Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ กรกฎาคม 27, 2016, 15:02:45
-
:) :) :) ในรอบผ่านมาสัก25 ปี เปลี่ยนรถมาหลายคัน เริ่มต้นที่ 3-4 แสน ต่อมาก็ 5-6 แสน แล้วก็
มา 8-9 แสน จนตอนหลังๆก็มาวนเวียนอยู่ราคาล้านกลางๆ มาตลอด ถึงจะชอบรถที่ราคาไปที่ 2ล้านปลายๆอยู่ตั้งนานแต่ก็ใจไม่ถึงสักที ทั้งๆที่ถ้าตัดใจได้ก็พอได้อยู่สักคันหนึ่งครับ เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้รถในฝันสักที่ มันมาเสร็จไอ้รถล้านกลางๆอยู่เรื่อยครับ อารมณ์มันเลยไม่เคยสุดๆสักที เพื่อนผมหลายคนก็เป็นอย่างนี้ครับ
:) :) :) ท่านใดเป็นอย่างผมบ้างไหมครับ หรือท่านที่ก้าวผ่านตรงจุดนี้ไปได้ท่านทำได้อย่างไรครับ
:P ทำไมรถยนต์ราคาล้านกลางๆถึงเป็นจุดที่ผ่านไปยากจังครับ :'(
-
ราคามีแต่แพงขึ้นๆ โดยไม่มีเหตุผล ช่วงสามปีหลังยิ่งแพง กะบะเอย ล้านกว่ากันสลอน PPV ไปจะสองล้านกันหมดละ บ้าไปแล้ว :'(
เรื่องที่บอกว่าเพิ่มอ๊อปชั่นโน่นนี่นั้นแล้วก็เลยราคาเพิ่ม จริงๆ แล้วมันควรจะมาเป็นอุปกรณ์ มาตรฐานเหมือนต่างประเทศได้แล้วปะ ข้ออ้างทั้งนั้นทั้งที่ต้นทุนไม่มาก เช่น ก้านครู๊ช ใน Revo เป็นต้น 806 บาท แต่ให้แต่ตัวท๊อป
-
ลองแอบเก็บเงินสักก้อนนึงแบบทิ้งๆลืมๆมันไป พอถึงเวลาซื้อรถคันใหม่ก็ค่อยถอนออกมารวมกับล้านกลางๆที่มีอยู่ เพื่อผมเคยไปดูE class ราคา4ล้านกว่าก็จะถอย พอดีภรรยาเพื่อนบอกอยากได้เดียวเอาเงินที่เคยจิ๊กไว้1ล้านมาช่วยซื้อ เลยได้สมใจไป
-
เคยใช้รถ ราคาล้านต้น ลงมา แปดแสน แล้วขึ้นไป ล้านต้น
ตอนนี้ พยามจะขยับไป 2 ล้านต้นอยู่ ขอเวลาอีกนิด อยากซื้อแล้วใช้แบบสบายๆ ไม่ต้องห่วงอะไร
-
ผมเป็นเหมือน จขกท เลย
ผมล้านต้นๆ -> ล้านกลางๆ -> ล้านกลางๆ
ยังผ่านแนวต้านนี้ไปไม่ได้เลย เงินไปไหว แต่ใจไม่กล้าพอ ;)
เพื่อนที่ทำงานเดียวกันตำแหน่งเท่าๆกัน
คนนึง : จาก ล้านต้นๆ -> ล้านต้นๆ -> กระโดดไป สองล้านต้น 8)
อีกคน : จาก แปดแสน -> ล้านต้นๆ -> กระโดดไป สามล้านกลางๆ :-*
-
ผมมีแต่ถูกลงเรื่อยๆอะครับ จาก 5 แสนปลายๆ ลดลงมาเป็น 5 แสนกลางๆ 5 แสนต้นๆ 4 แสนกลางๆ 4 แสนนิดๆ ไปๆมาๆคันล่าสุดนี่ได้มา 165,000
ยังทำใจซื้อรถหลักหมื่นไม่ได้ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานแน่นอน
-
ผมก็เป็นครับเคยซื้อแต่รถราคาหกถึงเจ็ดแสน จะให้ซื้อรถราคาล้านรู้สึกเสียดายตังค์ขึ้นมาทันที แต่ผมมันคนเงินน้อยเลยต้องคิดเยอะ 55
-
มันก็ไม่ง่ายเลย ที่จะก้าวข้ามจุดนั้นไป ::) ::) ::)
-
ยังไม่เป็นครับ ยังไม่รู้จะซื้อแพงไปกว่านี้ทำไม D-Seg ตัวล่างก็เกินพอแล้วสำหรับผม ส่วนที่อยากจ่ายแพงๆคือบ้านมากกว่า ใช้เวลาอยู่บ้านวันนึงเยอะกว่าอยู่บนรถเยอะ
-
มันอยู่ที่ความไม่กล้ารึเปล่าครับ 320i iconic รวมส่วนลดก็ล้านปลายๆ จัดเลยก็คุ้มกับการไม่ต้องคาใจไปอีกหลายปีนะ
