ผู้เขียน หัวข้อ: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ  (อ่าน 15985 ครั้ง)

ออฟไลน์ kudos

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 54
รถที่ชอบส่วนตัวนะครับ Mazda astina ไฟ pop ครับ ไม่มีเหตุผลมาบรรยายมากครับ รถ 20 กว่าปีที่แล้วที่ขับแล้วสนุกครับ

ปอลิง คุณแพน ที่บ้านผมน้ำท่วมสูงประมาณเกือบ 1.6 m ตอนนั่งเรือโฟมมาดูที่บ้านภาพที่เห็นบ้านตัวเองรู้สึกหดหู่มาก ต้นไม้ทุกต้นในสวน สภาพภายในภายนอกบ้าน แต่พอมองคนที่หนักกว่าเราแล้วก็คิดว่ายังมีลมหายใจอยู่นิ สู้ใหม่ได้ สำหรับ หนี้สิน ปัญหาเค้ามีไว้ให้แก้ไขครับ เป็นบทเรียนราคาแพงในชีวิตที่จะสอนไม่ให้พลาดซ้ำอีก สู้ๆครับ ;)
No Thing.

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,708
    • อีเมล์

รถคันที่ผมภาคภูมิใจ พอใจ ผูกพันที่สุด Corolla AE101 1.6GXi ครับ
คันนั้นเป็นรถที่สเป็กแปลกมากๆไม่รู้เจ้าของสลับเอาของคันอื่นใส่หรือมันเป็นงั้นอยู่แล้ว
รุ่น 1.6GXi ท็อป ไฟท้ายส้มแดง ไมล์สุดที่ 180 พวงมาลัย 4 ก้าน แอร์ออโต้(?)
เหตุผลที่ประทับใจ ผูกพันเพราะเป็นรถเก๋งคันแรกในบ้าน ตอนนั้นไปตามหารถที่เชียงราย ผมนั่งๆนอนๆในรถคันนี้เล่นแล้วอยู่ๆ แม่ก็ขับออกไปเลย
วันนั้นคือทั้งงงทั้งดีใจ 5555 รถคันนั้นไม่เคยมีปัญหา ไปไหนไปกัน มีซ่อมบ้างนิดๆหน่อยๆ ตามสภาพ และสุดท้ายก็โดนยึดไป

อีกคันที่ผูกพันมากก็ Altis CNG ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าต้องจัดมันให้เป็นรถในความทรงจำไปอีกคัน
รถไม่ได้ดีไปกว่าใคร ราคาก็แพง สิ่งที่ได้กลับมาผมว่าไม่ค่อยคุ้มราคาเลย แต่เป็นรถที่ดี ทนทาน ใช้ง่าย พาผมไปทุกที่ที่อยากไปได้สบายๆ
ใครจะว่ารถหวงออปชั่น คอนโซลพลาสติกกะละมังหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมรักคันนี้มาก (ตอนนี้ขายให้ญาติไปแล้ว แต่รถก็วิ่งเล่นแถวบ้านผมนั่นแหละ)
1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ wesborland

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 328
    • อีเมล์
Accord G7

ชอบที่มันมีไฟมุ้งมิ้งทั่วทั้งคัน มีไฟเล็กๆสองคอนโซลเกียร์ กดรีโมตค้างแล้วกระจกเลื่อนลงเวลาจอดรถตากแดด
กระจกมี jam protection

อาจจะดูธรรมดาๆ แต่มันเจ๋งตรงที่ไม่มีในโบรชัวร์  :-*

ออฟไลน์ Mizuihisachi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 303
ไม่มีครับ เพราะถ้าทุกอย่าง perfect ก็จะไม่มีการพัฒนา

มีแต่รถที่ดีที่สุด ณ. ช่วงเวลานั้นๆครับ

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
ในความคิดผมคือ Porsche 911 carrera s ผมว่ามันเข้าใกล้กับคำว่า รถยนตร์ มากที่สุด

ออฟไลน์ iKrit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,727
  • Blue. Just BLUE.
Perfect ที่สุด"ของบ้านผม" ซึ่งนั่นก็คือ........

Nissan Cefiro A31 (1992)

เป็นรถที่ผมรักและชอบมันมว๊ากกกกกกก เป็นรถที่ให้ความประทับมาตลอด ไม่ว่าจะตอนที่มันฟิตปั๋งหรือตอนที่มันป่วย
มันทำให้ทุกคนในบ้านผูกพันกันมาก
มันเป็นรถที่นั่งสบาย ช่วงล่างนิ่ง เสียงเครื่อง RB20DE ที่ไพเราะ (แถมซดน้ำมัน) ระบบอำนวยความสะดวกครบครัน และสุดไฮเทคในสมัยของมัน โดยเฉพาะระบบโซน่าหาปลา XD
มันเป็นครูสอนขับรถให้กับผมในช่วงแรกๆ และทุกครั้งที่ผมได้ขับมัน ผมจะดีใจมาก ถึงขั้นไม่ยอมขับคันไหนนอกจากคันนี้เลย
มันคือทุกๆ อย่างในความทรงจำที่ดีของผม
มัน Perfect ที่สุดสำหรับผมแล้ว
แต่...มันก็ถึงอายุขัยของมันที่ต้องปล่อยให้มันพักอยู่ที่ลานจอดรถของบ้านอีกหลัง
คุณป๋าปล่อยให้มันผุพังไปตามกาลเวลาเรื่อยๆ โดยไม่หวนกลับมาซ่อมมันอีก
ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆ เสื่อมสลายผุพังไปอย่างช้าๆ
แต่เมื่อได้เปิดประตูออกมาก็จะได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของมันที่คอยเรียกความทรงจำดีๆ กลับมาทุกครั้ง
ขอบคุณนะ Ceffy :)

