ผู้เขียน หัวข้อ: ทุกวันนี้ Uber กลับลำมาให้กระบะขับได้แล้ว ต่อไปจะมีอะไรอีก  (อ่าน 7674 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
เห็นตอนแรกว่าไม่ให้ใช้กระบะ เพราะกลัวคนนั่งไม่สบาย
มาวันนี้ให้กระบะขับเป็น Uber X แล้ว ต่อไปจะมีนโยบายอะไรอีก

ผมว่าน่าจะลดค่าหักส่วนแบ่งให้บริษัทลง ผมเคยขับอยู่พักนึงนานมาแล้ว
ส่วนที่หักไปมันเยอะมาก 20-25 เปอร์เซ็นต์นี่แหล่ะ แต่ผมคงไม่กลับไปขับแล้ว

Uber นี่ช่วยให้คนที่ไม่สะดวกเป็นแท็กซี่มีรายได้เสริมใช่รึไม่
ทำไมกฎหมายไม่รองรับสักที วินมอไซค์ก็มีแล้ว วินรถตู้ก็มีแล้ว แท็กซี่มาตรฐานอยู่แล้ว
เหลือประเภทรถคนทั่วไปที่อยากได้รายได้เสริมนี่แหล่ะ ผมว่ามันก็คือการขนส่งอีกประเภทหนึ่ง
ไม่งั้นคงไม่มีประเทศไหนออกกฎหมายมารองรับ แต่ที่เขารองรับ แสดงว่ามันมีเหตุผลที่โอเคประมาณนึง

แต่ก็ควรมาควบคุมเรื่อง ส่วนแบ่งรายได้ เรื่องภาษี อะไรพวกนี้นี่แหล่ะ จึงควรมากๆ ที่
รัฐจะลงมาดู ไม่ห้าม แต่ควรมาจัดระเบียบ ไม่ให้คนขับถูกเอาเปรียบด้วย

อย่างที่บอกไป งานแบบนี้เหมือนงานเสริม เพราะเขาอาจจะไม่มีเงินออกแท็กซี่ขับ
หรือไม่สามารถขับได้ตลอด ส่วนใครจะขับเป็นอาชีพหลักก็อีกเรื่อง แต่ผมเชื่อว่า มันมีหัวคิว
แบบนี้ (บริษัท uber) ยังไงก็หาเงินสู้ Taxi จริงๆ ไม่ได้
ส่วนการเช่า Taxi มาขับ ผมว่ามันเป็นงานที่กินแรงและไม่มีอนาคต
อันนี้แหล่ะที่ผมไม่ส่งเสริมมากกว่า เพราะคนที่รวยมีแต่สหกรณ์แท็กซี่ ส่วนคนเช่ามีแต่จะจนลง
ผมเห็นอาจารย์ผมด่าตั้งแต่สมัยผมเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาลัย (20 ปีก่อน)
เช่าแท็กซี่ขับนี่แหล่ะคือทำนาบนหลังคนจริงๆ

ออฟไลน์ Abzolute

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,934
  • สวัสดีคนรักรถยนต์
ล่าสุดขาดทุนยับ คงต้องอ่อนข้อบ้างในบางเรื่อง

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ล่าสุดขาดทุนยับ คงต้องอ่อนข้อบ้างในบางเรื่อง

ผมว่าคนที่เคยลองขับ รับไม่ไหวกับนโยบายบริษัทนะ
ทำไปทำมาเหมือนหลอกคนให้ไปขับฟรีๆ เขาไม่ survey หรือดูความคิดเห็นของคนขับเลย

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
แท็กซี่นี่มีแต่พวกอิทธิพล ขนาดเป็นแท็กซี่อิสระยังยาก ไม่แปลกใจที่ Uber ไม่มีสิทธิเกิด แต่อยากให้มี Uber นะ เบื่อแท็กซี่วิ่งกันว่อนให้รถติดแต่ดันไม่รับผู้โดยสาร เป็นขนส่งมวลชนที่ดูจะไร้ประโยชน์

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,619
ปัญหาของ Uber เท่าที่ผมรู้นะคือไม่ยอมจดทะเบียนเป็นรถรับจ้างสาธารณะ ก็เลยไม่ถูกกฎหมายสักที

เราอาจจะอ้างได้ว่าแท๊กซี่ในเมืองชอบปฎิเสธผู้โดยสาร แต่มันก็ยังมีแท๊กซี่ที่บริการดีอยู่อีกมาก
การเชียร์ให้ Uber ซึ่งไม่ยอมทำให้ถูกต้องตามกฎหมายสักทีมาแทนแท๊กซี่ผมมองว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่กับแท๊กซี่ที่ทำดีอยู่แล้ว และกับรถรับจ้างอื่นๆที่เขาจดทะเบียนกันอย่างถูกต้องด้วย


ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
แล้วเมืองนอกเค้าใช้วิธีไหน ทำไมไม่มีปัญหา
รัฐก็มัวแต่อ้างว่าถ้าไม่จดก็ดูแลไม่ได้ แต่พวกที่จดๆกันนี่รัฐดูแลได้งั้นเหรอ ไม่มีคดีไม่มีร้องเรียนเหรอ
Uber ใช้ระบบ feed back แบบ 2 way กลับมีปัญหาบริการน้อยกว่า
แต่ก็ยังดีที่มี allthaitaxi
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2017, 14:46:33 โดย Jacob »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ปัญหาของ Uber เท่าที่ผมรู้นะคือไม่ยอมจดทะเบียนเป็นรถรับจ้างสาธารณะ ก็เลยไม่ถูกกฎหมายสักที

เราอาจจะอ้างได้ว่าแท๊กซี่ในเมืองชอบปฎิเสธผู้โดยสาร แต่มันก็ยังมีแท๊กซี่ที่บริการดีอยู่อีกมาก
การเชียร์ให้ Uber ซึ่งไม่ยอมทำให้ถูกต้องตามกฎหมายสักทีมาแทนแท๊กซี่ผมมองว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่กับแท๊กซี่ที่ทำดีอยู่แล้ว และกับรถรับจ้างอื่นๆที่เขาจดทะเบียนกันอย่างถูกต้องด้วย