ปกติมั่นคงของรายได้+เงินลงทุน จะเป็นกำแพงคอยขวาง ว่ารุ่นไหนเหมาะสมกับเราที่สุดในระยะยาว ถ้าขยับขึ้นไปแล้วผมเองก็ไม่อยากให้ขยับลงเหมือนกันครับ
ปัจจุบันผมอยู่ที่ล้านต้นๆ ยังอยากได้ 320d iconicกับเขามั่ง
แต่พอกดเครื่องคิดเลขดู.... สงสัยCivic Turboก็บุญละ ปิดWeb
-
ผมตัดสินใจไม่ยากนะ คิดว่าถ้าซื้อรถญี่ปุ่นราคาล้านหก ใช้ 6 ปีเปลี่ยนที 12 ปีใช้รถสองคันราคาสามล้านสองแสนบาท เปลี่ยนเป็นรถยุโรปราคาสามล้านสอง ใช้ 12 ปี ก็จ่ายเงินเท่ากันครับ
-
Benz BMW เทียบ กับเงินเฟ้อแล้ว ถือว่า ราคาถูกมากๆครับ เทียบกับสมัยก่อน
เพราะ ฉะนั้น 2 ล้าน ต้นๆ กลางๆ ผมว่าคุ้มครับ ยุคนี้ ส่วนตัวผมว่า ดีกว่าไปเล่น D seg ญี่ปุ่น ล้าน กลางๆ ปลายๆ
-
....คุณยังได้ล้านกลาง ๆ ผมสูงสุด ล้านเดียว หลังจากนั้น ก็มือสอง สองสามแสน ตลอด เสียดายเงิน....
-
สำหรับผม. เลือกรถในดวงใจเลยครับ
ผมเลือก สามสี่ล้านก้อไป
และสัญญากับหล่อนว่าจะไม่ขาย จะอยุ่กับเธอจนเก่า
วันเวลาผ่านไป ค่อยพิจารฯา หารถในราคาไม่เกิน1-2ล้าน หรือd seg ญี่ปุ่น
มาขับใช้ชิวิตปนะจำวัน
-
เพราะคุณไม่อยากได้มันจริงๆ มันเลยผ่านไปได้ยาก
พอได้มาแล้ว ถ้าชอบตามที่คาดหวังไว้จะซื้อแล้วซื้ออีก จนกว่าจะซื้อจนถึงจุดที่มันทำให้เจ็บจนขยาดแขยงจนไม่อยากได้และเรียกร้อหาความเรียบง่ายไร้ปัญหาครับ
-
รถคันแรกที่ได้ขับ เป็นรถคันเก่าของครอบครัว
รถคันที่ 2 ที่บ้านซื้อให้ตอนทำงานใหม่ ล้านต้น ใช้ไปสิบปีได้
รถคันที่ 3 ซื้อให้แฟน 6 แสนกลางๆ (รถคันแรกที่ซื้อด้วยตัวเอง)
รถคันที่ 4 ซื้อถัดจากคันที่ 3 เดือน เป็นรถที่ซื้อเอง ที่ใช้เองคัแรก เป็นรถยุโรป ราคา 2 ล้านได้
ไม่กล้าซื้อรถที่ 2 ล้านกลางๆ เพราะรู้สึกเสียดายเงิน (ซื้อคันที่ 3+4 ก็ราคารวม 2 ล้านกลางๆ แล้ว)
รถคันที่ 5 ที่ดูๆอยู่ ซื้อแทนคันที่ 4 เป็นพวกรถสปอร์ตคูเป้ญีปุ่นมือสอง ตั้งงบไว้ล้านกลางๆ ก็พอ
คันนี้เอาไว้สนองนีส ใช้งานง่าย ขับทุกวัน
รถคันที่ 6 ที่วางแผนในอนาคตแทนคันที่ 3 ก็ดูๆพวก SUV ให้แฟนใช้ ไม่ก็ ซีวิค มั้งคับ เน้นเป็นรถใช้งาน ท่องเที่ยว
บางที่เราก็มีกำลังที่จะซื้อรถที่แพงกว่านั้นได้ แต่
ผมกลับคิดว่าซื้อรถญีปุ่นราคา ล้านกลางๆ เนี่ยเหมาะสม เพียงพอต่อการใช้งานล่ะ ใช้งานได้สบายใจ ไม่ต้องระวังอะไรมาก ไม่จุกจิก
และก็ไม่มีรถที่แพงเกินกว่า 2 ล้าน ที่ผมอยากได้จริงจังขนาดนั้นในตอนนี้ด้วย (ต่อให้มีก็ไม่เหมาะที่จะใช้งานทุกวัน)
-
ผมเข้าใจครับ จริงๆต้องถามว่าแนวคิดแบบไหนครับเพราะเรื่องแบบนี้แต่ล่ะคนมองไม่เหมือนกันบางคนมองว่าคุ้มบางคนมองว่าไม่ ด้วยราคารถ
ยุโรปตอนนี้ทำให้ยิ่งมีคนคิดครับเพราะราคาไม่แพงขึ้นเลยจะถูกลงด้วยซ้ำ ยิ่งได้ประโยชน์จากการปล่อย co2 น้อย ส่วนรถราคาญี่ปุ่นมีแต่แพงขึ้น
กับทรงๆ ผมเล่าจากที่บ้านผมเคยลองมานะครับ เพราะโดยปกติจะซื้อรถราคา 8แสน-1.8 ล้านครับแต่ด้วยความที่ว่าพอไหวก้เลยจัด F10
