Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Cheap and cheerful ที่ กรกฎาคม 20, 2019, 19:52:28
-
[ขออนุญาตตั้งต่อเลยนะครับ อิอิ]
เหตุเกิดจากความหดหู่ที่เห็นกระบะควันดําเพิ่มจํานวนออกลูกออกหลานมาเเว้นเต็มถนนไปหมด เลยคิดว่า หากผู้ผลิตมัดมือชกเปลี่ยนกระบะเป็น EV ทั้งหมด คนจะยอมรับไหม บรรดารถคอก รถขนส่งทั้งหลายที่เป็นตลาดใหญ่ๆ (ส่วนตัวคิดว่าไม่กล้าหรอก ตลาดใหญ่ เป็นเงินเป็นทองขนาดนั้น ล่าสุดบางค่ายยังสนับสนุนรุ่นซิ่งๆให้เอาไปเเต่งต่ออยู่เลย ไม่ได้สนใจมลพิษเเม้เเต่น้อย หดหู่มาก)
อยากฟังความคิดเห็นจากคนในนี้ครับ
-
ขึ้นอยู่กับคุณภาพของรถครับ ถ้าคุณภาพเหนือกว่าคนก็จะยอมรับ ถ้าคุณภาพด้อยกว่าคนก็จะไม่ยอมรับ ซึ่งคำว่าคุณภาพนี้รวมทั้งสมรรถนะ ความทนทาน การซ่อมบำรุง การดูแลรักษา ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับรถนะครับ
-
ถ้าเป็น Navara Epower ก็น่าใช้อยู่นะครับ
ถ้าเป็น EV ล้วนน่าจะยังไม่ได้เร็วๆ นี้เพราะไทยวิ่งเป็นพันกม. ต่อวันก็มี ชาร์จไม่ทัน
ส่วนไฮบริดแบบโตโยต้า ที่ลดภาษีไปมากถึง 2% ผมว่าไม่น่าจะเกิดครับ
-
ยาก ถ้าสำหรับงานบรรทุก ตอนนี้ รถ ev มันเหมาะสำหรับขับใกล้ๆในเมืองเท่านั้น เพราะระยะทางต่อการชาร์จมันยังน้อยอยู่มาก ไว้ให้มีรถแบบชาร์จครั้งนึงวิ่งได้เกิน 600 โลก่อนค่อยว่ากัน (แบบใช้งานจริงได้เกิน 600 โล วิ่ง 120+- นิดหน่อยไม่ใช่มีวงเล็บตามมาตรฐาน บลาๆๆ ที่ความเร็วไม่เกิน 80อะไรแบบนั้น) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเลยสักคัน(ไม่นับพวกรถพรีเมี่ยมราคาแบบคนธรรมดาเข้าไม่ถึงนะ)
-
รถไฟฟ้าหากต้องการประหยัดแบตต้องมีเกียร์เพื่อทดรอบครับ จะมาฟิกซ์เกียร์แบบนี้สูบแบตอย่างไม่คุ้มนัก
-
ณ ตอนนี้ ไม่น่าจะได้ครับ รถสำหรับขนของวิ่งไกลๆต้องทำรอบ ตัวรถตอนนี้อาจยังวิ่งได้ไม่ไกลพอ และใช้เวลาชาร์จนานกว่าเติมน้ำมันอยู่ครับ แต่เรื่องเรี่ยวแรงคิดว่าพออยู่ละ ขาดแต่เรื่องระยะทางกับเวลาชาร์จนี่แหละ ส่วนราคาก็ยังเป็นคำถามอยู่อีกครับว่าจะแพงแค่ไหน
แต่เชื่อว่าอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้ครับ แต่จะเร็วหรือช้าก็ไม่ทราบได้
-
วิ่งทางไกลทั้งนั้น ไม่มีใครอยากรอชาจน์ไฟ30 นาทีวิ่งได้300กว่า กม หรอกครับ จอดแปปๆเติมน้ำมันวิ่งยาวๆทั้งนั้น
-
มาหดหู่ด้วยครับ
-
พูดได้เลยว่าไม่ยอมรับกันหรอกครับ
ขนาด เกียร์ออโต้ ตอนครึ่ง ขนของได้ ยังไม่ยอมรับกันเลย
ไม่มีแรง เกียร์ไม่ทน
นับประสาอะไรกับ กระบะไฟฟ้า
คนไทยส่วนใหญ่ เอาราคารถเป็นที่ตั้ง รถลักษณะการใช้งานแบบไหน ไม่สนใจ
แล้วเราจะกังวลไปใย
-
ที่ส่วนตัวไม่ชอบคือ
ชาร์จนาน วิ่งได้ไม่ไกล
อายุและราคาแบต สมมติว่า 8 ปี ต้องเปลี่ยน ราคาสูง
ราคารวม ๆ อาจพอกับรถน้ำมัน 8)
-
เคยเห็นกระบะขนของทำรอบไหมครับ หลายคันไม่ได้มีคนขับคนเดียว ขับแค่ 700-800 โลแล้วหยุดพัก 8 ชั่วโมงนะครับ
อยากให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งประเทศพังเหรอครับ
-
แบตเตอรี่ต้องเป็นแบบ modular เปลี่ยนได้เท่านั้น อาจจะที่ปั๊มน้ำมันครับ
มอเตอร์วางหลังแบบ Volvo แล้วกระโปรงหน้าใส่แต่แบต จะได้ถอดง่าย
แล้วช่องว่างจากเพลาขับล่ะ เผื่อไว้ใส่เพลาเหมือนเดิม ขับเคลื่อน R4?
