Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: taweek ที่ ตุลาคม 10, 2013, 10:50:43
-
ถามคนที่ใช้ MB และ BMW เครื่องดีเซล มีบ้างไหมแว๊บหนึ่ง อยากได้ เบนซิน
กำลังคิดจะใช้รถ ดีเซล บ้าง แต่กลัว ใช้แล้วเบื่อเรื่อง สั่น กับเสียงเครื่อง
หรือ ติดใจความแรง ไม่คิดกลับมาเบนซินแล้ว อยากรู้ว่าคนที่ใช้อยู่คิดแบบไหน
-
ผมมี e60 530 กับ S class W221 320 cdi ชอบฟิลลิ่งกับเสียงคัน 530 มากกว่า แต่ s320cdi เหยียบปรู้ดดี เสียงก้อเงียบดี เวลาใช้งานก้อไม่ได้นึกอยากจะได้รุ่นนี้ตัวเบนซินครับ
-
สลับกัน คือ มีแวบที่อยากได้ดีเซลครับ
ผมมี e60 530
แต่คงจะติดใจความเดินเรียบของเครื่อง 6 สูบเรียง
-
สลับกัน คือ มีแวบที่อยากได้ดีเซลครับ
ผมมี e60 530
แต่คงจะติดใจความเดินเรียบของเครื่อง 6 สูบเรียง
แต่เครียดเวลาเติมน้ำมันครับ 55555
-
W211 cdi น้ำมันถังนึงวิ่งได้ เป็นพันkm ประหยัด มันส์ เสียงในรถก็เงียบ นอกรถดังช่างมัน ;) ไม่เคยคิดอยากได้ตัว cgi เลย
-
มะอยากได้ครับ ดีเซล ผมว่าอัตราเร่ง การประหยัดน้ำมัน นี่ แลกกับเสียงดังนิดนึง ส่วนตัวผมพอใจครับ
-
W211 cdi ก็ประหยัดดีนะ ตอนที่ใช้อยู่ก็ไม่นึกถึงเบนซินหรอก
แต่พอมี Volvo S60 เติม E85 แล้วรู้สึกว่าคันนี้ใช่เลย E85 เป็นตัวเลือกดีที่สุด (พอดีหาปั๊มได้สะดวก)
เครื่องเรียบ นิ่ง แรง เงียบ กว่า W211 cdi อย่างรู้สึกได้ ที่สำคัญประหยัดไม่แพ้กันเลย
-
ท่านอื่นอธิบายกันเยอะแล้ว
ผมขอตอบตามคำถามคือ "ไม่" เลยครับ
-
ใช้ BMW 525d F10 กับ MB ML250CDI ดีเซลทั้งคู่
ประทับใจมากครับทั้งแรงบิดและประหยัด ไม่วอกแวกเลยครับ
คันต่อไปถ้าไม่ใช่รถสปอร์ต เป็นซีดานหรือ SUV ก็เล็งดีเซลครับ
-
เคย..แต่คิดว่า ถ้าตอนนั้นไม่ออกดีเซล คงช้ำใจน่าดู ;D
-
เวลาเอา e250cdi ของคุณแม่มาใช้แล้วไม่อยากคืนเลย งึมๆ
-
ตอนนี้ผมใช้ 320d f30 อยู่ บอกตรงๆครับ โดยที่ไม่มีการเข้าข้างd เพราะเข้าข้างไปก็ไม่ได้ไรขึ้นมา ก่อนจะซื้อคันนี้ ผมรู้แล้ว ว่า i จะมาปลายปี แถมยังเป็น 184 แรงม้าเทอร์โบ เท่าd แถมdยังแพงกว่าสองแสนสองหมื่น บอกตามตรงครับ ผมไม่มีความคิดที่จะอยากได้เก๋งเบนซินเลย (ถ้ามันไม่ใช่รถสปอร์ตแรงม้าระดับ300-400+) เพราะก่อนจะซื้อ 320d f30 ผมใช้ Civic fd 2.0 MC Top และผมก็ทราบดีว่า2.0กับ20i เรื่องความแรง มันเทียบกันไม่ได้ ต่อให้ดีเซลแพงกว่าเบนซิน 3แสน ผมก็พร้อมที่จะจ่าย โดยที่ไม่คำนึงถึงความคุ้มค่าด้วยครับ เพราะผมได้คำนึงถึงเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจซื้อแล้ว และมันก็ไม่คุ้มตั้งแต่ส่วนต่างสองแสนสองหมื่นแล้ว