525d มาถามว่าคุ้มมั้ยมันก้มีส่วนที่คุ้มและไม่คุ้มครับ แต่ผมแอบเอียงๆไปทางไม่คุ้มครับ เพราะข้อดีมันจริงๆก้คือ ขับสนุก ขับสบาย ช่วงล่างนิ่งแบบ
230 ก้ยังง่วง ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ส่วนข้อเสียก้คือ ไม่ได้แรงอะไรมากมายแถมผมคิดผิดที่เอา d มาถ้าตอนนั้นซื้อ i คงไม่บ่นขนาดนี้ พวงมาลัย
ที่นั่งอ่านมาว่าดีผมก้เฉยๆครับ นิ่งแต่ขับไม่สนุกออกจะเบื่อเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก้ไม่พ้นเรื่อง image มากกว่าครับที่คนมองว่าคุ้มซึ่งผมเฉยๆ
ต่อไปผมคงไม่ซื้อรถทั่วๆไปพวก sedan suv ไรพวกนี้ราคาเกิน 2 ล้านละครับ ถ้าจะซื้ออีกคงต้องเป็นพวก specialty รถ coupe hot hatch
supercar ไรพวกนี้เพราะพวกนี้หาซื้อถูกๆลำบาก ลองชั่งใจดูครับว่าคุ้มมั้ย ผมหมายถึงรถไซส์และทรงที่เหมือนๆกันนะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ
ตอนนี้ Focus 1.5 & Civic RS ราคา 1 ล้านต้นๆ ขับพอได้แรงก้ไม่เลวร้าย แต่ถ้าจะขึ้นไปเอาพวก C & 3 ได้รถแบบเดียวกันแต่โอเคแหละ
ครับมันดีกว่าอยู่แล้วรวมๆทุกอย่างคงดีกว่าหลายอย่างเลย แต่มันดีพอมั้ยที่จะต้องเพิ่มเงิน 2-3 เท่าเพื่อเอามา สำหรับผมๆมองว่าไม่ค่อยครับ แต่
ถ้า จขกท หมายถึงพวก hot hatch & Coupe ผมเชียร์เลยครับมันหาราคาถูกยาก ทุกวันนี้ผมอยากได้ v40 polestar มาแทน F10
มากรถคันละ 1.8-1.9 ล้านไล่รถคันละ 4 ล้านหนีไม่ออกเลย สุดท้ายผมว่าลองคิดดูดีๆครับ ผมว่าใช้รถคันละ 1-2 ล้าน 3-4 ปีเปลี่ยนที
ชิวดีนะครับ
-
เป็นกำลังใจให้ครับขอให้ก้าวข้ามไปได้อย่างมั่นคง สำหรับคนรักรถนั้นการได้ขับรถสวยๆดีๆแพงๆ มันเป็นเรื่องของความชอบ,ความภาคภูมิใจ,ความสุขที่ได้ครอบครองได้ขับขี่ ;D ;D เวลาผ่านไปไวมาก อย่ารอจนแก่นะครับเดี๋ยวจะไม่สนุก
-
ผมเข้าใจครับ จริงๆต้องถามว่าแนวคิดแบบไหนครับเพราะเรื่องแบบนี้แต่ล่ะคนมองไม่เหมือนกันบางคนมองว่าคุ้มบางคนมองว่าไม่ ด้วยราคารถ
ยุโรปตอนนี้ทำให้ยิ่งมีคนคิดครับเพราะราคาไม่แพงขึ้นเลยจะถูกลงด้วยซ้ำ ยิ่งได้ประโยชน์จากการปล่อย co2 น้อย ส่วนรถราคาญี่ปุ่นมีแต่แพงขึ้น
กับทรงๆ ผมเล่าจากที่บ้านผมเคยลองมานะครับ เพราะโดยปกติจะซื้อรถราคา 8แสน-1.8 ล้านครับแต่ด้วยความที่ว่าพอไหวก้เลยจัด F10
525d มาถามว่าคุ้มมั้ยมันก้มีส่วนที่คุ้มและไม่คุ้มครับ แต่ผมแอบเอียงๆไปทางไม่คุ้มครับ เพราะข้อดีมันจริงๆก้คือ ขับสนุก ขับสบาย ช่วงล่างนิ่งแบบ
230 ก้ยังง่วง ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ส่วนข้อเสียก้คือ ไม่ได้แรงอะไรมากมายแถมผมคิดผิดที่เอา d มาถ้าตอนนั้นซื้อ i คงไม่บ่นขนาดนี้ พวงมาลัย
ที่นั่งอ่านมาว่าดีผมก้เฉยๆครับ นิ่งแต่ขับไม่สนุกออกจะเบื่อเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก้ไม่พ้นเรื่อง image มากกว่าครับที่คนมองว่าคุ้มซึ่งผมเฉยๆ