ผมว่าไม่จดแบบรถสาธารณะทั่วไปคือถูกแล้วครับ
มันกลายเป็นอีกประเภทไปแล้ว นี่คือการขนส่งแนวใหม่ซึ่งรัฐต้องหาวิธีควบคุมแนวใหม่เช่นกันครับ
คนที่มาขับ เขายังเป็นคนทั่วไปนะ ไม่ได้ทำอาชีพนี้เต็มๆ ซึ่งแท็กซี่ซึ่งเป็นรถส่ธารณะจริงๆตามระบบ
ควรได้ค่าตอบแทนเต็มๆ มากกว่า ส่วนใครจะขับ uber แบบนี้ต่อไป ก็ให้รายได้เป็นอีกเรท
รัฐควรจะมาควบคุมตรงนี้มากกว่าครับ แบบนี้คือไม่ไปฝืนธรรมชาติ แต่ถ้าจะจัดให้อยู่หมวดสาธารณะ
เหมือนกันหมด ผมว่ามันดูผิดธรรมชาติ คิดแปลกๆ ยึดตามกฎเดิมๆ เกินไปครับ
แน่นอนยุคปัจจุบันมันเปลี่ยนไป ตั้งแต่การมีเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างมีอิสระมากขึ้นไปเรื่อยๆ
การที่เอาแต่จะควบคุมให้เหมือนยุคเดิม และไม่ปรับตัวตาม มันเหมือนเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติครับ

มีอีกเดี๋ยวมาต่อ

ออฟไลน์ holahola66

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,798
    • อีเมล์
ปัญหาของ Uber เท่าที่ผมรู้นะคือไม่ยอมจดทะเบียนเป็นรถรับจ้างสาธารณะ ก็เลยไม่ถูกกฎหมายสักที

เราอาจจะอ้างได้ว่าแท๊กซี่ในเมืองชอบปฎิเสธผู้โดยสาร แต่มันก็ยังมีแท๊กซี่ที่บริการดีอยู่อีกมาก
การเชียร์ให้ Uber ซึ่งไม่ยอมทำให้ถูกต้องตามกฎหมายสักทีมาแทนแท๊กซี่ผมมองว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่กับแท๊กซี่ที่ทำดีอยู่แล้ว และกับรถรับจ้างอื่นๆที่เขาจดทะเบียนกันอย่างถูกต้องด้วย

ผมว่าไม่จดแบบรถสาธารณะทั่วไปคือถูกแล้วครับ
มันกลายเป็นอีกประเภทไปแล้ว นี่คือการขนส่งแนวใหม่ซึ่งรัฐต้องหาวิธีควบคุมแนวใหม่เช่นกันครับ
คนที่มาขับ เขายังเป็นคนทั่วไปนะ ไม่ได้ทำอาชีพนี้เต็มๆ ซึ่งแท็กซี่ซึ่งเป็นรถส่ธารณะจริงๆตามระบบ
ควรได้ค่าตอบแทนเต็มๆ มากกว่า ส่วนใครจะขับ uber แบบนี้ต่อไป ก็ให้รายได้เป็นอีกเรท
รัฐควรจะมาควบคุมตรงนี้มากกว่าครับ แบบนี้คือไม่ไปฝืนธรรมชาติ แต่ถ้าจะจัดให้อยู่หมวดสาธารณะ
เหมือนกันหมด ผมว่ามันดูผิดธรรมชาติ คิดแปลกๆ ยึดตามกฎเดิมๆ เกินไปครับ
แน่นอนยุคปัจจุบันมันเปลี่ยนไป ตั้งแต่การมีเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างมีอิสระมากขึ้นไปเรื่อยๆ
การที่เอาแต่จะควบคุมให้เหมือนยุคเดิม และไม่ปรับตัวตาม มันเหมือนเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติครับ

มีอีกเดี๋ยวมาต่อ

+1 ครับ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นไม่ได้ ก็ไปทำอาชีพอื่นครับ

จริงๆคนพวกนี้ส่วนมากก้อมีความรู้ระดับคนใช้แรงงานเท่านั้น ขับแท็กซี่มันสบายกว่าในภาพรวม
Mercedes C-Class W205 CDI
BMW 116i f20
Honda Civic EG 3door D16a turbo MT
Nissan March 1.2 cvt

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ผมว่าประโยชน์ที่ได้มีมากกว่าโทษครับ
ส่วนการที่จะอยู่กันได้กับระบบการขนส่งเดิมก็คือรัฐต้องเข้ามาจัดสรรค์ผลประโยชน์
ไม่ให้กระทบกัน และจัดระบบให้สามารถเก็บภาษีเป็นผลประโยชน์เข้ารัฐได้ เพราะพวกนี้มัน
บันทึกกันในระบบอยู่แล้ว หนีภาษีไม่ได้แน่

ขยายความว่าทำไมไม่ควรจดเป็นสาธารณะ
ก็เพราะมันคือการจำกัดขอบเขตมากเกินไปยังไงล่ะครับ
คนที่ต้องการมาการายได้ตรงนี้เพราะต้องการอิสระ ทำบ้างไม่ทำบ้าง
อายคนถ้าต้องไปขับรถสีๆ ยอมได้รายได้น้อยกว่า แต่ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ หมายความว่า
คน 100% จะไม่ติดขัด ถ้าวันๆ นึง จะกระโดดลงมาลองขับ
ในขณะที่ถ้าคุณไปควบคุม จะมีถึง 1% มั้ยที่อยากจะมาขับจริงๆ ถึงขนาดนั้น
นี่คือธรรมชาติของคน และระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าถึงธรรมชาติของคนมากขึ้นยังไงล่ะครับ
ดุจดังการที่รายการทีวีปกติจะเจ๊งหมด เพราะคนไม่ต้องการ fixed program คนต้องการอิสระ
จะดูเมื่อไหร่ก็ได้ จะทำไม่ทำก็ได้ และไม่ชอบให้คนมองว่าเป็นคนขับแท็กซี่ หรือเป็นคนทำนั้นทำนี้
แต่คนสมัยนี้ชอบคำว่า อาชีพอิสระมากกว่า และเขาจะเปลี่ยนอาชีพเป็นอะไรก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
ดุข่าวมาก็กำลังมีการพูดคุยหาแนวทาง ระหว่างทั้งสองเจ้ากับรัฐ

อาจต้องมีการแก้กม.หลายข้อ เพราะอาจมีปัญหา เช่น

 ถ้าไม่จดสาธารณะ ..
/หน่วยงานใดดูแล เวลามีปัญหาต่างๆ
/ถ้าผู้โดยสารมีการบาดเจ็บ เสียชีวิต บ.ประกันจะปฏิเสธการจ่ายไหมทดแทน เพราะ เป็นการประกันรถส่วนบุคคล ห้ามใช้รับจ้างสาธารณะ
ถ้าจด ค่าประกันน่าจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเพราะใช้งานคนละประเภท ความเสี่ยงความคุ้มครองย่อมต่างไป


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2017, 16:06:43 โดย tarahlm »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ดุข่าวมาก็กำลังมีการพูดคุยหาแนวทาง ระหว่างทั้งสองเจ้ากับรัฐ