ปัจจุบันผมใช้ Jazz GE (2009) และ Camry 2.0G Extremo ACV40 (2008) ก็ยังคิดถึงเจ้า Ceffy ทุกที :'(
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก

ออฟไลน์ ponggu52

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 189
     ผมเพิ่งเรียนจบ ป. เอก ได้ทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในตัวอำเภอ ทางไม่ค่อยดี ขับรถไม่ค่อยเบรค ชอบรูดหลุ่มบ่อยๆ จึงจิ้มไปที่กระบะครับ
     เข้าทำงานครั้งแรก ใช้ d-max 3.0 ปี 2006 อืม ไม่ชอบช่วงล่างมากครับ นุ่ม ยวบเกินไป ขับแล้วรู้สึกเหนื่อยมากครับ ยิ่งทางที่ไม่เรียบ ตามชนบท หรือเส้นอุดรไปขอนแก่น จะเป็นรอยต่อของถนนคอนกรีต ขับแล้วเหนื่อย ปวดหลังมากครับ
     หลังจากนั้น พอมีเงินออกเอง ลองหลายค่ายครับ แต่ชอบบีทีมากสุด เพราะดูขับมัน คล่องแคล่ว ช่วงล่างนุ่มแน่น แต่ตัวที่ผมจะเลือก เกือบ 8 แสน ไม่มี air bag คู่ มีแค่ abs (ถ้าจำไม่ผิด) ก็เลยไม่เลือก หวยออกไปที่รุ่นพี่ ranger xlt
     หลังจากใช้งานไป 2 ปี ชอบครับ ไม่มีปัญหาใดๆ มากวนใจเลย ช่วงล่างแน่นมาก ขับ 140 กม./ชม. มือเดียวเอาอยู่ครับ ขับแล้วมั่นใจมาก แต่ออกจะแข็ง ตึงตังไป และผมไม่มีปัญหากับศูนย์ใดๆ บริการปานกลางครับ

ปล. ขอโทษที่บ่นไปเรื่อยครับ พึ่งทำงานได้ไม่นาน ไม่ได้มีเรื่องเล่าอย่างพี่ๆ ข้างบน แต่ผมเข้ามาเว็บนี่ทุกวันครับ

ออฟไลน์ Quadrifoglio Verde

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
  • Remember Life is Hanging in the Balance !
    • อีเมล์
รถผมถึงจะไม่ perfect แล้วในสายตาคนปัจจุบัน...

แต่ย้อนกลับไปสามสิบกว่าปีที่แล้ว ที่มันถูกประกอบขึ้นมาในโรงงาน กรรณสูต เยนเนอรัล เอสแซมบลี อันโด่งดังในเรื่องของการหากินกับอะไหล่ลูกค้า จนบริษัทเจ๊ง แล้วมันถูกขายเป็นรถใช้หนี้บริษัทกรรณสูตให้แบงค์กรุงเทพ และส่งต่อมาพ่อผม จนถึงผม มันมีค่าสำหรับผมนัก

จำได้ว่าตอนที่พ่อประมูลมันมาจากแบงค์กรุงเทพใหม่ๆ สมัยนั้น fiat 131 twincam เป็นรถที่ขึ้นชื่อในเรื่องการ ขับง่าย นั่งสบาย ขับสนุก เกาะถนน และมีเครื่องยนต์ที่ แรง ประหยัด(รถผม TOHC 1600, ปัจจุบันในเมือง 8 km/l, นอกเมือง 11.8 km/l) จนหนังสือรถสมัยนั้นมักเอาไปทดสอบเทียบกับ alfa romeo giulietta หรือแม้กระทั่ง bmw e21 ซึ่งผมจำได้ว่าสมรรถนะไม่ต่างกันมาก แต่ 131 ถูกกว่า.

สายตาที่ผมเห็นรถคันนี้ครั้งแรกในชีวิตตอนอายุประมาณ 6 ขวบ นั่นคือสิ่งที่ perfect ที่สุดในสายตาผมตอนนั้น ด้วยทรง 3 box design(เป็นคนชอบรถ ทรงเหลี่ยม) , ไฟท้ายที่นูนลอยออกมาจากตัวถัง และมีไฟส่องป้ายทะเบียนเป็นก้อนเดียวกับไฟท้าย , มี skirt สีเทาเข้ม ตัดกับตัวรถสีขาว  คล้ายคลึงกับรถพรีเมี่ยมในสมัยนั้น (benz)

ยิ่งทำให้ผมชอบมันติดตา

...กาลเวลาผ่านไป บันทึกเรื่องราวของครอบครัวผมผ่าน รถคันนี้เพียงคันเดียว! 

ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่พ่อผมยังต้องใช้รถคันนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่มันเก่า โรยราลงทุกวัน แต่พ่อก็ต้องใช้มันทำมาหากิน ด้วยความยากลำบาก เพื่อส่งลูกๆ เรียน เนื่องจากครอบครัวเราผ่านช่วง ต้มยำกุ้ง crisis มาด้วยความยากลำบาก

...ไม่ว่าพ่อจะแก่ตัวลงแล้วขับมันด้วยความยากลำบากแค่ไหน (รถคันนี้ พวงมาลัยไม่ power เกี่ยร์ ธรรมดา ครัช โคตรรรแข็ง) พ่อผมก็ยังทนขับมันเพื่อหาเงินมาให้ผมได้เรียนหนังสือจนจบ...


