Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: IVORY ที่ กรกฎาคม 31, 2021, 16:19:27
-
สวัสดีครับ เมื่อเดือนที่แล้วได้มีโอกาสขับรถผ่านเส้นทางช่วง น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เป็นรถ NISSAN SYLPHY 1.6 V ตลอดเส้นทางใช้เกียร์ D กดสลับโหมด O/D ตลอดทางไม่ได้ใช้เกียร์ L เลย ช่วงที่ลงเนินก็เหยียบส่งพอใกล้จุดที่ทางเริ่มชันขึ้นก็กด O/D แล้วเหยียบส่งเพิ่มพอขึ้นไปสุดเนินตอนลงก็กดปิด O/D แล้วปล่อยไหลมาหรือไม่ก็ Full Brake ซึ่งก็ขับตามๆกันมากับเพื่อนร่วมทางคันอื่นไหลๆตามกันมาตลอด
แต่ก็มีบางช่วงที่เป็นเนินชันขึ้นไปเกือบจะสุดเนินแล้วในโหมด O/D รอบเครื่องกวาดไปที่ 3,000 กว่าแต่ความเร็วค่อยๆลดลงมาเหลือ 50 แต่ก็สุดเนินพอดีแล้วเป็นช่วงขาลงต่อเลย ก็กดปิด O/D รอบก็ตกมาที่ 1,000 กว่าๆปกติ แล้วความเร็วก็ไหลไปที่ 90 เองโดยที่ไม่เหยียบคันเร่งเลย แต่ก็ Full Brake ชลอความเร็ว
การที่ทำแบบนี้ใช้เกียร์ D สลับ Over Drive ไม่ได้ใช้ L เลย เป็นวิธีที่ถูกต้องไหมครับ อยากทราบไว้เป็นความรู้เผื่อมีโอกาสได้ขับรถขึ้นลงเขาในครั้งต่อๆไป
สาเหตุที่ไม่ได้ใช้เกียร์ L เพราะมีรถคันอื่นวิ่งตามๆกันมาตลอด 4-5 คัน เลยจำเป็นที่จะต้องพยายามทำความเร็วให้เร็วกว่าเขา(บางคันก็จี้เลยหลบให้แซง) และ โดยส่วนตัวเข้าใจว่า L คือ เกียร์ 1 กับ 2 เลยไม่กล้าเปลี่ยนจาก D ไป Lขณะที่รถวิ่งอยู่เพราะกลัวรถจะกระตุกเย่อวืดลงมา ซึ่งมาทราบทีหลังจากใน YouTube ว่าผลักไป L ได้เลยเพราะเกียร์มันมีโหมด save ในตัวเองไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตอนรถหยุดนิ่ง (อันนี้ไม่ทราบว่าจริงไหม)
-
ถ้าทางไม่ชั้นมาก เบรคเล็กน้อยไม่เป็นไร
แต่ถ้าต้องกดนาน -ลึก บ่อย ๆ แล้วคุณจะรู้ว่าเบรคไหม้ อันตรายแค่ไหน
-
ผมขับรถขึ้นเขา ลงเขา ประจำ เพราะไปกลับ กรุงเทพ-ภูเรือ เพราะช่วง เพชรบูรณ์->อ.ด่านซ่าย->อ.ภูเรือ มันจะขึ้น-ลงเขา เรื่อยๆ
้ถ้าชินกับถนน หรือ เส้นทางแล้ว จะขับ D ตลอดก็ได้ จะรู้จังหวะว่า ตรงไหนควรเร่ง ตรงไนห ควรเบรค
แต่ถ้าไม่ชินกับเส้นทาง ควรจะ L ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้น หรือ ลง เขา เพราะ
ขาขึ้น รถก็จะได้มีกำลังต่อเนื่อง ไม่เสียจังหวะ ทั้งตัวคุณเอง และ คนตามหลังมา
