Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Joii ที่ เมษายน 03, 2019, 22:57:44
-
ถ้าต้องเปลี่ยน civic fd ไปใช้ city sv+ จะได้อะไร จะเสียอะไรบ้าง ขอความเห็นครับ
-
รถเล็กลง ขับง่าย ซ่อมง่าย ประหยัดน้ำมัน
ขับแย่กว่า
-
city ขับสบาย พวงมาลัยเบา ไม่ต้องไขกุญแจ เก็บเสียงดีกว่าแบบสัมผัสได้
-
เสียดาย ไม่ได้ซื้อรถที่ชอบ
-
เอาคันที่การเงินพร้อม แล้วจะใช้มันอย่างมีความสุข
ใช้รถหาเงิน แล้วถ้าอนาคตเงินเหลือเยอะค่อยออกคันใหม่ก็ได้ ชีวิตเราไม่ได้มีรถคันเดียวครับ
เอาจริงๆ City ตัว S ก็ไม่น่าเกลียด น้องผมก็ซื้อมาใส่แม็กติดเสกิตก็สวยดี มีเงินผ่อน มีเงินเติมน้ำมันเหลือๆ มีเงินเก็บระหว่างส่งค่างวดอีก
เทียบกับอีกคนรายได้พอๆกับน้องผมไปออก Cx-3 ตัวท็อป เฉพาะค่างวดก็ลำบากแล้ว เงินไม่เหลือเติมน้ำมันจะไปไหมก็ต้องคิดก่อน และต้องทำอาชีพเสริมด้วย
-
ปกติใช้แต่ขนาด c-seg มาตลอด เคยได้ขับ b-seg ประมาณ 1 วัน
ความรู้สึกคือ
1.อึดอัดมาก ยิ่งตอนรถติดยิ่งสุด ๆ
2.เบาะนั่งไม่สบาย
3.การขับขี่การทรงตัวโดยภาพรวมสู้ไม่ได้
4.เบาะคนขับถอยได้ไม่พอ (ผมสูง 187 cm)
รถที่ขับช่วงนั้น civic es มาขับ vios ตัวปัจจุบัน และ mazda 2 1.3
สรุป ต่อให้ b-seg ขับดีก็ยังสู้ c-seg ไม่ได้ครับ ผมว่ามันลงตัวกว่า
แต่ถ้ามีงบจำกัด การเลือก b-seg แนะนำให้ไปลองนั่งยาว ๆ ครับ
-
ก็แล้วแต่ครับ
ขับในเมืองมันคล่องตัวกว่าอยู่แล้ว แต่จะรู้สึกอึดอัดตอนรถติดนั่งในรถนานๆๆๆๆๆๆๆ
-
city เป็นรองแค่ช่วงล่างเดียวนะผมว่า ที่เหลือดีกว่า fd หมด
-
เคยเปลี่ยนจาก altisหน้าหมู เป็น jazz idsi
วันแรกคือรู้สึก fail มาก เพราะรถขับแย่กว่าเดิมแทบจะทุกด้านเลย
แต่พอผ่านมาสัก 10 วัน มันจะปรับตัวได้เองครับ ความรู้สึกว่ามันแย่อย่างงู้นงี้จะน้อยลง
.... คิดในแง่ดี city จะได้ option ความปลอดภัยมากกว่า พวกถุงลม ระบบควบคุมการทรงตัวต่างๆ (ถ้า civic ตัวเดิมไม่ใช่รุ่น top นะ)
-
ปกติใช้แต่ขนาด c-seg มาตลอด เคยได้ขับ b-seg ประมาณ 1 วัน
ความรู้สึกคือ
1.อึดอัดมาก ยิ่งตอนรถติดยิ่งสุด ๆ
2.เบาะนั่งไม่สบาย
3.การขับขี่การทรงตัวโดยภาพรวมสู้ไม่ได้
4.เบาะคนขับถอยได้ไม่พอ (ผมสูง 187 cm)
รถที่ขับช่วงนั้น civic es มาขับ vios ตัวปัจจุบัน และ mazda 2 1.3
สรุป ต่อให้ b-seg ขับดีก็ยังสู้ c-seg ไม่ได้ครับ ผมว่ามันลงตัวกว่า
แต่ถ้ามีงบจำกัด การเลือก b-seg แนะนำให้ไปลองนั่งยาว ๆ ครับ
