Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Mine ที่ สิงหาคม 18, 2023, 17:58:03
-
สงสัยครับถ้าเราจะซื้อมือสองอย่าง BMW F30 ตัวน้ำมันล้วน มาใช้
ถ้า เมนเทแนนซ์ เบสิคๆ อย่าง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่อู่ทั่วไปไม่ได้มีห้องแอร์ ปกติผมเอารถ TOYOTA หิ้วน้ำมันเครื่อง กรองเครื่องไปเอง ไปให้เขาเปลี่ยนให้ เขาคิดค่าแรง 100-200 บาท แล้วแต่อู่
ทีนี้ถ้าวันนึงเราใช้ BMW ไปเข้าอู่พวกนี้ทำ เขาจะคิดค่าแรงเท่ากับรถญี่ปุ่นไหมครับ สำหรับการบำรุงเบสิค อย่างพวกเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ น้ำยาหม้อน้ำ
แล้วถ้ามันแพงกว่า มันจะแพงเพราะอะไร เช่น ถอดยากกว่าหรือจะโดนคิดแพงเพราะเห็นเป็นรถหรูครับ
-
เซอวิสรถยุโรปต้องต่อคอมกับใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ ยังไงๆ ก็คงไปเปลี่ยนตามปั๊มน้ำมันทั่วๆ ไปไม่ได้แน่ๆ ยังไงก็ต้องให้ค่าวิชา ค่าอุปกรณ์เค้าหน่อยละครับ
-
ทุกวันนี้อย่าคิดว่าอู่นอกจะถูกกว่านะครับ ต้องเช็คราคาให้ดี
ผมเคยเจออู่นอกคิดค่าแรงแพงกว่าศูนย์อีกซะอีก
ตอนนี้ผมเข้าศูนย์เป็นหลัก ถ้าเปลี่ยนอะไหล่มีประกัน2ปี
อู่นอกถ้ารับผิดชอบดีก็ดีไป ต้องเสี่ยงเอา
-
ไม่ถูกอย่างรถญี่ปุ่นทั่วไปแน่นอนครับ อย่างเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง อู่ต้องมีคอมลบโค้ดได้ครับ ไม่งั้นก็ขึ้นเตือนหน้าจอตลอด แล้วรถสมัยนี้ระบบไฟฟ้ามันเยอะ พ่วงถึงกันไปหมด อู่บ้านๆถอดนั่นนี่โน่นหน่อยก็ไฟเตือน และบางทีมันล็อก อย่างbenz เหมือนเคยสวิตช์หรือเซ็นเซอร์ตรงคอพวงมาลัยเสีย มันล็อกเลยสตาร์ทไม่ได้ ต้องตามช่างมาเปลี่ยนที่บ้าน หรือไม่งั้นก็ขึ้นรถสไลด์ไป
มันแพงเพราะความซับซ้อนด้วยครับ ขับรถยุโรปถ้าป้ายแดงคือต้องมีเงินซื้อ ถ้ามือสองคือต้องมีเงินซ่อมครับ
-
เป็นอู่ทั่วไป ซ่อมบำรุง พื้นฐาน ถ่ายน้ำมันเครื่อง
เทียบค่าแรง กับ รถญี่ปุ่น
ค่าแรงรถยุโรปต้องสูงกว่าครับ เพราะด้วยรายละเอียดงานด้วยครับ
รถญี่ปุ่น คุ้นเคย ทำง่าย
-
รถยุโรปเซอร์วิสแพงกว่าครับ จะแพงกว่าน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับอู่ครับ ผมเคยเจอตั้งแต่ค่าแรง 500 ไปจนถึง 3,000 เลยสำหรับเซอร์วิสรายปี
