ผู้เขียน หัวข้อ: อยากรู้เรื่องเทรนรถแต่งในไทยตั้งแต่ช่วง 30 ปีที่ผ่านมานะครับ  (อ่าน 18537 ครั้ง)

ออฟไลน์ m_kritamet

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
สวัสดีครับ
พอดีผมอยากรู้เกี่ยวกับทิศทางของการแต่งรถ และรถที่ขาซิ่งนิยมหน่อยครับ
เพราะเท่าที่ผมเริ่มสนใจแรกๆก็จะเป็นเทรนของ A31 วางเจ
(ตอนนั้นม.3 ตอนนี้อยู่ปี4 แล้ว)

แล้วที่พี่ๆเรียกว่ายุควิภาฯ นี่เป็นช่วงไหนเหรอครับ
รบกวนด้วยครับ
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 683
ยุคนี้คงต้องยกให้ "ดีเซล" ครับ

กระบะดีเซลโมกันจนม้าลงล้อตัวเลขพอๆกับ Supercar เลยทีเดียว เห็นกันเยอะมาก พี่ๆที่เค้าแต่งรถที่ผมรู้จัก จากเคยเล่นเบนซิน ไปนั่งดมควันดำหมดแล้วครับ แต่ก็อย่างว่าครับ ยอมรับว่าแรงจริงแหละนะ

ส่วนตัวผมเอง ผมเอาโบมาลงครับ ตอนนี้จะหาคนจูนกล่องให้ใหม่ยังหาไม่ได้เลย T.T ร้านจูนต่างๆพากันไปจูนดีเซลหมดแล้ว
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ PapaRo@ch~*

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
ยุควิภาฯน่าจะหมายถึงยุคพาเลซรึเปล่า
เป็นเธคที่ดังมากเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เป็นแหล่งรวมของวัยรุ่นกทมช่วงกลางคืน
ช่วงดึกก้อจะมีการอัดรถแข่งกัน นักแข่งร่นใหญ่บ้านเราในปัจจุบันก้อมาจากการแข่งบนถนนในยุคนี้หลายคน
มีตั้งแก๊งเป็นกลุ่มเป็นเรื่องเป็นราว Final Lap, Genesis, Noi Eleven บลาๆๆ

มีตายก้อเยอะ เคสที่ดังๆก้อ BMW เหินข้ามฟากตัดฮอนด้าหัวคนขับขาด
เครื่องแรงๆยุคนั้นคงไม่พ้น 4A, B16
รถยุคก่อนๆคงเป็น BMWE30, Civic EF, Toyota AE ประมาณนี้แหละมั้ง

ปล. ฟังเค้ามานะ ไม่ทันยุคนี้เหมือนกัน :P

ออฟไลน์ ple_sticker_phuket

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 406
  • รถดี ไม่จำเป็นต้องขายดี แค่ขี่แล้วมีความสุข ก็เพียงพอแล้ว
    • http://www.facebook.com/plesticker
    • อีเมล์
รถยนต์ ไว้หามาให้อีกที  ดูมอไซค์ ยี่สิบกว่าปีที่แล้วซะก่อน

คนดีขับโตต้า คนบ้า ขับมิตซู

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
รถยนต์ ไว้หามาให้อีกที  ดูมอไซค์ ยี่สิบกว่าปีที่แล้วซะก่อน

แดชใช่มั้ยนั้น
H.

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
ในยุคเมโสโปเตเมีย มีคนเอา KE70 ไปใส่ล้อเล็กๆขอบ11-12ใส่ยางเล็กๆ และจำได้ว่ามีคนเอาไปทำไฟเบรคให้กระพริบๆเหมือนไฟดิสโก้ ที่ตอนนั้นเรียกว่าไฟดิสโก้จนตำรวจต้องรีบมาเบรค

แต่ผมว่าคนไทยโหลดรถได้เตี้ยเป็นอันดับต้นๆของโลก เตี้ยพอๆกับ F1 ไม่นับโช้คไฮโดรลิคหรือโช้คลม ที่ฮาคือ มีเพื่อนผมคนนึงเอารถไปโหลดแล้วพ่อมันถอยเข้าบ้านไม่ได้ พ่อมันเลยด่าไปชุดนึงและสั่งให้รีบไปยกกลับคืน (คนขับตอนนั้นเป็นวัยรุ่นซิ่งซ่า รถคันนั้นเหลือแค่หลังคาที่ยังไม่เคยทำสีจนประกันเจ้าไหนก็ไม่ยอมรับทำ)

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,952
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
เกิดไม่ทัน  ;D ปีนี่เพิ่ง 20 ต้นๆ อิอิ
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ Adi Autolism

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 313
  • Adi Autolism..
ผมก็ไม่ทันนะ แต่รุ่นนั้น เด็กฝั่งธน จะไปโอตานิ-สาย5-สาย4-มาจบที่อักษะช่วงต้น
ยิ่งที่สาย4 ช่วงนั้นเจอ 200SX สีดำ ล้อ18 ติดสติ๊กเกอร์ Jun แรงมากๆๆมาวิ่งด้วย
เออสมัยนั้น ช่างญา เริ่มมีชื่อยังเอา Cef มาลองกับ 300zx ที่นี่ด้วย

ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยคับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
เกิดไม่ทัน  ;D ปีนี่เพิ่ง 20 ต้นๆ อิอิ

รับรองว่า 20 ปีจริง แต่เป็น 20 ดาวเสาร์

เทรนด์แต่งรถเหรอ อืม 30 ปีที่ผ่านมานี่ก็คงต้องนับจาก 1983 ซึ่งช่วงนั้น
ผมยังจำอะไรไม่ได้มากนัก รู้แต่ว่าอาฉัตรชัยเก่งทำดัทสันแต่ง อากมล เก่งทำซูบารุ
การแต่งรถยุคนั้นยังเป็นเรื่องของคาร์บูเรเตอร์เพราะหัวฉีดยังไม่ป๊อบแม้จะเริ่มมีโผล่มาแล้ว

สมัยนั้นถ้าแต่งรถ ล้อจะไม่วงโตมาก 13นิ้วก็เป็นเรื่องปกติ ส่วนลายล้อก็จะเป็นลายซี่ลวดบ้าง
หรือลายกล้วยบ้าง และถ้าให้สวยก็คาดสติกเกอร์สักหน่อย สติกเกอร์ 3M สักนิดจิตแจ่มใส

ยุคนั้นกระบะยังไม่ได้เน้นแรงอะไรมาก ถ้าจำไม่ผิดบ้านเราสมัยนั้นกระบะ"ห้ามขับเลนขวา"ด้วยซ้ำไป


ตัดมาช่วงปี 1985-1988 สไตล์การแต่งรถยังคล้ายเดิม ส่วนเครื่องยนต์เริ่มมีพัฒนาการด้านหัวฉีด
มาให้เห็น Nissan มี Bluebird Turbo CA18ET 135 แรงม้า Volvo มี 240 แต่ทำตลาดในชื่อสั้นๆว่า
Volvo Turbo มี 143 แรงม้า และเป็นรถประกอบในประเทศที่แรงม้าเยอะที่สุดในยุคของมัน
แต่งแบบยุค 80 ตอนปลาย เครื่องยนต์ใหม่ๆจะเริ่มเข้ามา 4A-GE วาง DX KE70 หรือถ้า
Lancer กล่องไม้ขีดก็ต้องวาง Sirius Turbo จ๊าดสัดๆในสมัยนั้น รถเบา750โล เทอร์โบและขับหลัง
นี่คือช่วงเวลาของยุควิภา หรือพาเลซ ยุคที่ยังไม่มีโทลล์เวย์คลุมถนนวิภาวดี สะพานเกษตรและสะพานหลักสี่
ก็ยังอยู่ ฉะนั้นมันคือทางวิ่งยาวตลอด ผมทันยุคนี้ และไปยืนดูกับรุ่นพี่นานๆครั้ง

ยุค 1980-1990 ยังเป็นช่วงที่แรลลี่ได้รับความนิยมไม่แพ้มอเตอร์สปอร์ตใดๆ บางครั้งเราจะเห็น
อิทธิพลจากรถแรลลี่มาอยู่ในรถแต่งบ้าง ที่นิยมคือสปอตไลท์กลมโต (แต่อยู่ในรถสปอร์ตหรือ
สปอร์ตซีดาน) ล้อออฟลึก ยางแก้มหนา และกว้าง ตีเฟนเดอร์ออกข้างโตๆ

ยุค 1990-1996 อันนี้เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการเปิดรถนำเข้าเสรีภาษีน้อยลงกว่าเดิม
รถสปอร์ตและรถแปลกๆเข้ามามากขึ้น หนังสือรถเริ่มเปลี่ยนจากภาพขาวดำกับเขียวน้ำเงิน
มาเป็นแบบสี วัฒนธรรมการแต่งของยุคนี้เริ่มเป็นที่จดจำต่อคนวัยผมได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น
1. ล้อแม็ก ต้องเป็นแม็ก BBS สามชิ้น ที่เขาเรียกกันว่าลายสิ้นคิด เพราะถ้าไม่รู้จะใส่อะไร ใส่ลายนี้จ๊าบแน่
(ไอ้คำว่าจ๊าบก็เกิดราวๆยุคนี้แหละว่ะ) สอง ถ้าไม่สิ้นคิด ก็ต้องเป็นแม็ก Rial ลายซี่ลวด ล้างทีขี้แทบพุ่ง
ถ้าใช้เบนซ์ ต้องแม็กบราบัส Monoblock II สามก้าน ขอบ 17 รถบ้านใส่ก็ดูซิ่งได้