ซิตี้ของผมโมเดล GM2 (น่าจะพอเปรียบเทียบกันได้)
รถดูกว้าง แต่นั่งไม่สบายจริง ๆ ครับ
ผมสูง 180 (นี่ขนาดเตี้ยกว่าถึง 7 ซม. นะ) เบาะคนขับพอที่จะเลื่อนถอยให้นั่งได้ (ตำแหน่งขาพอได้) แต่! ให้ตายเถอะ พวงมาลัยจะช่วงสั้นไปไหน ดึงเข้าหาตัวจนสุดแล้ว ยังแขนตึงอยู่เลย
เคยคิดอยากทำรถเพิ่มอีกหน่อย (ระบบกันสะเทือน และ ล้อ) เพราะประทับใจการขับขี่มากขึ้นหลังจากเปลี่ยนผ้าเบรกมา
แต่ยอมรับว่ารถทำได้แค่นี้ รอเปลี่ยนใหม่เป็น C Segment ทีเดียวดีกว่า
-
ทำไมผมรู้สึกว่าไม่เสมอไปนะ เคยใช้ civic fd กับ fiesta อยู่ช่วงนึง ถ้าไม่นับอัตราเร่งกับพื้นที่ภ่ายใน fiesta ขับสนุก คล่องตัว มั่นใจกว่า fd ระดับนึงเลย
ตอนนี้ fiesta ลงเครื่องใหม่หมดปัญหาอัตราเร่งไปละ
-
เรื่องการขับขี่ต่างกันครับ แต่ก็ไม่มากเท่าไร
แต่ B-Seg สมัยนี้ก็ตัวใหญ่พอสมควร อุปกรณ์ภายในและความปลอดภัยดีกว่า FD ยุค 06-11 มาก
อัตราเร่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไร
ตามบททดสอบของคุณจิมมี่
Civic FD 06-11
0-100 กม/ชม = 11.72
80-120 กม/ชม = 9.37
ความเร็วสูงสุด 199 กม/ชม
อัตราสี้นเปลืองเฉลื่ย 15.36 กม/ลิตร
City 14-ปัจจุบัน
0-100 กม/ชม = 11.19
80-120 กม/ชม = 8.11
ความเร็วสูงสุด 200 กม/ชม
อัตราสี้นเปลืองเฉลื่ย 16.18 กม/ลิตร
1.5 สมัยนี้แรงและประหยัดพอๆกับ 1.8 ยุค 5AT สมัยก่อนแล้วนะครับ
-
ผมว่าอัตราเร่งไม่น่ากังวลครับ
แต่ช่วงล่างผมไม่แน่ใจ เพราะรถเล็กกว่าน่าจะเบากว่า
ข้อดีคือคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาต่ำ
ขายต่อราคาลงไม่มากเท่า C-segment เพราะราคาตั้งต้นต่ำกว่า
ผมไม่มี B segment
เคยเช่า Vios ขับครั้งนึง ไม่ได้แย่เหมือนที่คิดครับ
มันขับจากจุด A ไป B ทางไกลได้สบายเลย แค่มันขับไม่สนุก
แต่ผมตัวเล็กนะครับสูงแค่ 170 ต้น ๆ
ที่บ้านผมมี V40 ภายในอาจแคบกว่า B segment หรือ Eco Car ด้วยซ้ำ ผมอยู่กับมันได้นะครับ
ต้องลองดูรูปแบบการใข้ชีวิต การขับทางไกล ความสามารถในการผ่อน และทดลองขับดูครับ
ถ้าเป็นผม คิดว่าจะจะลือกเปลี่ยนเป็น City ถ้าการขับขี่คืออยู่ในเมือง ของไม่เยอะ และได้รถใหม่ ไม่ต้องห่วงปัญหาจุกจิก
-
อัตราเร่ง เอาจริงๆ ก็พอๆ กัน แทบไม่ต่างจากคันเดิม
เพียงแต่ FD auto 5 speed จะรู้สึกสนุกกว่าหน่อย
ช่วงล่าง ถ้าว่ากันเดิมๆ
ขับในเมือง เจอถนนไม่ดี ผมกลับรู้สึกว่า CITY เก็บอาการได้ดีกว่า