เพราะผมใช้รถเฉลี่ยแค่ปีละ12,000km ถามว่าเพราะไรครับ เอาง่ายๆเลย รถเก๋งเครื่องดีเซลของBMWคือความใฝ่ฝันของผมครับ เพราะใจชอบ ใจรักในรถเก๋งดีเซล(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดีเซลของBMW) ที่มันทั้งแรง ดึงหนักมากๆ ประหยัดโคตร น้ำมัน1ถัง ผมวิ่งได้1200km+ ที่ความเร็ว110-140(บางช่วง) ถามว่าเครื่องยนต์ตัวนี้มันดังไหม ก็เหมือนที่พี่จิมมี่บอกไว้ในรีวิวเลยครับ คือมันดังกว่ารถเก๋งเบนซิน2.0ลิตรรุ่นใหม่ๆไม่มากเลย กลับกัน ในช่วงที่กดคันเร่งสัก30-50%เสียงเครื่องมันกลับเงียบอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เงียบมากๆ เงียบกว่าเก๋งเบนซินตอนกดเท่ากันมากๆ แต่ถ้ารอบเดินเบาฟังนอกรถ ยังไงก็รู้ว่ามันคือดีเซล แต่ก็เป็นดีเซลที่เสียงเบามากๆแล้ว โดยก่อนที่ผมจะซื้อรถคันนี้ ผมไม่เหลียวไปมอง C Class ของดาวสามแฉก แม้แต่นิดเดียวเลย ทั้ง 220 250cdi 200 250cgi เพราะรถรุ่นนั้นมันไม่ใช่สำหรับผมเอาซะเลย และไม่คิดที่จะเดินเข้าไปในศูนย์เพื่อขอทดลองขับด้วยครับ เพราะญาติผมใช้ c180 coupe อยู่ ผมพอจะเอาพื้นฐานของรถคันนี้มาตัดสิน C Class Sedan ได้ในระดับนึง ไม่รวมช่วงล่าง และถ้าข้ามกลุ่มไป premium midsize ผมก็จะไม่มอง E Class Facelife เช่นกัน ไป f10โดยที่คิดดีแล้วครับ
ทั้งหมดนี้คือ คหสต. ครับ
-
ถ้าแว๊บนึงมีครับ ดีเซลจะดีจาก 0-160 แต่พอเลยไปแล้วเบนซินจะไปต่อมากกว่าคือไม่ต้องกดก็ไหล แต่ดีเซลต้องกดลงไปนิดนึงแล้วจะไปต่อแบบลื่นๆ
แวบที่ถึง 160 แล้วจะไปต่อนั้นแหละครับจะคิดถึงเบนซิน จะเป็นเฉพาะวิ่งทางไกลและโล่งจริงเท่านั้นครับ ซึ่งถ้าใครใช้ดีเซล6สูบแว๊บนี้ก็จะไม่มีครับ
มันจะไปเรื่อยๆและพอสุดแล้วเหมือนจะไปต่อได้อีก โดยส่วนตัวพอมาคิดเรื่องการออกตัว ราคาน้ำมันและอัตราการกินน้ำมัน ใช้ดีเซลสบายใจครับ
-
สตาร์ทเครื่องแล้วไปนั่งในรถรู้สึกว่าเงียบกว่า CRVอีกครับ คันต่อไปถ้าไม่ออกสปอร์ตก็คงดีเซลอีกล่ะครับ
ตอนนี้ใช้X3ครับ
-
ใช้F10 520d รุ่นแรก จอเล็ก มีหลายแว๊บคิดถึงเครื่องเบนซิน แต่เป็นE200CGIนะครับ ด้วยงบที่มีตอนนั้น
สาเหตุที่ไม่เปรียบเทียบกับเบนซินรุ่นเดียวกัน เพราะตอนนั้นไม่มี520i มีแต่523i 6สูบ N/A ซึ่งราคา 3.79mb
ต่างจาก520d 1แสน สมรรถนะเป็นรองแน่ๆ optionเหมือนกันเลย(เพราะไม่ใช่ตัวhighline)ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นครับ
-
ผมนี่แหละ ใช้ w211 ดีเซล แต่เพิ่งไปออกG8มือสองเพราะอยากขับรถเบนซิน ดีเซล ยังงัยก้อไม่ประหยัดเท่า LPG
และสิ่งที่ผมไม่ชอบเลยของดีเซลคือ มันลากรอบสูงๆไม่ได้ ควันดำอีก