2. ท่อ ต้องตัดก่อน 1 ท่อน แล้วทำปลายเฉียง เชื่อมกลับเข้าไป กลายเป็นท่อปลายหักชี้ขึ้นฟ้า
นอกเหนือไปจากนี้ถือว่าผิดกฏ

3. ไฟหน้า ไฟท้ายมันอยู่ของมันดีๆ ต้องหาผ้าทำหรือฟิล์มดำไปหุ้นมัน ดูเหมือนรถต้นแบบกับ
ผี้เสื้อกลางคืนตาบอดไปพร้อมๆกันอย่างลงตัว

4. โหลดดให้เตี้ยแป้ก ถ้าใส่ไฮดรอลิกได้ยิ่งดี ไฮดรอลิกเด้งดึ๋งดังที่สุดในยุคนี้ ใครหน้าทิ่มท้ายยก
ถือว่าผิด ยุค 90sตอนต้น เวลาโหลด ท้ายต้องลาดๆเหมือนรถโช้คทรุดจะสวยสุดๆ

5. ฟิล์มติดรถ ต้องดำไม่ก็ปรอทจัดๆ

6. พวงมาลัย BBS ไม้ หรือไม่ก็ตัดทำเป็นเหมือนพวงมาลัยเครื่องบิน


ยุคนี้เป็นยุคที่การซิ่งวิภาค่อยๆเริ่มสูญสลายไป เพราะคนดูเยอะ คนซิ่งเยอะ
คนซิ่งมือไม่ถึงยิ่งเยอะ ตายเยอะ และตำรวจจึงต้องเข้ามาสลายกำลังซะ เพราะจำนวนคนดู
ไม่ใช่กระจายเป็นหย่อมๆเหมือนทุกวันนี้ แต่เป็นฝูงชน ราวกับมีบริษัทใหญ่ประท้วงกันเลย
พาเลซปิดไปนานแล้ว แต่การซิ่งวิภานั้นอยู่นานกว่า และค่อยๆหายไปในที่สุด


ต่อมายุคปี 1996-2000 ต้นๆ

ยุคนี้ นิตยสารสำหรับรถแต่งเริ่มยืนพื้นติดลมบนมากกว่าก่อน และอายุคนที่เล่นกับกะตังค์
ก็มากขึ้น สไตล์การแต่งรถเริ่มเปลี่ยน ล้อ Rial กับท่อหักหายไป และถูกแทนที่ด้วย
การแต่งรถสไตล์ญี่ปุ่น ตลาดเซียงกงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ระบบหัวฉีดกลายเป็นเรื่อง
ที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ความรู้ในการแต่งรถยังไม่กระจายในระดับชุมชนมากนักเพราะ
ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ยุคก่อนหน้านี้ ใครได้ลงหนังสือนักเลงรถนี่ป๊อบ แต่พอเป็นยุค 96-2000ต้นๆ
คุณต้องลงหนังสือ XO Autosport ซึ่งตอนหลังแตกแขนงออกมาอีกเล่มเป็น Tuned by
(ซึ่ง Tuned by edition แรกๆนั้นผมชอบสไตล์เขามาก ชอบมากกว่า XO อีก)


เอกลักษณ์การแต่งรถยุคนิวมิลเลนเนียม
1. ล้อ Veilside สามชิ้น ห้าแฉก ออฟลึก ล้อ Enkei RP-01 และ RP02 ก็เป็นที่นิยม
ล้อรถเริ่มถูกละเลงสีสันแปลกๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นจะมีแต่ดำ เงิน ทอง

2. เครื่องยนต์..มีการวางข้ามสายพันธุ์เป็นเรื่องปกติ Benz, BMW วางเจ Cefiro วางเจ
เป็นเรื่องที่ใครก็ทำกัน (แต่ไม่ใช่ทุกคนทำได้ดี)

3. ปีหลังขนาดใหญ่เริ่มเข้ามามีบทบาท ผลกระทบจากวัฒนธรรมของ Evo และ STi ล้วนๆ
ปีก GT Wing ก็เริ่มเข้ามา เพราะเราอิงสไตล์จากการแต่งแบบสุดๆของญี่ปุ่นมาเช่นกัน

4. ภายใน ใครไม่มีมาตรวัดรอบอันโตของ Autometer ถือว่าสอบตก ใครมี และมีกระบอกชิฟท์ไลท์
อันเท่าซิการ์ช้างถือว่าเจ๋ง ใครไม่มีเงินซื้อ Autometer อนุโลมให้ใช้ Autogauge ของไต้หวันแทนได้
แต่คุณต้องมีมาตรวัดรอบอันโต! แม้ว่ามาตรวัดรอบเดิมของรถจะยังใช้ได้ดีก็ตาม

5. พวงมาลัยแต่งแบบสามก้าน (ก้านไม่ยก) เป็นที่นิยมมากที่สุด
6. ของแบรนด์เนมประจำค่าย เริ่มถูกเลือกใช้กันมากขึ้น
7. ฟิล์ม ต้องสีชา ถ้าเป็นสีอื่นก็ต้องดำไปเลย แต่ชาจะป๊อบกว่าแม้จะกันความร้อนห่าไรเลยไม่ได้ก็ตาม

8. ปลายท่อไม่มีใครอุตริเฉียงขึ้นแล้ว แต่จะตีแป๊บเลย ไม่ก็หม้อใบสวยๆเลียนแบบญี่ปุ่น


ยุคนี้คือยุคที่รถแรลลี่เริ่มเงียบ แต่แดร็กยังดังสะใจ ยุคนี้คือยุคสนาม MMC รังสิต
รถที่ดังๆและจำได้ก็มี R32 "พันม้า โคยาม่าจูน" ของพี่ป๊อบปิ 200SX CA18 ห้าร้อยม้าของอั๋น คันไซ
และมาสด้า แฟมิเลีย ดีเซลแรงนรก ฉายา "สิงห์คะนองนา" นอกจาก Drag แล้ว กระแสหนึ่ง
ที่เริ่มมาคือ "จิมคาน่า" ซึ่งที่จริงแบบบ้านเราต้องเรียกว่า ออโต้ครอส เพราะจิมคาน่า
ต้องมีขับถอยหลังด้วยนะ... คนจิมคาน่าจากยุคนั้นก็คือพี่ปอม Pom Gambino พี่ป๊อบ สุธีร์พงษ์ Soluna สีทอง
พี่ส้ม วีระไวทยะ เป็นต้น


ต่อมา ยุค 2000 นิวมิลเลนเนียม- ช่วง 2009

สไตล์การแต่งเริ่มมีแนวที่เด่นชัด และแบ่งออกเป็นแบบต่างๆเช่น
VIP - รถต้องใหญ่ ที่จริงต้องขับหลังด้วย ล้อต้องโตมากๆ ยางเตี้ยมากๆ ล้อแบะมุดซุ้ม ขยายโป่ง แขวนเครื่องราง

ล้อและการแต่งหลักๆยังเหมือนๆกับสมัยก่อน 2000 แต่สิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยนคือสไตล์ล้อ
มีอยู่ช่วงนึง นึกอะไรไม่ออกก็ใส่ล้อ W Work S1 ..หรือนึกไม่ออกก็ใส่ Volk TE37 เป็นต้น
ยุคนี้ ถ้ามีรถบ้านแล้วอยากแต่ง ดูล้อก่อน ล้อสวยต้อง 17 แต่สวยเช็ดเม็ดต้อง 18 ตกหลุมทีล้อเบี้ยว
เมียตบหนังหัวหลุดทุกครั้งไป

ยุคนี้คือยุคอินเทอร์เน็ตเข้าถึงบ้านเรือนแล้ว แต่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนซะส่วนใหญ่ ดังนั้น
สไตล์การแต่งเราทันญี่ปุ่นแบบวันต่อวัน ฟิล์มชาเริ่มหนีหายไป กลายเป็นฟิล์ม หน้าเขียว หลังดำมืด หรือ
เรียกว่า Privacy Glass กันมากขึ้น

เบาะแต่งเริ่มมีความสำคัญ บางคันล้อไม่ต้องแพงแต่ขอเบาะ Recaro แดงๆสวยๆจะแท้หรือปลอมกูไม่รู้กูเท่ห์

เอกลักษณ์ในยุคนี้อีกอย่างคือ

1. ถ้าไฟเลี้ยวรถโรงงานมาเป็นสีส้ม ต้องไปเปลี่ยนให้เป็นขาว
2. ถ้าไฟเลี้ยวโรงงานมาเป็นสีขาว ต้องไปเปลี่ยนเป็นสีส้ม..หาสติกเกอร์ส้มมาแปะ และอุปมาตัวเองเป็น "ไฟ US"

มาตรวัดรอบ Autometer ค่อยๆตายไป เมื่อเกิดความนิยมมาตรวัด Defi
กระแสเปลี่ยนจาก Autometerวงโตอันเดียว เป็น Defi อันเล็ก เรียงบนคอนโซล 7-8 อันแทน