ส่วนความเร็วสูง ทั้ง CITY และ FD ก็มีโคลงตัวบ้าง
คือ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าด้อยกว่า FD แบบชัดเจนครับ
-
ปัจจุบันขับรถ B-Segment อยู่นะคะ เป็นคันแรกของชีวิต เพราะที่ผ่านมาใช้ C/D Segment มาโดยตลอด
ส่วนตัวคิดว่าข้อดีคือ ความคล่องตัว อัตราการกินน้ำมัน และค่าใช้จ่ายที่ลดลงเพราะค่าตัวที่ถูกลง
แต่ถ้าให้ซื้อคันต่อไป คงจะกลับไป C-Segment เหมือนเดิมแล้วค่ะ ช่วงล่างไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา
แต่ภายในมันอึดอัดไปหน่อยสำหรับชีวิตของเรา (อาจจะเป็นเพราะรุ่นที่เราใช้ด้วย) ขอพื้นที่อีกนิด น่าจะดีกว่านี้ค่ะ :)
-
city ขับสบาย พวงมาลัยเบา ไม่ต้องไขกุญแจ เก็บเสียงดีกว่าแบบสัมผัสได้
เรื่องการเก็บเสียง ผมเข้าใจมาตลอดว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แต่เมื่อวานมีโอกาสขับ sv+ ยาว ๆ ต่างจังหวัด กลับไม่รู้สึกว่าเงียบกว่า fd ใครก็ได้ครับช่วยยืนยันให้อีกหน่อย
-
เสียดาย ไม่ได้ซื้อรถที่ชอบ
รถที่ผมชอบมี civic turbo rs, altis esport option, vios high, city sv+, yaris g+, ativ s+
Civic, altis ยอมรับว่าไม่มีเงิน เกินตัวไปมาก หากจำเป็นต้องเปลี่ยนรถใหม่ภายในปีนี้
vios high ชอบทุกอย่างยกเว้นราคา ไม่สัมพันธ์กับจำนวนถุงลม
city sv+ ชอบน้อยกว่าวีออสแต่โดยรวมมันน่าใช้ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ซื้อ
ส่วน yaris g+, ativ s+ การเก็บเสียงเงียบดี โอเคทุกอย่างแต่ตัดทิ้งเพราะรถคันนี้จะต้องมาแทน civic fd อยากได้อัตราเร่งที่ใกล้เคียงเดิมเผื่อไว้หน่อย เลยเหลือแค่ city sv+ ที่ผ่านเข้ารอบ
-
ปกติใช้แต่ขนาด c-seg มาตลอด เคยได้ขับ b-seg ประมาณ 1 วัน
ความรู้สึกคือ
1.อึดอัดมาก ยิ่งตอนรถติดยิ่งสุด ๆ
2.เบาะนั่งไม่สบาย
3.การขับขี่การทรงตัวโดยภาพรวมสู้ไม่ได้
4.เบาะคนขับถอยได้ไม่พอ (ผมสูง 187 cm)
รถที่ขับช่วงนั้น civic es มาขับ vios ตัวปัจจุบัน และ mazda 2 1.3
สรุป ต่อให้ b-seg ขับดีก็ยังสู้ c-seg ไม่ได้ครับ ผมว่ามันลงตัวกว่า
แต่ถ้ามีงบจำกัด การเลือก b-seg แนะนำให้ไปลองนั่งยาว ๆ ครับ
รู้สึกอึดอัดเหมือนกันครับ การจัดวางพื้นที่ตำแหน่งเบาะสู้วีออสกับยาริสไม่ได้ แต่ผมตัวเล็กมาก+ไม่สูง คิดว่าอาจจะพอปรับตัวไหว
-
city เป็นรองแค่ช่วงล่างเดียวนะผมว่า ที่เหลือดีกว่า fd หมด
