ราคาขายปลีกรถยนต์ควรปรับราคาให้ถูกลง
แต่ควรปรับเพิ่มในส่วนของการต่อภาษีประจำปี-เบี้ยประกันรายปีแทนนะครับ
เมื่อรถยนต์ราคาถูกก็จะเกิดแรงจูงใจในการซื้อมากขึ้น
ทีนี้รัฐก็จะมีรายได้จากการต่อภาษีรถยนต์รายปีที่ประชาชนจะต้องจ่ายรายปีต่อปีในระยะยาวไปอีกนานจนกว่าจะเลิกใช้รถนั่นล่ะครับ
บริษัทรถขายได้มากเท่าไหร่ ซัพพลายเออร์ก็มีรายได้มากขึ้นเท่านั้น รัฐก็จะมีรายได้เพิ่มจากการเก็บภาษีโรงงานมากขึ้นอีกในระยะยาวนะครับ
รวมถึงในส่วนของภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงและอื่นๆจิปาถะที่ผู้ซื้อรถจะต้องจ่าย ฯลฯ
ถ้าทำได้ก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนนะครับ ตั้งแต่ผู้ผลิตถึงผู้บริโภค
ภาครัฐก็จะมีรายได้จากการเก็บภาษีระยะยาว
การขึ้นราคาขายปลีกรถยนต์เพียงอย่างเดียวจึงยังไม่น่าจะเป็นคำตอบ
แต่กลับจะฉุดรั้งให้กำลังซื้อลดต่ำลงนะครับ
ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เมืองนอกเค้าทิ้งรถไวเพราะค่าแรงมันแพงครับ เกิน5ปีก็ไม่อยากซ่อมกันแล้ว ยิ่งรถเกิน15ปีนี่แทบจะยกให้กันฟรีๆเลย
แต่บ้านเราค่าแรงมันถูกจะซ่อมรถทั้งทีใช้เงินไม่เท่าไหร่โดยเฉพาะรถเจ้าตลาด กลุ่มรากหญ้าก็สามารถซื้อรถมือสองมาซ่อมใช้กันต่อได้ แล้วรถตลาดบ้าน
เรามีอะไหล่ตั้งแต่ของก็อป ของเทียบ ยันของแท้ อะไหล่เจ้าตลาดก็ราคาไม่แพง
การเก็บภาษีแพงๆสำหรับรถเก่าอาจจะเป็นปัญหาสำหรับกลุ่มรากหญ้าที่ถึงแม้จะลดราคารถใหม่เพื่อเน้นให้ซื้อมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะซื้อไหว
อยู่ดี การลดราคาแบบนี้จึงดูเหมือนทำมาเพื่อกลุ่มคนชั้นกลางโดยเฉพาะ กลุ่มเศรษฐีคงไม่กระทบอะไรอยู่แล้ว ที่เมืองนอกมันมีความห่างชั้นของคนน้อย
กว่าบ้านเราครับ แค่เด็กเสริฟก็สามารถมีรายได้อย่างต่ำ100$ต่อวัน การลดราคาขายปลีกรถยนตร์แล้วไปเพิ่มการต่อภาษีประจำปีเลยสามารถทำได้ในต่าง
ประเทศ เอาง่ายๆลองมองรถกระบะsingle cab บ้านเรา ราคาขายแทบจะถูกที่สุดในโลกแล้วครับราคานี้ ภาษีนี่แทบจะไม่เก็บเลย ต่อภาษีประจำปีก็ถูก
กว่าเมืองนอก เกษตรกรบ้านเรายังจะซื้อไม่ค่อยไหวเลยครับ ตามต่างจังหวัดยังใช้รถกระบะเก่าๆกันอยู่เลย หรือถ้าจะซื้อก็ต้องผ่อนเอา แนวคิดที่คุณบอก
มามันทำได้ในต่างประเทศ เพราะปัจจัยหลายๆอย่างมันเอื้ออำนวยครับ แต่บ้านเราผมว่ายังไม่พร้อม