ในช่วงตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา การจูนรถเป็นเรื่องง่ายขึ้นเพราะเทคโนโลยีกล่องแต่งที่คนเข้าถึงได้ง่าย
ไม่ต้องเก็บเงินเป็นแสนก็ได้ ความรู้ทางอินเตอร์เน็ทมาเยอะขึ้น เกิดสังคมรถซิ่งขนาดใหญ่มาก
อย่าง racingweb.net (ซึ่งที่จริงเกิดตั้งแต่ช่วงราวๆปี 2000แล้วและขยายตัวจนใหญ่มากในช่วง
2003 เป็นต้นมา จนมีการทะเลาะกันในทีมในช่วงราวปี 2004-2005 และเก่งอยู่กับracingwebต่อมา
ส่วนเพื่อนที่แตกกันก็ไปเปิด tunespeed.com ส่วนสาเหตุผมไม่พูด เพราะจำคนอื่นเล่ามา ไม่มีการรับรองความจริง)

การเซ็ตเทอร์โบ เริ่มมีให้เห็นในรถบ้านกึ่งแต่ง รถดีเซลหันมาใช้คอมมอนเรลและเริ่มมีกล่องแต่งช่วงปลายยุค


อันนี้คือเท่าที่บอกได้ตอนนี้ จริงๆอยากบอกให้มากกว่านี้แต่ทำงานอยู่ ของแบบนี้ต้องนั่งคุยกันมันถึงจะมันส์



- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
นึงภาพไม่ออกครับว่า พาเลส วิภาวดี มันอยู่ตรงไหน เกิดไม่ทันจริงๆ หรือไม่ก็คงเรียนอนุบาล

ปล. กระทู้เช็คอายุจริงๆ  ;)

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
เกิดไม่ทัน  ;D ปีนี่เพิ่ง 20 ต้นๆ อิอิ

รับรองว่า 20 ปีจริง แต่เป็น 20 ดาวเสาร์

เทรนด์แต่งรถเหรอ อืม 30 ปีที่ผ่านมานี่ก็คงต้องนับจาก 1983 ซึ่งช่วงนั้น
ผมยังจำอะไรไม่ได้มากนัก รู้แต่ว่าอาฉัตรชัยเก่งทำดัทสันแต่ง อากมล เก่งทำซูบารุ
การแต่งรถยุคนั้นยังเป็นเรื่องของคาร์บูเรเตอร์เพราะหัวฉีดยังไม่ป๊อบแม้จะเริ่มมีโผล่มาแล้ว

สมัยนั้นถ้าแต่งรถ ล้อจะไม่วงโตมาก 13นิ้วก็เป็นเรื่องปกติ ส่วนลายล้อก็จะเป็นลายซี่ลวดบ้าง
หรือลายกล้วยบ้าง และถ้าให้สวยก็คาดสติกเกอร์สักหน่อย สติกเกอร์ 3M สักนิดจิตแจ่มใส

ยุคนั้นกระบะยังไม่ได้เน้นแรงอะไรมาก ถ้าจำไม่ผิดบ้านเราสมัยนั้นกระบะ"ห้ามขับเลนขวา"ด้วยซ้ำไป


ตัดมาช่วงปี 1985-1988 สไตล์การแต่งรถยังคล้ายเดิม ส่วนเครื่องยนต์เริ่มมีพัฒนาการด้านหัวฉีด
มาให้เห็น Nissan มี Bluebird Turbo CA18ET 135 แรงม้า Volvo มี 240 แต่ทำตลาดในชื่อสั้นๆว่า
Volvo Turbo มี 143 แรงม้า และเป็นรถประกอบในประเทศที่แรงม้าเยอะที่สุดในยุคของมัน
แต่งแบบยุค 80 ตอนปลาย เครื่องยนต์ใหม่ๆจะเริ่มเข้ามา 4A-GE วาง DX KE70 หรือถ้า
Lancer กล่องไม้ขีดก็ต้องวาง Sirius Turbo จ๊าดสัดๆในสมัยนั้น รถเบา750โล เทอร์โบและขับหลัง
นี่คือช่วงเวลาของยุควิภา หรือพาเลซ ยุคที่ยังไม่มีโทลล์เวย์คลุมถนนวิภาวดี สะพานเกษตรและสะพานหลักสี่
ก็ยังอยู่ ฉะนั้นมันคือทางวิ่งยาวตลอด ผมทันยุคนี้ และไปยืนดูกับรุ่นพี่นานๆครั้ง

ยุค 1980-1990 ยังเป็นช่วงที่แรลลี่ได้รับความนิยมไม่แพ้มอเตอร์สปอร์ตใดๆ บางครั้งเราจะเห็น
อิทธิพลจากรถแรลลี่มาอยู่ในรถแต่งบ้าง ที่นิยมคือสปอตไลท์กลมโต (แต่อยู่ในรถสปอร์ตหรือ
สปอร์ตซีดาน) ล้อออฟลึก ยางแก้มหนา และกว้าง ตีเฟนเดอร์ออกข้างโตๆ

ยุค 1990-1996 อันนี้เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการเปิดรถนำเข้าเสรีภาษีน้อยลงกว่าเดิม
รถสปอร์ตและรถแปลกๆเข้ามามากขึ้น หนังสือรถเริ่มเปลี่ยนจากภาพขาวดำกับเขียวน้ำเงิน
มาเป็นแบบสี วัฒนธรรมการแต่งของยุคนี้เริ่มเป็นที่จดจำต่อคนวัยผมได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น
1. ล้อแม็ก ต้องเป็นแม็ก BBS สามชิ้น ที่เขาเรียกกันว่าลายสิ้นคิด เพราะถ้าไม่รู้จะใส่อะไร ใส่ลายนี้จ๊าบแน่
(ไอ้คำว่าจ๊าบก็เกิดราวๆยุคนี้แหละว่ะ) สอง ถ้าไม่สิ้นคิด ก็ต้องเป็นแม็ก Rial ลายซี่ลวด ล้างทีขี้แทบพุ่ง
ถ้าใช้เบนซ์ ต้องแม็กบราบัส Monoblock II สามก้าน ขอบ 17 รถบ้านใส่ก็ดูซิ่งได้

2. ท่อ ต้องตัดก่อน 1 ท่อน แล้วทำปลายเฉียง เชื่อมกลับเข้าไป กลายเป็นท่อปลายหักชี้ขึ้นฟ้า
นอกเหนือไปจากนี้ถือว่าผิดกฏ

3. ไฟหน้า ไฟท้ายมันอยู่ของมันดีๆ ต้องหาผ้าทำหรือฟิล์มดำไปหุ้นมัน ดูเหมือนรถต้นแบบกับ
ผี้เสื้อกลางคืนตาบอดไปพร้อมๆกันอย่างลงตัว

4. โหลดดให้เตี้ยแป้ก ถ้าใส่ไฮดรอลิกได้ยิ่งดี ไฮดรอลิกเด้งดึ๋งดังที่สุดในยุคนี้ ใครหน้าทิ่มท้ายยก
ถือว่าผิด ยุค 90sตอนต้น เวลาโหลด ท้ายต้องลาดๆเหมือนรถโช้คทรุดจะสวยสุดๆ

5. ฟิล์มติดรถ ต้องดำไม่ก็ปรอทจัดๆ

6. พวงมาลัย BBS ไม้ หรือไม่ก็ตัดทำเป็นเหมือนพวงมาลัยเครื่องบิน


ยุคนี้เป็นยุคที่การซิ่งวิภาค่อยๆเริ่มสูญสลายไป เพราะคนดูเยอะ คนซิ่งเยอะ
คนซิ่งมือไม่ถึงยิ่งเยอะ ตายเยอะ และตำรวจจึงต้องเข้ามาสลายกำลังซะ เพราะจำนวนคนดู
ไม่ใช่กระจายเป็นหย่อมๆเหมือนทุกวันนี้ แต่เป็นฝูงชน ราวกับมีบริษัทใหญ่ประท้วงกันเลย
พาเลซปิดไปนานแล้ว แต่การซิ่งวิภานั้นอยู่นานกว่า และค่อยๆหายไปในที่สุด


ต่อมายุคปี 1996-2000 ต้นๆ

ยุคนี้ นิตยสารสำหรับรถแต่งเริ่มยืนพื้นติดลมบนมากกว่าก่อน และอายุคนที่เล่นกับกะตังค์
ก็มากขึ้น สไตล์การแต่งรถเริ่มเปลี่ยน ล้อ Rial กับท่อหักหายไป และถูกแทนที่ด้วย
การแต่งรถสไตล์ญี่ปุ่น ตลาดเซียงกงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ระบบหัวฉีดกลายเป็นเรื่อง
ที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ความรู้ในการแต่งรถยังไม่กระจายในระดับชุมชนมากนักเพราะ
ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ยุคก่อนหน้านี้ ใครได้ลงหนังสือนักเลงรถนี่ป๊อบ แต่พอเป็นยุค 96-2000ต้นๆ
คุณต้องลงหนังสือ XO Autosport ซึ่งตอนหลังแตกแขนงออกมาอีกเล่มเป็น Tuned by
(ซึ่ง Tuned by edition แรกๆนั้นผมชอบสไตล์เขามาก ชอบมากกว่า XO อีก)


เอกลักษณ์การแต่งรถยุคนิวมิลเลนเนียม
1. ล้อ Veilside สามชิ้น ห้าแฉก ออฟลึก ล้อ Enkei RP-01 และ RP02 ก็เป็นที่นิยม
ล้อรถเริ่มถูกละเลงสีสันแปลกๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นจะมีแต่ดำ เงิน ทอง

