Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: jaesz ที่ ตุลาคม 10, 2017, 10:39:03
-
ผมนั่งๆดูMAPของรถ (รถBMW,MINI) หลายๆรุ่น ที่เดิมๆจากโรงงาน
มันแทบจะเน้นไปทางประหยัดที่สุดในทุกโหมดแล้ว ถ้าจะแอดวานซ์ไทม์มิ่งไปมากกว่านี้ ก็คงไม่ประหยัดเท่าไหร่ และส่อแววจะพังมากไปอีก
ไปอ่านเจอท่านนึงในเฟสที่REMAP มา บอกว่าจากรถที่ใช้อยู่ 15กม/ลิตรกลายเป็น 22กม/ลิตร แรงขึ้นอีกทุกย่าน
ฟังดูแล้วมันขัดๆ
มันจะเป็นไปได้ไหมครับ?
-
ถ้า 15 เป็น 22 นี่เวอร์แน่นอนครับ ถ้า 15 เป็น 16-17 ยังพอเป็นไปได้ในบางกรณี
ส่วนใหญ่ถ้าจูนเนอร์เก่งๆ หน่อย Cruising จะกินน้ำมันน้อยลงครับ ดูที่หน้าปัดได้ จะบวกขึ้นมาราวๆ 1 km/l แต่เวลาเร่งออกตัวมันก็กินเยอะกว่าเดิมเพราะเครื่องมันเร่งมาก สุดท้ายถัวๆ มันก็ประหยัดเท่าๆ เดิม
-
ส่วนตัวนะครับ ผมว่าทำได้แต่คงต้องเป็นแบบที่โรงงานทำ
แต่ถ้าเป็นการโมดิฟายเพิ่มเติมจากข้างนอก ผมว่าคงจะไม่ได้ เพียงแต่จะรู้สึกใช้น้ำมันได้คุ้มขึ้นมากกว่าจากอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นมากกว่าละครับ
-
รุ่นอื่นๆ ไม่รู้ แต่ Lancer ex ล่ะก็ทำได้ เพราะของเดิมมันโง่มากๆ แต่ก็ไม่ได้แรงและประหยัดเว่ออะไรขนาดนั้น :-\
-
อ่านแล้วรู้สึกถึง โช๊คนุ่มหนึบขึ้นมาทันที ฉันใดฉันนั้น
-
ผมว่ามโน
เต็มที่เลยให้ไม่เกิน 1-2 โลลิตร ที่ประหยัดขึ้นนะครับ
ผมลองมาแล้วกับรถตัวเองครับ แต่ไม่ใช้เจ้าที่โม้ว่าประหยัดขึ้นหลาย %
-
รถหลายรุ่น map ที่มาจากโรงงานยังจูนหนาอยู่พอสมควรนะครับรวมไปถึงช่วงรอบต่ำหรือไม่มี load ซึ่งคนจูนสามารถปรับให้บางลงได้อีก แต่คงไม่ประหยัดขึ้นขนาดนั้น ผมว่ารถสมัยใหม่อย่างมากก็ทำได้ 5%
-
เท่าที่เคยไปลองจูนรถ BMW 320 E92
รถยุโรป นำเข้ามาประกอบในไทย ฉะนั้นกล่อง ECU กราฟต่างๆ ถูกจูนมาจาก เมืองนอก
ไม่ได้มาวิ่งทดสอบในไทยแล้วจูน Real time แบบรถ ญี่ปุ่น
การ ReMap ก็แล้วแต่ความสามารถคนจูน
ที่เคยทำแค่เกลี่ยกราฟ น้ำมันหนาไป อากาศหนาไป ก็เกลี่ยๆ ให้มันพอดี
ฉะนั้นแล้ว ในความเร็วที่เท่ากัน รอบที่เท่ากัน ก็ใช้น้ำมันน้อยกว่า = ประหยัด
แรงม้า ทอร์ค ก็มากขึ้นล่ะ แต่ 15 ไป 22 แรงโม้เยอะไปหน่อย ::)
-
แต่ละท่านที่มาช่วยตอบนี่ สายแรงเลย555
สรุปได้ว่าคนนั้นเขามโนแน่ๆ
หรือใครทำได้จริงๆ จาก 15km/l แรงขึ้นประหยัดขึ้นเป็น2x km/l รบกวนเฉลยมา ไม่งั้นผมจะถือว่าว่าท่านมโน
-
รถผม 2.0T ยุโรป
ก่อนจูน ขับปกติ: 12km/l อัดรถ: 8-9 km/l
หลังจูน: 13km/l อัดรถ: 6-8 km/l
ประมานๆ ครับผม
-
ถ้าต้องการประหยัด ให้หัดเหยี่ยบคันเร่งเบา ๆ ครับ
ถ้าต้องการแรง ก็ไปรีแมพครับ
เพราะถ้ารีแมพมาแล้วขับมันส์ มันจะกินน้ำมันกว่าเดิมครับ อิอิ
-
;) ค่าจากโรงงานผมว่าเค้าทำมาเฉลี่ยๆให้วิ่งได้ทุกสภาำภูมิอากาศหรือปล่าวครับ
พอไปจูน ณ เวลานั้น อากาศตอนนั้น มันก็ประหยัดขึ้น ในสภาพแวดล้อมตอนนั้น
แต่พอไปเจอสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปค่าที่จูนไว้มันอาจจะส่งผลให้แย่ลงก็เป็นได้ครับ