ถ้าขาย w211 เมื่อไหร่ ผมคงไปเล่น BMW เครื่องเบนซินครับ
-
ใช้ F30 320d แว๊บนึงที่อยากได้เบนซินคือ ตอนที่ยืนอยู่นอกรถตอนติดเครื่องอยู่แล้วได้ยินเสียงมันแค่นั้นแหละครับ แต่แค่คิดแว๊บจริงๆ
พอเข้ามานั่งอยู่หลังพวงมาลัยมันแล้ว คิดไม่ผิดเลยที่เลือกดีเซล
-
นอกจากไม่อยากได้ เบนซินแล้ว ขับดีเซลไปนานๆ แล้วมันเกิดความรู้สึกอยากขับ 10 ล้อขึ้นมาอีก กำลังจะไปเรียนขับละครับ
-
ขอฉีกแนวนิดนึง...ที่บ้านมีแต่เบนซิน แต่ลองขับมาแล้วทั้งคู่ และไม่คิดจะแตะดีเซลอีกเลย
สาเหตุเพราะเครื่องมันสั่นและเสียงดังเกินกว่าจะรับได้
ช่วงเวลาในรถสำหรับผม เป็นช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ...ได้อยู่กับตัวเอง ฟังเพลงที่ชอบ
ให้มานั่งสั่นเป็นเจ้าเข้า พร้อมกับร้องโหยหวญครวญคราง อยู่กลางถนน...ผมไม่เอาครับ
-
มี E class diesel ตัวที่แล้วอยู่ครับ เกือบ10ปีแล้ว
อยากจะบอกว่า เสียงมันจะดังไปไหน หึ่งๆๆๆรำคาญมาก
เทียบกับอีกคัน เบนซิล ขับสบายกว่าเยอะ ทั้งคนนั่งคนขับ
ที่สำคัญคนนอกรถครับ
-
ก้อจะมีเรื่องเสียงนี่ละคับ ตอนขับถ้าช่วงที่ไม่นึกถึงเรื่องเสียงก้อจะฟินมากเลย
แต่ถ้ามาตั้งใจฟังเสียงเครื่องนี่ก้อแน่นอนมัยดังกว่าเบนซินอยู่แล้ว
แต่ผมว่าเสียงไม่ได้ดังจนน่ารำคาญเลยนะ(X3)
แต่ผมว่าF10ดีเซลนี่เก็บเสียงดีกว่าX3นะ เห็นมีวัสดุบุในห้องเครื่องเยอะกว่า
ส่วนเรื่องสั่น ตอนนี้ไม่นะ
แต่ถ้าอายุรถมากขึ้น ทั้งเรื่องสั่นกับเสียง จะเป็นไงบ้าง
ไว้รอดูกันยาวๆ...
-
ผมมี f30 320i ใจจริงอยากได้ดีเซลแต่ส่วนต่างมันไม่คุ้มครับ ใช้เบนซินก็พอใจแล้ว
ถ้าราคาเท่ากันผมคงถอยดีเซลล่ะครับ
-
มันเป็นฟีลลิ่ง เคยลอง 320d พวงมาลัยมันสั่นแบบพอรู้สึกได้ว่าดีเซล ความถี่ห่างๆ ถ้าใครขับน่าจะนึกออก
จริงๆแล้วเอกลักษณ์ของ bmw ตั้งแต่รุ่นก่อนคือ เครื่อง 6 สูบ พวงมาลัยเรียบลื่นดุจแพรไหม
ตอนคิกดาวน์แร่งแซง ดีเซลจะเป็น หื้ดดดดดด โทนเสียงต่ำๆ ดึง แซง จบ แต่ถ้าเป็นเบนซินจะเป็น วืดด วื้ดดดดด โทนเสียงสูงกว่า มีการลงเกียร์เพิ่มอีกถ้าแรงเครื่องไม่พอ แถมยังลากได้หวานกว่า ถ้าเครื่องดีเซลรอบมีอยู่แค่นั้นไม่มีการลากรอบหรือลงเกียร์เพิ่มอะไรทั้งนั้น
แต่ใครแรงกว่าใครไปวัดกันเองอีกทีนึง
ปล จริงๆ เครื่องดีเซลที่ใช้แข่งพวก le mans เสียงโหดมาก เสียงเป็นแบบ flip car ใน ff6
-
นอกจากไม่อยากได้ เบนซินแล้ว ขับดีเซลไปนานๆ แล้วมันเกิดความรู้สึกอยากขับ 10 ล้อขึ้นมาอีก กำลังจะไปเรียนขับละครับ
ฮาครับ... ;D
-
ใช้ F30 320D อยู่ครับ
ตั้งแต่ใช้ แคปติว่าดีเซลแล้ว ก็คิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า