2. เครื่องยนต์..มีการวางข้ามสายพันธุ์เป็นเรื่องปกติ Benz, BMW วางเจ Cefiro วางเจ
เป็นเรื่องที่ใครก็ทำกัน (แต่ไม่ใช่ทุกคนทำได้ดี)

3. ปีหลังขนาดใหญ่เริ่มเข้ามามีบทบาท ผลกระทบจากวัฒนธรรมของ Evo และ STi ล้วนๆ
ปีก GT Wing ก็เริ่มเข้ามา เพราะเราอิงสไตล์จากการแต่งแบบสุดๆของญี่ปุ่นมาเช่นกัน

4. ภายใน ใครไม่มีมาตรวัดรอบอันโตของ Autometer ถือว่าสอบตก ใครมี และมีกระบอกชิฟท์ไลท์
อันเท่าซิการ์ช้างถือว่าเจ๋ง ใครไม่มีเงินซื้อ Autometer อนุโลมให้ใช้ Autogauge ของไต้หวันแทนได้
แต่คุณต้องมีมาตรวัดรอบอันโต! แม้ว่ามาตรวัดรอบเดิมของรถจะยังใช้ได้ดีก็ตาม

5. พวงมาลัยแต่งแบบสามก้าน (ก้านไม่ยก) เป็นที่นิยมมากที่สุด
6. ของแบรนด์เนมประจำค่าย เริ่มถูกเลือกใช้กันมากขึ้น
7. ฟิล์ม ต้องสีชา ถ้าเป็นสีอื่นก็ต้องดำไปเลย แต่ชาจะป๊อบกว่าแม้จะกันความร้อนห่าไรเลยไม่ได้ก็ตาม

8. ปลายท่อไม่มีใครอุตริเฉียงขึ้นแล้ว แต่จะตีแป๊บเลย ไม่ก็หม้อใบสวยๆเลียนแบบญี่ปุ่น


ยุคนี้คือยุคที่รถแรลลี่เริ่มเงียบ แต่แดร็กยังดังสะใจ ยุคนี้คือยุคสนาม MMC รังสิต
รถที่ดังๆและจำได้ก็มี R32 "พันม้า โคยาม่าจูน" ของพี่ป๊อบปิ 200SX CA18 ห้าร้อยม้าของอั๋น คันไซ
และมาสด้า แฟมิเลีย ดีเซลแรงนรก ฉายา "สิงห์คะนองนา" นอกจาก Drag แล้ว กระแสหนึ่ง
ที่เริ่มมาคือ "จิมคาน่า" ซึ่งที่จริงแบบบ้านเราต้องเรียกว่า ออโต้ครอส เพราะจิมคาน่า
ต้องมีขับถอยหลังด้วยนะ... คนจิมคาน่าจากยุคนั้นก็คือพี่ปอม Pom Gambino พี่ป๊อบ สุธีร์พงษ์ Soluna สีทอง
พี่ส้ม วีระไวทยะ เป็นต้น


ต่อมา ยุค 2000 นิวมิลเลนเนียม- ช่วง 2009

สไตล์การแต่งเริ่มมีแนวที่เด่นชัด และแบ่งออกเป็นแบบต่างๆเช่น
VIP - รถต้องใหญ่ ที่จริงต้องขับหลังด้วย ล้อต้องโตมากๆ ยางเตี้ยมากๆ ล้อแบะมุดซุ้ม ขยายโป่ง แขวนเครื่องราง

ล้อและการแต่งหลักๆยังเหมือนๆกับสมัยก่อน 2000 แต่สิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยนคือสไตล์ล้อ
มีอยู่ช่วงนึง นึกอะไรไม่ออกก็ใส่ล้อ W Work S1 ..หรือนึกไม่ออกก็ใส่ Volk TE37 เป็นต้น
ยุคนี้ ถ้ามีรถบ้านแล้วอยากแต่ง ดูล้อก่อน ล้อสวยต้อง 17 แต่สวยเช็ดเม็ดต้อง 18 ตกหลุมทีล้อเบี้ยว
เมียตบหนังหัวหลุดทุกครั้งไป

ยุคนี้คือยุคอินเทอร์เน็ตเข้าถึงบ้านเรือนแล้ว แต่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนซะส่วนใหญ่ ดังนั้น
สไตล์การแต่งเราทันญี่ปุ่นแบบวันต่อวัน ฟิล์มชาเริ่มหนีหายไป กลายเป็นฟิล์ม หน้าเขียว หลังดำมืด หรือ
เรียกว่า Privacy Glass กันมากขึ้น

เบาะแต่งเริ่มมีความสำคัญ บางคันล้อไม่ต้องแพงแต่ขอเบาะ Recaro แดงๆสวยๆจะแท้หรือปลอมกูไม่รู้กูเท่ห์

เอกลักษณ์ในยุคนี้อีกอย่างคือ

1. ถ้าไฟเลี้ยวรถโรงงานมาเป็นสีส้ม ต้องไปเปลี่ยนให้เป็นขาว
2. ถ้าไฟเลี้ยวโรงงานมาเป็นสีขาว ต้องไปเปลี่ยนเป็นสีส้ม..หาสติกเกอร์ส้มมาแปะ และอุปมาตัวเองเป็น "ไฟ US"

มาตรวัดรอบ Autometer ค่อยๆตายไป เมื่อเกิดความนิยมมาตรวัด Defi
กระแสเปลี่ยนจาก Autometerวงโตอันเดียว เป็น Defi อันเล็ก เรียงบนคอนโซล 7-8 อันแทน


ในช่วงตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา การจูนรถเป็นเรื่องง่ายขึ้นเพราะเทคโนโลยีกล่องแต่งที่คนเข้าถึงได้ง่าย
ไม่ต้องเก็บเงินเป็นแสนก็ได้ ความรู้ทางอินเตอร์เน็ทมาเยอะขึ้น เกิดสังคมรถซิ่งขนาดใหญ่มาก
อย่าง racingweb.net (ซึ่งที่จริงเกิดตั้งแต่ช่วงราวๆปี 2000แล้วและขยายตัวจนใหญ่มากในช่วง
2003 เป็นต้นมา จนมีการทะเลาะกันในทีมในช่วงราวปี 2004-2005 และเก่งอยู่กับracingwebต่อมา
ส่วนเพื่อนที่แตกกันก็ไปเปิด tunespeed.com ส่วนสาเหตุผมไม่พูด เพราะจำคนอื่นเล่ามา ไม่มีการรับรองความจริง)

การเซ็ตเทอร์โบ เริ่มมีให้เห็นในรถบ้านกึ่งแต่ง รถดีเซลหันมาใช้คอมมอนเรลและเริ่มมีกล่องแต่งช่วงปลายยุค


อันนี้คือเท่าที่บอกได้ตอนนี้ จริงๆอยากบอกให้มากกว่านี้แต่ทำงานอยู่ ของแบบนี้ต้องนั่งคุยกันมันถึงจะมันส์





อ่านแล้วเหมือนเหมือนกำลังอ่านหนังสือรถแต่งเลยครับ ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,855
  • *** HLM.COM ***
เกิดไม่ทัน  ;D ปีนี่เพิ่ง 20 ต้นๆ อิอิ

รับรองว่า 20 ปีจริง แต่เป็น 20 ดาวเสาร์

เทรนด์แต่งรถเหรอ อืม 30 ปีที่ผ่านมานี่ก็คงต้องนับจาก 1983 ซึ่งช่วงนั้น
ผมยังจำอะไรไม่ได้มากนัก รู้แต่ว่าอาฉัตรชัยเก่งทำดัทสันแต่ง อากมล เก่งทำซูบารุ
การแต่งรถยุคนั้นยังเป็นเรื่องของคาร์บูเรเตอร์เพราะหัวฉีดยังไม่ป๊อบแม้จะเริ่มมีโผล่มาแล้ว

สมัยนั้นถ้าแต่งรถ ล้อจะไม่วงโตมาก 13นิ้วก็เป็นเรื่องปกติ ส่วนลายล้อก็จะเป็นลายซี่ลวดบ้าง
หรือลายกล้วยบ้าง และถ้าให้สวยก็คาดสติกเกอร์สักหน่อย สติกเกอร์ 3M สักนิดจิตแจ่มใส

ยุคนั้นกระบะยังไม่ได้เน้นแรงอะไรมาก ถ้าจำไม่ผิดบ้านเราสมัยนั้นกระบะ"ห้ามขับเลนขวา"ด้วยซ้ำไป


ตัดมาช่วงปี 1985-1988 สไตล์การแต่งรถยังคล้ายเดิม ส่วนเครื่องยนต์เริ่มมีพัฒนาการด้านหัวฉีด
มาให้เห็น Nissan มี Bluebird Turbo CA18ET 135 แรงม้า Volvo มี 240 แต่ทำตลาดในชื่อสั้นๆว่า
Volvo Turbo มี 143 แรงม้า และเป็นรถประกอบในประเทศที่แรงม้าเยอะที่สุดในยุคของมัน
แต่งแบบยุค 80 ตอนปลาย เครื่องยนต์ใหม่ๆจะเริ่มเข้ามา 4A-GE วาง DX KE70 หรือถ้า
Lancer กล่องไม้ขีดก็ต้องวาง Sirius Turbo จ๊าดสัดๆในสมัยนั้น รถเบา750โล เทอร์โบและขับหลัง
นี่คือช่วงเวลาของยุควิภา หรือพาเลซ ยุคที่ยังไม่มีโทลล์เวย์คลุมถนนวิภาวดี สะพานเกษตรและสะพานหลักสี่
ก็ยังอยู่ ฉะนั้นมันคือทางวิ่งยาวตลอด ผมทันยุคนี้ และไปยืนดูกับรุ่นพี่นานๆครั้ง