ขาลง ก็ถือว่าเป็นการเซฟตัวเอง และ รถ ไปในตัว เพื่อให้ลดการใช้เบรค และ คุมรถง่ายกว่า ใครจะแซง ก็ชิดซ้ายเปิดทางให้เขาแซงไป
ส่วนจะใช้ ปิด O/D เพื่อตัดเกียร์สูงออก (เช่นมี 5 เกียร์ เปิดมันจะทำงาน 1-5 พอปิด(กดปุ่ม)มันจะทำงานแค่เกียร์ 1-3) หรือ จะเข้า L วิ่ง ก็แล้วแต่การใช้งาน สำหรับผม จะใส่ L ไปเลย เพราะเรียกกำลังในขาขึ้น และ เป้น Engine Brake ขาลง ลดการใช้เบรค ครับ
แต่พอ CVT ไม่แน่ใจว่า Engine Brake มันพอไหม สุดท้ายก็ต้องกดเบรคช่วยประคอง มั่นใจสุด แต่อย่าลากเบรคยาวละกันครับ เดี๋ยวเบรคไหม้เอา
-
สำหรับผม ถ้าจังหวะลงเขา แล้วรู้สึกว่าต้องเหยียบเบรคตลอดเวลา กับความชันที่รู้สึกว่าถ้าปล่อยเบรครถจะพุ่งเร็วเกินไปแน่นอน ผมก็จะใช้ L ครับ ต้องดูระดับความชันด้วยครับ ถ้าเป็น เขาปัก วังน้ำเขียว เมื่อก่อนชันๆ ก็ต้อง L แต่หากปัจจุบันนี้ วิ่งปกติแล้วคอยแตะเบรคเอาไว้ครับ
-
ทางหลวงปกติ ที่ไม่ได้ชันแบบดอยอ่างขาง
รถทุกคันใช้ D ขับได้หมดครับ
ผมใช้อัลมีร่า เส้นนี้บอกเลยผมฉมัง
ขับแซงกระบะเตี้ยควันท่วมๆ ในโค้งมาเยอะละ
ฝีมือมันต่างกัน ทักษะการมองทางมองโค้ง คือสำคัญ
-
ปกติดูรอบเครื่องเป็นหลักครับ พยายามอย่าให้เกินรอบตามที่คู่มือรถระบุไว้ในแต่ละเกียร์ (ไม่เคยใช้ CVT) การเปลี่ยนมา L ไม่จำเป็นต้องหยุดนิ่ง แค่รอบเครื่องอย่าสูงมาก โดยใช้เบรคช่วยชะลอความเร็วลงมา การใช้เบรคตลอดเวลา ช่วงลงเขา เบรคจะเฟด ทำให้เบรคยากขึ้น อตร มากๆ
-
ปกติถ้าทางเขา ควรจะใช้เกียร์ต่ำแล้วเชนขึ้นลงๆนะครับ จะทำความเร็วได้ดีกว่ากว่าเกียร์ D เยอะเลยครับ
ของผมขับเส้น เชียงใหม่ ปาย ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอนบ่อย ไม่เคยใช้เกียร์ D เลยครับ มันทำความเร็วไม่ได้
ถ้ารถมี Paddle Shift เจอโค้งตบเกียร์ลงมา ไม่ต้องเบรค หมดโค้งเหยียบส่งเกียร์เดิมที่ตบลงมา พุ่งออกจากโค้งเร็วกว่า ถ้าเข้าโค้งมาที่ D เบรค แล้วเร่งจากโค้งเยอะเลยครับ เพราะ D มันจะเปลี่ยนเกียร์ขึ้น แล้วกว่ามันจะคิดว่าต้องต้องเปลี่ยนเกียร์ลงหลังจากหมดโค้งแล้ว ช้ากว่าเราเข้าเกียร์ต่ำเองเยอะมาก
