Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: M Performance ที่ เมษายน 03, 2012, 21:37:20

หัวข้อ: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: M Performance ที่ เมษายน 03, 2012, 21:37:20
คือในความคิดของผมรถพวกขับสี่ นี่มันเหมาะสำหรับพวก SUV ลุยๆ หรือกระบะพันธุ์ถึกที่ใช้ระบบนี้ในการไปบุกป่าฝ่าดง

แต่ไม่เข้าใจจริงๆ ครับว่ารถสปอร์ต ที่มีขับสี่อย่าง TTS, Im STi, EVO มันมีประโยชน์ช่วยเรื่องอะไรครับ?

มันดูไม่ตรงกับการใช้งานของรถสปอร์ต ซึ่งคงไม่มีใครเอาไปขับลุยอยู่แล้ว ยกเว้นพวก Rally ลุยๆ ก็ว่าไปอย่าง

แล้วถ้าไม่มีจะมีผลต่างกันมากมั้ยครับ?

เทียบกับสปอร์ตแท้ๆ ขับหลัง น่าจะได้อารมณ์มากกว่าอีกนะ
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ เมษายน 03, 2012, 21:46:20
หนึบ ทำรอบในสนามแข่งได้ไวครับ ข้อเสียที่รถขับหน้ามี ที่รถขับหลังมี ก็จะถูกลดหลั่นลงไปเพราะสามารถกระจายการส่งกำลังได้ แต่หมายถึงมันยังหน้าดื้อเป็นนิดๆ (ถ้าขับสี่ตลอดเวลา) และน้ำหนักมากขึ้นหน่อย มีแรงเสียดทานในการขับเคลื่อนมากขึ้นครับ
(ทั้งที่อีโวกับอิม ก็มาจากรถแรลลี่บุกป่าฝ่าดงนั่นแหละ)

แต่ว่า TT ที่ขับสี่มันแค่ RS หรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: MystogaN ที่ เมษายน 03, 2012, 21:55:15
ลืม GTR กับ Aventador ไปได้ยางง๊ายยยย :P
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: M Performance ที่ เมษายน 03, 2012, 21:58:47
ลืม GTR กับ Aventador ไปได้ยางง๊ายยยย :P

555+ ไม่ได้ลืมครับ เอาเป็นตัวอย่างเฉยๆ

สรุปว่ามันดีหรือไม่ดีครับเนี่ย? ระบบขับสี่ของรถสปอร์ตเป็นอะไรที่เกินใช้ไปรึเปล่า?
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ เมษายน 03, 2012, 22:03:35
ลืม GTR กับ Aventador ไปได้ยางง๊ายยยย :P
555+ พระเอกเลยคู่นี้
จริงๆก็มี Continental GT, R8, Gallardo
รถพวกนี้เน้น Grip ครับ คุมง่าย
แม้ EVO, Aventador, R8 มันจะสไลด์ตอนเข้าโค้งบ้าง ก็ยังคุมง่ายกว่าขับ 2 ทั่วไปอยู่ดี
(มันจะไม่หมุนกลับหัวกลับหางง่ายๆ)

ลองดู 599GTO. SLS AMG ไถลง่ายมากพวกนี้ Drift กระจาย
ยิ่ง GTO นี่ขับแทบไม่ได้เลยมั้งครับ เวลาปิด tracktion control อ่ะ
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: pongisra ที่ เมษายน 03, 2012, 22:09:33
หนึบ ทำรอบในสนามแข่งได้ไวครับ ข้อเสียที่รถขับหน้ามี ที่รถขับหลังมี ก็จะถูกลดหลั่นลงไปเพราะสามารถกระจายการส่งกำลังได้ แต่หมายถึงมันยังหน้าดื้อเป็นนิดๆ (ถ้าขับสี่ตลอดเวลา) และน้ำหนักมากขึ้นหน่อย มีแรงเสียดทานในการขับเคลื่อนมากขึ้นครับ
(ทั้งที่อีโวกับอิม ก็มาจากรถแรลลี่บุกป่าฝ่าดงนั่นแหละ)