ต่อไปผมคงไม่ซื้อรถทั่วๆไปพวก sedan suv ไรพวกนี้ราคาเกิน 2 ล้านละครับ ถ้าจะซื้ออีกคงต้องเป็นพวก specialty รถ coupe hot hatch
supercar ไรพวกนี้เพราะพวกนี้หาซื้อถูกๆลำบาก ลองชั่งใจดูครับว่าคุ้มมั้ย ผมหมายถึงรถไซส์และทรงที่เหมือนๆกันนะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ
ตอนนี้ Focus 1.5 & Civic RS ราคา 1 ล้านต้นๆ ขับพอได้แรงก้ไม่เลวร้าย แต่ถ้าจะขึ้นไปเอาพวก C & 3 ได้รถแบบเดียวกันแต่โอเคแหละ
ครับมันดีกว่าอยู่แล้วรวมๆทุกอย่างคงดีกว่าหลายอย่างเลย แต่มันดีพอมั้ยที่จะต้องเพิ่มเงิน 2-3 เท่าเพื่อเอามา สำหรับผมๆมองว่าไม่ค่อยครับ แต่
ถ้า จขกท หมายถึงพวก hot hatch & Coupe ผมเชียร์เลยครับมันหาราคาถูกยาก ทุกวันนี้ผมอยากได้ v40 polestar มาแทน F10
มากรถคันละ 1.8-1.9 ล้านไล่รถคันละ 4 ล้านหนีไม่ออกเลย สุดท้ายผมว่าลองคิดดูดีๆครับ ผมว่าใช้รถคันละ 1-2 ล้าน 3-4 ปีเปลี่ยนที
ชิวดีนะครับ
คิดเหมือนผมตอนนี้เลยครับ
ถ้าจะซื้อแพงต้อง sport หรือ เด็ดๆ ไปเลย สนอง need
ถ้าซื้อ Sedan หรือ SUV เอาคันล่ะ ล้านกว่าๆ ก็พอครับ เน้นใช้งาน
-
ตอนเด็กๆ ก็โตมากับ BMW น่ะ ตอนนี้ที่บ้านใช้ Camry ผมก็คิดคล้ายๆกันน่ะครับ
ผมว่ารถราคาหลักสามล้าน หรือรถพรีเมี่ยม ถ้าหน้าตามันไม่พิเศษจริงๆมันรู้สึกไม่คุ้มแฮะ อย่างพวก F10 ที่เป็นซีดานทั่วๆไป ที่ต้องเพิ่มเงินสองสามเท่า เมื่อเทียบกับ D Seg ล้านกลางๆ ซึ่งถ้าไม่ได้อัดหนักๆ ขับผ่อนคลายเรื่อยๆ 110 ผมว่า ความแตกต่างมันไม่คุ้มกับสองล้านที่จ่ายเพิ่มไป (เอาจริงๆผมว่านั่งหลัง Camry สบายกว่า F10 ด้วย Legroom ดีกว่าเยอะเลย) จริงๆผมว่ามันก็ตามราคาเมืองนอกนะ เมืองนอก BMW แพงกว่าไม่เยอะมากนัก ผมว่ามันก็ดีกว่ากันนิดๆ แบบราคาเมืองนอกน่ะละ
ถ้าเป็นพวก C Coupe หรือ E Coupe ที่มันเป็นกึ่งๆสปอร์ตอาจจะรู้สึกคุ้มกว่า หรือ Z4 , SLK หรือรถที่เก็บนานๆแล้วมันคลาสสิคแบบ Jaguar (ทุกวันนี้ผมยังมอง XF ตัวที่แล้วดูสวย คลาสสิคมาก แต่ E60 นี่รู้สึกเก่าละ) แล้วหารถพวก Altis Civic ตัวกลางๆ 8-9 แสนไว้ใช้ประจำวัน สบายใจดี
-
ผมเองก็อาการเดียวกันครับ คือในสมองจะมีรถในฝันอยู่เรื่อย 555
แต่ส่วนใหญ่มันจะไกลเกินเอื้อมนะ
ถ้าถามว่าผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง ก็ขอตอบว่า ณ ตอนนี้ผมผ่านจุดนั้นมาแล้วครับ คือผมรู้สึกพอใจมากแล้วกับรถที่ครอบครองอยู่สองคัน
คันแรก เป็นรถที่ไม่ค่อยจะมีใครใช้กันคือ suzuki new grand vitara แต่ขอบอกว่า มันเป็นรถที่มีรูปลักษณ์ตามที่ผมฝันไว้ตั้งแต่จะมีรุ่นนี้ออกมา ผมจินตนาการณ์รถในฝันไว้ว่าอยาดครอบครองรถ suv รูปทรงประมาณนี้ ภายในก็เรียบ ๆ ประมาณนี้
พอรุ่นนี้ออกมาในโฆษณาให้เห็นครั้งแรก ก็ใช่เลยครับ อยากได้มาก ๆๆๆๆๆ ตอนั้นคิดว่าราคามันคงไกลเกินเอื้อมนะ
แต่พอได้ราคาจริง ก็ไปไหวครับ เลยถอยมาใช้ และผมรักมันมาก ๆ