อาจต้องมีการแก้กม.หลายข้อ เพราะอาจมีปัญหา เช่น

 ถ้าไม่จดสาธารณะ ..
/หน่วยงานใดดูแล เวลามีปัญหาต่างๆ
/ถ้าผู้โดยสารมีการบาดเจ็บ เสียชีวิต บ.ประกันจะปฏิเสธการจ่ายไหมทดแทน เพราะ เป็นการประกันรถส่วนบุคคล ห้ามใช้รับจ้างสาธารณะ
ถ้าจด ค่าประกันน่าจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเพราะใช้งานคนละประเภท ความเสี่ยงความคุ้มครองย่อมต่างไป

ถูกครับ นั่นก็จะเป็นอีกเรื่องนึงที่ต้องปรับกันไป ที่จริงบริษัทประกันเพื่อผลประโยชน์
เพื่อการหาลูกค้าเพื่อเพิ่มกำไร ปกติก็ยืดหยุ่นกันสุดๆ อยู่แล้ว ที่จริงมันไม่ได้ติดปัญหาอะไรเลย
แต่ถ้าเรามองทุกประเด็นแล้วเอามากองรวมกันไม่แยกเรื่องกัน มันจะติดเป็น deadlock
ทำให้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เมื่อแก้ไม่ได้ก็ปฏิเสธ
แต่การปฎิเสธทุกอย่างไม่ได้แก้ปัญหาแต่เป็นการกวาดฝุ่นซุกใต้พรมครับ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
เอาตามเมืองนอกก็จบ ผู้โดยสารก็ต้องรู้ว่ามีอะไรที่คุ้มครองบ้าง แล้วพิจารณาเองว่าจะใช้บริการหรือไม่ บางคนเค้าไม่มาสนประกันจากรถบริการเพราะเค้ามีประกันอยู่แล้ว รัฐไม่ต้องมาคิดเยอะแค่เปิดให้มีการแข่งขันกันได้ แท็กซี่ก็จะได้รู้จักพัฒนา

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,619
ประเด็นของการที่ต้องจดเป็นรถรับจ้างมันคือบรรทัดฐานทางกฎหมายที่ต้องปฎิบัติให้เท่าเทียมกันครับ
ถ้ากฎหมายมียกเว้นให้ว่าขับไม่ประจำ หรือรับจ้างไม่ประจำก็ไม่ต้องจด
มันก็จะมีคำถามอีกนั่นแหล่ะว่าแค่ไหนเรียกประจำ แค่ไหนเรียกว่าไม่ประจำ
สมมุติผมเอารถมาขับแค่วันละ 2 ชม. แบบนี้เข้าข่ายรถรับจ้างไหม  หรือขับตอนเช้า 1 รอบ ตอนเย็น 1 รอบ แบบนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นต้น

มันเคยมี case แบบนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนครับ ก่อนจะมี uber มี grab อีก นั่นก็คือเรื่องของรถตู้รับจ้าง
รถตู้เมื่อก่อนก็ตั้งวินวิ่งรับส่งคนโดยใช้รถป้ายดำนี่ล่ะวิ่งกัน คนไหนอยากขับกี่รอบ/วันก็ตกลงกันไป อยากจะกำหนดราคาเท่าไหร่ก็ได้ตามใจไม่มีการควบคุม จนมีเรื่องกับทางรัฐอยู่พักใหญ่ๆ
วิธีแก้ก็คือให้จดเป็นรถรับจ้างจนกลายเป็นวินรถตู้ทุกวันนี้ ส่วนแง่อื่นผมไม่ขอออกความเห็นนะครับเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องการเมืองไป

ที่นี้สมมติว่าเรากล่าวว่ากฎหมายต้องปรับเปลี่ยนยอมให้ Uber ไม่ต้องจดทะเบียนได้เพราะจะได้ไม่ต้องเป็นการจำกัดขอบเขตอิสระในการประกอบอาชีพ
และกล่าวว่าให้รถรับจ้างอาชีพอื่นๆต้องปรับตัวกันเอาเอง......
พวกรถ Taxi เขาก็จะสู้กับ uber ด้วยการขอออกจากการเป็นรถรับจ้างป้ายเหลืองบ้างโดยใช้ข้ออ้างเดียวกับ uber
รถรับจ้างประเภทอื่นๆก็อาจจะเอามาอ้างด้วย เช่นพวกรถตู้รับจ้าง รถสองแถว รถบรรทุก รถส่งของ
มันจะมีปัญหาทางกฎหมายตามมาอีกมากมายแล้วจะอิรุงตุงนังไปหมด

ล่าสุดให้รถกระบะเข้าร่วม uber ได้ ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องของรับจ้างส่งของ ส่งพัสดุต่างๆ
มันก็จะไปตีกับพวกกลุ่ม logistic ที่เขาจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายอีก

ผมเลยรู้สึกว่าการปรับแก้กฎหมายที่พูดกันว่าล้าหลังเนี่ย...ให้รับกับรถ Uber ได้แล้วไปกระทบกับรถรับจ้างประเภทอื่นๆทั้งประเทศ มันออกแนวฝืนธรรมชาติสังคมมนุษย์เกินไปหน่อย
คือกฏหมายมันคงต้องปรับตามยุคสมัยแน่ๆครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าระบบ uber ก็ควรหาวิธีปรับเพื่อให้รับกับกฎหมายปัจจุบันไปก่อนนะครับ

ปล.บางความเห็นอย่าไปมองว่าคนขับรถรับจ้างเป็นแค่ชนชั้นแรงงานแล้วจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะครับ อันนี้ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง

 

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
แล้วถ้าคนทั่วไปเค้าใช้รถตัวเอง แต่กลับต้องจดทะเบียนเป็นรถบริการ แล้วตกลงต้องใช้ทะเบียนขาวหรือเหลือง หรือวันไหนบริการก็เหลือง ไม่บริการก็ขาวเหรอ
ยังไงก็เชื่อว่าทางออกน่ะมีอยู่หรอก ถ้าคิดจะแก้นะ
ปล.ส่วนถ้าแท็กซี่จะอ้างว่าขอไม่จดทะเบียน แล้วคุณมีอะไรมารองรับล่ะ เป็นรถบริการเถื่อนก็ไม่มีใครกล้าขึ้น ต่างกับ Uber ก่อนจะนั่งเค้ามี Rating ให้คะแนน ลูกค้ามีสิทธิจะเลือกหรือไม่เลือกคนขับได้ ดังนั้นแท็กซี่จะออกมาเป็นรถบริการเถื่อนแต่ไม่มีคนขึ้นเค้าก็ต้องยอมจดอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2017, 16:47:08 โดย Jacob »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ประเด็นของการที่ต้องจดเป็นรถรับจ้างมันคือบรรทัดฐานทางกฎหมายที่ต้องปฎิบัติให้เท่าเทียมกันครับ
ถ้ากฎหมายมียกเว้นให้ว่าขับไม่ประจำ หรือรับจ้างไม่ประจำก็ไม่ต้องจด
มันก็จะมีคำถามอีกนั่นแหล่ะว่าแค่ไหนเรียกประจำ แค่ไหนเรียกว่าไม่ประจำ
สมมุติผมเอารถมาขับแค่วันละ 2 ชม. แบบนี้เข้าข่ายรถรับจ้างไหม  หรือขับตอนเช้า 1 รอบ ตอนเย็น 1 รอบ แบบนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นต้น