อย่างทางเขาปาย รถ CVT ผมใช้แค่ 1-2-3 ขับสนุกกว่า ทำความเร็ว ได้ดีกว่า D เยอะ เบรคแทบไม่ต้องกดเลยครับ เพื่อนผมคนที่เพิ่งเคยขับทางเขาตามกันมามันยังมาถาม ไม่เหยียบเบรคได้ไง เลยสอนไปให้เกียร์ลง หลังจากมันมามันไม่เคยใช้ D ขับทางเขาอีกเลย แล้วขับเร็วขึ้นเยอะด้วยครับ
-
รถที่ออกแบบมาดีพอ มันจะมี logic ของมันง่ายๆ ที่ช่วยเราดึง แบบพอดีๆไม่มากไปน้อยไปอยู่แล้วครับ
แต่อาจจะไม่ถูกใจเรา
เอาจริงๆก็คือ d หรือ o/d ก็พอแล้ว เรียกว่าตามสภาพ อย่าไปฝืนใช้ในสิ่งที่ไม่เหมาะกับความจำเป็นที่ต้องใช้ครับ
-
ขึ้นลงเขาปกติผมก็เกียร์Dตลอดนะรรับ ไม่ต้องมานั่งเกียร์L
ถึงจะเป็นcvt ก็ดูจังหวะเอาครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังไม่เคยเจอเบรคไหม้ บนเขาคงไม่ขับเร็วนรกแตกกันมั้งคับ
เคยเห็นแต่พวกกระปะเจ้าถิ่นตามที่ต่างๆที่เค้าขับเร็ว ถ้าไม่ขับตามเค้าคงไม่เป็นไรครับ
ของผมที่มช้มีcvt2คัน ก็ใช้ขึ้นเขาทั้งคู่ เส้นนครไทย -เลยก็ขับปกตินะครับ มีแซงเป็นระยะบริเวณที่ชชันก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าไม่ห้าวเกินครับ
รถทุกวันนี้เค้าออกแบบมาให้รองรับอยู่แล้วรึป่าวครับ ถ้าเป็นรถแบบเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเบรคไหม้นี่ๆม่ๆด้แปลกใจครับ แต่ทุกวันนี้ไม่ค่อยเห็นแล้วนะครับ
-
คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะทำถูกแล้วครับ เกียร์ L สำหรับทางลง ผมใช้ก็ต่อเมื่อเป็นทางลงชัน ต้องใช้สปีดต่ำ และมีแนวโน้มว่าจะต้องใช้เบรคเยอะ ครับ ใส่ L ไปจะช่วยลดการใช้เบรคได้ 50-80% ช่วยลดอาการเบรคอมความร้อนสูงจนไหม้ แต่ถ้าเป็นทางลงสลับขึ้น และยังใช้ความเร็วปานกลางได้ต่อเนื่อง ไม่ได้เป็นโค้งหัก ผมก็ใช้แบบคุณเหมือนกันครับ (ในตอนที่รถยังเป็นเกียร์ AT นะครับ ซึ่งนานมาแล้ว)
-
ขึ้นลงเขาปกติผมก็เกียร์Dตลอดนะรรับ ไม่ต้องมานั่งเกียร์L
ถึงจะเป็นcvt ก็ดูจังหวะเอาครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังไม่เคยเจอเบรคไหม้ บนเขาคงไม่ขับเร็วนรกแตกกันมั้งคับ
เคยเห็นแต่พวกกระปะเจ้าถิ่นตามที่ต่างๆที่เค้าขับเร็ว ถ้าไม่ขับตามเค้าคงไม่เป็นไรครับ
ของผมที่มช้มีcvt2คัน ก็ใช้ขึ้นเขาทั้งคู่ เส้นนครไทย -เลยก็ขับปกตินะครับ มีแซงเป็นระยะบริเวณที่ชชันก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าไม่ห้าวเกินครับ