สุดท้ายจนผมเรียนแพทย์จบ  ทั้งร่างกายพ่อ(คุณพ่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง) และ รถคันนี้อ่อนล้าเต็มที  ผ่านการซ่อมใช้ ๆ กับช่างข้างถนน แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก  สีก็ลอก กันชนซีด เบาะขาด ไดนาโมก็ใช้ของบิวท์ที่มีอายุการใช้งานแสนสั้น

...พ่อก็มาบอกผมว่า จบแล้วมีง่านทำมีเงินเดือน และต้องเดินทางไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัดไกลๆ...หารถที่ขับสบายๆ ใหม่ๆ มาใช้งานเถอะลูก ส่วน 131 คันเก่า  พ่อก็คงซ่อมใช้ไปเรื่อยๆ หากไม่ไหวก็จะทิ้ง ให้ไปเป็นอะไหล่ของช่างคนรู้จัก หรือให้ไปปลูกสะระแหน่ข้างทาง

.......แต่ผมไม่รีรอเลย...ที่จะบอกพ่อว่า  ผมรักรถคันนี้มาก อยากอยู่กับมัน อยากเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่ดีสำหรับสิ่งที่พ่ออดทนทำมาเพื่อครอบครัวของเรา


ผมจึงสร้างมันขึ้นมาใหม่ ให้มันใหม่ เหมือนเดิม ....เหมือนเมื่อสามสิบปีก่อนที่เราเจอกัน  ผมจึงให้ช่าง เก็บรายละเอียด พรม ฝ้า กระจกของเดิมทั้งหมด  ผมสรรหาช่างเฟียต ที่เป็นช่างกรรณสูตเดิมแท้ๆ จนสุดท้ายปัจจุบัน ซ่อมกับช่างที่อายุมากกว่า 60 ปีไปแล้ว เพราะผมอยากให้....ให้เหมือนกับว่า วันๆ นั้นยังอยู่กับเราตลอดไป  :D


นี่แหละครับคือรถที่ผมคิดว่ามัน "perfect" ทีสุดละสำหรับผม โดยที่ไม่ต้องไปหาเงินมาเป็นหลายๆ ล้าน เพราะยังไงสิ่งที่รถผมมี มันมีค่ามากกว่ามูลค่าทางกายภาพไปไกลแล้ว... และผมก็มีความสุขที่ได้เจอ ได้ขับมันทุกๆ วัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 16, 2015, 04:04:10 โดย Quadrifoglio Verde »
FIAT 131 SuperBrava 1600 T/C 1981
VOLVO 850 GLT 1997
Mercedes W204 C250 CDI AVANTGARDE 2011

ออฟไลน์ pat.patz.maru

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 10

สิงสู่อยู่รัชดาในชื่อ V.Putin ตั้งแต่ยุคที่ยังมีมีตติ้งพวกชาวรัชดา



ในที่สุดก็ได้เจอคุณV.Putinแห่งbenzuserเสียที  :-*

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,047
Lexus เพราะเขา pursuit perfection ครับ

หลับนานไม่ได้ เด๋วเลยที่หมาย

ลองหาแอพ location alarm ดูครับ

ออฟไลน์ por

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 17
    • อีเมล์
อ่านหัวข้อแล้ว นึกถึง E46 318i M43TU ขึ้นมาเลยครับ

สวย
ดูแลง่าย ซ่อมเองได้
อะไหล่ไม่แพง
ติดแก๊ซทน
ช่วงล่างกำลังดี
ขับหลัง
แอร์เย็น
แอร์แบคครบ ๆ
ระบบไฟไม่โหดมาก
อัตราเร่งรับได้
อัตราสิ้นเปลืองดี
ตัวถังแข็งแรง

ถ้าไม่ติดเรื่องขับหน้ากับอัตราทดเกียร์อืดๆของ New Beetle 2.0 ผมจะยกให้มันเป็นที่หนึ่งในใจเลย

เห็นด้วยครับ ใช้มาตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3  อยู่กันมา 14 ปีแล้วครับ ไม่เคยคิดเลยว่าจะใช้รถคันเดียวได้นานขนาดนี้เหมือนกัน ก่อนที่จะซื้อคันนี้ผมใช้ VW Golf Mk 3 ครับ แต่มีอุบัติเหตุทำให้ต้องเปลี่ยนรถ จำได้ว่าไปดูรถมาหลายคันทั้ง Alfa 156 Selespeed, Mini r53, Mercedes-Benz C200 Kompressor แต่ก็มาจบที่ e46 คันนี้ครับ ได้ลองขับแล้วชอบที่สุดถึงจะเป็นเครื่อง M43 ที่ใครๆก็ว่าอืดแต่ผมว่าก็โอเคนะครับ


ที่อยู่กันมาผมว่า e46 เป็นรถที่แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ ของแต่งเยอะดี ตั้งจะใช้ไปเรื่อยๆครับ เอาไว้ครบ 30 ปีค่อยว่ากันอีกที อาจเป็นเพราะว่าที่บ้านคุณแม่ผมชอบ BMW มานานแล้วด้วยเพราะใช้มาตั้งแต่ยุค 2002, 520 e12, 320 e21, 318 e30, 520i e28, 523i e39 (มีเว้นไปใช้ volvo 760 กับ mercedes benz w124 300e อยู่พักนึงแล้วก็กลับมา BMW อยู่ดี)

ออฟไลน์ nuntapon.s

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,912
    • อีเมล์


ไม่มีperfectที่สุด มีแต่รักที่สูดดดดด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 16, 2015, 11:14:31 โดย nuntapon.s »

ออฟไลน์ Entropy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 349
ในทุกๆด้าน ผมนึกไม่ออกเลยครับ
ทุกวันนี้ขับ f10 เก็บเงินทำงานซื้อเอง..มันก็ดี
แต่รถที่ผมกลับคิดถึงมันที่สุดเวลาที่เห็น และอยากกลับไปขับอีก กลับเป็นโตโยต้า โคโรน่า หน้ายิ้ม เป็นเกียร์กระปุก นึกถึงช่วงเวลา ที่กำลังจะตบเกียร์4 ไป เกียร์5 จัง เป็นรถที่ผมว่าผมน่ะเข้าใจมันที่สุดละ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,466
มี 3 ช่วงชีวิต