อีกคันก็ freed หลังจากที่ถอย suzuki มาไม่นาน freed ก็ออกมา เห็นแล้วชอบ แล้วก็ฝันว่าจะได้ครอบครอง ( คือให้เมียครอบครองนะครับ )
ฝันไปฝันมา พอขาย city คันเก่าของแฟนไปแล้ว ก็ตั้งใจจะหา eco car มาใช้ พาภรรยาไปลองทุกยี่ห้อ ลองไป ลองมา ภรรยาไปจอง freed
ก็เลยเป็นอันว่า รถในฝันที่ผมอยากได้ ผมได้มาแล้วครับ ก็เลยผ่านจุดนี้ ส่วนฝันต่อไปก็มีนะ แต่ต้องรอถูกล้อตเตอรี่ชุดใหญ่ก่อนครับ
-
ผมก็หยุดอยู่ตรงล้านปลายๆๆเหมือนกัน ไม่ยอมขึ้น 2 ล้านซะที แบบว่า มีเงินสดแล้วแต่ไม่เจอรถที่อยากได้ก็ไม่เอา
พอเจอรถที่อยากได้เงินสดก็ไม่พอเลยจำใจไม่เอา
สุดท้ายก็คาอยู่ที่ล้านปลายๆๆเช่นเดียวกัน
ป.ล. เหตุผลที่ไม่ผ่อนเพราะรายได้/เดือนมันไม่คงที่บางเดือนก็ได้เยอะบ้างน้อยบ้าง,บางเดือนก็เกือบเข้าตัวก็มี
-
เข้าใจครับถ้าราคาสองกลางๆถึง สองปลายๆ ขับ5ปี
ก้อเหมือนขับแคมรี่ป้ายแดงลงเหวไป1 คัน
แต่เพื่อความพรีเมียมและสักครั้งในชีวิตต้องลุยครับ 555 (ถ้าแบงค์ให้ผ่านกับเงินเกษียณเก็บได้ตามแผนนะครับ)
-
คนไทยส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยแล้ว *จะซื้อรถกันได้สูงสุดที่ราคาประมาณล้านกลาง ๆ นี่แหละครับ
ถ้าอ่านแต่เว็บ HLM เราก็จะเจอแต่คนรวย เลยทำให้ลืมเรื่องนี้ไปครับ :-[
* ข้อมูลจากสวนสัตว์ดุสิตโพล
-
ผมก็คงไม่ไปเกินนี้ครับเพราะหน้าที่การงานปัจจุบันผมได้แค่นี้ก็ดีแล้วครับ
รอกะบะเบนส์ เริ่มต้น ราคาล้านกลาง จะมีมั้ยนะ 8)
-
เริ่มเข้าเวปนี้ ตั้งแต่ 2012 แต่เพิ่มสมัคร2015
ก่อนที่จะรู้จัก HLM คิดอย่างเดียว BENZ OR BM ONLY เมื่อมีโอกาสหรือโอกาสมาถึง
แต่พอได้ใช้รถล้านกลางๆแล้ว และได้อ่านเรื่องต่างๆของเพื่อนๆ เช่นHYBRID ซื้อ4ล้าน หรือไม่ถึง2ล้านเพราะHYBRID ในเวลา2ปี
มันจึงให้มานั่งคิด ไป-กลับ ว่าความสามารถมี โอกาสมี ทุกอย่างน่าจะได้ ถ้าเดินเข้าไปเซ็นใบจองก็ได้ขับแน่นอน
แต่รู้สึกเสียดายเงิน สิ่งที่หามาได้ หาตั้งนาน ใช้3ปี เหมือนหมดไปเฉย ถึงเราจะได้ในสิ่งที่ต้องการและปราถนา
ณ วันนี้ จึงรู้จักพอ ในสิ่งที่มีมากขึ้น
หรือใช้ตามวาระ เหตุผลที่ควรใช้ เปลี่ยนตามอายุขัยของพาหนะ
(คำว่าไม่กล้าไปต่อ =ปัจจัยคือตัวแปร ให้กล้าหรือไม่กล้า)
-
เหมือนกันครับ ขึ้นเรื่อยมา 2 คันสุดท้ายคือ Fortuner 3.0V 2WD (MY2013) และต่อมาเป็น Accord 2.0EL (MY2015)
หลังจากนี้เริ่มเล็งเป้าที่ 2 ล้านขึ้นไป แต่ก็มีเรื่องอื่นๆตามมาอีกเช่นค่าประกันภัยที่แสนแพง ค่าซ่อมบำรุงตามระยะ (สำหรับ MB) ที่แพงกว่ารถปกติไปมาก
มีเงินผ่อนอย่างเดียวยังไม่พอนะครับ ต้องมีเงินจ่ายค่าซ่อมและค่าประกันภัยด้วย ไหนจะยาง Run Flat และ battery ที่แพงกว่าเช่นกัน
เลยไม่รู้จะข้ามแนวต้านนี้ไปได้หรือไม่ 8) 8) 8) 8)
-
งั้นใช้วิธีผมสิครับ หายุโรปมือสองสภาพกริปๆ ราคาล้านกลาง-ปลาย
ใช้ไปอีก 4 ปีแล้วขาย หาคันใหม่ ขาดทุนก็ไม่มาก สบายกระเป๋าตังค์ดีออกครับ
-