คันต่อไป ดีเซลเท่านั้น ครับ
320D ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ
-
เครื่องดีเซลเสียงขัดหูยังไงไม่รู้ครับ เบนซิลเสียงสบายหูกว่า ยอมจ่ายค่าน้ำมันแพงครับผม ;D
-
ไม่ได้มีรถยุโรปดีเซล แต่ใช้รถเกาหลีดีเซล
แค่อยากบอกว่า เครื่องดีเซล มันใช่เลยสำหรับ suv จริงๆ เสียงดังไหม ถ้าเราไม่มาจับผิดเรื่องเสียงผมว่าไม่ค่อยรู้สึก
แต่เครื่องเบนซินถ้ามี turbo ขับดีเหมือนกัน
แต่ถึงตอนนี้ น้ำมันราคาแบบนี้ คันต่อไปก็ต้องเป็นดีเซลครับ
-
ถ้าน้ำมันถูกเมื่อไรจะหันมาครับ ที่บ้านเปลี่ยนเป็นรถดีเซลทั้งบ้านเลย ML 250cdi Audi Q5tdi F30 320d Vigo 3.0
เสียงไม่เพราะ แต่เยียบได้ไม่อายเงินในกระเป๋า
-
ขอฉีกแนวนิดนึง...ที่บ้านมีแต่เบนซิน แต่ลองขับมาแล้วทั้งคู่ และไม่คิดจะแตะดีเซลอีกเลย
สาเหตุเพราะเครื่องมันสั่นและเสียงดังเกินกว่าจะรับได้
ช่วงเวลาในรถสำหรับผม เป็นช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ...ได้อยู่กับตัวเอง ฟังเพลงที่ชอบ
ให้มานั่งสั่นเป็นเจ้าเข้า พร้อมกับร้องโหยหวญครวญคราง อยู่กลางถนน...ผมไม่เอาครับ
ไปลองรุ่นไหนมาครับเนี่ย ปกติแล้วเวลานั่งอยู่ในรถยุโรปดีเซลมันนิ่งจะตายชัดพวงมาลัยยังไม่สั่นเลย ถ้าคุณไปลองรถกระบะก็ว่าไปอย่างอันนั้นพวงมาลัยยังมีสั่นกับเสียงเครื่องยังรอดเข้ารถ แต่ถ้าฟังจากข้างนอกก็พอรู้ล่ะครับว่ามันคือรถดีเซล คือผมไม่ได้ประชดนะ ถ้าวันไหนเกิดมีความจำเป็นต้องใช้รถกระบะขึ้นมาคุณไม่ไปโดดตึกตายเลยเหรอ เพราะมันทั้งดังทั้งสั่นแบบรู้สึกได้เลย
-
ไม่ได้ใช้เป็นประจำครับ เคยแต่แตะๆบ้าง จะรู้สึกอยากได้เบนซินแค่ตอนลากเกียร์ครับ
bm เบนซิน เปลี่ยนกรอง ตอนลากรอบนี่เสียงมันใช้ได้เลยครับ
แต่ถ้าใช้งานปกติ โดยรวมชอบดีเซลมากกว่า ชอบแรงบิดรอบต่ำของดีเซลมากครับ
-
นอกจากไม่อยากได้ เบนซินแล้ว ขับดีเซลไปนานๆ แล้วมันเกิดความรู้สึกอยากขับ 10 ล้อขึ้นมาอีก กำลังจะไปเรียนขับละครับ
ผมอยากจะบอกว่าถ้าใครชอบฟังเสียงเทอร์โบร้อง มาขับ10ล้อท่านจะโคตรฟินครับ แถมมีเสียงลมยิงเลาเข้าเกียร์อีก หุหุ
-
สลับกัน คือ มีแวบที่อยากได้ดีเซลครับ
ผมมี e60 530
แต่คงจะติดใจความเดินเรียบของเครื่อง 6 สูบเรียง
แต่เครียดเวลาเติมน้ำมันครับ 55555
อิอิ กำ agreed
-
;D E250 CDI ไม่ผิดหวังคับดึงดีได้ใจ ประหยัดได้อีก ต้องลองแล้วจะติดใจ
วิ่งทางเฉพาะค่าเชื้อเพลิง ไกลคิดเป็น บาท/Km ประหยัดพอๆกะแคมรี่ไฮบริดเลยครับ
เชื่อว่าอาจมีลังเลไปตัวเบนซิน ตอนซื้อเพราะออปชั่น
ตัวดีเซล ออปชั่นน้อยกว่ามาก ทั้งๆที่แพงกว่าตัวเบนซิน
-
.
