Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nachi ที่ ตุลาคม 01, 2014, 16:02:17
-
มายกมือก่อนว่าไม่ได้มาโพสเอามันส์ โพสด่ารถติดแก๊สแต่ประการใด แต่สังเกตุจากคนใกล้ตัวที่ติดแก๊สกัน
ประเด็นที่สอบถามและได้เหตุผลมาคือ(คำตอบคล้ายๆกันหมด) 1.ติดแก๊สมาแล้วจะจอดรถทิ้งไว้บ้านทำเกลืออะไร
ก็เอาไปโน่นมานี่ให้มันคุ้มค่าแก๊สสิ แต่ผมกลับมองว่าบางทีธุระที่ไม่จำเปนพี่ท่านก็ไป นิดๆหน่อยๆแต่ก่อนใช้มอไซค์
แต่ตอนนี้มอไซค์ไม่ขี่เลย 2.เที่ยว เปนเรื่องปกติของเราๆท่านๆอยู่แล้ว ต่อให้รถไม่ติดแก๊สเราก็ไปเที่ยวได้
แต่คนรอบๆตัวผม จากเดิมเที่ยวไม่บ่อย แต่หลังจากติดแก๊สมา เขาวางแผนกันข้ามเดือนข้ามปีเลย
นี่หรือเปล่าครับ เปนสาเหตุที่ปริมาณรถมันเพิ่มขึ้นมากมาย ถ้าไม่นับรวมกับมหกรรมรถคันแรกที่เปนสาเหตุหลักอยู่ก่อนแล้ว
-
ก็คงมีส่วนครับ ถ้ามองในแง่ดีก็เพิ่มความปลอดภัยจากปกติขี่มอไซด์เนื้อหุ้มเหล็กมาเป็นเหล็กหุ้มเนื้อ เรื่องไปเที่ยวบ่อยก็เป็นการกระจายรายได้ให้เงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นแล้วยังได้สนุกสนานผ่อนคลายเปิดหูเปิดตา ที่สำคัญกระชับความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว, เพื่อนฝูง บางคนจำเป็นต้องทำงานไกลบ้านกลับบ้านทุกเดือนอาจเปลี่ยนเป็นทุกสัปดาห์แทนอะไรงี้ครับ
ปกติผมกลับบ้านปีละ 2-3 ครั้ง กลับทีแค่ค่าน้ำมันก็โดนไป 5-6 พันบาทแล้ว ถ้าได้เปลี่ยนเป็นรถแก๊สก็น่าจะได้กลับซักปีละ 5-6 ครั้งละมั้งครับเพราะค่าเดินทางถูกลงเยอะ
-
สาเหตุที่รถเยอะ
1. รถเป็นเจ้าของได้ง่าย เพราะมีโครงการรถคันแรก รถ B-segment Ecocar รถมือสองมีให้เลือกเยอะแยะไป
2. ถ้าเลือกได้ ทุกคนอยากมีรถ และอยากขับทุกวันด้วย ประเทศอื่น รถใหม่ Oversupplied จนต้องทำลายทิ้ง แต่บ้านเรา ต้องจองคิวกันหลายเดือนหรือเป็นปี
3. ระบบขนส่งมวลชน ไม่มีคุณภาพ จึงเป็นสาเหตุให้ ทุกคน ตะเกียกตะกายจะมีรถให้ได้เร็วที่สุด แม้จะไม่พร้อมก็ตาม
คนที่ใช้แก๊ส ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรถหน่อย หรือไม่ก็ พวกที่ใช้งานนอกเมืองเป็นหลัก
ไม่ค่อยเกี่ยวกับ พวกที่ออกรถ Eco car มาขับไปกลับที่ทำงานวันละ 10-20 โลเท่าไหร่ครับ
-
แก๊ซมันใช้กันมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว
แต่ Eco car และpromotion ผ่อน 7-8 มันเพิ่งมามีไม่กี่ปีนี้เอง