ปล. พอพูดถึง BMW กับ Toyota ส่วนตัวผมมี GR Supra ครับ ที่แปลกใจคือค่าเซอร์วิสที่ศูนย์โตโยต้าถูกกว่า BMW รุ่นเทียบกันเกือบครึ่งเลยครับ อะไหล่ก็เหมือนกันแต่พอเป็นเบอร์พาร์ทโตโยต้าราคาถูกกว่ากันเยอะ ถูกยิ่งกว่าซื้ออะไหล่เทียบ OEM ของอู่นอกด้วยครับ
-
รถยุโรปค่าแรงแพงกว่าอยู่แล้วครับ
และแพงตามรุ่นด้วย บางรุ่นงานยากไม่ถนัด ไม่รับเลยก็มี
-
ถ้าเป็นรถยุโรปที่ไม่มีอะไรซับซ้อนเกี่ยวกับระบบไฟ ซอฟแวร์ ค่าแรงก็สามารถเท่ากับรถญี่ปุ่นได้ ถ้าน้ำมันหิ้วไปเอง
แต่ถ้า BMW ที่มันไม่ใช่แบบนั้นละ ถ่ายน้ำมันเครื่องแล้วต้องมีซอฟแวร์ลบโค้ดอีก ไม่งั้นไฟโชว์ แบบนี้ค่าใช้จ่ายมันยังไงก็มากกว่ารถฯญี่ปุ่นอยู่แล้ว ถ้าจะใช้รถยุโรปรุ่นใหม่ ๆ ต้องทำใจค่าแรงแพงกว่าแน่ ๆ ยกเว้นว่าใช้รถยุโรปรุ่นเก่า ๆ แมนนวลเยอะ แต่ยังไงก็ไม่ถูกเท่ารถญี่ปุ่นอยู่ดี
-
น้องที่ทำงานเคยเล่าให้ฟัง แพงกว่าพอสมควร
เห็นทนใช้อยู่สองปี ตอนนี้ขับ mazda เขาว่าสบายกว่ากันเยอะเลย
-
ใช้ V40 จะบอกว่าคาแรงก็ใกล้เคียง Toyota แล้วนะครับก็ถือว่าถูกกว่าศูนย์หลายเท่าเลย
-
ซื้อเครื่องมือมาทำเองครับ ประหยัดแน่ๆ เห็นมี DIY ลงตาม youtube เหมือนกัน ผมรถญีปุ่น ก็ทำเองบางอย่าง เปลี่ยนผ้าเบรค เติมน้ำมันเกียร์ หรือชิ้นส่วนอะไรที่ทำเองแล้วไม่พัง 555
-
ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไส้กรอง เอาตามบีควิก หรือปั๊มที่มีจุดถ่ายเท่ากันทุกยี่ห้อครับ ฟรีค่าแรงคิดแค่ค่าน้ำมันสังเคราะห์แกลลอนละ 2-3พัน
แต่เซอร์วิสอื่นๆตามอู่โดนฟันตามราคารถครับ
-
แล้วแต่อู่ละครับ อู่ไหนที่เขาปกติหน่อย เขาก็คิดราคาไล่ๆกับรถทั่วไป พวกคอมเช็คเซทต่างๆ บางทีเขาก็คิด บางทีเขาก็ไม่คิด
ส่วนที่อาจจะแพงกว่าทั่วไปหน่อย ก็พวกน้ำมันเกียร์ละครับ เกียร์บางตัว น้ำมันเกียร์เขาแพง เปลี่ยนแต่กรองเกียร์ไม่ได้ต้องเปลี่ยนทั้งอ่างก็มีครับ เวลาเปลี่ยนถ่ายทีอาจจะอึ้งๆไปนิดละครับ
แต่โดยรวมทั่วไป ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรครับ
-
ความรู้สึกของคนใช้รถ-- มันก้อเนื้องานเหมือนๆกัน ทำไมถูกแพงกว่ากัน ไม่ยุติธรรมซักเท่าไหร่
ความรู้สึกอู่ --รถราคาแพงกว่า ค่าแรง ความรับผิดชอบมันจะเท่ากันได้ไง มีเงินซื้อรถแพง ซ่อมแพงก้อต้องจ่ายไหว (ดิ)
ราคาสูง กับ ราคาแพง มันคาบเกี่ยวกันนะ อู่นอกสมัยนี้ต้องหาที่งานดี ราคาสูง ซึ่งมีนะแต่หายากหน่อย ยากกว่าพวกที่แพงเยอะครับ
-
ความรู้สึกของคนใช้รถ-- มันก้อเนื้องานเหมือนๆกัน ทำไมถูกแพงกว่ากัน ไม่ยุติธรรมซักเท่าไหร่