มันเคยมี case แบบนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนครับ ก่อนจะมี uber มี grab อีก นั่นก็คือเรื่องของรถตู้รับจ้าง
รถตู้เมื่อก่อนก็ตั้งวินวิ่งรับส่งคนโดยใช้รถป้ายดำนี่ล่ะวิ่งกัน คนไหนอยากขับกี่รอบ/วันก็ตกลงกันไป อยากจะกำหนดราคาเท่าไหร่ก็ได้ตามใจไม่มีการควบคุม จนมีเรื่องกับทางรัฐอยู่พักใหญ่ๆ
วิธีแก้ก็คือให้จดเป็นรถรับจ้างจนกลายเป็นวินรถตู้ทุกวันนี้ ส่วนแง่อื่นผมไม่ขอออกความเห็นนะครับเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องการเมืองไป

ที่นี้สมมติว่าเรากล่าวว่ากฎหมายต้องปรับเปลี่ยนยอมให้ Uber ไม่ต้องจดทะเบียนได้เพราะจะได้ไม่ต้องเป็นการจำกัดขอบเขตอิสระในการประกอบอาชีพ
และกล่าวว่าให้รถรับจ้างอาชีพอื่นๆต้องปรับตัวกันเอาเอง......
พวกรถ Taxi เขาก็จะสู้กับ uber ด้วยการขอออกจากการเป็นรถรับจ้างป้ายเหลืองบ้างโดยใช้ข้ออ้างเดียวกับ uber
รถรับจ้างประเภทอื่นๆก็อาจจะเอามาอ้างด้วย เช่นพวกรถตู้รับจ้าง รถสองแถว รถบรรทุก รถส่งของ
มันจะมีปัญหาทางกฎหมายตามมาอีกมากมายแล้วจะอิรุงตุงนังไปหมด

ล่าสุดให้รถกระบะเข้าร่วม uber ได้ ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องของรับจ้างส่งของ ส่งพัสดุต่างๆ
มันก็จะไปตีกับพวกกลุ่ม logistic ที่เขาจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายอีก

ผมเลยรู้สึกว่าการปรับแก้กฎหมายที่พูดกันว่าล้าหลังเนี่ย...ให้รับกับรถ Uber ได้แล้วไปกระทบกับรถรับจ้างประเภทอื่นๆทั้งประเทศ มันออกแนวฝืนธรรมชาติสังคมมนุษย์เกินไปหน่อย
คือกฏหมายมันคงต้องปรับตามยุคสมัยแน่ๆครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าระบบ uber ก็ควรหาวิธีปรับเพื่อให้รับกับกฎหมายปัจจุบันไปก่อนนะครับ

ปล.บางความเห็นอย่าไปมองว่าคนขับรถรับจ้างเป็นแค่ชนชั้นแรงงานแล้วจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะครับ อันนี้ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง

อันนี้ผมอ่านเจอประเด็นเดียวที่น่าสนใจครับ
เรื่อง Taxi ขอออกจากป้ายเหลืองเพื่ออ้างว่าเป็นรถไม่ประจำแบบ Uber

เรื่องนี้เท่าที่ผมคิดได้ ณ ตอนนี้ก็คือ
Taxi ไม่น่าจะทำแบบนั้นให้ดูตัวเองด้อยลงไปอีกครับ
หนึ่งไม่มีระบบที่น่าเชื่อถือ หรือจะออกเป็นระบบแบบ Uber มันก็คือประเภทเดียวกันแต่คนล่ะยี่ห้อ

ตอนนี้ต้องตั้งหลักแบบนี้ก่อน ว่ามันมีสองประเภทแล้วตอนนี้
1 ตามระบบปกติ Taxi สาธารณะ
2 คนทั่วไปที่หันมารับผู้โดยสารตามระบบเครือข่ายต่างๆ

ถ้า Taxi จะออกจากระบบเดิม ก็ออกได้ แต่จะมาทำตัวแบบ Taxi ในระบบไม่ได้
ต้องลบทุกอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นรถสาธารณะออกเพื่อไม่ให้คนเข้าใจผิด ต้องทำสีรถเหมือนรถปกติ
เปลี่ยนสีป้ายเท่านี้ก็คือการออกจากระบบแล้ว แต่ทำแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ขับกับ
Uber ที่ได้เงินน้อยกว่าเดิม หรือรับจ้างส่วนตัวดูไม่มีความน่าเชื่อถือ

ดังนั้นการอ้างอิงประเด็นว่า Taxi จะอ้างสิทธิ์เพื่อทำแบบ Uber บ้างโดยไม่มีระบบอะไรรองรับ
เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลที่จะทำ นอกจากการทำเพื่อประท้วงเฉยๆ ซึ่งตัวเองก็ผิดเต็มๆ ครับ

ออฟไลน์ Visual

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 763
ล่าสุดขาดทุนยับ คงต้องอ่อนข้อบ้างในบางเรื่อง

ธุรกิจแบบ Uber เค้าไม่เน้นทำกำไรในปีแรกๆครับ เค้าเน้นกินรวบแล้วขายบริษัททีเดียว
ขาดทุนปีละพันล้าน ฟังแล้วดูเยอะมาก สมมติขาดทุนติดต่อกันสิบปีก็ขาดทุนหมื่นล้าน แต่ถึงตอนนั้นขายได้สองหมื่นล้าน  (ตัวเลขสมมติ) นั่นคือเป้าหมายครับ

ตอนนี้มีข่าวแย่ๆของผู้บริหารเต็มไปหมด แต่ผมเชื่อว่ามันยังไปได้อีกเยอะครับ บริษัทนี้นายทุนเยอะ หนึ่งในนั้นคือ Google

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ใช่ แท็กซี่เถื่อนไมมีใครกล้าขึ้นอยู่แล้ว มันต่างกับ Uber ที่เค้ามีระบบเค้ารองรับอยู่ ถึงจะไม่จดทะเบียนคนก็กล้าใช้บริการ แถมยังยินดีมากกว่ารถจดทะเบียน มันเพราะอะไร นี่แหละคือสิ่งที่รัฐต้องศึกษาแล้วมาปรับระบบขนส่งของตัวเอง