ยุค 1980-1990 ยังเป็นช่วงที่แรลลี่ได้รับความนิยมไม่แพ้มอเตอร์สปอร์ตใดๆ บางครั้งเราจะเห็น
อิทธิพลจากรถแรลลี่มาอยู่ในรถแต่งบ้าง ที่นิยมคือสปอตไลท์กลมโต (แต่อยู่ในรถสปอร์ตหรือ
สปอร์ตซีดาน) ล้อออฟลึก ยางแก้มหนา และกว้าง ตีเฟนเดอร์ออกข้างโตๆ

ยุค 1990-1996 อันนี้เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการเปิดรถนำเข้าเสรีภาษีน้อยลงกว่าเดิม
รถสปอร์ตและรถแปลกๆเข้ามามากขึ้น หนังสือรถเริ่มเปลี่ยนจากภาพขาวดำกับเขียวน้ำเงิน
มาเป็นแบบสี วัฒนธรรมการแต่งของยุคนี้เริ่มเป็นที่จดจำต่อคนวัยผมได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น
1. ล้อแม็ก ต้องเป็นแม็ก BBS สามชิ้น ที่เขาเรียกกันว่าลายสิ้นคิด เพราะถ้าไม่รู้จะใส่อะไร ใส่ลายนี้จ๊าบแน่
(ไอ้คำว่าจ๊าบก็เกิดราวๆยุคนี้แหละว่ะ) สอง ถ้าไม่สิ้นคิด ก็ต้องเป็นแม็ก Rial ลายซี่ลวด ล้างทีขี้แทบพุ่ง
ถ้าใช้เบนซ์ ต้องแม็กบราบัส Monoblock II สามก้าน ขอบ 17 รถบ้านใส่ก็ดูซิ่งได้

2. ท่อ ต้องตัดก่อน 1 ท่อน แล้วทำปลายเฉียง เชื่อมกลับเข้าไป กลายเป็นท่อปลายหักชี้ขึ้นฟ้า
นอกเหนือไปจากนี้ถือว่าผิดกฏ

3. ไฟหน้า ไฟท้ายมันอยู่ของมันดีๆ ต้องหาผ้าทำหรือฟิล์มดำไปหุ้นมัน ดูเหมือนรถต้นแบบกับ
ผี้เสื้อกลางคืนตาบอดไปพร้อมๆกันอย่างลงตัว

4. โหลดดให้เตี้ยแป้ก ถ้าใส่ไฮดรอลิกได้ยิ่งดี ไฮดรอลิกเด้งดึ๋งดังที่สุดในยุคนี้ ใครหน้าทิ่มท้ายยก
ถือว่าผิด ยุค 90sตอนต้น เวลาโหลด ท้ายต้องลาดๆเหมือนรถโช้คทรุดจะสวยสุดๆ

5. ฟิล์มติดรถ ต้องดำไม่ก็ปรอทจัดๆ

6. พวงมาลัย BBS ไม้ หรือไม่ก็ตัดทำเป็นเหมือนพวงมาลัยเครื่องบิน


ยุคนี้เป็นยุคที่การซิ่งวิภาค่อยๆเริ่มสูญสลายไป เพราะคนดูเยอะ คนซิ่งเยอะ
คนซิ่งมือไม่ถึงยิ่งเยอะ ตายเยอะ และตำรวจจึงต้องเข้ามาสลายกำลังซะ เพราะจำนวนคนดู
ไม่ใช่กระจายเป็นหย่อมๆเหมือนทุกวันนี้ แต่เป็นฝูงชน ราวกับมีบริษัทใหญ่ประท้วงกันเลย
พาเลซปิดไปนานแล้ว แต่การซิ่งวิภานั้นอยู่นานกว่า และค่อยๆหายไปในที่สุด


ต่อมายุคปี 1996-2000 ต้นๆ

ยุคนี้ นิตยสารสำหรับรถแต่งเริ่มยืนพื้นติดลมบนมากกว่าก่อน และอายุคนที่เล่นกับกะตังค์
ก็มากขึ้น สไตล์การแต่งรถเริ่มเปลี่ยน ล้อ Rial กับท่อหักหายไป และถูกแทนที่ด้วย
การแต่งรถสไตล์ญี่ปุ่น ตลาดเซียงกงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ระบบหัวฉีดกลายเป็นเรื่อง
ที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ความรู้ในการแต่งรถยังไม่กระจายในระดับชุมชนมากนักเพราะ
ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ยุคก่อนหน้านี้ ใครได้ลงหนังสือนักเลงรถนี่ป๊อบ แต่พอเป็นยุค 96-2000ต้นๆ
คุณต้องลงหนังสือ XO Autosport ซึ่งตอนหลังแตกแขนงออกมาอีกเล่มเป็น Tuned by
(ซึ่ง Tuned by edition แรกๆนั้นผมชอบสไตล์เขามาก ชอบมากกว่า XO อีก)


เอกลักษณ์การแต่งรถยุคนิวมิลเลนเนียม
1. ล้อ Veilside สามชิ้น ห้าแฉก ออฟลึก ล้อ Enkei RP-01 และ RP02 ก็เป็นที่นิยม
ล้อรถเริ่มถูกละเลงสีสันแปลกๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นจะมีแต่ดำ เงิน ทอง

2. เครื่องยนต์..มีการวางข้ามสายพันธุ์เป็นเรื่องปกติ Benz, BMW วางเจ Cefiro วางเจ
เป็นเรื่องที่ใครก็ทำกัน (แต่ไม่ใช่ทุกคนทำได้ดี)

3. ปีหลังขนาดใหญ่เริ่มเข้ามามีบทบาท ผลกระทบจากวัฒนธรรมของ Evo และ STi ล้วนๆ
ปีก GT Wing ก็เริ่มเข้ามา เพราะเราอิงสไตล์จากการแต่งแบบสุดๆของญี่ปุ่นมาเช่นกัน

4. ภายใน ใครไม่มีมาตรวัดรอบอันโตของ Autometer ถือว่าสอบตก ใครมี และมีกระบอกชิฟท์ไลท์
อันเท่าซิการ์ช้างถือว่าเจ๋ง ใครไม่มีเงินซื้อ Autometer อนุโลมให้ใช้ Autogauge ของไต้หวันแทนได้
แต่คุณต้องมีมาตรวัดรอบอันโต! แม้ว่ามาตรวัดรอบเดิมของรถจะยังใช้ได้ดีก็ตาม

5. พวงมาลัยแต่งแบบสามก้าน (ก้านไม่ยก) เป็นที่นิยมมากที่สุด
6. ของแบรนด์เนมประจำค่าย เริ่มถูกเลือกใช้กันมากขึ้น
7. ฟิล์ม ต้องสีชา ถ้าเป็นสีอื่นก็ต้องดำไปเลย แต่ชาจะป๊อบกว่าแม้จะกันความร้อนห่าไรเลยไม่ได้ก็ตาม

8. ปลายท่อไม่มีใครอุตริเฉียงขึ้นแล้ว แต่จะตีแป๊บเลย ไม่ก็หม้อใบสวยๆเลียนแบบญี่ปุ่น


ยุคนี้คือยุคที่รถแรลลี่เริ่มเงียบ แต่แดร็กยังดังสะใจ ยุคนี้คือยุคสนาม MMC รังสิต
รถที่ดังๆและจำได้ก็มี R32 "พันม้า โคยาม่าจูน" ของพี่ป๊อบปิ 200SX CA18 ห้าร้อยม้าของอั๋น คันไซ
และมาสด้า แฟมิเลีย ดีเซลแรงนรก ฉายา "สิงห์คะนองนา" นอกจาก Drag แล้ว กระแสหนึ่ง
ที่เริ่มมาคือ "จิมคาน่า" ซึ่งที่จริงแบบบ้านเราต้องเรียกว่า ออโต้ครอส เพราะจิมคาน่า
ต้องมีขับถอยหลังด้วยนะ... คนจิมคาน่าจากยุคนั้นก็คือพี่ปอม Pom Gambino พี่ป๊อบ สุธีร์พงษ์ Soluna สีทอง
พี่ส้ม วีระไวทยะ เป็นต้น


ต่อมา ยุค 2000 นิวมิลเลนเนียม- ช่วง 2009

สไตล์การแต่งเริ่มมีแนวที่เด่นชัด และแบ่งออกเป็นแบบต่างๆเช่น
VIP - รถต้องใหญ่ ที่จริงต้องขับหลังด้วย ล้อต้องโตมากๆ ยางเตี้ยมากๆ ล้อแบะมุดซุ้ม ขยายโป่ง แขวนเครื่องราง

ล้อและการแต่งหลักๆยังเหมือนๆกับสมัยก่อน 2000 แต่สิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยนคือสไตล์ล้อ
มีอยู่ช่วงนึง นึกอะไรไม่ออกก็ใส่ล้อ W Work S1 ..หรือนึกไม่ออกก็ใส่ Volk TE37 เป็นต้น
ยุคนี้ ถ้ามีรถบ้านแล้วอยากแต่ง ดูล้อก่อน ล้อสวยต้อง 17 แต่สวยเช็ดเม็ดต้อง 18 ตกหลุมทีล้อเบี้ยว
เมียตบหนังหัวหลุดทุกครั้งไป