ช่วงล่างผมว่ามันไม่แย่ แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เบากว่าทำให้ขับเร็วแล้วรู้สึกไม่มั่นใจเท่า civic fd ทั้ง ๆ ที่ช่วงล่างก็ไม่ได้ดีอะไร
-
เคยเปลี่ยนจาก altisหน้าหมู เป็น jazz idsi
วันแรกคือรู้สึก fail มาก เพราะรถขับแย่กว่าเดิมแทบจะทุกด้านเลย
แต่พอผ่านมาสัก 10 วัน มันจะปรับตัวได้เองครับ ความรู้สึกว่ามันแย่อย่างงู้นงี้จะน้อยลง
.... คิดในแง่ดี city จะได้ option ความปลอดภัยมากกว่า พวกถุงลม ระบบควบคุมการทรงตัวต่างๆ (ถ้า civic ตัวเดิมไม่ใช่รุ่น top นะ)
รุ่นไม่ท็อปครับ ถุงลมคู่หน้า ไม่มี VSA
-
ทำไมผมรู้สึกว่าไม่เสมอไปนะ เคยใช้ civic fd กับ fiesta อยู่ช่วงนึง ถ้าไม่นับอัตราเร่งกับพื้นที่ภ่ายใน fiesta ขับสนุก คล่องตัว มั่นใจกว่า fd ระดับนึงเลย
ตอนนี้ fiesta ลงเครื่องใหม่หมดปัญหาอัตราเร่งไปละ
Fiesta ต้องยอมเขาล่ะ ญาติใช้อยู่ได้ขับได้นั่ง ตอนรูดช่วงล่างเก็บอาการดีมาก ไม่ดีดเด้งสะเทือนแรงเหมือนฮอนด้ายุคเก่า
-
เรื่องการขับขี่ต่างกันครับ แต่ก็ไม่มากเท่าไร
แต่ B-Seg สมัยนี้ก็ตัวใหญ่พอสมควร อุปกรณ์ภายในและความปลอดภัยดีกว่า FD ยุค 06-11 มาก
อัตราเร่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไร
ตามบททดสอบของคุณจิมมี่
Civic FD 06-11
0-100 กม/ชม = 11.72
80-120 กม/ชม = 9.37
ความเร็วสูงสุด 199 กม/ชม
อัตราสี้นเปลืองเฉลื่ย 15.36 กม/ลิตร
City 14-ปัจจุบัน
0-100 กม/ชม = 11.19
80-120 กม/ชม = 8.11
ความเร็วสูงสุด 200 กม/ชม
อัตราสี้นเปลืองเฉลื่ย 16.18 กม/ลิตร
1.5 สมัยนี้แรงและประหยัดพอๆกับ 1.8 ยุค 5AT สมัยก่อนแล้วนะครับ
เรื่องอัตราเร่งไม่ซีเรียสครับ ปกติเป็นคนขับแบบอีโค่
-
อัตราเร่ง เอาจริงๆ ก็พอๆ กัน แทบไม่ต่างจากคันเดิม
เพียงแต่ FD auto 5 speed จะรู้สึกสนุกกว่าหน่อย
ช่วงล่าง ถ้าว่ากันเดิมๆ
ขับในเมือง เจอถนนไม่ดี ผมกลับรู้สึกว่า CITY เก็บอาการได้ดีกว่า
ส่วนความเร็วสูง ทั้ง CITY และ FD ก็มีโคลงตัวบ้าง
คือ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าด้อยกว่า FD แบบชัดเจนครับ
ไม่ห่วงเรื่องความสนุกในการขับขี่ ใช้สลับกับยาริส 1.2 ก็แฮปปี้ดีครับ ชอบ cvt นิ่ม ๆ city เก็บอาการช่วงล่างได้ดีกว่าถ้าเป็นถนนไม่เรียบแบบไม่ลึก แต่ถ้าลงหลุมบ่อเด้งไปทั้งคันกว่า civic นะความรู้สึกผม
-
ปัจจุบันขับรถ B-Segment อยู่นะคะ เป็นคันแรกของชีวิต เพราะที่ผ่านมาใช้ C/D Segment มาโดยตลอด