แต่ว่า TT ที่ขับสี่มันแค่ RS หรือเปล่าครับ

TTS มีแต่ตัว quattro ขับสี่ครับ เดี๋ยวนี้ไม่มีขับสองแล้ว ไม่รู้เมื่อก่อนมีป่าว
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ เมษายน 03, 2012, 22:22:28
ขับสี่ดียังไง มาทำความรู้จักกันก่อนดีมั้ยครับ

ประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 4WD (Four Wheel Drive) แบ่งออกเป็นแบบต่างๆได้ 3 ประเภท

1.แบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
2.แบบฟูลไทม์ (Full Time)
3.แบบเรียลไทม์ (Real Time)

1. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบพาร์ทไทม์ ในปัจจุบันที่นิยมใช้มีอยู่ 3 แบบ คือ แบบกลไก, แบบอัตโนมัติ และแบบไฟฟ้า

ระบบพาร์ทไทม์แบบกลไก เป็นชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ ซึ่งลักษณะการทำงานของชุดควบคุมแบบกลไกนี้ เมื่อผู้ขับขี่ต้องการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถและลงไปปิดชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ให้อยู่ในตำแหน่ง Free กำลังงานของเครื่องยนต์ก็จะถูกตัด ทำให้เกิดการส่งกำลังไปขับเคลื่อนที่ล้อด้านหลังและเมื่อต้องการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้ออีกก็ต้องกระทำเช่นเดียวกันคือ ต้องหยุดรถและลงไปิดชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ให้อยู่ในตำแหน่ง Lock กำลังงานของเครื่องยนต์จึงจะถูกต่อไปยังเพลากลางที่ล้อหน้า ซึ่งต่ออยู่กับชุดเฟืองท้ายด้านหน้า เพื่อขับเคลื่อนให้ล้อด้านหน้าหมุนไปพร้อมๆ กับล้อด้านหลัง ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบกลไก

ระบบพาร์ทไทม์แบบอัตโนมัติ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub จะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ที่ใช้สำหรับเลือกระบบขับเคลื่อน โดยกำลังงานของเครื่องยนต์จะถูกส่งต่อไปยังชุด Free Wheel Hub ให้ทำงานทันที แต่เมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันล้อมาเป็น 2 ล้อตามเดิม ต้องหยุดรถและเข้าตำแหน่งเกียร์ปกติไปที่ตำแหน่งถอยหลัง (Reverse) และถอยหลังเป็นระยะทาง 1.5 – 2 เมตรโดยประมาณ เพื่อให้ชุดควบคุมเกิดการตัดกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub พร้อมทั้งเลื่อนคันเกียร์ที่เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนไปที่ตำแหน่ง 2H หากเลื่อนคันเกียร์โดยไม่ถอยหลังก่อน ล้อจะไม่ถูกตัดการส่งกำลังงาน ซึ่งจะทำให้เกิดการสึกหรอและการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub

ระบบพาร์ทไทม์แบบไฟฟ้า ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบไฟฟ้าจะใช้ วงจรไฟฟ้าช่วยในการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ หรือจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็น 2 ล้อ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบนี้จะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ที่ใช้สำหรับเลือกระบบขับเคลื่อน วงจรไฟฟ้าก็จะทำหน้าที่ตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ที่ล้อหน้าทันที ชุดควบคุมแบบไฟฟ้ามีข้อดี คือ
เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อได้ทันที

2. แบบฟลูไทม์ (Full Time)
เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบตลอดเวลา มีข้อดีคือ เกาะถนนดีมาก โดยเฉพาะเวลาเข้าโค้งแรงๆ หรือเวลาฝนตกถนนลื่น การออกตัวเวลาแข่งก็ไม่ต้องกลัวว่าล้อจะฟรีทิ้งมาก ทำให้ออกตัวได้ดีกว่ารถระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่นํ้าหนักและความแรงของเครื่องเท่ากัน แต่ก็มีข้อเสียคือ ยางสึกหรอเร็ว กินนํ้ามันมากกว่ารถระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่นํ้าหนักและความแรงของเครื่องเท่ากัน เพราะต้องถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ทั้ง 4 ล้อ โดยแบ่งเป็นล้อละ 25 เปอร์เซนต์ ซึ่งไม่เหมือนกับระะบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ต้องถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์แค่ 2 ล้อ โดยแบ่งเป็นล้อละ 50 เปอร์เซนต์ หรืออื่นๆแล้วแต่ละค่ายรถกำหนด เช่น หน้าหลัง 30/70 หรือ 50/50 ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละค่ายรถ และแบ่งไปล้อแต่ละข้างได้อีก