ยุคนี้คือยุคอินเทอร์เน็ตเข้าถึงบ้านเรือนแล้ว แต่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนซะส่วนใหญ่ ดังนั้น
สไตล์การแต่งเราทันญี่ปุ่นแบบวันต่อวัน ฟิล์มชาเริ่มหนีหายไป กลายเป็นฟิล์ม หน้าเขียว หลังดำมืด หรือ
เรียกว่า Privacy Glass กันมากขึ้น

เบาะแต่งเริ่มมีความสำคัญ บางคันล้อไม่ต้องแพงแต่ขอเบาะ Recaro แดงๆสวยๆจะแท้หรือปลอมกูไม่รู้กูเท่ห์

เอกลักษณ์ในยุคนี้อีกอย่างคือ

1. ถ้าไฟเลี้ยวรถโรงงานมาเป็นสีส้ม ต้องไปเปลี่ยนให้เป็นขาว
2. ถ้าไฟเลี้ยวโรงงานมาเป็นสีขาว ต้องไปเปลี่ยนเป็นสีส้ม..หาสติกเกอร์ส้มมาแปะ และอุปมาตัวเองเป็น "ไฟ US"

มาตรวัดรอบ Autometer ค่อยๆตายไป เมื่อเกิดความนิยมมาตรวัด Defi
กระแสเปลี่ยนจาก Autometerวงโตอันเดียว เป็น Defi อันเล็ก เรียงบนคอนโซล 7-8 อันแทน


ในช่วงตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา การจูนรถเป็นเรื่องง่ายขึ้นเพราะเทคโนโลยีกล่องแต่งที่คนเข้าถึงได้ง่าย
ไม่ต้องเก็บเงินเป็นแสนก็ได้ ความรู้ทางอินเตอร์เน็ทมาเยอะขึ้น เกิดสังคมรถซิ่งขนาดใหญ่มาก
อย่าง racingweb.net (ซึ่งที่จริงเกิดตั้งแต่ช่วงราวๆปี 2000แล้วและขยายตัวจนใหญ่มากในช่วง
2003 เป็นต้นมา จนมีการทะเลาะกันในทีมในช่วงราวปี 2004-2005 และเก่งอยู่กับracingwebต่อมา
ส่วนเพื่อนที่แตกกันก็ไปเปิด tunespeed.com ส่วนสาเหตุผมไม่พูด เพราะจำคนอื่นเล่ามา ไม่มีการรับรองความจริง)

การเซ็ตเทอร์โบ เริ่มมีให้เห็นในรถบ้านกึ่งแต่ง รถดีเซลหันมาใช้คอมมอนเรลและเริ่มมีกล่องแต่งช่วงปลายยุค


อันนี้คือเท่าที่บอกได้ตอนนี้ จริงๆอยากบอกให้มากกว่านี้แต่ทำงานอยู่ ของแบบนี้ต้องนั่งคุยกันมันถึงจะมันส์





ขอบคุณพี่แพนมากๆเลยครับ ผมเพิ่งจะ 22 ไม่รู้สักยุคเลย

แต่ชอบประโยคสุดท้ายจริงๆครับ

ของแบบนี้ต้องนั่งคุยกันมันถึงจะมันส์

ออฟไลน์ beeday

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 520
อ่านจบแล้วรู้อย่างเดียว อยากไปนั่งฟังคุณแพนคุยให้ฟังชะมัด

ออฟไลน์ r0okiEz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 405
เข้ามากอบโกยข้อมูล เพราะเกิดไม่ทันเหมือนกัน  ;D
อย่าทำทุกอย่างที่คิด.....แต่จงคิดทุกอย่างที่ทำ

ออฟไลน์ Freekick042

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 859
เริ่มสนใจรถช่วงปี2003ได้มั้ง ราวๆช่วงFast2 เกมNFS underground ช่วงนั้นตกดึกเจอแต่รถติดไฟใต้ท้อง จะแท็กซี่หรือบิ๊กอัพขนผักยันซุปเปอร์คาร์ติดไฟกันหมด GT wing กันให้เพียบแอร์โร่ไดนามิกไม่สนบางทีเจอวิ่งเร็วๆต่างจังหวัดสปอยเลอร์สั่นพับๆๆเสียวจะหลุดมาฟาดรถเราจัง

ด้วยเหตุนั้นมั้งเลยไม่ชอบเทรนแต่งปัจจุบันเลย หมายถึงทั่วๆไปนะไม่ใช่ฮาร์ดคอร์ คือแต่งกันแต่เครื่องแต่ภายนอกเรียบเหลือเกิน เพื่อนผมบางคนซื้อรถมาเปลี่ยนแม็กจบแล้ว ชุดแต่งก็ของเบิกศูนย์แล้วก็บอกว่ารถเราแตกต่างจากคนอื่นนะ พี่จะเรียบกันไปไหนเดินมองตามลานจอดรถเหมือนๆกันหมด

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,051
.
.
.
ผมทันไปดูยุควิภาหน้าพาเลซอยู่บ้างครั้งสองครั้ง (ตอนนั้นประมาณ ม.1)
แต่ที่เริ่มมาแต่งรถตัวเองจริงๆคือยุคซีวิคเตารีด ช่วง ม.4
ตอนนั้นเพิ่งมีหนังสือ Auto mobile ออกเล่มแรกดังมากๆ ในเล่มมี
ซีวิคสีน้ำเงินอมม่วง ยัดไนตรัส บวก ออโต้มิเตอร์ ซึ่งถือว่าสวยมากในยุคนั้น
และเป็นยุคที่รถโหลดกันโหดสุดๆ

รถผม Lancer ต้องตื่นแต่เช้าไปต่อคิวโหลดรถที่ ซ้ง เซอร์วิส ซึ่งสมัยนั้น
ถือว่าดังมาก ตอนนั้นยังอยู่ในปั๊มเอสโซ่ตรงพระราม 9
(เดี๋ยวนี้ปั๊มไม่มีแล้วและร้านก็ย้ายไปอยู่แถวๆโรงเรียนจันทร์หุ่น)
โหลดกันจนต้องพับขอบล้อด้านในไม่ให้มันครูด ยกแม่แรงลงทีดึงแทบไม่ออก
ล้อหลังนี่หายไปในซุ้มแบบไม่เห็นยาง อมขอบแม็คมานิดๆ

รถผมสมัยนั้นนี่มีคนนั่งหลังไม่ได้เลย เพราะล้อมันจะสีกับซุ้มล้อ (จะให้สุดต้องไประเบิดซุ้ม)
แต่ไม่ได้ทำ ก็พยายามไม่ให้มีคนนั่งหลังเอา

สมัยนั้นล้อขอบ 17" นี่ถือว่าสุดๆเลย 18" นี่หาแทบไม่เจอ ของผมยังใส่แค่ 16"
จากนั้นเอาไปติดออโต้มิเตอร์ที่แถวหน้าเอแบคราม ระหว่างรอติดก็มีสาวๆ
ให้ดูเพลินๆมีก๋วยเตี๋ยวเคาะให้กิน ท่อก็ต้อง HKS ปลายใหญ่ๆบึ้มๆ
ตอนนั้นไปทำที่ 42/1 ซึ่งตอนนั้นร้านยังอยู่ที่ สุขุมวิท 42/1 จริงๆ ตอนนี้
ย้ายไปอยู่เลียบทางด่วนเรียบร้อย

ใช้คันนั้นอยู่ประมาณ 4 ปีพอเรียนจบก็ขาย เปลี่ยนไปใช้รถเดิมๆ

ออฟไลน์ เจ้าชายบ่ออ่าง

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 45
ช่วงปี 2000-2004 จำได้ไม่แน่นอน มีการไป เชง ถึงพัทยาเลย ผมก็จำถนนไม่ได้ นานมาแล้ว ไปทุกคืนเสาร์ กลับอาทิตย์เช้าเลย แล้วก็แข่งกันที่เรียบทางด่วน บริเวรช่วงปั๊ม เจทเก่า ซึ่งช่วงนี้ เริ่มรวมกันไฃเป็นกลุ่ม คลับต่าง เช่น ฮอนด้าคลับ เซฟคลับ AEคลับ และมีการแข่งบอลที่ TOT ด้วย
นครศรีธรรมราช

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่แน่ใจว่า พวงมาลัยที่เอาไปตัดเป็นทรงเครื่องบินนั่นได้รับอิทธิพลมาจากซีรีส์ Knight Rider รึเปล่า เพราะพวงมาลัยของรถในเรื่องก็ทรงนี้แหละ

ออฟไลน์ Ponthakorn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 437
    • อีเมล์
มันที่สุดที่เคยมีโอกาสไปดูมาคือ รามอินทราอาจณรงค์  มันมากๆๆ

ออฟไลน์ eamesBot

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 224
    • อีเมล์
ชอบที่คุณแพนเขียน หนุกดีครับ
จำได้ว่า ตอนนั้นเด็กๆ ตอน แม่ก bbs เค้าจะใส่ล้อให้ยื่นๆ ออกมาจากตัวรถ อย่างฮาา
และที่รู้สึกชอบรถแต่ง หรือแต่งรถ ก็เพราะ A31 แต่ยังไม่เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ เห็นกี่ที ก็ชอบบบ
ผมได้มาเริ่มๆ แต่งรถก็ช่วงปี 2000 นิดๆ ก็จะเริ่มมีแนว JDM เข้ามา เรียบๆ หล่อๆ แงะกระจก แงะหลังคา แงะภายใน ญี่ปุ่นมีอะไร ชั้นต้องแงะมาใส่ ให้ได้