ส่วนตัวคิดว่าข้อดีคือ ความคล่องตัว อัตราการกินน้ำมัน และค่าใช้จ่ายที่ลดลงเพราะค่าตัวที่ถูกลง
แต่ถ้าให้ซื้อคันต่อไป คงจะกลับไป C-Segment เหมือนเดิมแล้วค่ะ ช่วงล่างไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา
แต่ภายในมันอึดอัดไปหน่อยสำหรับชีวิตของเรา (อาจจะเป็นเพราะรุ่นที่เราใช้ด้วย) ขอพื้นที่อีกนิด น่าจะดีกว่านี้ค่ะ :)
คิดหนักเลยครับ
-
จขกท ได้ city sv+ จากไหนครับ รับมรดกตกทอด มีคนซื้อให้ หรือซื้อเอง
ถ้าซื้อเองและยังไม่ซื้อผมว่าลองมอง civic fc ตัวก่อน mc ไหมครับ
ตัว 1.8e ล่างสุด มีส่วนลดหนักๆกันถึง 7หมื่น
หักส่วนลดแล้วยอดผ่อนต่อเดือนแพงกว่า city sv+ ไม่เยอะ ได้รถใหญ่กว่า แรงกว่า ขับสบายกว่าแน่นอนครับ
-
ตัดช่วงล่างก่อน เอาจริงๆผมว่าปัญหาของรถ b seg คือแคบ อึดอัดสำหรับคนตัวใหญ่ครับ ท่านั่งค่อนข้างไม่สบายซักตัว ผมสูง 183 หนัก 110 ไม่ได้อ้วนลงพุงเท่าไหร่ แต่โครงสร้างใหญ่ เท่าที่ลอง viosใหม่ยั้นเก่า city ใหม่เก่า jazzตัวเก่า ที่พอไหวคือ jazz ครับ นอกนั้นอึดอัดมาก ติดทุกจุดเลย
แต่ไปขับ nissan march กลับไม่มีอาการนะครับ นั่งสบายดี แค่เบาะมันเล็กไปนิดหน่อย แต่ขยับตัวสบายโอเคเลย อัตราเร่งถ้า 2-3 คนโอเคครับ แต่ 4 คนนี่อืดเอาเรื่องเลย
-
เคยนั่ง civic fbของญาติบ่อยๆ ถ้าเทียบกับ city sv+ของผมเอง
-เบาะนั่ง civic fb จะซัพพอตดีกว่านิดเดียว นิดเดียวจริงๆครับ
-ความกว้าง อันนี้ผมว่าพอๆกัน ยืดแข้งยืดขาสบาย ผมสูง183 ขับcityไม่มีปัญหา
-ช่วงล่าง ถ้าขับในเมือง cityจะซับแรงสะเทือนดีกว่ายอมรับว่าเป็น cityรุ่นแรกที่นั่งสบายตลอดทางจริงๆแต่ civic fb เวลาขับเร็วแล้วจะนิ่งกว่า และเวลาตกหลุมมันจะไม่โคลงซ้ายขวาเท่าcity
-อัตราเร่ง cityดีกว่าหน่อยนึง
-เก็บเสียงอันนี้ cityก็กิน ไม่แน่ใจว่ารถใหม่กว่ารึเปล่านะครับ แต่โดยรวมผมว่า cityเงียบกว่า civic fb
สรุปคือ ผมว่า b-segment สมัยนี้ทำได้ดีเกือบจะเท่า c-segmentแล้วครับ
-
จขกท ได้ city sv+ จากไหนครับ รับมรดกตกทอด มีคนซื้อให้ หรือซื้อเอง
ถ้าซื้อเองและยังไม่ซื้อผมว่าลองมอง civic fc ตัวก่อน mc ไหมครับ
ตัว 1.8e ล่างสุด มีส่วนลดหนักๆกันถึง 7หมื่น
หักส่วนลดแล้วยอดผ่อนต่อเดือนแพงกว่า city sv+ ไม่เยอะ ได้รถใหญ่กว่า แรงกว่า ขับสบายกว่าแน่นอนครับ