ช่วงเรียน ใช้รถแม่ แต่เป็นรถที่เลือกให้แม่ - CIVIC EF ครับ ชอบที่สุดใน 3 โลก สวย และขับดีมาก ทำให้ไม่ปันใจจาก honda เลยเป็นสิบปี คันนี้วิ่งน้อย แต่ตอนนั้น ดูแลรถไม่เป็น ไปเช็คแล้วมันเริ่มเป็นสนิมด้านหลัง เลยปล่อยไป เสียดายที่สุด ชอบมากที่สุด

ช่วงทำงานมาเกือบ 10 ปี - ACCORD G7 ครับ ไฝ่ฝันแต่เด็ก ชอบ accord แต่รถล้านกว่า เริ่มทำงานเงินเดือน 9000 ฝันยังไม่กล้า แต่ทำงานไป เริ่มดีขึ้น วันที่ต้องซื้อรถใหม่ ไม่ลังเลจิ้มที่ accord จำได้วันที่รับรถ ขึ้นไปนั่ง น้ำตาจะไหล "เราทำสำเร็จแล้วนะ" เป็นเจ้าของ accord แล้ว นั่งลูบพวงมาลัยเกือบ 5 นาที เซลส์งง ตอนขับกลับบ้าน รู้สึกเลย ภูมิใจที่สุด แล้วยังขับดีมากๆ รักเลย

คันล่าสุด ทำงานมา 20 ปี - BMW F30 320i  BM เป็นยี่ห้อในใจมาตลอด ตอนที่แม่ยอมซื้อเป็นรถแม่ E34 แทบกรี๊ด ได้ขับน้อยมาก แต่รู้สึกใช่ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย แต่รถเกือบ 3 ล้าน คิดยังไงก็ไม่คิดว่าจะไหว จนวันนี้ สามารถซื้อได้ เป็นรถคันแรกที่ขับแบบไม่ทำอะไรเลย มานาน 2 ปี เพราะทุกอย่างลงตัวหมด ไม่ต้อง upgrade ใดๆ ก็สามารถไปถึง 180 สบายๆ แน่นอน ภูมิใจมากกว่าที่เราสามารถเป็นเจ้าของมันได้ คนรอบข้าง ครอบครัว ก็ชอบคันนี้ที่สุด ที่สำคัญ ที่บ้านภูมิใจไปกับเราด้วย เพราะทุกคนรู้ว่า ผมชอบ BMW มากแค่ไหน คันนี้คงใช้ยาวละครับ

สุดยอดครับ ทำตามฝันจนสำเร็จ

คุณแพน ผมก็ได้รับมรดกเป็น W124 จากคุณพ่อเหมือนกัน เป็นรถที่ผมชอบมากๆ หนัก แน่น แต่บังคับง่ายมาก สุดท้ายก็ต้องขายทิ้ง เนื่องจากอายุมากขึ้น รถเริ่มงอแง และกินน้ำมันมาก

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,152
ไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย.... ;)

อาจจะ ไม่ใช่รถที่ดีที่สุดในความคิดของคนอืน หรือแม้กระทั้ง รถยี่ห้อนี้ อาจจะเป็นรถที่ใครได้ยินชื่อแล้วก็ หยี กันทุกคนแน่ๆ เลยครับ แต่สำหรับผมแล้ว....
คันนี้ ดีที่สุดแล้วครับ

เหตุผล
งานประกอบเทียบกับความใส่ใจในการผลิต....ดีกว่ารถปัจจุบันแบบชัดเจนมาก ถึงแม้จะมีอายุมากใกล้จะเท่าเจ้าของอยู่แล้ว เป็นน้องกันแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง

บ้านผม ไม่เคยมีรถเก๋ง มาก่อนเลย ฉนั้น การจะซื้อมาแล้วได้ฟิลการนั่งแบบรถเก๋งจริงๆ นั้น....หายากครับ.....เพราะรถสมัยนี้ ให้ตายยังไง นั่งหลังก็อึดอัดครับ เพราะที่นั่ง ไม่ได้เป็น Theater Seat และไม่กว้าง หรือถ้าจะเป็นรถที่กว้าง ก็จะไม่ยาว Leg room มีไม่เยอะพอ......เบาะรถสมัยนี้โดยเฉพาะเจ้าตลาด....เบาะบางมากครับ นั่งแล้วมันไม่รู้สึกหนานุ่มครับ.......ไม่ชอบเลย

รถเก๋ง ที่ทำขึ้นมากันในยุคนี้ มีดีไซน์ ที่ส่วนใหญ่มันไปในทางเดียวกันหมด.....มันทรงคล้ายๆ กันไปหมด...ไม่รู้ทำไม.....ไม่เช้าใจเลย....ที่สำคัญ รถสมัยนี้ ไม่มีแบบที่เป็นกระจกรอบคันด้วยครับ และ รถเก๋ง ในสมัยนี้ เกือบทุกยี่ห้อ ต้องแย่งกันนั่งหน้า เพื่อให้สบายกว่าคนนั่งหลัง...แต่ถ้าเป็นคันนี้ ต้องแย่งกนนั่งหลังครับ...หลังสบายกว่าหน้า มากแบบชัดเจนมาก....