แต่ที่ไปวิ่งๆ แข่งกันนี่ยังไม่เคยมีโอกาสไปดู เคยแต่เมาหลงไปเจอ ตอนขับรถ แตนๆ ได้แต่เลี้ยวหลบเข้าปั๊ม ฮาาา

ออฟไลน์ ple_sticker_phuket

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 406
  • รถดี ไม่จำเป็นต้องขายดี แค่ขี่แล้วมีความสุข ก็เพียงพอแล้ว
    • http://www.facebook.com/plesticker
    • อีเมล์

แดชใช่มั้ยนั้น

kawasaki cosmo ครับ    รถที่โลกลืม



นี่แดช

คนดีขับโตต้า คนบ้า ขับมิตซู

ออฟไลน์ ple_sticker_phuket

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 406
  • รถดี ไม่จำเป็นต้องขายดี แค่ขี่แล้วมีความสุข ก็เพียงพอแล้ว
    • http://www.facebook.com/plesticker
    • อีเมล์
ขอนำเทรนแต่งรถเมื่อสามสิบปีก่อน  มาให้ชม  รถ พ่อแดงที่ผมนับถือครับ  สวยบาดใจจริงๆ    ภาพนี้  ยังไม่ถึงปี   

เก็บไว้เป็นตำนาน lancer  ได้เลยครับ

คนดีขับโตต้า คนบ้า ขับมิตซู

ออฟไลน์ MCH

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 117
เพิ่มเติม ช่วงยุด 90 กลางๆ ยุคนั้นมีกระบะซิ่งเยอะเหมือนกันนะครับ กระบะจะมี 2 สาย
 คือสายซิ่ง ลง  7m 1j 2j ผูกโบว์ ท่อดัง อินเตอร์เท่าบ้าน
กับสายโหลดเตี้ย ซึ่งก็มีทั้งโหลดตามมีตามเกิด และใช้ hydrolic หรือเรียกตัวเองว่า low rider บางคันยกล้อโชว์
 พวกที่ไม่มีก็อาศัยมีสติ๊กเกอร์ mooneyes ติดแขวนลูกเต๋าซะหน่อยเป็นใช้ได้ ไฮดรอลิกส์เจ้าดังรู้สึกยี่ห้อ red's
ทั้งสองสายมีไอเท็มร่วมกันคือล้อ rial ออฟลึก แบบวางกระป๋องโค้กลงไปได้ และเครื่องเสียงแบบเปิดที่ตัวเมืองแต่อำเภอข้างๆเต้นกันมันส์ (ถ้าสายซิ่งแท้อาจไม่มี)
ที่น่ายังเกตคือรถเครื่องเสียงดังลั่นทุ่งนั้นมีมากจริงๆในยุคนี้ ไม่รู้เป็นไง ยุคหลังๆไม่ค่อยมี หรือมีแต่ก็ไม่ค่อยเปิดดังโชว์ ถ้าเป็นยุคนั้น (จริงๆก็ตั้งแต่ต้น 90 ) ผมได้ยินบ่อยเหลือเกินครับ ปิดกระจกบ้างเปิดกระจกบ้างตามเรื่อง

รถก็เก่า  เมียก็แก่  แย่แล้วกู...

ออฟไลน์ boybkk

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
เทรนปัจจุบันต้องแนวนี้คับขนผักได้3-5ตัน ซิ่งก็ได้สุดๆ ;D

ออฟไลน์ WTN

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 144
รถที่ดังๆและจำได้ก็มี R32 "พันม้า โคยาม่าจูน" ของพี่ป๊อบปิ

*** เคยได้มีโอกาสนั่งอยู่ครั้งหนึ่งบนถนน ตอนที่เป็นพันม้าแล้ว เวลาเทอร์โบบูสท์แล้วรถทุกคันเหมือนวิ่งถอยหลังหมดเลยครับ ***

ไม่รู้คุณแพนยังจำพวกรถเด่นๆบนสนามวิภาวดีได้อยู่บ้างหรือเปล่า เช่น
- RX-7 ของทีมเปรียว
- E-30 Hiop ของทีม Promenade
- Ferrari 308 GTB ของคุณปุ้ม
- Civic Turbo สีขาวประมาณปี 90 สีขาวล้อสแตนที่คนขับใส่เนคไทมาเทโค้งทุกเสาร์
- กระบะตัวแรงๆก็เยอะแต่ผมจำรุ่นไม่ได้แล้ว

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
ปูเสื่อรอ

บรรยากาศเหมือนพ่อทาคุมิยืนคุยกับเถ้าแก่ปั๊มน้ำมัน
ในเรื่องราวสมัยรุ่งเรืองพลางซอสาเกอุ่นๆอัดบุหรี่ปุ๋ยๆ

ออฟไลน์ mini_freak

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 337
  • ไอ้บ้ารถ mini / AWD หัวรุนแรง / Save the MT
    • อีเมล์
อ่านแล้วแอบภูมิใจที่ยังมีวอลโว 240 Turbo อยู่จากป๊าตัวเอง (แต่เครื่องเดิมไปแล้วตั้งนาน ตอนนี้ได้ 16v ธรรมดามาแทน)
เสพติด AWD แถมโดน BC5 ของใครบางคนแถวนี้ยั่วกิเลส.... ยั่วซะต้องสอยมาสักคัน
Twitter @z2bbgr

ออฟไลน์ domo24

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 261
เข้ามาทีได้ความรู้เพียบเลยนะเนี่ยะ สมัยนั้นยังเอ๊าะๆไม่เคยออกไปดูโลกตอนกลางคืน

ผมเลยไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่.... > <
BMW 318i e36 94'
Benz C220 Elegance 94'
Toyota AE100 96'
Toyota Prado lc90 00'
Toyota VX100 06'
Toyota Altis 10'
Chevrolet Cruze 12'
Chevrolet Captiva 13'
Toyata Yaris 15'

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,952
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
จำไม่ได้จริงๆ ว่ะแพน เพราะ 30 ปีก่อน กูเพิ่ง 3 ขวบ ยังดูดนมอยู่ อยุธยาอยู่เลย (เกิด 1980)
แต่มาจำความเรื่องรถได้จริงๆ น่าจะราวๆ ปี 1990 ขึ้นมาว่าเริ่มบ้ารถ ตอนนั้นยังอ่านหนังสือขาวน้ำเงินอยู่เลย
จำได้ว่ารถคันแรกที่ชอบที่สุด คือ แลมโบกินี่ คูลทัช เท่ห์มาก รถในฝัน

แต่ช่วงที่ได้ขับรถจริงๆ อายุราวๆ 17 ได้ ตอนนั้น เอา โคโรน่าเอ็กซิเออร์ที่บ้านมาขับ ล้อ BBS 17" ช่วงล่างโคนี่
ขับพาแม่ไปช๊อปปิ้ง จำได้ว่าแค่นี้ก็หล่อฝุดๆ แล้วอ่ะครับ  ช่วงอายุก็คงประมาณปี 1997 น่าจะได้หล่ะ
กระแส JDM มันเริ่มมาแล้ว แต่ยังไม่ได้แพร่หลายมากนัก

พออายุครบเกณฑ์ซิ่ง ตอนนั้นขับรถตู้ไฮเอท เซ็ทโบ ที่น้าหวัด กรังซ์ปรี เฮดเดอร์ เทอร์โบ แถวรังสิต (ตอนนั้นน้าแกใช้ MR2 สีแดง วิ่งควอเตอร์ไมล์)
เป็นไฮเอทนรก วิ่งม.รังสิต ยามนึกว่ารถวิน โบกไม่ให้จอด กูลงมาถึงกับเงิบ แต่งตัวนักศึกษาผูกไทด์ เรียบร้อย....ปี 1 แหละ....

ต่อมาเริ่มได้อัพเกรดรถ ก็จะฮิตพวกฟิล์มสีชา ตัวนอก แต่สไตล์ตัวนอกอะไรเทือกๆนั้นแหละ
ยุคนั้นทัน สิงห์คะนองนา ออกมาเทสต์รถที่ นวมินทร์ ช่วงนั้นเพิ่งสร้างถนนเสร็จ ยังไม่เปิดใช้เลยด้วยซ้ำ แต่เลียบทางด่วนเปิดแล้ว
ยังจำได้ว่า ไปวิ่งกับแก๊งค์โคโรน่าคลับอยู่ สนุกๆ  และมีข่าวปิด JET71 บ่อยๆ... หรือเรียกกันง่ายๆว่า JET เก่า
ส่วน JET ใหม่ ถนนรามอินทรา เริ่มระยะหลังที่ตำรวจกวนมากๆ แต่แล้ว JET ใหม่ก็โดนปิดอยู่ดี....