-
ติดแก๊สสบายกระเป๋า
ค่าใช้จ่ายพลังงานน้อย ก็มีเงินเที่ยวเยอะ ขับบ่อยได้
ค่าใช้จ่ายพลังงานมากเหลืเงินเที่ยวน้อย ขับไปไหนต้องคิดหนัก
-
ถามว่าแก๊สมีส่วนไหมก็มีอยู่ครับ อย่างผมคนใช้รถติดแก๊ส เวลาจะไปไหนไม่ต้องคิดมากเหมือนก่อน อยากไปก็ไป
แต่ส่วนตัวผมมองว่าที่รถมันมากนี่ ชัดเจนว่านโยบายรถคันแรก ทำให้คนที่ไม่เคยหันมามองรถ คว้าโอกาสเข้ามากันหลายคนทีเดียวครับ
ค่านิยมก็เป็นอีกส่วน เด็กสมัยนี้พอเรียนจบ ก็มักจะพยายามที่จะซื้อรถก่อนซื้อบ้าน ลองสังเกตดูก็ได้ครับ
รุ่นน้องบริษัทแฟนผม 3 ปีที่แล้ว ออกรถพร้อมกัน 5-6 คันทีเดียว พอมีคนออกรถใหม่อีกคนมอง เออ เงินเดือนตรูก็ใกล้กัน ออกด้วยละกัน ผ่อนกันสนุกสนาน
กลายเป็นแก๊งป้ายแดงกันช่วงหนึ่งเลยทีเดียว โดยบางคน จนป่านนี้ยังไม่ได้ซื้อบ้านเลย ยังอยู่หอก็มีครับ
-
จริงแต่ไม่ทะ้งหมดครับ แกซทำให้บรรเทาค่าเชื้อเพลิงได้ทำให้คิดวื้อรถง่ายขึ้นแต่บางคนก็ไม่เอาเลยก็มีต่อให้รายจ่ายกับรถถูกกว่านี้ก็ตามแต่
-
.
.
.
มีส่วนเลยล่ะครับ ไปไหนมาไหนไม่ต้องคิดมาก
อย่างลูกน้องผมพอติดแก็สปุ๊บจากที่ไม่เคยขับรถไปรับแฟน
ตอนนี้ไปทุกวันเลย ทั้งที่บ้านอยู่คนละมุมเมือง
จริงๆควรจะลอยตัวและหาวิธีจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังได้แล้ว
-
ผมว่าไม่เกี่ยวเลยครับ คนเล่นแก๊สส่วนใหญ่จะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร
แต่ถ้าพวกมือใหม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ99 จะกลัวการใช่แก๊สครับ กลัวพัง กลัวเสื่อม กลัวเสียภาพลักษณ์ใช้ป้ายแดงติดแก๊ส บลาๆๆๆๆ
สาเหตุหลักๆคืออยากมีรถใช้ พอผ่อนไหว บางคนผ่อนไปๆมาๆเริ่มมีปัญหาเลยต้องหาทางออกโดยการติดแก๊ส
-
ผมว่าปริมาณรถแท็กซี่บนถนนก็เป็นสาเหตุหนึ่งของรถเยอะนะครับ การติดแก็สก็มีส่วนบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมก
-
ผมว่าเกี่ยว ญาติผมปกติน้ำมันปีหนึงไม่ถึงหมื่นโล ใช้แต่ BTS พอช่วงเค้าฮิตไปติดกันก็ไปติดกับเค้า ตอนนี้ยังไม่ครบปีทะลุสองหมื่นโลเรียบร้อย
-
ผมว่ามีส่วนทำให้รถบนถนนมากขึ้นแน่นอนครับ
-
ผมว่าไม่เกียวนะครับคีอทีมันเยอะเพราะนโยบายรถคันแรกครับแต่เราต้องทำใจหละครับ
-
ส่วนหลักน่าจะเป็นสำนึกมากกว่าครับ หากเมืองนึงมีกี่คน อยากเอารถออกมาบนถนนทุกคัน ก็ติดตายห่า
-
ที่รถมากเพราะ รัฐส่งเสริมให้มีรถกัน รถคันแรก และรถต้นทุนต่ำหรืออีโค่คาร์