.
.
ผมเป็นคนนึงที่จะไม่มีวันไปใช้ดีเซลเลย
ต่อให้มันจะประหยัดแค่ไหน ดึงแค่ไหน แต่ผมรับเสียงมันไม่ได้จริงๆ
เสียงมันจะสั่นๆ เหมือนรถกระบะ รถบรรทุก ไม่มีความเป็นสปอร์ตเลย
แถมใช้ๆไปจะเจอกับควันดำอีก ผมว่าเครื่องดีเซลมันเหมาะจะเป็น
เครื่องยนต์สำหรับพวกรถบรรทุกใหญ่ๆ หรือเรือเดินสมุทรมากกว่า
จะเป็นรถเก๋งหรือรถใช้งานส่วนบุคคล
ทางออกที่ดีสำหรับผมเรื่องประหยัดน้ำมันคือ
เครื่องดาว์นไซส์ยัดโบ หรือไม่ก็ไฮบริด มากกว่า
อันนี้คือ ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
-
ยอมรับว่ามีครับ
มันก็เหตผลเหมือนหลายๆท่านแหละครับ เสียง กับ สั่น
คือมันก็ไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้นนะครับ ยิ่ง BMW รุ่นใหม่ๆนี่ เครื่องนิ่งเงียบกว่าเบนซินบางค่าย บางรุ่นเสียอีก(ภายในนะครับ)
แต่มันก็มีช่วงที่ติดไฟแดงในเมือง ยังรับรู้ถึงความสั่นแล็กๆ น้อยมาก
แต่มันก็ต้องคิดล่ะครับ ว่า เออ ถ้าซื้อเบนซินมามันจะเงียบ นิ่งกว่านี้ขนาดไหนนะ
มันก็อารมณ์ประมาณนี้แหละครัช
-
นอกจากไม่อยากได้ เบนซินแล้ว ขับดีเซลไปนานๆ แล้วมันเกิดความรู้สึกอยากขับ 10 ล้อขึ้นมาอีก กำลังจะไปเรียนขับละครับ
มุมมองกว้างไกล มองเห็นข้ามรั้วบ้านคนอื่นได้ ขับไม่ยากครับ ลองจริงจัง สัก 2 วันก็คล่องแล้วครับ
-
เรื่องควันดำนี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับบ้านผม ML 250กับ Audi Q5 มี adblue ยืนหลังรถแทบจะไม่ได้กลิ่นเลย แต่ฉุนมาก
แต่เข้าserviceที+เพิ่มกับน้ำมันเครื่องไปอีก T_T
-
ถามหน่อยสิครับ
ทำไมทั้งในคลับ MB และ BMW พวกกระทู้ถามเทียบเครื่องดีเซลหรือเบนซินดี
ผมเห็นคนชอบมาตอบว่า อย่าเล่นดีเซลระยะยาวจุกจิกไม่ทน และต้องเสียค่าดูและเยอะกว่า
ผมไม่เห็นเขาเชียร์กันเลย เข้าไปหาข้อมูลเห็นชอบตอบแต่แบบนี้ครับ
-
ใช้ดีเซลครับ ไม่เคยคิดกลับมาเบนซินเลยคันต่อไปก็จะดีเซล ส่วนเรื่องความจุกจิกของผม e60 520d
6ปี กะ 104,000 กิโล ยังไม่เคยซ่อมเครื่องเลย เปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างเดียว
-
ถามหน่อยสิครับ
ทำไมทั้งในคลับ MB และ BMW พวกกระทู้ถามเทียบเครื่องดีเซลหรือเบนซินดี
ผมเห็นคนชอบมาตอบว่า อย่าเล่นดีเซลระยะยาวจุกจิกไม่ทน และต้องเสียค่าดูและเยอะกว่า
ผมไม่เห็นเขาเชียร์กันเลย เข้าไปหาข้อมูลเห็นชอบตอบแต่แบบนี้ครับ