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,619
อีกทางหนึ่งคือ uber ไม่ต้องจดทะเบียนรับจ้างก็ได้ครับ แต่ต้องให้รัฐออกกฎหมายมาตีความว่ารถประเภท Uber ไม่ใช่รถรับจ้างสาธารณะแต่เป็นการรับจ้างระหว่างบุคคล/ถึงบุคคล
คล้ายๆกับการจ้าง messager ไปส่งของ แบบนั้นเลย (อันนี้คือการรับส่งคนแทน)

ก็คือตีความว่ารถประเภทนี้ไม่ใช่รถรับจ้างไปเลย

แต่......กฎหมายก็จะไม่คุ้มครองผู้โดยสารในแบบที่กฎหมายรถรับจ้างสาธารณะมี เช่นถ้าเกิดความเสียหายจากการโดยสาร Uber แล้วอาจจะมีบางประเด็นที่ไม่สามารถไปฟ้องร้องได้ เป็นต้นครับ
ซึ่งถ้าอยากจะคุ้มครองไปถึงตรงนี้ด้วย ก็อาจจะต้องให้รัฐออกกฎหมายพิเศษเพื่อมาใช้กับรถประเภท Uber เป็นพิเศษอีกที

ทั้งนี้เป็นความคิดส่วนตัวผมครับ อาจจะมีบางประเด็นคลาดเคลื่อนได้ ก็รอให้ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามาแสดงความเห็นเพิ่มเติมนะครับ

ออฟไลน์ Drgozy

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 40
    • อีเมล์
ล่าสุดขาดทุนยับ คงต้องอ่อนข้อบ้างในบางเรื่อง

uber ขาดทุนเพราะทุ่มตลาดครับ รอวันที่จะผูกขาด  :-X

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ล่าสุดขาดทุนยับ คงต้องอ่อนข้อบ้างในบางเรื่อง

uber ขาดทุนเพราะทุ่มตลาดครับ รอวันที่จะผูกขาด  :-X

ผมตอนแรกคิดว่า ขาดทุนเพราะงกซะอีกครับ
คือทุ่มตลาดน่ะจริง แต่ช่วงแรก
หลังจากนั้น เหมือนท่อน้ำเลี้ยงหด กลายเป็นงกกับสมาชิก
pro มี ก็มีเหมือนหลอกให้ดีใจ คนก็เลยด่ากันเพียบ เลิกขับกันเยอะ
แต่ก็ยังมีคนมาให้หลอกอยู่เรื่อยๆ แต่ทำได้ไม่นาน สังเกตุจาก นั่งทีไรก็มักเจอ
คนเพิ่งมาทำทุกที บอกจะลองดู คนเก่าๆ มักไม่มีเพราะเลิกหมด Taxi ขับดีกว่าครับ
เห็นออกป้ายแดง รถใหญ่ๆ หรูๆ เพียบ

พวก Taxi ก็คงจะรู้ว่า Uber ไม่ดีจริง คนขับขาดประสบการณ์ แผนที่แอพไม่ดี
มันไม่ได้รวบกินตลาดได้อย่างที่คิด การหา partner ใหม่เป็นรถกระบะ ผมว่าเป็นการ
แก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นครับ แต่อันที่จริงผมว่า ถ้า Uber ไม่งก บริหารจัดการส่วนแบ่งดีกว่านี้
จะดีกว่าที่เป็นอยู่ครับ

ออฟไลน์ InBkk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,115
กรมขนส่งควรศึกษาระบบของ Uber อย่างจริงจัง แล้วเอามาปรับใช้กับแทกซี่ป้ายเหลือง ทั้งระบบแอพ ระบบ Rating การควรคุมต่างๆ ขนาด Uber เป็นรถป้ายดำ เขายังควบคุมคุณภาพได้ ลงโทษได้ แต่กับป้ายเหลือง ทั้งที่มีลงทะเบียนทุกอย่าง แต่กลับมั่วกันกระจาย

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
รถตู้โดยสาร,รถเมล์มินิบัส,รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดเดิมเป็นของผิดกฎหมายมาก่อนทั้งนั้น พอปราบปรามจริงจังก็ใช้กฎหมู่มาบังคับให้มีกฎหมายรองรับ เหมือนที่กำลังพูดถึงuberเนี่ยแหละ ใครก็ตามที่สนับสนุนผมถามหน่อยว่าไอ้แต่ละอันที่ดันให้ถูกกฎหมายขึ้นมาสร้างความชิบหายในระบบขนส่งสาธารณะเมืองไทยยังไม่พออีกเหรอครับ ทุกวันนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยเดินทางโดยสารขนส่งสาธารณะลำบากกว่าเมื่อก่อนอีก อะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาเต็มไปหมดสุดท้ายก็แย่งกันจนตายไปด้วยกันหมด

ออฟไลน์ lek12

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 100
มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รถตู้โดยสารสาธารณะ เขาเข้าระบบ ทั้งทะเบียนรถ และ ใบอนุญาตขับขี่ จะเอาเขามาอ้างทำไมครับ คนขับ uber ได้ทำอะไรบ้างครับ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
รถตู้โดยสาร,รถเมล์มินิบัส,รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดเดิมเป็นของผิดกฎหมายมาก่อนทั้งนั้น พอปราบปรามจริงจังก็ใช้กฎหมู่มาบังคับให้มีกฎหมายรองรับ เหมือนที่กำลังพูดถึงuberเนี่ยแหละ ใครก็ตามที่สนับสนุนผมถามหน่อยว่าไอ้แต่ละอันที่ดันให้ถูกกฎหมายขึ้นมาสร้างความชิบหายในระบบขนส่งสาธารณะเมืองไทยยังไม่พออีกเหรอครับ ทุกวันนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยเดินทางโดยสารขนส่งสาธารณะลำบากกว่าเมื่อก่อนอีก อะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาเต็มไปหมดสุดท้ายก็แย่งกันจนตายไปด้วยกันหมด

ผมไม่รู้ ตอนนั้นคงยังเด็กๆ 55
อะไรที่ผ่านไปแล้วก็คงต้องผ่านไป แต่ถ้าผมแก้ได้ ผมว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างนี่อันตราย
รถตู้นี่ก็อันตราย ไม่ควรอนุญาติให้ใช้เป็นขนส่งสาธารณะเลย ผมคิดง่ายๆ แค่นี่แหล่ะครับว่าอันตราย
กับชีวิตก็ไม่ควรมาใช้ ก็น่าเศร้าที่บ้านเราอนุญาติ ส่วน Uber ก็ดีนี่ครับ ข้อเสียก็ไม่มีอะไร
แค่ขัดกฎหมาย เพราะมันใหม่เกินไป ถ้าเทคโนโลยี่ไม่มาถึงจุดนี้ ของแบบนี้มันก็เกิดขึ้นมา
ไม่ได้อยู่แล้ว