Aerodynamic ของรถ ที่ไม่ได้มค่า CD ที่ต่ำจะเหลือเชื่อ....แต่ เป็นรถที่ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นเท่าไหร่....ยิ่งรู้สึกรถไหลลื่นอาการ และวิ่งไปข้างหน้าต่อได้เหมือนกับเขากำลังแหหวกอากาศไป ไม่ใช่รถที่ต้านอากาศ กล่าวอีกอย่างคือ รถใช้พลังวิ่งที่ความเร็วสูงน้อยลง ทำให้รถคันใหญ่ระดับ Camry แต่ใช้เครื่องยนต์ที่ค่อยข้างโบราณ สามารถทะยานสู่ความเร็วระดับ 200 ได้โดยไม่นานมากนัก...และสามารถวิ่งไหลไปกับการจราจรในปัจจุบันได้อย่างไม่เหนื่อยแรงเครื่องเลยแม้แต่น้อย

ความไม่งก ของวัสดุที่ให้มา ถึงแม้ว่า Dealer ในประเทศไทยจะห่วยแตกไปเสียหน่อย แต่ก็......ประตูของรถ เป็นประตูที่มียางขอบประตู 2 ชั้น และมีเสียงปิดประตูที่แน่น ให้เสียงดีมาก ไม่หลวมโพรกเหมือนเจ้าจลาดในปีเดียวกัน....กระจกบ้านหน้าและหลังเปิดลงได้สุด ซึ่ง สมัยนี้น้อยคันมากที่จะเปิดกระจกด้านหลังลงได้สุด....เวลาขับไปรับลมไปเย็นสบาย และทิศทางลมที่วิ่งเข้าหาหน้าผู้โดยสารที่ความเร็วกว่า 100 กม ชม ไม่ทำให้ผมผู้โดยสารตอนหลังผิดทรงเลยแม้แต่นิดเดียว พรมเก็บเสียงและ ขอบประตูที่ออกแบบมาให้เก็บเสี่ยงได้เป็นอย่างดี แม้จะวิ่งที่ความเร็ว 140 แล้ว ก็ไม่รู้สึกเสียวหรือว่าอย่างไร มีเพียงเสียงลมเบาๆ ไหยผ่านตัวรถให้พอได้ยินบ้างเท่านั้น

ระบบไฟฟ้ารอบคัน ที่ทันสมัยพอสมควร และเชื่อถือได้ รวมถึงระบบเตือนต่างๆ ที่ทำงานได้สมตัวกับอายุของรถ......รถมีจอ Information เล็กๆ ที่บอกอาการผิดปกติของรถได้ เช่น Right Front Door Open , Bonnet Open, Tailgate Open, Warning Beake pressure, Engine oil level ซึ่งรถสมัยนี้หลายๆ คัน ยังบอกเป็นสัญลักษณ์ว่าประตูปิดไม่สนิท แต่บอกไม่ได้ว่าบานไหนที่ไม่สนิทกันแน่อยู่เลย ตรงนี้ล่ะ ทำให้ รถคันนี้ พิเศษ และผมชอบมากๆ ครับ นี่ยังไม่รวม Trip Computer ที่สามารถบอกได้ว่าน้ำมันในถังเหลือเท่าไหร่ และวิ่งได้อีกไกลแค่ไหน...มีเหมือนรถในสมัยนี้เลยไม่ผิด แต่คันที่ผมกำลังพูดถึง....มีมาแล้ว เมื่อราวๆ 25 ปีที่แล้วครับ OoO

เครื่องยนต์ 16 วาว 135 แรงม้า ดูไม่เยอะ แต่พอใช้งานได้ ประกอบกับเกียร์ออโต้ แบบ 4 จังหวะ ของ ZF รุ่น 4HP18 ทนทาน ซ่อมง่ายครับ

ระบบปรัชญา Avanguard ที่แบรนหรูได้ก๊อปไปเป็นของตัวเอง.....แท้ที่จริงแล้วมันมีอยู่ในรถคันนี้หมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 25 ปีที่แล้วโน่นน่ะครับ..

ช่วงล่างที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร สามารถซ่อมเองได้ อะไหล่เพียบ ไว้ใจได้ และเหมาะสมกับสภาพถนนที่ "ย้ำแย่" ของบ้านเราเป็นอย่างดี หลุมบ่อ โดดลงไปได้เลย....คอสะพาน เบรคทำไม....ลุยไปได้เลย ช่วงล่าง นิ่ง แน่น นุ่ม หนึบ และอาจจะโดนนิดๆ
Hydroneumatic Suspension อันลือชื่อของยี่ห้อนี้ ที่มีมาตั้งแต่ปี 1950 จนถึงปี 2015 ที่ผ่านมา ได้เลิกผลิตช่วงล่างแบบนี้แล้ว.....ทางบริษัทผู้ผลิตบอกว่าต้นทุนแพง....แต่ การเลิกผลิตนั้น ไม่ได้เลิกไปเสียทั้งหมด แต่ยังคงผลิตให้รถยนต์หรู ชื่อย่อ RR ซึ่งราคาก็เป็นที่ทราบกันอยู่.......รถคันที่ผมกำลังพูดอยู่นี้ มีระบบช่วงล่างแบบเดียวกับ RR เลยครับ..แต่ราคาน่ะหรอ.....ตอนนี้ น่าจะซื้อขายกันไม่เกิน 150000 แล้วนะ......

ความพยายามของวิศวกร ที่จะสร้างไฟหน้าให้เรียว เล็ก แต่ส่องสว่างได้ดี ลำแสงกระจายสวย ไม่แยงตา และพุ่งเป็นเส้นตรง....ต่างจากรถสมัยนี้ ที่นึกอะไรไม่ออก เอาไฟ Projector ใส่ก็จบ....ตรงนี้ล่ะครับ ที่ผมหลงไหลเขาคันนี้มากๆ....เพราะว่า วิศวกรในสมัยนั้น พยายามที่สุด ที่จะสร้างเจ้าไฟหน้าที่มีเวทีกระจายแสงแบบผิดปกตินี้ขึ้นมา มันแสดงให้เห็นถึงความพยายามของคนสมัยก่อนที่จะสร้างอะไรที่มันล้ำหน้ากว่าคู่แข่งไปอีกขึ้นนึงครับ