ความรู้สึกอู่ --รถราคาแพงกว่า ค่าแรง ความรับผิดชอบมันจะเท่ากันได้ไง มีเงินซื้อรถแพง ซ่อมแพงก้อต้องจ่ายไหว (ดิ)
ราคาสูง กับ ราคาแพง มันคาบเกี่ยวกันนะ อู่นอกสมัยนี้ต้องหาที่งานดี ราคาสูง ซึ่งมีนะแต่หายากหน่อย ยากกว่าพวกที่แพงเยอะครับ
ไม่คิดว่าจะถูกกว่านะครับ ความรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายถ้าเกิดเสียหายมันต่างกันครับ อย่างราคาน๊อตอ่าง น้ำมันเครื่องก็ไม่เท่ากันแล้ว
อุปกรณ์การใช้งานที่ไม่รุ้ว่าใช้ด้วยกันได้ไหม ไหนจะสต๊อกของระบายออกช้ากว่า และแน่นอนแพงขึ้นเพราะค่าแบรนด้วย นอกจากจะเป็นรุ่นเก่าๆ e36/e46 อาจโดนฟันน้อยกว่า
ถ้าจะเข้าอู่ หาอู่ที่มีเครื่องมือ แบรนร้านยาง หรืออู่เฉพาะทางน่าจะดีกว่าครับ ร้านห้องแถวที่เอาแค่ขันน๊อตแบบใช้ความรู้สีก เลี่ยงดีกว่าครับ
-
เป็นเรื่องที่น่าสงสัย และ หาคำตอบไม่ได้ค่อยได้เหมือนกัน
แต่หลักการเดิมๆ หรือ อดีต คือ
1. รถนำเข้า ก็คือ รถจำนวนน้อย
2. อู่น้อย ช่างน้อย ทำให้อู่เรียกราคาเท่าไหร่ก็ได้ จำใจจ่าย
3. อะไหล่แต่ตัวหายาก ราคาจึงแพง
หลักๆ ก็ 3 ข้อ
แต่ในความเป็นจริงปัจจุบัน หลายคนน่าจะเจอ (ผมก็เจอ)
คือ เช็คระยะทั่วไป เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ กรองน้ำมันเครื่อง กรอกแอร์ กรองเกียร์ บลาๆๆๆๆๆ
มันไม่ได้มีอะไรยาก หรือ แตกต่างจากรถญี่ปุ่นเลย เพราะสิ่งที่ทำหรือเปลี่ยน รถญี่ปุ่นก็ทำเช่นกัน
น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์นำเข้าพิเศษ หรือทั่วไปไม่ได้เหรอ? (เห็นใน shopee ยังมีขายเลย) สุดท้ายก็ไปเปลี่ยนอู่นอก ยี่ห้อทั่วไปกันทั้งนั้น ราคาก็ถูกลง แค่เติมให้ตรงตามมาตรฐานรถรุ่นนั้นๆ ก็พอแล้ว
และที่สำคัญสุดๆ
ขนาดแบตเตอรี่กุญแจ remote รถผม เบอร์ 2045 (จะหนากว่า 2032 ที่ขายตาม 7-11 หรือห้างทั่วไป) ของ oem ยี่ห้อ pana.... ผมดูราคาใน shopee ที่แปะตรายี่ห้อนั้นๆ มา โครตแพงเลย
แต่พอเทียบราคากับของยี่ห้อ pana..... ที่ไม่ได้แปะตรายี่ห้อมา ราคาไม่ถึง 100 บาท
ลองคิดดูละกันว่าทำไมมันแพง
เซอวิสรถยุโรปต้องต่อคอมกับใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ ยังไงๆ ก็คงไปเปลี่ยนตามปั๊มน้ำมันทั่วๆ ไปไม่ได้แน่ๆ ยังไงก็ต้องให้ค่าวิชา ค่าอุปกรณ์เค้าหน่อยละครับ
รถยี่ปุ่น เดียวนี้ถ้าจะดูอะไร ก็ต้องเสียบเครื่องเช็คผ่าน OBD หมดแล้วครับ ไม่ต่างกันหรอก