชว์รูมดังกล่าวได้ปฏิเสธที่จะซ่อมรถให้ จึงทำหนังสือถึงประธานกรรมการใหญ่บริษัทฮอนด้าโมบิล สำนักงานใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น บอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งตอบกลับเป็นหนังสือขอโทษ พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถึงบริษัทเอเชี่ยน ฮอนด้าด้วย
อนึ่ง ปัญหาระหว่างผู้ผลิตรถยนต์และลูกค้ามักจะมีขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้มีแนวความคิดในการจัดตั้งคณะ กรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานยานยนต์และจัดตั้งศูนย์ร้องเรียนหรือคอ ลเซ็นเตอร์ขึ้น ซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง มีความเป็นอิสระจากค่ายรถยนต์ ทำหน้าที่ทั้งรับเรื่องร้องทุกข์ต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคโดยตรงให้เกิด ความรวดเร็ว แต่แนวคิดดังกล่าวไม่มีความชัดเจน เนื่องจากบรรดาค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่มองว่ามีหน่วยงานที่ดูแลและอำนวยความสะดวก ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องจัดตั้ง ทุกวันนี้ภาระหนักจึงไปตกอยู่ที่ สคบ.