ถ้ารุ่นก่อนเบนซินมันเป็นเครื่อง NA ครับ มันจุกจิกน้อยกว่าเครื่องเทอร์โบเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ารุ่นปัจจุบันเบนซินจะจุกจิกกว่าแล้วครับ เพราะมีทั้งเทอร์โบ+ระบบคอยล์จุดระเบิด แต่อะไหล่เครื่องดีเซลแพงกว่าเพราะชิ้นส่วนมันถูกออกแบบมาให้รับภาระได้มากกว่าเครื่องเบนซินครับ
-
มีแน่นอนครับ แต่ไม่ทุกครั้ง อารมณ์แบบว่า ขับๆไปลากๆไป ทำไมเสียงมันไม่น่าฟังเอาซะเลย
แต่ผมชอบดีเซลตรงแรงบิดมาในรอบต่ำนี่แหละครับ
กดแล้วมาเลย ดึงเลย ไม่ต้องลากรอบเหมือนเบนซิน
ขับในเมืองแล้วเวิร์คกว่า แต่ยอมรับว่าเสียงของเบนซิน มันหวานจับใจ ขับไกลๆยาวๆ ลากๆ มันฟินกว่าเยอะ
-
เสียงดีเซล ยุโรป ผมว่าเพราะดีครับ ยืนข้างนอกก็ดังแต่เพราะ แต่ในห้องโดยสาร เงียบปกติครับ
ส่วนเรื่องสั่น สั่นกว่าเบนซินนิดเดียว คือพอสตาร์ทรถ ก็ไม่รู้แล้วครับ ยกเว้นมีอีกคันมาเปรียบเทียบเลย เช่นตอนเทสไดรฟ์
และตอนที่จะรู้อีกคือ ตอนที่ eco start stop ทำงาน มันจะกระตุกตอนสตาร์ทใหม่ ซึ่งถ้าเป็นเบนซิน จะแทบไม่รู้สึกเลย
แต่ยังไงรถคันถัดไปของผมก็ยังดีเซล ครับ ยังไม่คิดกลับไปหาเบนซินเลย
1. แรงบิดสะใจ ผมชอบแรงบิดที่มาตอนความเร็วต่ำๆ ขับในกรุงเทพฯ รถติดๆ แล้วไม่อึดอัดเลยครับ วิ่งทางไกลก็สนุก
2. ผมขับไม่เกิน 150 km/hr อยู่แล้ว และถนนในละแวกกรุงเทพฯ ก็หาที่จะเหยียบให้เกิน 150 ก็แทบไม่ได้แล้ว ดังนั้นไม่ห่วงเลย
3. ราคาน้ำมัน เติมทีไร ประหยัดกว่าทุกที ประหยัดมากซะด้วย
ถ้าระบบไฮบริดเริ่มนิ่ง ผมจะไปหาดีเซลไฮบริดครับ
-
.
.
.
ผมเป็นคนนึงที่จะไม่มีวันไปใช้ดีเซลเลย
ต่อให้มันจะประหยัดแค่ไหน ดึงแค่ไหน แต่ผมรับเสียงมันไม่ได้จริงๆ
เสียงมันจะสั่นๆ เหมือนรถกระบะ รถบรรทุก ไม่มีความเป็นสปอร์ตเลย
แถมใช้ๆไปจะเจอกับควันดำอีก ผมว่าเครื่องดีเซลมันเหมาะจะเป็น
เครื่องยนต์สำหรับพวกรถบรรทุกใหญ่ๆ หรือเรือเดินสมุทรมากกว่า
จะเป็นรถเก๋งหรือรถใช้งานส่วนบุคคล
ทางออกที่ดีสำหรับผมเรื่องประหยัดน้ำมันคือ
เครื่องดาว์นไซส์ยัดโบ หรือไม่ก็ไฮบริด มากกว่า
อันนี้คือ ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ทันดูคลิปนี้ไหมครับ
BMW M550d xDrive 0-250 km/h Test Drive New M5 Style 740 Nm Diesel sport auto (http://www.youtube.com/watch?v=Ma-KBPcwRlc#ws)
-
ไม่เคยครับ ตั้งแต่ได้ใช้ เก๋งดีเซลครั้งแรก passat TDI ตอนปี 2003 หลังจากนั้นก็ไม่เคยมองรถเบนซิน อีกเลย ปัจจุบันก็ 320D คันต่อไปยังไงก็ดีเซล
-
บอกเลยครับติดใจสุดๆ
ทีแรกญาติผมจับ 320D มาขายครับแต่ผมเอามาใช้ พอขายไปผมติดใจกลับไปซื้อรุ่นเดิมไมเนอร์มาใช้อะครับ
เพราะความแรง ความประหยัดของมันช่างสุดยอดครับ