-
ผมว่ารถไฟฟ้าไม่น่าใช้ตรงที่ต้องรอชาตแบตนี่แหละ ต้องเปลี่ยนแบตได้ ถึงจะน่าใช้ แบบเปลี่ยนถ่านครับ แต่เข้าใจว่าปัจจุบันยังไม่มีใครทำ มีแต่ที่เป็น สกูเตอร์คันเล็กๆ
-
น้ำมัน "หมด" วิ่งเข้าปั้ม เติมน้ำมันเต็ม ภายใน 2-3 นาที
แบตเตอรี่ "หมด" วิ่งเข้าปั้มชาร์จไฟฟ้า ใช้เวลาชาร์จเต็ม
- แบบโค ตะ ระ ไว 3-4 ชั่วโมง
- แบบไวไว 5-6 ชั่วโมง
- แบบธรรมดา 8-12 ชั่วโมง
--> อันนี้คือจุดอ่อนของรถ EV ไม่ใช่แค่รถกระบะนะ รถเก๋งทั่วไป รถบรรทุก ก็เป็นจุดอ่อนทั้งนั้น
ตัวอย่างเช่น
กรณี ผมใช้รถเติมน้ำมัน เดิมทางออกต่างจังหวัด ระยะ 600km วิ่งใช้เวลา 6 ชั่วโมง
กรณี ผมใช้รถไฟฟ้า ผมวิ่งไปครึ่งทาง 300Km ใช้เวลา 3 ชั่วโมง แล้วจอดชาร์จไฟแบบไวไว 5-6 ชั่วโมง แล้วเดินทางต่อถึงบ้านอีก 3 ชั่วโมง เท่ากับ ใช้เวลาทั้งหมด 12 ชั่วโมง(เพิ่มมาอีก 6 ชั่วโมง หรือเท่าตัว) ผมว่า ผมไม่โอเคกับเวลาที่เพิ่มมา 6 ชั่วโมงนะ แบบนี้ผมนั่งเครื่องบิน หรือ ขับรถน้ำมันกลับบ้านดีกว่า
ดังนั้น ข้อจำกัดนี้ มันมีผลมากในเรื่องของเวลา ยิ่งในส่วนของรถกระบะขนของ ส่งผัก โลกิสติก เขากระทบหนักเรื่อง due ที่กำหนดถึงเป้าหมาย ผมว่าเขาไม่เอากับรถ EV แน่ๆ ยิ่งทุกวันนี้โฆษณากันยกใหญ่ ส่งเข้าถึงบ่าย ส่งบ่ายได้พรุ่งนี้ ไรงี้
ทางออกที่ผมเคยเจอมา(ตอนที่อยู่จีน เคยใช้จักรยานไฟฟ้า) คือ สลับ "แบตเตอรี่"
หลักการเหมือนถังแก๊ส LPG ใช้ในครัว เอาถังแก๊สหมดไปสลับถังได้แก๊สแต็มถัง ใช้เวลาสลับไม่เกิน 30 นาที จบๆ
แต่......ก็ติดเรื่อง standard ของรถแต่ละคัน ต้องทำให้เป็น standard เดียวกัน plug and play แบบ USB หรือ HDMI ที่เสียบสายปุ๊บ ใช้ได้เลย แต่นี่เรื่องยากมากกกกกกกก
ถ้าทำเรื่อง Standard ได้นะ รถ EV เกิดแบบสมบูรณ์แบบเลย