รถทุกวันนี้เค้าออกแบบมาให้รองรับอยู่แล้วรึป่าวครับ ถ้าเป็นรถแบบเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเบรคไหม้นี่ๆม่ๆด้แปลกใจครับ แต่ทุกวันนี้ไม่ค่อยเห็นแล้วนะครับ
เส้นนครไทย -เลย ไม่มีเส้นทางที่ลงเขายาวหลายๆกิโลนี่ครับ ถ้าเป็นเส้นลงดอยอินทนนท์ ทางลงเขายาวสิบกว่ากิโล ลงอย่างเดียว ไม่มีทางราบๆหรือสลับขึ้นบ้างเลย แบบนี้ต้องใช้เกียร์ช่วยหน่วงด้วยครับ ถ้าเบรกอย่างเดียว เบรกไหม้แน่นอน
-
เส้นทางขึ้น-ลงเขาแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน
ใช้ความเร็วตามที่ป้ายกำหนด +- 10 km/h ปลอดภัยดี ถ้าเส้นคุ้นเคยก็ตามใจ
Full Brake บ่อยๆก็สยองเบรคไหม้อยู่นะ ถ้าชันจนป้ายกำหนดความเร็ว 30 ก็ L เถอะถนอมเบรค
เรื่องรถขับตามเป็นธรรมดาของโลก กังวลมากไปก็กดดันตัวเอง คนเราไม่ได้ขับรถขึ้น-ลงเขาเก่งแต่เกิด
-
การขับมีหลายท่านแจ้งไว้แล้ว
ขอเสริมแค่การระวังและคอยสังเกตุอาการของเบรคด้วยครับ มีกลิ่นไหม้ให้คาดเดาไว้ก่อนเลยว่าของเบครเรา :'(
-
ขาขึ้น จะใช้ L หรือ D ก็ไม่มีปัญหาครับ
แต่ขาลงนี่ ใช้ L ช่วยเพื่อลดภาระเบรคก็ดีครับ
แต่รถใหม่ๆ เกียร์ฉลาดนะครับ CX5 gen1 เอาไปเขาค้อ ก็ใช้แต่ D ครับ เกียร์มันเชนให้เอง ไม่ต้องใช้ M
-
Sylphy 1.6 กับ 1.8 เป็นเกียร์ CVT ทั่วไปครับ ที่กด O/D ในเกียร์ CVT นั่นก็คือ กด S ครับ เพราะ O/D ไม่มีใน CVT ครับ มีในเกียร์ Auto 3-4 สปีด ทั่วไป
เกียร์กับการใช้เส้นทางขึ้นเขา-ลงเขา
เกียร์ Manual 4-6 สปีด
วิธีขับก็คือ พอถึงทางขึ้นเขาหรือลงเขา
ชนิดเกียร์ Manual
4-5 สปีด ใช้เกียร์ 2
6 สปีด ใช้เกียร์ 3
เกียร์ Auto 3-4 สปีด แบบรางตรงหรือแบบ Gate Type
วิธีขับก็คือ พอถึงทางขึ้นเขาหรือลงเขา ใช้เกียร์ 2 ในการขับรถ
เกียร์ CVT แบบทั่วไป แบบรางตรงหรือแบบ Gate Type
วิธีขับก็คือ ใช้เกียร์ S สำหรับทางขึ้นเขา ใช้เกียร์ L หรือ B สำหรับทางลงเขา
เกียร์ Auto 4-10 สปีด แบบ Gate Type,Dual Clutch,Joystick,CVT พร้อมโหมด +/- หรือ ปุ่ม Up/Down บนพวงมาลัย หรือ Paddle Shift
วิธีขับก็คือ พอถึงทางขึ้นเขาหรือลงเขา
ชนิดเกียร์ Auto
4-5 สปีด ใช้เกียร์ 2
6-7 สปีด ใช้เกียร์ 3
8-9 สปีด ใช้เกียร์ 4
10 สปีด ใช้เกียร์ 5
ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบไม่มี Gear ละ
..