ส่วนตัวแล้วมึนขึ่นกับงบแล้วก็ความต้องการของรถครับ
ส่วนตัวแล้ว B-Segment สำหรับผมพอครับ (ตามจุดประสงค์การมีรถ)
ก็เลยไม่คิดขยับขึ้น (5 คันและ)
-
อาจคิดถึงความคุ้มค่ามากไปหน่อย ถ้ามีกำลัง(เหลือๆพอสมควร) จัดรถยุโรปสักคันให้รู้กันไป (แบบชีวิตนึงขอมีรถหรูๆใช้บ้างสักคัน แล้วอาจติดใจไม่กลับมาใช้รถญี่ปุ่นอีกเลยก็เป็นได้
-
งั้นใช้วิธีผมสิครับ หายุโรปมือสองสภาพกริปๆ ราคาล้านกลาง-ปลาย
ใช้ไปอีก 4 ปีแล้วขาย หาคันใหม่ ขาดทุนก็ไม่มาก สบายกระเป๋าตังค์ดีออกครับ
กริบๆตอนกี่ปีดีครับท่าน > <
-
รู้สึกพอแล้วครับ
ทั้งที่ผ่อนรถได้ 40,000 บ./เดือน
เอาเงินเก็บไว้เป็นความมั่นคงของครอบครัวกับลูก
ทุกวันนี้ใช้ fortuner ยังรู้สึกเกินตัวไปด้วยซ้ำ
-
สักครั้งถ้ามีโอกาสได้ลองเป็นผมจะไม่ลังเลเลย ไปไม่สุดมันน่าเสียดายมากกว่าอีก(ถ้ามีโอกาส)
-
ตอนแรกผมอยากได้รถ หรูๆ นะ
แต่เจอ คนตำแหน่งระดับ สูงๆมากๆ ในที่ทำงาน เงินเดือนที่รับในไทย มากกว่า ฐานของฝรั่งอีก
แต่เค้าขับแค่ รถเก่าๆ ที่เค้าขับมา 10 กว่าปี ไม่เปลี่ยน เคยถามเค้าเพราะ มันไม่พัง มันยังใช้ได้ เปลี่ยนทำไม
ผมนี่ ก็ คิดได้เลยว่า รถก็คือรถ
ถ้า คนทำงาน เกี่ยวกับ finance จะพอเข้าใจ
-
ใช้camryปี99 ซื้อเพื่มcamry09
คันต่อไปก็จะเปลื่ยนเป็น camry รุ่นถัดไปน่าจะ 18 หรือ19 8)
เอาcamry09 ไปขายซื้อคันใหม่เงินสด
ที่ไม่เคยคิดเปลื่ยนแนวเพราะมันตอบโจทย์ ของคนไม่มีเวลา มันเป็นรถที่ไว้ใจได้ และนั่งสบาย ทนมากไม่เคยเสียเลย เปลื่ยนแค่อะไหร่สิ้นเปลือง
ใช้น้อยด้วย ปีละหมื่นโล เลยไม่เสียมั้ง :-[
ใช้งานในชีวิตจริงเป็นกระบะแคปมากกว่า เคยคุยกับtaxi เขาบอกรถใช้งานแค่นั้น จอดในร่ม ยังไงก็ไม่พัง ;D
ซื้อสด ทุกคันครับ ที่บ้านไม่ชอบให้เป็นหนี้ เป็นวินัยทางการเงินที่ถูกปลูกฝังมา บ้าน5ล้านยังซื้อสดเลย(เก็บเกือบตาย)
-
ผมใช้รถจาก 5 แสน / 6 แสน / เป็น 1.3 ล้าน / คันสุดท้าย 2.49 ล้าน
ถ้าผมมีเงินแบบนี้เรื่อย ๆ ผ่อนไม่เดือดร้อน ผมก็เอาคันแพงไว้ก่อนครับ อิอิ
ได้คัน2ล้านมา ไอคันหลักแสนไม่ค่อยอยากขับเลย ไม่ได้กระแดะนะครับ มันต่างกันมากจริง ๆ
ขับหลักแสนคนไม่ค่อยให้ทาง ขับไอ2ล้านเข้าห้างยามโบกหาที่จอดให้ แทบไม่อยากเชื่อตัวเอง
แม้กระทั่งเมียผมที่ไม่อยากให้ออกคันแพง พอได้มามันยึดผมไปใช้เกือบทุกวัน ฮ่า ๆ
-
รถมันคือสินค้าฟุ้มเฟือยมีแต่จะลดมูลค่าครับ
ส่วนตัวผมมีเงืนพอจะถอย e-class เงินสด โดยไม่กระทบด้านอื่น แต่ผมก็เฉยๆ ขับ everest ต่อไป และเลือกไปซื้ออสังหา หรือลงทุน จนได้บ้านเพิ่มมา 2 หลัง และบริษัทขนส่งสินค้าเพิ่มมาอีกบริษัท ในระยะ 2 ปีนี้ ทำงานเยอะๆ จะได้หายฟุ้งซ่าน เมื่อไหร่มีเงินเก็บหลายๆ 10 ล้านค่อยว่ากันครับ แต่ในปัจจุบันยังก่อน
-
ซื้อ benz , bmw มือ2มาใช้ครับ ปัญหานี้จะหมดไป
-
