ผมสงสัยว่าทำไม เค้ายังจ้องหวด พวกรถความจุเกิน 3000 ซีซี ในเมื่อ ใช้ค่า CO2 มาเป็นเกณฑ์ใหม่แล้ว ทำแบบนี้ ซ้ำซ้อนอีกแล้ว ตามสไตล์ไทยแลนด์
จริงๆแล้วเป็นความคิดสุดโบราณกาลที่มองว่า รถความจุเกิน 3000 ต้องกินน้ำมัน ปล่อย CO2 เยอะทุกคัน ลองไปดูพวก mpg, CO2 emission ของพวกรถบล็อกเกิน 3000 ซีซี ที่มีขายในโลกที่หนึ่งดูได้ครับ
ขอข้อมูลสนับสนุนความเห็นหน่อยครับ
มันอะไร เท่าไหร่ ยังไง ผมตามไม่ทัน
ยกตัวอย่าง SLK350 กับ SLK55AMG ตัวปัจจุบัน
SLK350 ใช้เครื่อง V6 3.5l 39.8 mpg ขณะที่ co2 emission อยู่เพียง 167 g/km
SLK55AMG ใช้เครื่อง Small block V8 5.5l 33.6mpg ขณะที่ co2 emission อยู่เพียง 195 g/km
แต่โครงสร้างภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาลแบบไทยแลนด์ ทำให้โดนสรรพสามิตไป 50% แทนที่ควรจะอยู่ที่ 30-35%
อ้างอิงภาพนี้
จริงๆ กม.สรรพสามิตมันน่าจะมีสาระสำคัญอยู่ 2 แบบ
1. มลพิษ ใครก่อมลพิษสูง ก็ต้องจ่ายภาษีสุง
กับ2. ใครฟุ่มเฟือยเกิน ก็ต้องจ่ายภาษีสูง
เพราะรถยนต์นั่งเกิน 3000CC ก็ยังคงถูกมองว่า เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยอยุ่ ซึ่งตรงนี้มันแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ คนละแนวทางกับปัญหามลพิษ
ถ้าอยากได้ภาษีถูกลง ก็ต้องหันมาเล่นรถที่ต่ำกว่า 3000CCล่ะครับ
ซึ่งผมมองว่า เหตุผลของภาษี มันก็พอรับฟังได้นะครับ
ปอลิง กม.ใหม่ เอาแรงม้าออกไปแล้วด้วย(ของเดิมถ้าเกิน 220 แม้จะไม่ถึง3000CCก็ไม่ได้)
ซึ่งผมมองว่าตรงนี้ น่าจะพอช่วยให้รถแรงๆ ซีซีน้อยๆ จับต้องได้มากขึ้น