นี่ยังไม่รวม กุญแจรีโมท แบบ Infrared ระบบ Immobilizer ที่ใช้ Code 4 ตัวในการติดเครื่องยนต์ แถมระบบ Immobilizer ไม่ได้ตัดการจ่ายไฟไปที่เครื่องยนต์ แต่เป็นการตัดระบบเชื้อเพลิงแทน....ท้ายรถแบบ Liftback หรือเรียกอีกอย่างว่าตัวถังแบบ Berlin ที่โด่งดัง เพราะมีทรงรถที่สายและดูเป็นเสน่ ท้ายที่ลาดลง ทำให้พื้นที่วางของหลังรถกว้างมาก แถมยังพับเบาะหลังได้อีก......เยอะมากเลย...กระจกรอบคัน 13 บาน...อันเป็นเอกลักษณ์ที่เดี่ญวนี้หาดูได้ยากมากๆ มีกระจกกันกลิ่มกั้นระหว่างผู้โดยสารกับห้องเก็บของ ช่วยกันไม่ให้แอร์ออกไปนอกรถ และเวลาจอดรถเปิดท้าย ไอเสียของรถยังไม่สามารถวนกลับเข้ามาทำร้านคนที่นั่งอยู่ในรถ

เวลาที่คุณตาคุณยายจะขึ้นรถ มันจะมีปัญหาเข้าไปนั่งลำบาก...เพราะรถเตี้ยเกินไป...ช่วงล่างแบบ ไฮดรอลิค ปรับระดับขึ้นให้สูง แล้วคนชราขึ้นไปนั่งได้แบบ ชิวๆ เลย...รวมไปถึงองศาของเบาะนั่ง...ที่ทำไว้สำหรับคนมีพุงนั่งโดยเฉพาะ......ประมาณว่า เสี่ยนั่งหลังกันเลยทีเดียว เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พวงมาลัย เป็น Telescopic ด้วย...แหม่ รถเดียวนี้งกจริงๆ ให้มาแค่สูงต่ำ ซึ้งบางครั้ง....มันปรับไม่พอสำหรับคนทีขายาวอย่างผม

ใครๆ เขาก็บอกว่ารถยี่ห้อนี้ ซื้อมาก็นอนแต่อู่....แต่ตั้งแต่ผมใช้ชีวิจตอยู่กับเขาร่วม 1 ปีเต็มแล้ว..ใช้วิ่งประจำวันได้ อะไหล่มีให้เลือกสรรค์ไม่มาก แต่ก็มีมาอยู่เรื่อยๆ ระบบช่วงล่างและไฟฟ้าที่หลายคนกลัว.......มันไม่ยากเลยถ้าอ่านภาษาอังกฤษออก แค่นั้นก็สามารถซ่อมเข้าคันนี้ได้ทั้งคัน โดยไม่ต้องไปหาช่างเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่ได้ซ่อมรถมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ทั้งๆ ที่รถก็ใช้เป็นประจำทุกวัน.....อีกทั้งคนขับเท้าค่อนข้างหนักพอสมควร

สำคัญที่สุดเลยคือ ผมใช้เวลาศึกษาเรื่องรถยี่ห้อนี้อยู่ เกือบ 2 ปี เต็ม ใช้เวลาหาเนื้อู่ผมซึ่งก็คือคันนี้ 6 เดือน ไปดูรถมาแล้วมากกว่า 10 คัน....

ผมรู้สึกมั่นใจ และภูมิใจทุกครั้ง ที่ขับอยู่บนถนนแล้ว มีแต่คนหันมอง....

คันที่ว่า คือคันนี้ไงครับ...



 
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ PoonnyTheBuam

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
  • บ้านหลังที่สองเรา ไม่ใช่ที่ทำงาน แต่คือ "รถยนต์"
เหมือนที่เพื่อนๆหลายคนบอก ไม่มีรถคันไหนที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกคับ
มีแต่ว่ามัน ok สำหรับเรา ตอยโจทย์เราในทุก Condition รึเปล่า

ผมชอบรถอยู่ 2 คัน....

"คันแรก" รถที่พ่อตาแม่ยายยกให้...1992 Nissan Bluebird U12 Attesa 2.0i super select

คันนี้ท่านยกให้เพราะที่บ้านรถหลายคัน ไม่มีที่จอด เลยจะขายรถเก่าทิ้ง
แต่หึหึ..ขายได้สามสี่หมื่นก็เยอะละ แยกอะไหล่ขายอาจจะได้มากกว่าด้วยซ้ำ
ผมเลยขอมา แกก็บ้าจี้ยกให้เราด้วย ตอนแรกคิดว่ารถเก่าๆคงไม่มีพิษสงอะไร แต่...ขอโทษ ตุณพ่อตาแกเล่นเอาไปทำตัวนอกซะครบ!!
ทั้งไฟท้าย กันชนหน้าหลัง เบาะ แผงคอนโซล เปลี่ยนเครื่องจาก CA20E  ไปเป็น SR20DE เหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีนเรโทรของญี่ปุ่น

ครั้งแรกที่ได้นั่งลงไป สัมผัสได้ถึง Ergo-design (ไปดูคลิปโฆษณาสมัยโบราณที่พี่จิมมี่แชร์ไว้ใน Youtube) พอได้ขับออกมายิ่งหลงรัก รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
รถอะไรฟะ...อายุยี่สิบกว่าปีแต่อัตราเร่งดีมาก เกาะถนน นั่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน หรูหราไฟฟ้ารอบคันตามแบบรถไฮโซสมัยผมเป็นเด็ก อารมณ์แบบผู้ใหญ่สุขุมนุ่มลึก สุภาพ ไม่กระโชกโฮกฮาก แต่พร้อมมีเรื่องทันทีที่ถูกใครดูหมิ่นเกียรติศักดิ์ศรี (เอิ่ม..สงสัยผมดูหนังมากไป...)
ชอบและเอามาใช้งานอยู่ช่วงหนึ่งแต่เสียดายที่ตอนนี้เกียร์พัง อะไหล่หายากด้วย ผมเลยเก็บรักษาสภาพรอวันคืนชีพ พร้อมเครื่องเกียร์ใหม่

ตอนนี้ก็ไปเป็นสมาชิกในคลับรถรุ่นนี้แล้ว กำลังพยายามสะสมอะไหล่และของแต่งอยู่ เพื่อนๆก็บอกอาจจะต้องไปซื้อรถที่เขาปล่อยมาบางคัน เอาไว้ซ่อมกินตัวเพราะอะไหล่เริ่มหายากถึงหาไม่ได้ โดยเฉพาะอะไหล่บอดี้และช่วงล่าง (แน่สิ...อยากเล่นของแปลกดีนัก!!!) ก็รออะไหล่ต่อไปละกันนะ.....