เมื่อเซื้อมาแล้ว น้ำมันแพงไม่มีเงินเติม ก็หันติดแก๊สอ่ะะครับ สาเหตุไม่ใช่แก๊สเลยที่ทำให้รถเยอะ
-
รถติดแก๊สก็เป็นสาเหตุหนึ่ง นโยบายโครงการรถคันแรกก็เป็นอีกสาเหตุ
แต่หลักๆผมว่ามาจากระบบขนส่งมวลชนของประเทศไม่อำนวยให้ใข้ ประชาชนจึงใข้รถยนต์ส่วนบุคคล
-
มีส่วนเพียงเล็กน้อยครับ
-
ต้องโทษโรงกลั่นน้ำมันฮะ ดันกลั่นแก๊สเป็นขี้น้ำมัน แย่จริงๆทำให้รถเยอะ 55+
คนเราว่ากันไปเรื่อยรถแก๊สเอาเปรียบ ลองถามกลับกันแล้วรุ้ว่ามันมีประโยชน์ทำไมไม่ไปติด
เหมือนผักอะถ้ามันไม่ดี แบบบุหรี่ ใครจะบริโภคครับ :D
-
จากใจคนที่ใช้ทั้งแก๊สแล้วก็น้ำมัน
ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุหลักๆมาจากขนส่งมวลชนที่ไร้คุณภาพครับ โดยเฉพาะกทม. เพราะผมเป็นคนนึงที่ขับรถไปกลับ ดอนเมือง-พระรามเก้าหรือสีลมบ่อยๆ
รถติดมากๆ ติดจนน่าโมโห แต่ก็คิดในใจว่า ถ้ามันมีรถไฟฟ้าวิ่งทั่วถึงแบบญี่ปุ่น เกาหลี ก็คงไม่มีใครอยากมาติดบนถนนกันหรอก
ทุกวันนี้ใครพอมีรายได้หน่อย ก็อยากได้รถกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากฝากชีวิตไว้กับรถตู้โดยสารเร็วกว่าเสียง รถเมล์ที่ไม่สามารถกะเวลาเดินทางได้ ยิ่งถ้าวันไหนฝนตก ชีวิตคุณจะดราม่าสุดๆ Taxi ยิ่งไม่ต้องพูด พึ่งพาแทบไม่ได้ ทั้งขับเร็ว ปฏิเสธผู้โดยสาร แถมยังอันตรายอีกต่างหากสำหรับสาวๆ
ส่วนการติดแก๊สนั้น มันเป็นสิ่งที่มาจากเหตุผลข้างต้น คนซื้อรถเติมน้ำมันไม่ไหวก็ไปติดแก๊สกัน
ถามว่าถ้าบ้านเรามีเก๋งดีเซล กิน 20+ กิโลลิตร ขายกัน 6-7 แสน คิดว่าจะมีคนติดแก๊สเยอะเท่านี้ไหม ไม่มีใครอยากเอารถไปดัดแปลงหรอกถ้ามีทางเลือก
-
คนซื้อรถมาก จึงทำให้รถติด ส่วนเรื่องติดแก็ส มันเป็นเรื่องที่หลังจากซฺื้อรถมาแล้ว เติมน้ำมันไม่ใหว มันจึงไม่ใช่สาเหตุ ครับ
-
1. แก๊สไม่เกี่ยว แก๊สโซฮอล์ที่ผิด
2. คนเกิดเยอะขึ้น
3. ถนนมีเท่าเดิม
-
ถ้าถามว่าเป็นสาเหตุรึเปล่า... ไม่ใช่ ครับ
ยอดขายปลีกน้ำมัน เพิ่มขึ้นทุกปี
รถส่วนใหญ่บนท้องถนน ก็ไม่ได้ติดแก๊สครับ เพียงแต่บางคน รายล้อมด้วยคนติดแก๊ส เลยไปคิดว่า คนส่วนใหญ่ติดแก๊สไปซะอย่างงั้น
จริงๆมันก็เป็นอย่างนี้ทุกประเทศแหละครับ คนเพิ่มขึ้น ขนส่งมวลชนห่วยเหมือนเดิม รถมันก็ต้องเพิ่มเป็นธรรมดา
แล้วมันก็เป็นค่านิยมของคนไทยด้วย หลายปัจจัยรวมกัน อย่าไปโทษเรื่องใดเรื่องหนึ่งเลยครับ
-
คหสต.