City sv+ ถ้าซื้อก็ซื้อเองครับ civic fc ผมไม่ชอบหน้าตาแต่ไหนแต่ไร ผ่านไปหลายปีก็ยังไม่ชอบ ที่ดูดีในความคิดคือตัว turbo rs อย่างเดียวเลย ซึ่งเกินความสามารถไปมากในตอนนี้ city sv+ ผมได้ส่วนลดของแถมรวมในระดับที่น่าพอใจ ถ้าตัดสินใจเลือกจริง ๆ แล้ว กะว่าก่อนโฉมใหม่ออกจะรีบซื้อทันที
-
city จะได้ความคล่องตัวกว่านิดนึง ประหยัดน้ำมันกว่า ช่วงล่างนุ่มกว่า แต่เกาะถนนสู้ civic ไม่ได้ พวงมาลัยเบากว่า แต่ไม่มั่นใจเท่า civic นอกนั้น civic ดีกว่าครับ ถึงแม้รถจะเก่ากว่า แต่พื้นฐานรถดีกว่า
-
city ขับสบาย พวงมาลัยเบา ไม่ต้องไขกุญแจ เก็บเสียงดีกว่าแบบสัมผัสได้
เรื่องการเก็บเสียง ผมเข้าใจมาตลอดว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แต่เมื่อวานมีโอกาสขับ sv+ ยาว ๆ ต่างจังหวัด กลับไม่รู้สึกว่าเงียบกว่า fd ใครก็ได้ครับช่วยยืนยันให้อีกหน่อย
city ที่ผมขับ V+ MC ล้อ 15 ยางติดรถครับ / Civic FD 2010 1.8 Top ครับ ล้อ 16 ใส่ยาง Firestone F01 รู้สึกเช่นนั้น จริง ๆ ครับ...
-
cityจะขับดีกว่าตอนอยู่ในเมือง คล่องตัวกว่า มุดมันส์กว่า พวงมาลัยเบาและคม เบรคดีกว่า(อันนี้ส่วนตัวผมว่ามันกดแล้วหน่วงตามแรงดีกว่าไม่ลื่นเหมือน FD) เกียร์ CVT ผมว่าขับในเมืองสนุกรอบมาไวกว่าครับ
FD พวงมาลัยหนักแน่นกว่า ขับทางไกลมั่นใจกว่า ช่วงล่างดีกว่าเล็กน้อย นิ่งกว่า รอบกลางๆพอลอยตัวแล้วกดเร่งแซงผมว่าขึ้นไวกว่า เกียร์ Auto 5 speed ขับทางไกลมันส์กว่าครับ
-
ใช้ FD 2010 อยู่นะครับ
เคยขับ City ของคนรู้สึกเข้า กทม สำหรับผมมันแคบอึดอัดไปนิดครับ ขับไกล ๆ ไม่ค่อยสบาย
ตอนนี้ขับ Yaris Ativ ที่ทำงานกลับไปขับ FD อาทิตย์ละครั้ง แต่ที่แน่ ๆ พวงมาลัยเบากว่าแน่นอนครับ ;D
-
cityจะขับดีกว่าตอนอยู่ในเมือง คล่องตัวกว่า มุดมันส์กว่า พวงมาลัยเบาและคม เบรคดีกว่า(อันนี้ส่วนตัวผมว่ามันกดแล้วหน่วงตามแรงดีกว่าไม่ลื่นเหมือน FD) เกียร์ CVT ผมว่าขับในเมืองสนุกรอบมาไวกว่าครับ
FD พวงมาลัยหนักแน่นกว่า ขับทางไกลมั่นใจกว่า ช่วงล่างดีกว่าเล็กน้อย นิ่งกว่า รอบกลางๆพอลอยตัวแล้วกดเร่งแซงผมว่าขึ้นไวกว่า เกียร์ Auto 5 speed ขับทางไกลมันส์กว่าครับ
ความเห็นผม เห็นด้วยตามนี้ครับ เบรคเดิมๆไม่ลื่น งงเลย55
พวงมาลัยดีมากในเมือง ขับเร็วๆทางไกลก็หวิวหน่อย
-
เอาที่สบายกระเป๋าด้วยนะครับ ได้รถที่ชอบมา แต่เงินตึงเหลือเกิน ไม่มีความสุขหรอกครับ
-
บอกไม่ชอบ FC เซ็งเลย อดเชียร์ให้ซื้อ รถใหญ่โดยรวมดีกว่ารถเล็กครับ ยกเว้นเรื่องการกินน้ำมัน ที่แย่กว่า