3. แบบเรียลไทม์ (Real Time)
เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบอัตโนมัติ หรือ มีการถ่ายทอดแรงบิดของล้อหน้ากับล้อหลังให้สัมพันธ์กัน โดยจะมีเซนเซอร์คอยตรวจจับความเร็วของล้อคู่หน้ากับคู่หลังเมื่อมีล้อใดล้อหนึ่งมีการลื่นไถลหรือฟรีทิ้งเวลาออกตัวแรงๆ มีข้อดีคือ ประหยัดนํ้ามันกว่าแบบฟลูไทม์ เกาะถนนได้ดีเหมือนกับฟลูไทม์ โดยเฉพาะเวลารถวิ่ง ระบบถ่ายทอดแรงบิดทั้ง 4 ล้อ จะแบ่งแรงบิดของกำลังเครื่องยนต์ให้กับล้อคู่หน้ากับคู่หลังดังนี้ ระบบขับเคลื่อนจะแบ่งกำลังส่วนใหญ่ไปที่ล้อหลังเสมอ แต่ถ้าเวลาออกตัวแรงๆ ล้อหลังจะมีการฟรี ระบบก็จะถ่ายทอดแรงบิดที่ล้อหน้าด้วย เริ่มตั้งแต่ 50 เปอร์เซนต์หรือตํ่ากว่านั้นขึ้นอยู่กับความเร็วและกำลังของเครื่องยนต์ แต่เมื่อรถวิ่งได้ความเร็วซักระยะหนึ่งระบบก็จะลดกำลังขับเคลื่อนของล้อหน้าลงมาจนเกือบ 0 เปอร์เซนต์ หรือล้อหน้าไม่ฟรีแล้ว สาเหตุที่ต้องถ่ายทอดกำลังส่วนใหญ่ไปที่ล้อหลังก็เพราะว่านํ้าหนักของรถเวลาวิ่งจะตกลงที่ล้อหลังเป็นส่วนใหญ่ การควมคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อนแบบนี้ ก็จะมีการใช้กล่องสมองกลควบคุมและแบบใช้ระบบเกียร์ที่ควบคุมแรงบิดได้ด้วยตัวเอง
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: M Performance ที่ เมษายน 03, 2012, 23:53:35
ขับสี่ดียังไง มาทำความรู้จักกันก่อนดีมั้ยครับ

ประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 4WD (Four Wheel Drive) แบ่งออกเป็นแบบต่างๆได้ 3 ประเภท

1.แบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
2.แบบฟูลไทม์ (Full Time)
3.แบบเรียลไทม์ (Real Time)

1. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบพาร์ทไทม์ ในปัจจุบันที่นิยมใช้มีอยู่ 3 แบบ คือ แบบกลไก, แบบอัตโนมัติ และแบบไฟฟ้า

ระบบพาร์ทไทม์แบบกลไก เป็นชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ ซึ่งลักษณะการทำงานของชุดควบคุมแบบกลไกนี้ เมื่อผู้ขับขี่ต้องการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถและลงไปปิดชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ให้อยู่ในตำแหน่ง Free กำลังงานของเครื่องยนต์ก็จะถูกตัด ทำให้เกิดการส่งกำลังไปขับเคลื่อนที่ล้อด้านหลังและเมื่อต้องการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้ออีกก็ต้องกระทำเช่นเดียวกันคือ ต้องหยุดรถและลงไปิดชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ให้อยู่ในตำแหน่ง Lock กำลังงานของเครื่องยนต์จึงจะถูกต่อไปยังเพลากลางที่ล้อหน้า ซึ่งต่ออยู่กับชุดเฟืองท้ายด้านหน้า เพื่อขับเคลื่อนให้ล้อด้านหน้าหมุนไปพร้อมๆ กับล้อด้านหลัง ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบกลไก

ระบบพาร์ทไทม์แบบอัตโนมัติ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub จะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ที่ใช้สำหรับเลือกระบบขับเคลื่อน โดยกำลังงานของเครื่องยนต์จะถูกส่งต่อไปยังชุด Free Wheel Hub ให้ทำงานทันที แต่เมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันล้อมาเป็น 2 ล้อตามเดิม ต้องหยุดรถและเข้าตำแหน่งเกียร์ปกติไปที่ตำแหน่งถอยหลัง (Reverse) และถอยหลังเป็นระยะทาง 1.5 – 2 เมตรโดยประมาณ เพื่อให้ชุดควบคุมเกิดการตัดกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub พร้อมทั้งเลื่อนคันเกียร์ที่เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนไปที่ตำแหน่ง 2H หากเลื่อนคันเกียร์โดยไม่ถอยหลังก่อน ล้อจะไม่ถูกตัดการส่งกำลังงาน ซึ่งจะทำให้เกิดการสึกหรอและการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub

ระบบพาร์ทไทม์แบบไฟฟ้า ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบไฟฟ้าจะใช้ วงจรไฟฟ้าช่วยในการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ หรือจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็น 2 ล้อ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบนี้จะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ที่ใช้สำหรับเลือกระบบขับเคลื่อน วงจรไฟฟ้าก็จะทำหน้าที่ตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ที่ล้อหน้าทันที ชุดควบคุมแบบไฟฟ้ามีข้อดี คือ
เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อได้ทันที

2. แบบฟลูไทม์ (Full Time)
เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบตลอดเวลา มีข้อดีคือ เกาะถนนดีมาก โดยเฉพาะเวลาเข้าโค้งแรงๆ หรือเวลาฝนตกถนนลื่น การออกตัวเวลาแข่งก็ไม่ต้องกลัวว่าล้อจะฟรีทิ้งมาก ทำให้ออกตัวได้ดีกว่ารถระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่นํ้าหนักและความแรงของเครื่องเท่ากัน แต่ก็มีข้อเสียคือ ยางสึกหรอเร็ว กินนํ้ามันมากกว่ารถระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่นํ้าหนักและความแรงของเครื่องเท่ากัน เพราะต้องถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ทั้ง 4 ล้อ โดยแบ่งเป็นล้อละ 25 เปอร์เซนต์ ซึ่งไม่เหมือนกับระะบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ต้องถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์แค่ 2 ล้อ โดยแบ่งเป็นล้อละ 50 เปอร์เซนต์ หรืออื่นๆแล้วแต่ละค่ายรถกำหนด เช่น หน้าหลัง 30/70 หรือ 50/50 ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละค่ายรถ และแบ่งไปล้อแต่ละข้างได้อีก

3. แบบเรียลไทม์ (Real Time)
เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบอัตโนมัติ หรือ มีการถ่ายทอดแรงบิดของล้อหน้ากับล้อหลังให้สัมพันธ์กัน โดยจะมีเซนเซอร์คอยตรวจจับความเร็วของล้อคู่หน้ากับคู่หลังเมื่อมีล้อใดล้อหนึ่งมีการลื่นไถลหรือฟรีทิ้งเวลาออกตัวแรงๆ มีข้อดีคือ ประหยัดนํ้ามันกว่าแบบฟลูไทม์ เกาะถนนได้ดีเหมือนกับฟลูไทม์ โดยเฉพาะเวลารถวิ่ง ระบบถ่ายทอดแรงบิดทั้ง 4 ล้อ จะแบ่งแรงบิดของกำลังเครื่องยนต์ให้กับล้อคู่หน้ากับคู่หลังดังนี้ ระบบขับเคลื่อนจะแบ่งกำลังส่วนใหญ่ไปที่ล้อหลังเสมอ แต่ถ้าเวลาออกตัวแรงๆ ล้อหลังจะมีการฟรี ระบบก็จะถ่ายทอดแรงบิดที่ล้อหน้าด้วย เริ่มตั้งแต่ 50 เปอร์เซนต์หรือตํ่ากว่านั้นขึ้นอยู่กับความเร็วและกำลังของเครื่องยนต์ แต่เมื่อรถวิ่งได้ความเร็วซักระยะหนึ่งระบบก็จะลดกำลังขับเคลื่อนของล้อหน้าลงมาจนเกือบ 0 เปอร์เซนต์ หรือล้อหน้าไม่ฟรีแล้ว สาเหตุที่ต้องถ่ายทอดกำลังส่วนใหญ่ไปที่ล้อหลังก็เพราะว่านํ้าหนักของรถเวลาวิ่งจะตกลงที่ล้อหลังเป็นส่วนใหญ่ การควมคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อนแบบนี้ ก็จะมีการใช้กล่องสมองกลควบคุมและแบบใช้ระบบเกียร์ที่ควบคุมแรงบิดได้ด้วยตัวเอง