วิธีขับก็คือ พอถึงทางขึ้นเขา ใช้โหมด Sport หรือ Power Mode พอถึงทางลงเขา ใช้โหมด B หรือถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามีโหมด One Pedal หรือ ถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามี Paddle Shift สามารถปรับระดับความหน่วงได้ เพื่อสามารถ Regenerative Brake เข้าแบตเตอรี่ได้มากถึง 20% ในขณะขับลงเขา
น่าจะเป็นความรู้สำหรับการขับขี่ขึ้นเขาลงเขาครับ
-
ง่ายๆครับ ถ้าทั่วๆไปก็ใช้เกียร์ D
ถ้าขึ้นเขาลงเขาชันๆ รถตื้อๆก็ใช้เกียร์L หรือ1 หรือ2 แล้วแต่รถ
ถ้ารถไฮยริด สับเข้า B เลยครับ
-
เกียร์ L ค่อยเอาไว้ใช้ตอนขึ้นม่อนแจ่มครับ
-
ถ้าจำไม่ผิด Jatco ลูกนี้ ...
1. ลงเนินมา เห็นข้างหน้าเป็นทางชันยาวๆ กดส่งไปเลย ใช้ทางชันเป็นตัวเบรค
2. รถหมดแรง ระหว่างขึ้นทางชัน ให้ยกคันเร่งให้สุด แล้ว กระทืบลงไปใหม่ มันจะเลือกใช้อัตราทดต่ำลงมา ครับ อย่าพยามขยี้คันเร่ง เพราะจะไม่ช่วยอะไรครับ
............
เคยเอา Pulsar ขึ้น วัดพระธาตุสันติธรรม ที่ ดอยแม่สลอง แต่ดันขึ้นผิดทาง ไปขึ้นฝั่งที่ชัน ถนนเสีย ไม่ต้องคิดจะส่งเลย เพราะถนนเละมาก รถผมก็เตี้ยด้วย คลานขึ้นสถานเดียว แต่เจ้านี่ มันเครื่องเทอร์โบ แรงบิดเหลือเฟือ ไต่ของมันไปเรื่อย
จะมีแค่บางช่วง ที่ Temp เกียร์เกิน 90 องศา / Temp เครื่องขึ้นไป 100 กว่า ... อันนี้ผมเปิดกระจกทุกบาน เร่งอุณหภูมิแอร์สูงสุด เร่งสปีดพัดลมสูงสุด ให้ Heater มันทำงาน แป้บเดียว Temp เครื่องลงมาไม่เกิน 90 องศา และ Temp เกียร์ก็ลงตามด้วย
รอบนั้น ขึ้นแม่สลอง / ภูชี้ฟ้า สบายๆ ไม่ได้ยุ่งกับ Mode M เลย ใส่ D สถานเดียว (มีเข้า +/- ครั้งสองครั้ง แก้ง่วง ตอนลงเขา)
-
ขาขึ้น : ใส่ D แล้วขับขึ้นได้เรื่อยๆ ให้รอบเครื่อง รักษาแรงบิดไว้ครับ ... จุดไหนชันมากจริงๆ กด O/D หรือใส่เกียร์ L
ขาลง : กด O/D ไว้ ... จุดไหนชันมาก หรือหักศอก แบบพับผ้า กดเบรกหนักๆซักที แล้วปล่อย ใส่ L ไว้ ค่อยหย่อนลง จะปลอดภัยกว่า
เท่าที่ขับมา รถยุคนี้ ขับขึ้นเขาไม่ยาก เท่ากับขับลงเขา (ใช้ทักษะมากกว่า) ... รักษารอบเครื่องให้ไม่เกิน Red Line (อยู่ในระดับนี้ เครื่องยนต์ยังทนได้อยู่)
** ใช้เบรกเท่าที่จำเป็น อย่าเลียเบรก หรือกดเบรกหนักๆต่อเนื่อง (ปัญหาเบรคเฟด-เบรคแตก จะตามมา และอันตราย) **