ปัจจุบันไม่ว่า ศูนย์บริการรถยนต์ ภาครัฐ
สิ่งแรกที่ต้องโทษคือ รถติดแก๊ส
จนคนในปัจจุบันโดนเป่าหูทุกวันจนเชื่อในที่สุด
-
รถติดแก๊สผมว่า ไม่เท่า โครงการ.....
1.รถคันแรก
2.ผ่อน 8 ปี
3.ดอก 0%
4ไม่ต้องดาวห์
5.โปรโมชั่นศูนย์ แถมส่วนลดแสนนึง
แค่นี้ ก็กุมขมับแล้ว
-
ผมว่าเกี่ยวครับ ที่ทำงานผม พอติดแก๊สกัน เอารถมากันตลอดเลย 20 กว่าคัน แต่ก่อนนั่งรถบริษัทกัน กลางวันก็เอารถออกไปกินข้าวกัน :o
ผมว่าตอนนี้ โปรแรงกว่ารถคันแรก อีกครับ น้องเข้าใหม่ออกกันทุกคน ดาวน์10-15% 5ปี ดอก0% อีโก้คาร์ค่ายหนึ่ง ของแถมเยอะแยะ แถมใจดีผ่อนให้อีกนิดหน่อย
แรงจริงๆ
-
ผมขอตอบเป็นคำถามนะครับว่า
- ปัจจุบัน คนออกรถใหม่เพื่อตั้งใจมาติดแก็สเลยนี้มีมากแค่ไหน มากขึ้นหรือไม่ ถ้าตอบได้ถึงจะรู้ครับ
แน่ๆ คือแท๊กซี่ อกมาติดแก็สแน่ๆ แต่นั้น มันก็เป็นปกติ เราๆคงถามคำถามนี้กับรถบ้าน
-
ตอบว่าจริงเพราะผมก้ใช้รถติดแก๊ส ถ้าไม่มีการติดแก๊สแล้วราคาน้ำมันแท้จริงเบนซิน 35-37 บาท ดีเซลไม่ต้องราคาแท้จริง 35-38 บาท หรอก เอาแค่ดีเซลราคาลิตรล่ะ 32-33 บาท
รถบนท้องถนนจะหายไปเยอะมาก ที่ผ่านมาคนใช้รถกลัวการติดแก๊สไม่อยากติดแก๊สรถหลายรุ่นติดแก๊สแล้วไม่ค่อยดี คนก็ไม่ได้อยากติดแก๊ส แต่ราคาน้ำมันพุ่งสูงไปก่อนหน้านี้มากก โซฮอลราคาเกิน 40 บาท ใครจะไปสู้ไหวมีรถก็ไม่ได้ใช้ ขายทิ้งตอนนี้ที่ราคาน้ำมันแพงจะเหลือเท่าไหร่ สู้ติดแก๊สเอารถมาใช้คุ้มค่ากว่ายังไงก็ยังได้ใช้
แต่ถ้าไม่มีรถใช้เลยยิ่งกลุ้มหนักกว่า คนเบื่อกับการขึ้นราคาน้ำมันายสัปดาห์เต็มทนแล้วจนหันไปติดแก๊สอย่างน้อยก็ถูกกว่าน้ำมัน ทำให้น้ำมันขึ้นมีผลกับการใช้รถของคนบ้านเราน้อย
แต่ถ้าในต่างประเทศราคาน้ำมันแพงจริง แต่คนเขาใช้รถสาธารณะและไม่ได้มีผลกระทบกับชีวิตมากนักตอนประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงเพราะราคาสินค้ามันแทบไม่ได้ปรับขึ้นหรือขึ้นน้อย เรียกว่ามีผลกับชีวิตประชาชนน้อยแต่บ้านเรามันไม่ใช่แบบนั้น ขึ้นราคาดีเซลที เรือด่วน รถเมล์ อื่น ๆ เตรี่ยมพาเหรดขึ้นราคาหมด คนทั่วไปก็ไม่ไหวสิ