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,493
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
7 ปีของ Uber สตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่ให้บริการเรียกรถทั่วโลก ยังไม่ทำกำไร!

https://brandinside.asia/7-years-uber-no-profit/
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ Abitan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 472
    • VELOCIFERO MAD
    • อีเมล์
คนที่เขามาเช่าแท็กซี่ขับเพราะเขาไม่มีรถครับ  พวกที่ขับ uber คือคนที่มีรถเป็นของตัวเอง
ส่วนคนที่มีแท็กซี่เองก็เข้าร่วม Uber ได้ถูกกฎหมายด้วย 
อู่แท็กซี่ ไม่ใช่การทำนาบนหลังคนครับ อยากรู้ลองออกแท็กซี่สักคันมาปล่อยเช่าดู แล้วจะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด
ความเสี่ยงสูงมาก ทั้งอุบัติเหตุ ค่าปรับ ถอดอะไหล่ขาย เบี้ยวค่าเช่า จำนำบ่อน  ขนของผิดกฎหมาย 
ทั้งหมดนี้เจ้าของอู่ต้องเคลียร์เอง คนเช่าอย่างมากก็เปลี่ยนอู่
สหกรณ์ เดี๋ยวนี้เก็บค่าสมาชิกไม่ค่อยได้แล้ว 
ผมกลับมองว่า uber ต่างหากที่อาศัยเครือข่ายและทุนหนา เอาเปรียบทั้งคนขับและผู้ให้บริการรายอื่น
แถมยังจะใช้เกมคนหมู่มากกดดันให้รัฐบาลแก้กฎหมายให้ตัวเองอีก

uber  เองอ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎหมายเพราะ ทำหน้าที่เป็นเพียงคนกลางจัดหาผู้โดยสารให้เท่านั้น
ส่วนคนที่ทำผิดคือคนขับที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถโดยสารไม่เกี่ยวกับ uber

ถ้า uber ถูกกฎหมายเมื่อใด สิ่งที่ไม่ดีต่างๆในแท็กซี่ก็จะตามมาครับ  ก็แค่เปลี่ยนจากอู่แท็กซี่ เป็นอู่ uber
ลงทุนถูกด้วย เอาeco car มาวิ่งก็ได้แท็กซี่คันหนึ่งออก eco car ได้สองคันแหนะ
เดินตามรอยเท้าคนอื่น.  จะไม่มีทางเป็นของตัวเอง.   
keep walking

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
คนที่เขามาเช่าแท็กซี่ขับเพราะเขาไม่มีรถครับ  พวกที่ขับ uber คือคนที่มีรถเป็นของตัวเอง
ส่วนคนที่มีแท็กซี่เองก็เข้าร่วม Uber ได้ถูกกฎหมายด้วย 
อู่แท็กซี่ ไม่ใช่การทำนาบนหลังคนครับ อยากรู้ลองออกแท็กซี่สักคันมาปล่อยเช่าดู แล้วจะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด
ความเสี่ยงสูงมาก ทั้งอุบัติเหตุ ค่าปรับ ถอดอะไหล่ขาย เบี้ยวค่าเช่า จำนำบ่อน  ขนของผิดกฎหมาย 
ทั้งหมดนี้เจ้าของอู่ต้องเคลียร์เอง คนเช่าอย่างมากก็เปลี่ยนอู่
สหกรณ์ เดี๋ยวนี้เก็บค่าสมาชิกไม่ค่อยได้แล้ว 
ผมกลับมองว่า uber ต่างหากที่อาศัยเครือข่ายและทุนหนา เอาเปรียบทั้งคนขับและผู้ให้บริการรายอื่น
แถมยังจะใช้เกมคนหมู่มากกดดันให้รัฐบาลแก้กฎหมายให้ตัวเองอีก

uber  เองอ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎหมายเพราะ ทำหน้าที่เป็นเพียงคนกลางจัดหาผู้โดยสารให้เท่านั้น
ส่วนคนที่ทำผิดคือคนขับที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถโดยสารไม่เกี่ยวกับ uber

ถ้า uber ถูกกฎหมายเมื่อใด สิ่งที่ไม่ดีต่างๆในแท็กซี่ก็จะตามมาครับ  ก็แค่เปลี่ยนจากอู่แท็กซี่ เป็นอู่ uber
ลงทุนถูกด้วย เอาeco car มาวิ่งก็ได้แท็กซี่คันหนึ่งออก eco car ได้สองคันแหนะ

เดี๋ยวขอแยกเป็นเรื่องๆ นะครับ
ที่อาจารย์ผมว่าคือ การให้เช่ารถของสหกรณ์ ท้ายที่สุดรถควรตกเป็นของผู้เช่าได้
แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าสหกรณ์ไหนทำแบบนั้นบ้าง แต่เท่าที่เข้าใจคือได้ค่าเช่าด้วย รถสุดท้าย
ก็ขายทิ้งได้เงินอีกก้อนด้วย เรื่องเสี่ยงไม่เสี่ยงนี่ก็อีกเรื่องนะครับ
ที่มีคนมาทำสหกรณ์แท็กซี่ เขาไม่ได้ทำการกุศลยอมเสี่ยงรับหน้าปัญหาต่างๆ เพื่อทำธุรกิจ
ให้ผู้ที่ไม่มีรถขับได้มีรถขับอย่างที่พี่อธิบายนะครับ
การที่เขาทำเพราะเขาทำแล้วได้ผลกำไร ลงทุนคุ้ม ทำแล้วรวย ได้ผลประโยชน์ ถ้าไม่ได้อะไร
เขาก็เลิกไม่ทำ

เรื่องออกแท็กซี่มาปล่อยเช่าก็อีกเรื่อง อันนี้คือไม่ใช่สหกรณ์ใช่มั้ยครับ การปล่อยให้เช่าอะไรก็
ล้วนมีความเสี่ยงครับ เป็นเรื่องปกติของลักษณะทางธุรกิจ

ส่วน Uber กระทู้ข้างบนผมเขียนไว้อยู่แล้วว่าเอาเปรียบ คิดค่าหัวคิวเยอะ เหมือนหลอกให้ไปขับ
ยิ่งกว่าทำนาบนหลังคนอีก แต่มันเป็นระบบที่ดีสมควรเอามาใช้ และเหมาะกับ life style ของคน
ในยุคปัจจุบัน ดังนั้นรัฐควรเข้ามาคุมเรื่องส่วนแบ่งผลตอบแทนไม่ให้ partner ถูกเอาเปรียบ
และกฎหมายควรปรับตัวตาม ถ้าคุมเรื่องส่วนแบ่งรายได้ได้ เท่ากับว่ารัฐบาลก็ควบคุม Uber ได้