"คันที่สอง" สุดรักสุดหวง อยู่กันมาตั้งแต่ใหม่ๆจนตอนนี้ 11 ปีใกล้ 500,000km ละคับ
2002 Nissan Sunny N16 Almera Young 1.8 เครื่อง QG18DE (รุ่นเสาอากาศไฟฟ้า เครื่องไม่มี EGR เฟืองท้ายอัตราทดใหม่)

เป็นรถที่ทนมือทนเท้ามาก เป็นรถคันที่สองของบ้าน (คันแรก....Corona 2.0GLi ST191....คันนั้นเป็นครู สอนวิชายานยนต์เก่งมาก 3วันจอดบ้าน 4วันจอดอู่!!)
ซื้อต่อมาจากฝรั่งชาวอังกฤษ แกซื้อตั้งแต่ป้ายแดง ใช้ได้สองปีวิ่งได้สามหมื่นกว่าโล แกกลับประเทศเลยขาย
ตอนป้ายแดงราคาเกือบเก้าแสน รถสองปีผมซื้อต่อมาราคาแค่ 480,000

สมัยก่อนต้องเติมเบนซิน95 ขนหน้าแข้งร่วงไปพอตัว ตอนหลังต้องพึ่ง LPG เอาไปติดตอนวิ่งได้ 65,000km

ตอนซื้อชอบมากเพราะผมว่ามันสวย ทุกวันนี้ยังพอดูได้ ไม่เก่ามากนัก (เสียอย่างเดียว ภายในแคบไปนิด ผมเป็น ผช ตัวโต เลยอึดอัดไปบ้าง)

ใช้งานตามปกติ วิ่งยาว 110-140 รถเดิมๆไม่แต่ง ส่วนใหญ่วิ่งขึ้นเขาเยอะ (ผมอยู่เชียงใหม่ วิ่งทางเขาในภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ ไปมาแล้วเกือบทุกเส้น ทางลาดยาง ตอนกรีต ลูกรัง ฝุ่น โคลน ไปหมด!!) อัตราเร่งดี ใช้งานได้สะดวกเพราะส่วนใหญ่ขับคนเดียว ขนของนิดหน่อย ใช้ดีไม่ค่อยเหนื่อย เชียงใหม่-กทม ประจำ วิ่งไปไกลสุดก็ เชียงใหม่-ภูเก็ต
ออกตัวพอทำใจได้ พอได้ความเร็วลอยตัวก็โอเค (รอบต้นใช้ได้ แต่รอบปลายแผ่ว) ถ้าขับปกติไม่อัดมากๆ ผมว่าใช้ได้นะ ขับละไม่เครียด

ช่วงล่างนิ่มนวลดี แต่บางคนอาจไม่ชอบเพราะมันย้วย ผมเลยเปลี่ยนช็อคอัพเป็น Monroe Reflex+สปริงเดิม หนึบขึ้นชัดเจน ยิ่งช่วงล่างหลังเป็นทอร์ชั่นบีม ใส่โค้งผมก็ไม่ค่อยกลัว เกาะใช้ได้ (ยิ่งได้ยางดีๆยิ่งเกาะ)

ออฟชั่นดูจะเป็นอะไรที่ขาดๆเกินๆ แต่ผมไม่มายด์นะ ได้เบาะหนัง Airbagคู่ ABS BA ก็ใช้ได้ละ ติดที่เดียว ช่องแอร์ปรับเป่าที่อื่นไม่ได้ เป่าหน้าอย่างเดียว

"แอร์เย็น เพลงเพราะ เบาะหนัง ติดตั้งแก๊ส" ครบ!!!

อัตราสิ้นเปลืองสมัยใช้น้ำมันผมไม่ได้ทำไว้ มาทำตอนใช้แก๊สนี่แหละ วิ่งผสมในเมืองนอกเมืองได้ประมาณ 8.5 km/l LPG
วิ่งเดินทางเฉลี่ย 100-130 ได้ 10.5-11.0 km/l LPG ตกโลละประมาณ 1.50 บาท

ทนทานมาก ตอนใหม่ๆก็เช้าศูนย์ตรวจเช็คเปลี่ยนของเหลวตามปกติ พอหมดระยะประกันก็มาเข้าอู่ข้างนอก
เปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งาน บางอย่างเปลี่ยนก่อน บางอย่างเสียค่อยซ่อม อะไหล่แพร่หลาย ไม่ค่อยแพงทั้งอะไหล่บอดี้และเครื่อง
เกียร์ออโต้ 4 สปีด นี่ก็ทน กระตุกบ้างนิดหน่อย แต่ก็แปลก..บางคนในคลับใช้งานตามปกติทั้ง Sunny Almera และ Neo แสนกว่าๆสองแสนก็เกียร์พังละ เปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น
(ผมว่าอยู่ที่คนดูแลรักษานะ ผมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000km ใช้ DexIII ธรรมดาลิตรร้อยกว่าบาท อย่างอื่นไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้เกือบห้าแสน เปลี่ยนเครื่องไปตัวนึงละแต่เกียร์เดิม ใช้งานได้ดีไม่งอแง ตอนนี้เพิ่งเริ่มมีปัญหาเข้าเกียร์ตอนเครื่องเย็นยาก พอน้ำมันเกียร์ร้อนก็วิ่งได้ปกติ อาการนี้ถ้าเกิดขึ้นแปลว่าเกียร์นีโอของคุณกำลังจะกลับบ้านเก่า)