-
ผมว่าสาเหตุหลักคือ ระบบขนส่งมวลชน
-
เมื่อก่อนก็คิดแบบนั้นครับ แต่พึ่งเห็นจากข่าว ปริมาณรถติดแกสน้อยมากเมื่อเที่ยบกับน้ำมันครับ
จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ น่าจะ 3ล้านคัน taxi 3 แสนคัน ส่วนรถใช้น้ำมัน 30 ล้านกว่าๆคัน (ไม่รู้นับจากอะไร จากที่จดทะเบียนว่าติดแกสรึเปล่า)
ที่มันเยอะเพราะว่าเราออกรถกันง่ายหรือเปล่า แบบว่ากู้ง่าย ผ่อนไปเรื่อยๆ
แล้วคนเราก็ซื้อรถทุกปี (หมายถึงมียอดขายรถทุกปี) รถเก่าก็วนเวียนอยู่ในตลาดมือสองบ้าง จอดบ้านบ้าง
พอเทศกาลรถสาธารณะไม่พอก็ใช้รถส่วนตัวกัน ออกพร้อมๆกัน มันก็เลยเต็มถนน
ส่วนในกรุงเทพเนี่ย ส่วนใหญ่ผมว่าที่ใช้รถส่วนตัวกันจะเป็นพวกราชการนะครับ วันไหนวันหยุดราชการแต่เอกชนไม่หยุด รถโล่งมากๆ
ปิดเทอมก็โล่งรองลงมา
ไม่ได้เข้าข้างรถติดแกสนะครับ ผมรถไม่ติดแกสครับและใช้ BTS ไปทำงาน
แต่ Taxi ขอขึ้นราคานี่ ผมว่า ลดการวิ่งเผาแกสเปล่าๆเลือกผู้โดยสาร น่าจะทำให้มีรายได้มากขึ้นนะครับ
-
ตอนซื้อรถ ไม่เคยนึกถึงแก๊สเลยครับ
-
ใช่หรือเปล่าคงตอบไม่ได้
แต่ถ้าเทียบเรื่องค่าโดยสารจากบ้านผมมาที่ทำงาน เริ่มตั่งแต่ ออกจากบ้านจนถึงกลับบ้าน ใช้ค่าเดินทางโดยรถสาธารณะ ประมาณ 220 รวม bts ตู้ เมล์ มอไชค์
ถ้าขับรถ ใช้น้ำมันระยะทาง ไปกลับ 65-70 โล เฉลี่ยนน้ำมันกิโลละ2.50 บาท คร่าวๆ ก็ 175 ผมจะจ่ายค่าเดินทางถูกกว่า เกือบ 50 บาท
และถ้าเป็นแก๊ส จะเหลือ 70 บาทถูกกว่า 150 ค่าจอดไม่เสียอยู่แ้ล้ว
นี่คิดแค่เรื่องเงิน
คิดถึงความปลอดภัย ตู้ + มอไซค์ เสี่ยงตายสูงกว่าเยอะ รองลงมาก็เมล์ น้อยสุดก็ BTS รถผมก็คงประมาณ เมล์
คิดถึงความเร็ว ออกเวลาเท่ากัน ขับรถเองถึงก่อนแน่นอน