ประเด็นสุดท้าย ถ้า Uber ต่อไปกลายเป็นมีปัญหาเหมือน Taxi ในปัจจุบัน
ต้องถามเป็นข้อๆ ว่าจะมีปัญหาเหมือนกันเช่นปัญหาอะไร เพราะถ้ามาตรฐานที่ดีทำให้คนเข้ามาใช้
แม้จะไม่ถูกกฎหมาย แต่ถ้ามาตรฐานไม่ดีถึงแม้จะถูกกฎหมายจากการโดนล็อบบี้ คนก็คงไม่อยากใช้
บริการด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ผมสงสัยว่า ที่ Uber กำลังเจ๊งอยู่นี่คือไปเสียต้นทุนที่ตรงไหน
บุคลากรก็ใช้อยู่นิดเดียว มีแต่ต้นทุนด้านระบบ ต้นทุนค่าจ้างโปรแกรมเมอร์หรืออะไรยังงง
หรือแจ้งว่าขาดทุนเพราะไม่ต้องการเสียภาษี

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,493
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
ตอนนี้ผมสงสัยว่า ที่ Uber กำลังเจ๊งอยู่นี่คือไปเสียต้นทุนที่ตรงไหน
บุคลากรก็ใช้อยู่นิดเดียว มีแต่ต้นทุนด้านระบบ ต้นทุนค่าจ้างโปรแกรมเมอร์หรืออะไรยังงง
หรือแจ้งว่าขาดทุนเพราะไม่ต้องการเสียภาษี
เงินนักลงทุนทั้งนั้นครับ ตอนนี้เหมือน Uber จ่าย 1.5 เหรียญ เพื่อให้ได้รายได้กลับมา 1 เหรียญ
ค่าใช้จ่ายก็เงินเดือนพนักงาน, ค่า Lobby (เพราะมีปัญหาเกือบทุกประเทศ)

สำนักงานใหญ่กำลังก่อสร้าง ทำจากกระจกทั้งอาคาร 423,000 ตารางฟุต รองรับพนักงาน 3,000 คน

2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ Abitan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 472
    • VELOCIFERO MAD
    • อีเมล์
แท็กซี่มีสองแบบคือ รถส่วนบุคคล เขียว-เหลือง หรือเข้าร่วมกับ สหกรณ์ (หลากสี)

  - สหกรณ์คือเป็นการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสหกรณ์ ครับ ตัวสหกรณ์แท็กซี่ก็ทำหน้าที่เหมือนๆกับ สหกรณ์อื่นๆทั่วไป 
มีคณะกรรมการ มีประธานที่ต้องเลือกกัน มีหุ้นและปันผลมีสวัสดิการณ์สำหรับสมาชิก จุดจอดรับผู้โดยสาร แต่ก็นั่นแหละครับบางสหกรณ์ตำแหน่งก็ผูกขาด
แต่ละสหกรณ์ก็จะมีการณ์เก็บค่าบำรุงและอื่นๆแตกต่างกันไป

  - รถร่วมสหกรณ์ต้องสังกัดศูนย์วิทยุ ศูนย์วิทยุนี่ปัจจุบันมี 12ศูนย์ ก็มีทั้งเป็นสหกรณ์เองและมีสหกรณ์อื่นร่วมด้วย ศูนย์วิทยุนี่แหละที่ทำหน้าที่คล้ายๆกับ Uber
คือจัดหารถให้ลูกค้า และมีการเรียกเก็บค่ารายเดือน

  - ไฟแนนซ์ ก็มีแบบต่างๆดังนี้
      1.)ไฟแนนซ์ที่เป็นผู้ประกอบการรถแท็กซี่(สหกรณ์) แต่ไม่มีศูนย์วิทยุของตนเอง  ก็จะบังคับให้สังกัดอยู่กับเขา  ส่วนศูนย์วิทยุก็เข้าร่วมกับผู้อื่น
      2.)ไฟแนนซ์ที่เป็นผู้ประกอบการรถแท็กซี่(สหกรณ์) และมีศูนย์วิทยุเป็นของตนเอง ถ้าท่านใช้บริการของไฟแนนซ์ ประเภทนี้  ท่านจะเข้าสู่ระบบของเขาทั้งหมดแบบครบวงจร
      3.)ไฟแนนซ์ที่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการรถแท็กซี่(สหกรณ์)  และไม่มีศูนย์วิทยุของตนเอง  ท่านจะต้องเข้าร่วมกับ สหกรณ์ที่ไฟแนนซ์เห็นชอบด้วย  ส่วนศูนย์วิทยุท่านสามารถเลือกเองได้

ถ้าผมจำไม่ผิดที่ต้องเข้าสหกรณ์เนื่องจากแท็กซี่บุคคล(เขียว เหลือง) สามารถจดทะเบียนได้แค่สองคันก็หนึ่งคน ทำให้อู่ต่างๆที่มีรถเยอะจำเป็นต้องเข้าร่วมสหกรณ์



เรียบเรียงข้อมูลจาก
https://www.suvarnabhumitaxi.co.th/Member.html

ที่ผมมองว่า Uber ที่ต่อไปจะเริ่มมีปัญหาเนื่องจาก เมื่อมันถูกกฎหมาย ก็จะเริ่มมีคนมาทำเยอะขึ้น ทีนี้คนก็ไม่อยากขับแท็กซี่เพราะเงื่อนไขมันเยอะ
ก็กลายเป็นว่า อู่แท็กซี่เดิมก็ผันตัวมาให้เช่ารถวิ่งกับ Uber แทน เพราะรถที่วิ่ง Uber มันรถอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรถ 1500cc ขึ้นไปพวก ALtis
อาจจะใช้รถที่ถูกกว่านั้น ทีนี้พวกคนขับแท็กซี่เดิม ที่เคยก่อปัญหา ก็จะมาขับ Uber มากขึ้น ปัญหาจากคนพวกนี้ก็จะตามมาที่ Uber  แต่ถึงตอนนั้น Uber เองอาจจะมีมาตรการณ์ที่ดีกว่าภาครัฐก็เป็นได้






เดินตามรอยเท้าคนอื่น.  จะไม่มีทางเป็นของตัวเอง.   
keep walking

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
แท็กซี่มีสองแบบคือ รถส่วนบุคคล เขียว-เหลือง หรือเข้าร่วมกับ สหกรณ์ (หลากสี)

