คุณความเห็นรูปแมวข้างบนไม่ต้องกลับมาอ่านน่ะดีแล้ว เพราะคงกลัวจะรับไม่ได้กับคำด่า ประณามหามแห่ เพราะแนวคิดสุดโต่งแบบคุณคงมีคนเดียวนี่แหละในโลกเลยนะ ขอย้ำว่าในโลก ในจักรวาลด้วยซ้ำ ไม่ต้องอ้างหลักสากลมั่วๆอะไรนั่นหรอก ตรกรกะประหลาดแบบนี้ ผมขับรถมาจนจะครึ่งศตวรรษแล้ว ไม่เคยหันหลังกลับไปดูรถเพื่อความปลอดภัยอะไรแบบที่คุณว่า นอกจากขี่มอไซเท่านั้นที่จะทำแบบนั้น ขับรถยนต์ กระจกมองหลังมองข้างจะมีไว้ทำไมเอาไว้ให้บรรบุรุษคุณกราบไว้บนหิ้งบูชาหรืออย่างไร โคตรประหลาดกับความคิด อ่านแล้วของขึ้น เขาเม้นท์มาด้วยสมาัญสำนึกปรกติ กลับมาแว้งว่าเขา เฮ้อ ต้องทำใจกับคนประเภทนี้ ส่วนในข่าวไอ้คนขับอัลติสมันให้การแปลกๆนะผมว่าอ่านดูแล้ว แต่ถ้าเป็นจริงตามที่มันว่าผมว่ามันสมควรถูกยึดใบขับขี่และห้ามขับรถตลอดชีวิต เป็นอันตรายกับเพื่อนร่วมทางมากๆ
ปล.ในข่าวบอกถนนสายศรีประจันต์ - สามชุด ทำไมไม่บอกไปเลยว่าเป็นสาย 340 สุพรรณ - ชัยนาท หรือว่ามันเป็นสายใน ?
อ้อ ผมขอทำนายว่ากระทู้นี้เดวคงโดนล๊อคเพราะน่าจะมีดราม่าเกิดขึ้นตามมาแน่ๆ อิอิ
ขอแย้งเบาๆ ไม่บอกว่าคุณเรียลแมวพูดถูกทั้งหมด แต่คุณไม่รู้เลยว่ามันมีหลักนี้อยู่
สิ่งหนึ่งคือ Shoulder Check เป็นหลักปฏิบัติที่สากลทำกัน
จริง แต่ต้องมีหลักการ คือ
1) ทำเพื่อเช็คจุดบอดที่กระจกมองข้าง/มองหลัง อาจจะไม่เห็นในบางจังหวะ เช่น รถเล็กขึ้นแทรก หรือรถคันที่จะแซงเกิดเฮี้ยน ขึ้นเทียบกะทันหัน
2) ใช้เวลาแค่ "ประเดี๋ยวเดียว" ไม่ใช่หันไปแล้ว หันไปอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจว่าอัลติสก็คงทำแบบนี้แหละ คือหันไปนานเกิน
หรืออีกกรณีคือ มีวัตถุขวางที่ไม่แน่ใจว่าเซ็นเซอร์จะเอาอยู่ไหม
และกรณีกระบะขนของที่บรรทุกเต็ม กระจกมองหลังใช้ไม่ได้
แต่ถ้าหันไปนานๆ อันนั้นใช้กับการถอยรถในจุดที่กะระยะลำบาก เช่น ติดกำแพง
เพราะการขับสัก 100+ 1 วินาทีก็หมายถึง 30 เมตร+ หรือพูดง่ายๆ 6 ช่วงคันรถ
คนสมัยนี้ขับรถค่อนข้างจี้ตรูดเป็นธรรมชาติ ขับ 120 บางคนยังเว้นไม่ถึง 1 ช่วงคันก็มี
ถ้าไม่รู้ระยะ กะไม่เป็น การหันไปนานๆ มันจะเปลี่ยนจาก Shoulder Check เป็นจิ้มตรูดคันหน้าแทน
R.I.P. เจ้าของมาร์ชด้วยครับ