ช่วงล่างก็ทน ไปมาทุกสภาพถนน รื้อเปลี่ยนลูกหมากไปรอบเดียว ยกชุดหมื่นกว่าตอนนี้ใช้ดีไม่มีกุกกัก บุชปีกนกที่มักมีปัญหา ศูนย์ให้เปลี่ยนยกทั้งปีกแต่ผมอัดบุชใหม่แต่ปีกเดิม ก็ยังใช้ดี แร็คไม่รั่วไม่ดัง ทนจิงๆ ลูกปืนล้อกะว่าจะเปลี่ยนเมื่อสี่แสนโลที่ผ่านมา แต่พบว่ายังใช้ได้ดีไม่มีแตก ไม่คลอน ปกติทุกอย่างทั้งๆที่บางครั้งเรามาเร็ว มีหลุมบ่ออะไรก็รูดไปตามนั้น เออแปลกดี....จะทนไปไหนเนี่ย!!!

ที่เป็นหนักๆงอแงๆจิงๆเห็นจะมีสองครั้ง ครั้งแรก....ตอนนั้นวิ่งจากเชียงใหม่เข้ากทม วิ่งมาตลอดทางก็ปกติดี แต่พอวิ่งอยู่บนโทลเวย์แถวๆเกษตร อยู่ๆเกจความร้อนขึ้น ก่อนหน้านี้รีบต้องทำเวลาเลยวิ่งอัดมาแถวสายเอเชีย 140++ เลยลดความเร็วลงแล้วประคองลงมาได้จนถึงแถวห้าแยกลาดพร้าว จอดรถดู ปรากฎว่ามีอากาศออกผ่านหม้อน้ำมาดันน้ำออกทางหม้อพักจนหมดเลย เลยรีบให้พรรคพวกมาลากไปดู ปรากฎว่าปะเก็นฝาสูบไหม้! เห็นชัดมากคือส่วนทีปะเก็นบางๆระหว่างสูบ 1-2 2-3 และ 3-4 สืบพยานในคดีทั้งหมดแล้วคิดว่าจำเลยน่าจะเป็นระบบแก๊สที่เราจูนมาบางเกินไป (บ้าจูนเอง แต่สนุกเกินไปมัวแต่คิดเรื่องประหยัดแต่ไม่ถนอมเครื่อง) พออัดมารอบสูงๆนานๆมันเลยไหม้ ยังดีที่ไม่เปนมาก ไม่ฝืนขับต่อ อัดน้ำดูแล้วฝาไม่โก่งไม่รั่ว และแค่เปลี่ยนปะเก็นไปเบาๆ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รถแก๊สอย่าจูนบางเกินไป ขับถนอมๆ อย่าอัดมาก อย่าแช่นาน จะได้ใช้ทนๆ!!!

เคสที่สอง...อันนี้หนักจิง ตอนนั้นวิ่งได้แสนกว่าๆเอง จะเปลี่ยนหัวเทียน ด้วยความขี้เกียจทำเองจึงไปเปลี่ยนที่ศูนย์แห่งหนึ่งในห้าง ปรากฎว่าซวย ช่างขันหัวเทียนเข้าไปแต่ปีนเกลียวโดยไม่รู้! (ไม่รู้ได้ไงฟะ!!!) พอวิ่งออกมาซักพักมีเสียงแต๊กๆๆๆๆเป็นจังหวะ (ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงหัวฉีดแก๊ส) อีกไม่นาน...เท่านั้นแหละ ระเบิดเสียงดังปุ๊!!! ตามด้วยเครื่องดับ ยังดีที่เป็นตอนติดไฟแดง ไม่เป็นตอนวิ่งเร็วๆ เปิดฝากระโปรงมาพบว่า....ฝาครอบเครื่องที่เป็นพลาสติกสีแดง แตกออกครึ่งหนึ่ง แต่ที่บาดตามากคือ...คอยล์กับเศษหัวเทียนทะลุจากฝาสูบผ่านฝาครอบเครื่องขึ้นมา มาตุงอยู่ที่แผ่นฉนวนใต้ฝากระโปรง!!!!
OMG!!! กำลังอัดจากในห้องเผาไหม้ช่างมีพลังที่ร้ายกาจจิงๆ....T____T
สรุป ไปเอาเรื่องกับช่างไม่ได้....เครื่องเสียหายมาก ฝาพัง ลูก+ก้านของสูบสามแตก!! เลยต้องยอมยกเครื่องเซียงกงมาใส่แทน แต่เกียร์เดิม

แต่ก็แปลก....จากวั้นนั้นถึงวันนี้ ไม่มีปัญหางอแงอะไรอีกเลย ทนใช้วิ่งมาจากแสนกว่าๆจนตอนนี้เกือบห้าแสน มีเสื่อมลงตามอายุการใช้งานเช่น สายไฟเริ่มกรอบ ยางขอบกระจก สภาพเบาะหนัง บลาๆๆๆๆ
เสียดาย...ราคาวันนี้ซื้อขายกันที่ไม่ถึงแสน แต่ผมใช้คุ้มตั้งแต่ติดแก๊สละ ถอนทุนไปตั้งแต่เดือนแรกๆแล้ว ที่ผ่านมาถือว่ากำไร
ตอนนี้ก็จะไม่ขาย รถที่เคยใช้ทำมาหากิน ผ่านทุกข์สุขกันมามาก รักที่สุด แต่โปรเจ็คต่อไป....อยากทำเป็นของเล่นตัวแรง...SR20 NeoVVL

เล็งไว้...แต่จะได้ทำเมื่อไหร่ไม่รู้ 5555


รักชาติต้องยืนตรง รักมั่นคงต้องยืนข้างกัน