ก่อนนี้ใช้ city พอมาใช้ FC ก็รู้สึกถึงความแตกต่างครับ แน่นอน C seg ในด้านสมรรถนะดีกว่าแน่นอนครับ
สภาพถนนไม่ดี ก็ซับอาการได้ดีกว่า การเร่งแซง แรงบิดสูงกว่าก็ให้ความรู้สึกมั่นใจกว่า การเบรค ยางหน้ากว้างก็รู้สึกได้ว่าเบรคสั้นกว่า
มีข้อหงุดหงิดอยู่ 2 เรื่อง ที่ทนๆ ไป คือเสียงยางเข้าห้องโดยสารจะดังไปไหน 100 พอทำเนา พอ 120 นี้หูชา
กับวิ่งในเมืองจะกินเยอะไปมั้ย เพิ่มขึ้นมาเกือบ 3 บาท/ลิตร ดีที่เดือนๆ นึงวิ่งเฉลี่ยวันละ 50-60 โล เลยไม่เป็นประเด็น
ปล. เห็นเน้นออฟชั่น ถุงลมรอบคัน ก็คงซิตี้ sv+ ครับที่ตอบโจทย์ในราคาประมาณนี้ ส่วนอีโคคาร์ถ้าขับ 1.8 มาก่อนก็ไม่แนะนำ
ราคามันถูกเพราะเครื่องเล็ก แต่ด้วยตัวถังใหญ่ เวลาเร่งแซงต้องวางแผนเยอะ และต้องขับเร็ว เพราะถ้าขับช้า เวลาเร่งความเร็วต้องใช้เวลานาน
-
ผมว่า ok อยู่นะครับถ้าไม่ได้นั่ง 5 คนบ่อยๆ
โดยสารไม่เกิน 4 คน City สบายๆเลยครับ
ผมเพิ่งเปลี่ยนจาก City 2014 มาเป็น Civic FC
รุ่น SV+ option เยอะแบบเหลือแล้วครับ
ถ้าให้คาดการณ์ คุณอาจจะต้องปรับตัวเรื่องเกียร์ครับ
เพราะ CVT มันจะแตกต่างกับ Auto ของ FD โดยสิ้นเชิง
ถ้าปรับตัวได้จะ Ok ครับ แต่ถ้าไม่ชอบจริงๆจะเกลียดเลย
ลองทดลองขับดูก่อนยาวๆนะครับ เน้นออกตัวบ่อยๆ
แล้วลองพิจารณาดูว่ารับได้ไหม
ขอให้ได้รถที่ถูกใจครับ
-
เปลี่ยนจาก Civic FD เป็น City โฉมปัจจุบันมันก็ไม่น่าเกลียดนะ
City ช่วงล่างนุ่มกว่า
City เก็บเสียงดีกว่า
City ค่าบำรุงรักษาถูกกว่า
City กินน้ำมันน้อยกว่า อยากประหยัดเงินรักโลกก็เติม E85 ได้
City ภายในห้องโดยสารไม่คับแคบอย่างที่คิด (ตามสไตล์ Honda)
แต่....สิ่งที่ City ให้แบบ Civic FD ไม่ได้คือ "คันเร่งแบบออแกน"
ขับช่วงแรกๆ ได้มีปวดเท้าบ้างล่ะ แต่ซักพักจะชินและขับได้ปกติ
ว่าแต่ไม่รอซักปีนึงเหรอครับ? City โฉมใหม่กำลังจะเปิดตัวแล้วน้าาาาาา
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
-
ที่บ้านผมมีซิตี้ 2015 กับอัลติส 2017
ส่วนสูงผมคือ 195 หนัก 100
ขับซิตี้ได้สบายไม่มีปัญหา ไม่อึดอัดมาก แต่เบาะเลื่อนถอยหลังได้ไม่เยอะ
แต่ก็สุดพอดีกำลังสบาย อัตราเร่งดีมาก ประหยัดน้ำมันดี
ที่คิดว่าห่วยสำหรับซิตี้คือ ช่วงล่างเด้ง โยน ยิ่งนั่งเยอะ ยิ่งเด้ง กับเสียงก๊อกแก๊กเยอะ
ถ้าเทียบกับ FD ส่วนตัวมองว่าไม่ต่างกันมากจนรู้สึกด้อยมากมายนะครับ