ช่วงปีใหม่ผมก็วิ่งเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงราย เช่นกัน
แต่ช่วงเวลาที่คนบนถนนค่อนข้างจะบ้าเลือดกลับเป็นช่วงข้ากลับ
หลายๆ คันทั้งปาดทั้งมุดทั้งจี้ท้าย รวมทั้งลงไปใช้บริการไหล่ทางด้านซ้าย
ส่วนผมกับแฟนก็ใช้รถแฟนนิววีออส ขับเรื่อยๆ ที่ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 100
ตามแต่สภาพจราจรบนถนนจะอำนวย
ผลลัพธ์ก็ตามที่คุณรักษาดินแดนเล่าให้ฟังนั่นแหล่ะครับ
กลุ่มรถที่ผมเห็นและแซงกันชะเวิ๊บชะว๊าบน่าหวาดเสียวกันตั้งแต่ช่วงตาก
ผมก็เห็นกลุ่มรถเหล่านี้แซงผ่านรถผมไปอีกหลายรอบไปจนถึงเลี่ยงเมืองนครสวรรค์นั่นแล
มากไปกว่านั้น รถฮอนด้าซิตี้ สีเทารุ่นล่าสุด ที่ป้ายทะเบียนหลังมาพร้อมกับลวดลายที่เหมือน
ดินที่เจอความแห้งแล้งอย่างถึงที่สุดจนเป็นรอยแตกรอยแยกไปทั่วทั้งแผ่นป้ายทะเบียน
ผู้ขับรถคันกล่าวมีพฤติกรรมที่ซุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตได้ตลอดเวลา ผมสังเกตเห็นรถคัน
ดังกล่าวตั้งแต่ช่วงตาก (อันเป็นช่วงที่ผมเริ่มเปลี่ยนมือกับแฟน หลังจากที่เธอขับช่วงลำปาง)
ก็เพราะลีลาการขับทั้งมุดทั้งจี้ บวกกับป้ายทะเบียนหลังอันเป็นเอกลักษณ์นั่นแหล่ะครับที่ช่วย
ทำให้ผมจำได้แม่นยำ ยังไม่รวมการออกไหล่ทางเพื่อไปแทรกรถคันหน้าสุดเพื่อที่จะได้ออกจาก
ไฟแดงเป็นคันแรก ผลก็คือผมเห็นคันดังกล่าวบ่อยมาก มากเสียจนเริ่มเบื่อว่าเมื่อไหร่จะขับหาย
ไปจากสายตาเสียที จนครั้งหลังสุดผมเจอคันดังกล่าวในปั๊มน้ำมันแถวกำแพงเพชร แน่นอน
ผมต่อท้ายรถเค้าพอดี เพื่อรอคิวเติมน้ำมัน และก็เป็นเวลากว่าสิบนาทีนั่นแหล่ะครับหลังจากผมเห็น
เค้าขับออกจากปั๊มไปกว่าที่รถผมจะเติมน้ำมันเสร็จและทยอยขับตามๆกันออกไปเช่นกัน
เดามั๊ยครับว่าผมได้เจอคันนี้อีกมั๊ย?
หลังจากที่รู้สึกว่าการจราจรช่วงบริเวรที่รอเลี้ยวเข้าเลี่ยงเมืองนครสวรรค์นั้นค่อยข้างจะติดขัด
แต่สภาพเลนขวาสุดนั้นค่อยข้างจะผิดปกติ ผมจึงออกซ้ายอีกเลนแล้วขับตามกันไปเรื่อยๆ
สักพักภาพที่เห็นเบื่องหน้าก็คือ รถซิตี้คันนั้นชนท้ายกับไทรทันสีทำ ภาพที่เห็นผ่านๆ ก็คือ
เป็นกลุ่มวัยซะรุ่นทั้งหญิงและชายเต็มคันรถ ยืนอารมณ์บูดล้อมรอบรถซิตี้ที่หน้ารถอย่างน้อยๆ
ก็ฝากระโปรงหน้ารถงอเป็นรูปตัววีกลับหัว และเวลาในขณะนั้นคือประมาณสามถึงสี่ทุ่มของ
วันที่สามมกราคมครับ
ชับรถด้วยความไม่ประมาทกันนะครับ