ไม่เคยซื้อรถเกินล้าน รถคันแรกที่ซื้อเองCivic 97ตอนนั้น 688,000 แล้วก็วนเวียนอยู่กับ มือสอง มาตลอด พอโตขึ้น ทำธุรกิจ ก็คล่องขึ้น ไปจัด V40 มาเมื่อ 3ปีที่แล้ว Happy นะครับ มันขับดีกว่าทุกคันที่เคยมี รู้งี้ซื้อตั้งนานแล้ว
-
เข้าใจอารมณ์เจ้าของกระทู้เลยครับ ผมก็คิดแบบเดียวกัน เพราะหากคิดด้วยเหตุผลแล้วก็ยังไม่ควรซื้อ และผมคิดว่าหากผมยังกังวลพวกค่าใช้จ่ายอื่นๆเกี่ยวกับตัวรถไม่ว่าจะค่า maintenance ค่าประกัน ก็แปลว่าผมยังไม่พร้อมจริงๆ แต่จะให้ซื้อรถ D seg ป้ายแดงราคาล้างกลางก็ยังทำใจกับมูลค่าที่ตกฮวบไม่ได้ ก็เลยยังขับคันเก่าอายุ 14 ปีต่อไป หากจะออกคันใหม่จริงคงจะให้ภรรยาใช้เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่า
-
เป็นเหมือนผมตอนนี้เลยครับ อยากกระโดดจาก Prius ไป C Class แต่ยังคิดไม่ตกว่าจะรับภาระเรื่องบำรุงรักษาไหวไหม แต่ใจน่ะไปจองเรียบร้อยแล้ว :-X
-
ราคารถบ้านเรามันเพี้ยน รถดีจริงๆปกติจบที่ไม่เกิน 2.5m , แต่บ้านเราฟาดได้ 6m :lol:
-
งั้นใช้วิธีผมสิครับ หายุโรปมือสองสภาพกริปๆ ราคาล้านกลาง-ปลาย
ใช้ไปอีก 4 ปีแล้วขาย หาคันใหม่ ขาดทุนก็ไม่มาก สบายกระเป๋าตังค์ดีออกครับ
กริบๆตอนกี่ปีดีครับท่าน > <
ยี่ห้ออื่นผมไม่แน่ใจ ผมมองแต่ BMW ถ้าเอาตอนนี้เลย F30 ตัว 20i สภาพกริป
แถมมี BSI ให้เคลมได้อีกสบายๆ รถ 3 ปีกว่า หาได้ต่ำกว่า 1.5 ครับ ค่อยๆหา
หรือถ้า 20d ก็อาจจะแพงกว่าซักนิด ค่อยๆหาใจเย็นๆครับ
-
เข้ามาเล่าเรื่อง กลับตัวก็ไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึง
ญาติๆ หลายคนเป็นครับ โดยเฉพาะเจ้าของโรงงาน
รุ่นเก่า ที่ปัจจุบันกิจการไม่ค่อยจะดีนัก
Benz W124 ยุคนั้นมีบ้านละคัน ราคา 2.6 - 3.2 ล้าน
ไปเบนซ์ ธนบุรี พระราม 4 (หยิ่งมาก) ถอยมา 6 คัน
หลายคนใช้จนปัจจุบัน เพิ่งเริ่มทยอยขาย แล้วออก teana camry.....ที่ใช้มานานขนาดนี้ เพราะขยับไปต่อไม่ไหว แต่จะถอยลงมา D-seg ญี่ปุ่น ก็อายคนอื่น
แต่สุดท้าย รถมันหมดสภาพ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยน
D-seg 2.0 (ผมว่าดูดีกว่า w124 อายุ 17 ปีนะ)
ผมเอง หลายครั้งก็อยากจะใช้ PPV หรือ D-seg
ล้านกลางๆ ใช้ดีๆ ลุยๆ แต่สุดท้ายจะเปลี่ยนรถแต่ละที มันก็ต้องตัดใจเลือกรถระดับเดิมเรื่อยไป ด้วย
เหตุผลหลายๆ อย่าง
ยังโชคดีที่พอซื้อได้ไม่ลำบาก
ถ้าเรามีความสุขดีกับรถที่เราเลือก ใช้แล้วสบายใจ
ก็โอเคมากแล้วครับ
-
ผมว่าถ้าเราคิดว่ามันเพียงพอแล้ว ก็ OK นะครับที่จะอยู่ตรงนี้ เก็บเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า
-
ผมก็จบที่ล้านกลางๆครับ ไม่กล้าขึ้น2 ใช้ไป5ปี ขายต่อ หายไปจะเป็นครึ่ง :'( :'( :'(
-
ใครจะไปรู้เอาเข้าจริงถอยมาใช้ อาจจะไม่มีความสุขเท่ากับการเลือกใช้รถราคาล้านกลางๆ ก็เป็นได้นะครับ
ส่วนตัวผมเลยนะ การตามฝันเรื่องรถมันเป็นอะไรที่ไม่ยั่งยืนครับ
อารมณ์ประมาณความเสียวมาแป๊บเดียว เงินก็ปลิวไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน
แต่คนเราก็ไม่เหมือนกันเสมอไป สรุปมันก็หนีไม่พ้นต้องบอกว่า ถ้าคัน ก็ต้องลองหล่ะครับ ถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
-
เป็นความรู้สึกที่ไม่อยากได้มากกว่า
แรงจูงใจซื้อ เลยมีไม่มากพอครับ
ต่างจากที่อยากได้
นั่นไม่เยี่ยม เก็บเสียงแย่ แต่รับได้ ตกลงคันนี้ครับ
-
ส่วนผมรถคันแรกคุณพ่อคุณแม่ซื้อน้องออส2012ให้ราคาหกแสนเก้านิดๆ และใช้จนถึงปัจจุบัน
อนาคตอยากได้อีโก้คาร์รุ่นล่างๆราคาประมาณ สี่แสนนิดๆมาสักคันหรือไม่ก้รถตระกูลPPVล้านต้นๆครับ
-
ฝันถึงหนี้ก้อนโต
ใจไม่กล้าครับ ผมอายุยังน้อย แต่ภาระเยอะ
-
ถ้าซื้อมาใช้งานปกติ รถราคาล้านกว่าๆก็ถือว่าปลอดภัยดีใช้ได้แล้วครับ แต่ถ้าจะซื้อแพงกว่านั้นก็จะได้วัสดุที่คุณภาพสูงขึ้นและความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้นซึ่งจะมีประโยชน์ตอนวิ่งทางไกลหรือใช้ความเร็ว อันนี้ก็แล้วแต่การตัดสินใจครับ
-
ผมมีแต่ถูกลงเรื่อยๆอะครับ จาก 5 แสนปลายๆ ลดลงมาเป็น 5 แสนกลางๆ 5 แสนต้นๆ 4 แสนกลางๆ 4 แสนนิดๆ ไปๆมาๆคันล่าสุดนี่ได้มา 165,000
ยังทำใจซื้อรถหลักหมื่นไม่ได้ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานแน่นอน
55555 ผมชอบความเห็นพี่จัง
เอาใจช่วย จขกท.ครับ หารายได้มากพอ คงไม่ใช่ประเด็นตรงนี้ หรือไม่ก็เรายังไม่ได้ชอบมันมากพอครับ
-
สิ่งที่ทำให้ผมก้าวข้ามผ่านจุดนั้นไปได้คือ
1. รายได้ ... ถ้าเคยลำบากมาก่อน แล้วพอมีในภายหลัง จะผ่านจุดนี้ได้ยากมากสำหรับผม จากผมเคยได้เงินกำไรขายไก่ทอด เดือนละ 2-3 หมื่น ผ่อนบ้านกับรถแฟน หมดพอดี! ไม่เหลือเงินเที่ยว กินใช้อะไรเลย... น้ำตาซึมแทบจะทุกวัน... 8 เดือนผ่านไป มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าเที่ยว แล้ว 2-3 แสน/เดือน จากการทำธุรกิจร้านอาหาร พอต้องผ่อนรถในฝันที่ตัวเองตกหลุมรักมานาน เดือนละ เกือบแสน พอมองย้อนกลับไปในวันที่เราลำบาก แม้แต่เงินกินก็แทบจะไม่มี มันทำให้หดหู่ใจอยู่นิดๆ กลัวจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม...
2. ผมกลัวอายุไม่ยืน ... ถ้าจะให้ผมเก็บเงินซื้อสด (เก็บเท่าที่ผ่อน) ระยะเวลา 5 ปี สมมติเก็บได้ปุ๊บ ดันตายก่อน! หรือโรครุมเร้า คงไม่สนุกที่จะเอาเงืนตรงนั้นมาซื้อรถ หรือเผลอๆ ในระยะเวลา 5 ปี เก็บไม่ได้ครึ่งด้วยซ้ำ เพราะคงต้องเอาเงินไปสนองกิเลศด้านอื่น(ผมขอบไอที)
3. รีบ(ใจร้อน) นิสัยส่วนตัวล้วนๆ ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้เร็วๆ(ตามกำลังเงิน)
4. ไม่ถามความเห็นใคร ถามใจตัวเองล้วนๆ กายพร้อม ใจพร้อม เงินไม่พร้อม แต่ผ่อนได้...
5. แฟนชอบ เหมือนกัน ฝันเหมือนกัน ข้อนี้ ตัดใจเซนต์ทันที!
ปล. ตอนนี้อยากได้ GLA มาใช้แทน City ในวันธรรมดาๆ หรือพาครอบครัวไปเที่ยว
ปล.2 ได้เทส Civic Fc ของเพื่อน ราคา ล้านเดียว เออ...มันขับดีแฮะ 555+