  - สหกรณ์คือเป็นการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสหกรณ์ ครับ ตัวสหกรณ์แท็กซี่ก็ทำหน้าที่เหมือนๆกับ สหกรณ์อื่นๆทั่วไป 
มีคณะกรรมการ มีประธานที่ต้องเลือกกัน มีหุ้นและปันผลมีสวัสดิการณ์สำหรับสมาชิก จุดจอดรับผู้โดยสาร แต่ก็นั่นแหละครับบางสหกรณ์ตำแหน่งก็ผูกขาด
แต่ละสหกรณ์ก็จะมีการณ์เก็บค่าบำรุงและอื่นๆแตกต่างกันไป

  - รถร่วมสหกรณ์ต้องสังกัดศูนย์วิทยุ ศูนย์วิทยุนี่ปัจจุบันมี 12ศูนย์ ก็มีทั้งเป็นสหกรณ์เองและมีสหกรณ์อื่นร่วมด้วย ศูนย์วิทยุนี่แหละที่ทำหน้าที่คล้ายๆกับ Uber
คือจัดหารถให้ลูกค้า และมีการเรียกเก็บค่ารายเดือน

  - ไฟแนนซ์ ก็มีแบบต่างๆดังนี้
      1.)ไฟแนนซ์ที่เป็นผู้ประกอบการรถแท็กซี่(สหกรณ์) แต่ไม่มีศูนย์วิทยุของตนเอง  ก็จะบังคับให้สังกัดอยู่กับเขา  ส่วนศูนย์วิทยุก็เข้าร่วมกับผู้อื่น
      2.)ไฟแนนซ์ที่เป็นผู้ประกอบการรถแท็กซี่(สหกรณ์) และมีศูนย์วิทยุเป็นของตนเอง ถ้าท่านใช้บริการของไฟแนนซ์ ประเภทนี้  ท่านจะเข้าสู่ระบบของเขาทั้งหมดแบบครบวงจร
      3.)ไฟแนนซ์ที่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการรถแท็กซี่(สหกรณ์)  และไม่มีศูนย์วิทยุของตนเอง  ท่านจะต้องเข้าร่วมกับ สหกรณ์ที่ไฟแนนซ์เห็นชอบด้วย  ส่วนศูนย์วิทยุท่านสามารถเลือกเองได้

ถ้าผมจำไม่ผิดที่ต้องเข้าสหกรณ์เนื่องจากแท็กซี่บุคคล(เขียว เหลือง) สามารถจดทะเบียนได้แค่สองคันก็หนึ่งคน ทำให้อู่ต่างๆที่มีรถเยอะจำเป็นต้องเข้าร่วมสหกรณ์



เรียบเรียงข้อมูลจาก
https://www.suvarnabhumitaxi.co.th/Member.html

ที่ผมมองว่า Uber ที่ต่อไปจะเริ่มมีปัญหาเนื่องจาก เมื่อมันถูกกฎหมาย ก็จะเริ่มมีคนมาทำเยอะขึ้น ทีนี้คนก็ไม่อยากขับแท็กซี่เพราะเงื่อนไขมันเยอะ
ก็กลายเป็นว่า อู่แท็กซี่เดิมก็ผันตัวมาให้เช่ารถวิ่งกับ Uber แทน เพราะรถที่วิ่ง Uber มันรถอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรถ 1500cc ขึ้นไปพวก ALtis
อาจจะใช้รถที่ถูกกว่านั้น ทีนี้พวกคนขับแท็กซี่เดิม ที่เคยก่อปัญหา ก็จะมาขับ Uber มากขึ้น ปัญหาจากคนพวกนี้ก็จะตามมาที่ Uber  แต่ถึงตอนนั้น Uber เองอาจจะมีมาตรการณ์ที่ดีกว่าภาครัฐก็เป็นได้

เรื่องหารถให้คนมาเช่ากับเป็น Uber ตอนนี้มีอยู่แล้วครับ
ทาง Uber สนับสนุนให้อีกต่างหาก
แต่ผมว่า ทำไปก็เหนื่อยเปล่า ค่าแรงได้น้อยแบบคนเช่า taxi ขับเช่นกัน
เพียงแต่ว่าพวกนี้ไม่ได้ทำในรูปแบบสหกรณ์ และคนก็รู้ว่าไม่คุ้ม เพราะส่วนแบ่ง
รายได้ Uber ให้มาน้อยมากอยู่แล้วครับ แต่สิ่งที่ดีสำหรับผู้บริโภคคือการสกรีนคน
ยังมีทำเป็นปกติ การให้คะแนน Uber คันไหนไม่ดีก็ยังทำเป็นปกติ คนขับ Uber จะ
เหนียมทุกคนเพราะกลัวคนนั่งเล่น ขอใช้คำว่าเล่นครับ

จากข้อมูลตรงนี้ดังนั้น มันไม่ได้เพิ่มจุดแยกของปัญหาครับ
ดังนั้นทางเลือกยังเหมือนเดิมคือ
แท็กซี่ในระบบ หรือ
จะเป็นรถรับส่งส่วนบุคคลในระบบเครือข่าย
ซึ่งมีรถให้เช่าทั้งคู่ แต่อย่างหลังที่เป็นแบบผิดกฎหมายกลับดูน่ามั่นใจกว่า
แต่กดรายได้คนที่มาขับกระจาย ดังนั้น ถ้าจะให้อยู่กันรอดทุกฝ่าย รัฐควรขยับ
เข้ามาจัดการเรื่องผลตอบแทน เรื่องภาษีจากรายได้ Taxi ปกติต้องได้รายได้สูงกว่าอยู่แล้ว
เพราะเป็นแบบทำทั้งตัวเต็มที่ fully dedicated ถูกสังคมมองว่าเป็นชนชั้นแรงงานขับ taxi อีกต่างหาก
เงินเขาควรจะได้เยอะที่สุดคือถูกแล้ว ส่วน Uber หรือเครือข่ายแนวนี้ ให้มีการควบคุม
ส่วนแบ่งรายได้ให้ดีกว่านี้ ให้อยู่กันได้ ไม่ใช่ให้เหมือนการเข้าข่ายหลอกลวงแบบนี้
ตัวบริษัทปัจจุบันยังขาดทุนนี่ก็อีกเรื่อง บริษัทต้องไปจัดการเอาเอง ผมมองว่าระบบนี้มัน
ออโต้ล้วนๆ มีคน support พอสมควรก็น่าจะพอ ไม่เข้าใจว่าขาดทุนอะไร

พนักงาน 3000 คนกับตึกขนาดใหญ่ ผมว่ามันเป็นต้นทุนตั้งต้นของทุกบริษัทอยู่แล้ว
แต่บุคลากร 3000 นี่ ปกติผมเห็นแค่รับตอบอีเมล์ กับ maintain ระบบ
คนเยอะไปมั้ย ขนาดคนเท่าโรงงานผลิตรถขนาดใหญ่เลย  ???