ถ้าให้เลือกในปัจุบัน ผมยังคงเลือกรถอยู่ดี เพราะจากบ้านผมมายังเดินทาง ทรหด เพื่อมาทำงาน แต่อีกไม่กี่เดือนคงได้ลดการใช้ลงแล้วเพราะ MRT อยู่สถานีต้นทางอยู่หน้าบ้านเลย แพงกว่าแต่ ไม่ต้องปวดหัวเรื่องจราจร เอาสมองไปทำอย่างอื่นดีกว่า
นอกเรื่องไปเยอะเลยแหะ
-
เมื่อไหร่รถไฟฟ้าสายสีม่วงหรือสายนอกเมืองเสร็จ รถคงหายไปครับ เพราะว่าปัจจุบัน รถไฟฟ้ามันก็อยู่แต่กลางเมืองแหละครับ
-
อาจจะมีหรือไม่มีก็คง%ที่น้อยมากๆครับแต่ผมมองว่าถ้าเราจ่ายภาษีน้ำมัน,ภาษีแก๊สหรือvat7%เท่าๆกับคนอื่นก็น่าจะมีสิทธิพลเมืองในการใช้เส้นทางคมนาคมเท่ากันทุกๆคนน่ะครับ ถ้ารถติดในขณะที่ผมขับอยู่บนถนนผมเองก็เป็น1คันที่ใช้ทางมีส่วนร่วมทำให้รถติดเช่นกันครับไม่ว่ารถผมจะราคาถูกหรือแพงเติมแก๊สหรือน้ำมันครับ ;D
-
ถ้าอยากรู้ก็ลองปล่อยลอยตัวทีละอย่างดูซิครับไม่ต้องเถียงกัน
ปล่อยดีเซลดูถ้ารถมันยังติด ก็ลองปล่อยลอยตัวแก๊สดู น่าจะได้คำตอบ
-
มีส่วนเยอะนะ
-
มีผลแต่ไม่มากเท่านโยบายปัญญาอ่อน
ของนายกท่านหนึ่งครับ สังเกตดูจาก
สภาวะจราจรดูครับ ก่อนและหลังนโยบาย
รถมันติดแบบดับเบิ้ลทันที ไหนจะพวกมือใหมขับรถ
พวกนี้ มีผลให้รถติดมากๆ ยอมรับเลยบางทียังแอบหงุด
หงิดเวลาเจอมือใหม่หัดขับเลยครับ
-
จริงผมว่ามันเป็นสาเหตุปลายกันทั้งหมดครับ
ไม่มีใครไม่อยากให้ตัวเองจ่ายน้อยลง การติดแก้สเป็นทางเลือกที่ถูกกว่าน้ำมัน
ไม่มีใครอยากตากแดดตากฝนทนลำบากบนมอเตอไซค์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นยารพาหนะของยมบาล ไปตลอดชีวิต
เมื่อรวมกันคือคนต้องการความปลอดภัยภายใต้ค่าใช้จ่ายที่ถูกลง มันเลยเป็นสาเหตุของการซื้อรถและติดแก้สตามมาในภายหลัง
แต่สาเหตุหลักจริงๆของมันก็ระบบขนส่งมวลชนบ้านเรามันไม่ทั่วถึงและดีไม่พอสำหรับการเดินทางตลอดไปจริงๆต่างหากที่ทำให้ 2 ข้อบนนั้นมันยังอยู่
ถ้าทำขนส่งมวลชนให้ปลอดภัยและทั่วถึง ถามว่ากรณีไปไหนมาไหนไม่กี่คน จเอารถออกมาผจญรถติดมั้ยครับ ค่าโดยสารด้วยขนส่งมวลชนมันถูกกว่าน้ำมันแหงๆละ
จบทุกคำตอบ แต่มันไม่ง่ายที่ทำได้แค่ 3 วัน