ขอบคุณครับ ชัดเจนมากครับ
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: ^Yimm@^ ที่ เมษายน 04, 2012, 00:12:37
ความเห็นผมนะครับ ขับสี่คืออยากได้ความมั่นใจในโค้ง การออกตัว เพราะรถมันแรงม้า บิดเยอะ
แต่ถามว่าแล้วทำไมไม่ทำขับสี่ให้หมดหล่ะ ทำไมมีต้องทำขับหลัง ผมว่าคนพวกนี้คือชอบขับรถที่ท้ายออก ชอบแก้อาการรถ ประมาณนี้อ่ะครับ
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: crucifixzz ที่ เมษายน 04, 2012, 08:41:53
TTS เป็น haldex นะครับ ไม่ใช่ torsen ดังนั้น TTS จึงเปรียบได้เหมือนกับรถ ขับ 2 จนถึงเวลามีการ slip เกิน 5องศา (ตัวเลขไม่ชัวร์) ถึงจะขับ 4 ครับ
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: LimitedEdition ที่ เมษายน 04, 2012, 12:16:09
ต้องลองเอา Im กับ GT-86 วิ่งเข้าโค้ง พร้อมกัน
พอถึงกลางโค้ง พ้น Apex ปั๊บ กระทืบคันเร่งเต็มออกไปทั้งคู่

Im พุ่งออกไปเป็นธนูด้วย Traction จากล้อทั้งสี่ที่ตะกายพารถออกจากโค้ง
ในขณะที่คนขับ GT-86 คง Countersteer มือเป็นระวิง หรือไม่ก็หมุนคว้างไปแล้วครับ
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: HIGHSEA ที่ เมษายน 04, 2012, 12:49:33
ต้องลองเอา Im กับ GT-86 วิ่งเข้าโค้ง พร้อมกัน
พอถึงกลางโค้ง พ้น Apex ปั๊บ กระทืบคันเร่งเต็มออกไปทั้งคู่

Im พุ่งออกไปเป็นธนูด้วย Traction จากล้อทั้งสี่ที่ตะกายพารถออกจากโค้ง
ในขณะที่คนขับ GT-86 คง Countersteer มือเป็นระวิง หรือไม่ก็หมุนคว้างไปแล้วครับ
Like ครับ ผมยังคิดอยู่ครับว่าถ้า 86 ใส่ EJ 20 แล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าทำขับสี่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: Tuna ที่ เมษายน 04, 2012, 13:14:39
ต้องลองเอา Im กับ GT-86 วิ่งเข้าโค้ง พร้อมกัน
พอถึงกลางโค้ง พ้น Apex ปั๊บ กระทืบคันเร่งเต็มออกไปทั้งคู่

Im พุ่งออกไปเป็นธนูด้วย Traction จากล้อทั้งสี่ที่ตะกายพารถออกจากโค้ง
ในขณะที่คนขับ GT-86 คง Countersteer มือเป็นระวิง หรือไม่ก็หมุนคว้างไปแล้วครับ
+1
เห็นภาพเลย  ;D
หัวข้อ: Re: คำถามครับ รถสปอร์ตขับสี่มีดีอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: oun ที่ เมษายน 04, 2012, 17:21:46
ต้องลองเอา Im กับ GT-86 วิ่งเข้าโค้ง พร้อมกัน
พอถึงกลางโค้ง พ้น Apex ปั๊บ กระทืบคันเร่งเต็มออกไปทั้งคู่

Im พุ่งออกไปเป็นธนูด้วย Traction จากล้อทั้งสี่ที่ตะกายพารถออกจากโค้ง
ในขณะที่คนขับ GT-86 คง Countersteer มือเป็นระวิง หรือไม่ก็หมุนคว้างไปแล้วครับ
รถผมขับหลัง ไม่เคยกล้ากระทืบในโค้งเลย กลัวหมุน