หลังจากนี้กูก็ไม่รู้แล้ว เพราะไม่ได้ไปมิตติ้งสุงสิงกับใครเท่าไหร่ เริ่มเรียนเยอะด้วย ประมาณปี 3
ส่วน คาร์คลับต่างๆ น่าจะเกิดช่วงนี้แหละ ประมาณปี 2000 ขึ้นมาเริ่มรวมตัวกันไปแว๊นท์บ้าง เที่ยวบ้าง พบปะสังสรรค์กัน
จำได้ว่าเป็นสมาชิก RCW ยุคแรกๆ เลขประจำกาย 8xx ได้ ตอนนี้เป็นแสนแล้วมั๊ง....

ต้องหาวัน "นอกรอบ" แล้วนั่งจิบเบียร์เย็นๆ คุยกัน ถึงจะออกรส....
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,952
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
แต่สิ่งที่อยากมองคือ เทรนด์แต่งรถต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้ามากกว่า.....เราลองนั่งทามแมคชีนไปดูกัน...

ทัศนะส่วนตัวนะครับ

รถคันเล็กๆ จะยังได้รับความนิยมต่อไปอีกภายภาคหน้า เหตุผลคือ ความประหยัดน้ำมันด้วย
เครื่องเทอร์โบจะกลับมา หลังจากอยู่ในมุมมืดๆ ของระบบวาล์วแปรผันมาโดยตลอด คิดว่าจะเป็นเครื่องเล็กความจุน้อย อัดเทอร์โบเป็นหลัก
เพราะโนฮาวได้รับการส่งต่อกันมาเรื่อยๆ มีของเล่นมากกว่าแต่ก่อน ช่างที่ทำมีมากกว่าแต่ก่อน มีสูตร มีไดโน มีจูนเนอร์เก่งๆ และกล่องจูนดีๆมาสนอง
อีกอย่าง กฎหมายเรื่อง การปล่อยคาร์บอนไดซ์ออกไซค์น่าจะเริ่มบังคับใช้ในภายภาคหน้า

เครื่อง N/A จะทำกันสุดมากขึ้น สี่ลิ้นเป็นเรื่องปกติสำหรับยุคนี้ แต่ยุคก่อนใครจูนสี่ลิ้นนิ่งนี่เทพมาก อุปกรณ์โมดิฟาย N/A มีให้เลือกเยอะ
สั่งหล่อลูกสูบหัวนูน ไม่ใช่ปัญหาสำหรับยุคนี้ แต่ยุคก่อนต้องเทียบเอา หรือไม่ปาดฝา....

ข้อจำกัดเรื่องวัสดุน้อยลงความทนทานของเครื่องยนต์มีมากขึ้นพอที่จะโมดิฟายต่อยอดได้โดยไม่พัง (หรือเปล่า?????) อาจจะยกเว้นบางค่าย
ที่เครื่องยนต์ดีจริง แต่เกียร์ฉลาดเกินไป ผมคาดเดาว่า ใน 5 ปีต่อจากนี้ เกียร์ CVT จะได้รับการศึกษาพัฒนา และช่างไทยจะหาทางโมดิฟายมันจนได้....

ยุคนี้คือยุคของรถซิ่งราคาประหยัดครับ เทรนด์ระบบเครื่องยนต์กลไก น่าจะมาแนวทางนี้

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เรื่องช่วงล่าง ล้อ ยาง เบรค ในอีก 5 ปี ต่อไป น่าจะเป็นยุคแห่งการทำช่วงล่าง รถซิ่งไม่ได้แต่งซิ่งโหลดเตี้ยเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ยังมีเรื่องช่วงล่างต่างๆ ที่ พอจะจับหากันได้ มากขึ้น โคตรพ่อสารพัดจะค้ำ โรลบาร์ เอ็กซ์บาร์ เซ็กส์บาร์..อันนี้ไม่รู้
ช่วงล่างโช้คอัพ สปริง สปริงโหลด สตรัทปรับเกลียว บูทยูริเทน ฯลฯ มันหาซื้อได้ง่ายขึ้น บางคนไม่ได้ชอบรถแรงแต่ชอบช่วงล่างแน่นๆ เบรคดีๆ
แนวทางพวกนี้จะต้องมา ประมาณเครื่องเดิมสนิท ช่วงล่างเต็ม


5 ปีต่อจากนี้คือยุคแห่งของก๊อปปี้

ของลอกเลียนแบบจะมีบทบาทไปเรื่อยๆ จริงๆยุคก่อนก็มีแหละ แต่มันน้อยไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน
ยุคของแต่งจีนครองเมือง คือยุคนี้ ของเล่นที่เหมือนแท้ราคาถูก คุณภาพ...ไม่ต้องพูดถึง ตาดีได้ ตาร้ายรถแม่งเสียเลย....
จะเป็นยุคที่ ของแบรนด์เนมรถซิ่ง เกลื่อนตลาด เพราะจีนทำได้ในราคาถูก จะแท้จะเทียม จะแยกยากลำบาก เว้นต้องเคยใช้งานจริงๆ
ถึงจะแยกได้ว่า แท้ดีอย่างไร เทียมห่วยอย่างไร ยังไงก็ขอเตือนว่า บางอย่างเทียมได้....บางอย่างแท้ดีกว่า เพราะมีผลต่อชีวิต ความปลอดภัยในการใช้รถครับ

5 ปีต่อจากนี้ ญี่ปุ่น ยังคงเป็นเจ้าแห่งเทรนด์อยู่....แต่....ไม่ใช่พระเจ้าอีกต่อไป

เหตุผล ยุคแห่ง JDM มันอาละวาดในเมืองไทยมานานมากๆแล้ว นานตั้งแต่เริ่มมีการนำเข้าอะไหล่มือสอง จำได้ว่า โตโยต้า โคโร่น่า เอ็กซิเออร์ของผมแต่ก่อนนู่นนนน
ต้องกระจังหน้า คาลนิด้า ไฟกลมสี่ตา ลิ้นนอก ปัดหลัง(แต่ก่อนมีปัดหลังลวงโลกด้วย...) ท้ายคาลนิด้า ต้องยกมาให้ครบ ถึงจะสุด

แต่ปัจจุบัน ในยุคแห่งรถจดประกอบโดนเล่น....อะไหล่เก่ามันก็เลยโดนหางเลขไปด้วย....หรือไม่ก็โก่งราคา....แต่ที่แน่ๆ กฎหมายการนำเข้าอะไหล่มือสองจากญี่ปุ่น
เข้มงวดขึ้น การนำเข้ามาทั้งลำ แล้วสับๆๆๆๆ เหมือนแต่ก่อนทำได้ยากขึ้น ผู้ซื้อต้องจ่ายแพงขึ้น บางอย่างก็แม่งแพงเว่อร์ๆๆๆๆๆ ก็เยอะ ทำให้วัยรุ่นวัยแรง หันไปหา
ศาสดาจากที่อื่นแทน นั่นคืออาจจะเปลี่ยนแนวจาก JDM มาเป็น THDM หรือ USDM กันมากขึ้นครับ

แนวนี้ผมมองมาก่อนหน้าสองปีกว่าแล้ว ส่วนตัวชอบรถแนวฟลัชนะ แต่เมื่อก่อนไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่ชอบล้อที่ฟิตเม้นท์เทพๆ ใส่แล้วต้องเป๊ะ ประมาณนั้น
เพิ่งมาฮิตก็ตอนนี้ ทั้งๆที่ฟลัชเข้ามาบ้านเราหลายปีแล้ว ได้อิทธิพลมาจาก อเมริกา หรือ ทางละตินอเมริกา เทือกโน๊นนนนนนนนน

ยุคต่อไป จะมีรถกลุ่มใหม่เกิดขึ้น ที่ไม่ใช่เยอะล้นคัน...แต่จะเป็นเรียบทั้งคัน และมีความสร้างสรรค์หรือจะเรียกว่าลูกโดด ผสมนิดๆหน่อยๆ
แต่ครบ...ทั้งภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ และ ช่วงล่าง มาไม่เยอะ แต่เต็ม ทำนองนี้เกิดแน่ๆ (...เพราะผมชอบ 5 5 5....)

เหตุผลที่บอกว่า ญี่ปุ่นจะไม่ใช่พระเจ้าอีกต่อไป ส่วนหนึ่งมาจาก อินเตอร์เนต ที่ทำให้โลกของเราแคบลง มีมุมมองให้เราแต่งรถซิ่งได้จากทั่วโลก "ง่ายขึ้น"
และ วัยแรง มีความเป็นปัจเจก มากขึ้น ทำอะไรตามใจตัวเอง แบบไม่แคร์สื่อมากขึ้น กล้า ที่จะใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในสิ่งที่ชอบมากขึ้น

ผมจึงคิดว่า ในอีก 5 ปีต่อจากนี้ แนวทางการแต่งรถบ้านเราจะหลากหลายมากขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์ดีๆ เจ๋งๆ ไม่แพ้เมืองนอกมากขึ้นอีกมากๆครับ
ซึ่งจริงๆ เป็นสิ่งที่ดี ที่เราจะมีแนวทางเป็นข้อตัวเอง ไม่ต้องง้อใคร

และส่วนตัวคิดว่าใน 5 ปี ต่อไปจากนี้ วงการแต่งรถ ก็ยังคงสนุกสนาน แปลกตา ตื่นใจ ไม่แพ้ 30 ปีก่อนเลย มิหนำซ้ำบางอย่างอาจจะนำเทรนด์ต่างชาติด้วยซ้ำไป
ยกตัวอย่าง กระบะเทอร์โบบ้านเรา ผมว่าน่าจะเป็นระดับโลกแล้วครับ !!


/อาร์ต/
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011