คนที่ฟอร์ด เขาภูมิใจแปลกๆ ว่ารถเขาดีสุดๆ
รถมันขายตัวมันเองได้ด้วยคุณภาพ..
ผมก็งงกับความคิดแบบนี้เหมือนกันครับ..
ประเด็นนี้ผมว่าคือ การตีโจทย์ไม่แตก มากกว่าครับ
ถ้าเรามองตลาดในอนาคต ที่ค่าแรง ค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงจะถีบตัวไปสูงมากในอีกซัก 10-15 ปีข้างหน้า
เมื่อถึงเวลานั้น รถยนต์ใช้แล้ว จะราคาหล่นฮวบตามกลไกตลาด เพราะซ่อมไม่ไหว ทั้งภาระค่าอะไหล่ และ ค่าแรง ซึ่งอันหลังจะเป็นเรื่องหลัก และสำคัญมาก
อู่หรือ 0 ที่ทำได้ ค่าแรงจะไม่ถูก เพราะต้นทุนการทำธุรกิจนี้จะสูงมาก ทั้งค่าตัวช่าง และ เครื่องมือ ที่จะนำมาใช้ซ่อมรถต่างๆ
ผมเชื่อว่าจุดนี้แหละที่ผู้บริหารฟอร์ด (ที่เป็นต่างชาติ) เค้ามั่นใจว่ามาถูกทาง
มันจึงสะท้อนออกมาทั้งในคำให้สัมภาษณ์ต่างๆ
แนวทางการบริหารบุคคลากร ของศูนย์บริการ หรือกระทั่ง สนญ. เอง ในการแก้ปัญหาให้ลูกค้าในกรณีรถมีปัญหา
แต่ในความเป็นจริง
ภาพรวมของตลาดรถยนต์ของคนไทยที่มีรถในครอบครองอยู่ตอนนี้ เชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 50% แค่ผ่อนรถอย่างเดียวก็แทบจะกินมาม่ากันแล้ว จะให้ซื้อรถมาใช้ 5 ปีขาย เปลี่ยนใหม่ ยากครับ โอกาสใช้ 5 ปีขาย ยากกว่าผ่อนไม่ไหวแล้วโดนยึดด้วยซ้ำไป
ดังนั้นตลาดกลุ่มใหญ่นั้นจึงต้องการรถที่สามารถเข้าถึงการซ่อมบำรุงได้ง่าย และมีทางเลือกในการซ่อม
จุดนี้แหละครับที่เจ้าตลาดเค้ามองออก จึงกล้าลงทุนในจุดนี้ จนพูดได้เลยว่า อยู่เคียงข้างคนไทย..............
เมืองไทย รถยนต์ไม่ใช่แค่ม้าเหล็ก หรือ เกวียนติดเครื่องยนต์ครับ
ดังนั้นเราจึงเห็นกันไม่น้อยครับว่า คนไทยไม่น้อย ไม่จำเป็นต้อง "ใช้" รถ แต่.........ต้อง "มี" รถยนต์ไว้ครอบครอง
ตลาดรถยนต์เมืองไทยมันถึงแปลกที่สุดเป็นลำดับต้นๆของโลกอย่างที่เห็น
เก่งจากที่อื่นมา ตกม้าตายเมืองไทย ไม่รู้กี่ยี่ห้อแล้ว