ส่งสัยมานานเหมือนกัน แรงขึ้นประหยัดขึ้น มันขัดๆกันยังไงไม่รู้ แค่เอาไปตั้งค่าใหม่
แรงขึ้นอ่ะได้แน่นอน
เคยเห็นเจ้านึง Remap กระบะ จากเดิม 160 ม้า เพิ่มไปถึง 200 ม้าเลย
มันขนาดนั้นเลยหรอครับ??? แถมประหยัดขึ้นอี๊ก
-
ทำได้ก็ดีสิครับ ผมจะได้ไม่ต้องซื้อรถใหม่
จะได้เอารถเก่าไปทำ
-
... ลด safety margin ลง จ่ายน้ำมันบางลงหน่อย คงพอจะช่วยได้บ้าง แต่ไม่น่าจะขนาด 15>22 .. ถ้าทำได้จริงๆ และไม่มีผลกับการใช้งานจริง บริษัทรถสมควรไล่วิศวกรคนที่ทำ file เดิมออก ;D
ปล. ถ้าจะทำให้ได้จริงๆ อาจต้องประมาณลด target boost ช่วงรอบไม่สูงมากและตำแหน่งคันเร่งไม่ลึก (ช่วง cruise จะได้ประหยัดสุดๆ) แล้วช่วงกดคันเร่งหนักๆค่อยเพิ่ม target boost ... ซึ่งต่อให้ทำได้ ขับจริงไม่น่าจะโอเคเท่าไหร่
-
คนที่ไปทำส่วนมากน่าจะเน้นให้แรงขึ้น เรื่องความประหยัดน่าจะเป็นผลพวงจากแรงบิด ที่มาเร็วขึ้น แรงม้าที่มากขึ้น
เหยียบเท่าเท่าเดิมแต่รถไปได้ดีกว่าเดิม = ประหยัด
เหยียบมากกว่าเดิมเพราะรถมันแรงขึ้น มันกว่าเดิม = ซด น้ำมัน (ส่วนมากเน้นเอาขับมัน ลากรอบได้สูงขึ้น สับเกียร์ได้มันขึ้น... และเครื่องกับเกียร์ก็จะอายุสั้นลง)
ที่สำคัญราคาถูกกว่าพวงกล่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ ฝีมือคนจูนครับ ผมเองก็ว่าว่าจะลองเหมือนกัน กำลังหาข้อมูลช่างจูนอยู่..
-
ถ้าเป็นรถเครื่องยนต์เทอร์โบ รีแมพเพิ่มแรงดันเทอร์โบ คือเพิ่มอากาศเข้าไปในกระบอกสูบให้มากขึ้น
แล้วเพิ่มการฉีดน้ำมันเข้าไปอีก เครื่องยนต์แรงขึ้น เวลาขับใช้งานกดคันเร่งน้อยลง ย่อมประหยัดขึ้นแน่นอนครับ
แต่จุดเสี่ยง อยู่ที่ แรงดันเทอร์โบที่ปรับเพิ่ม ชิ้นส่วนเครื่องยนต์รองรับได้ขนาดไหน ระบบระบายความร้อนระบายได้เพียงพอหรือไม่ครับ
ส่วนมากรถยุโรปทางโรงงานทำเครื่องยนต์เผื่อมาแล้ว เครื่องบางตัวจูนรถรุ่นนี้ให้แรงม้า ขนาดนี้ พอไปใส่อีกรุ่น จูนให้แรงขึ้นอีกระดับทั้งที่เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันก็มีเยอะครับ
-
... ลด safety margin ลง จ่ายน้ำมันบางลงหน่อย คงพอจะช่วยได้บ้าง แต่ไม่น่าจะขนาด 15>22 .. ถ้าทำได้จริงๆ และไม่มีผลกับการใช้งานจริง บริษัทรถสมควรไล่วิศวกรคนที่ทำ file เดิมออก ;D
ปล. ถ้าจะทำให้ได้จริงๆ อาจต้องประมาณลด target boost ช่วงรอบไม่สูงมากและตำแหน่งคันเร่งไม่ลึก (ช่วง cruise จะได้ประหยัดสุดๆ) แล้วช่วงกดคันเร่งหนักๆค่อยเพิ่ม target boost ... ซึ่งต่อให้ทำได้ ขับจริงไม่น่าจะโอเคเท่าไหร่
555
ผมคิดเหมือนกันตรงที่ไล่วิศวกรคนนั้นออกเลยดีกว่า แบบนั้นจริงๆ ถ้าแค่ Remapแล้วประหยัดได้เท่านั้นจริงต้องมีคนสมควรโดนไล่ออก
-
รถผม 2.0T ยุโรป
ก่อนจูน ขับปกติ: 12km/l อัดรถ: 8-9 km/l
หลังจูน: 13km/l อัดรถ: 6-8 km/l
ประมานๆ ครับผม
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยใช่ไหมครับที่ว่ามานี่? ไม่ใช่นอกเมืองแช่คงที่
-
ถ้าเป็นรถเครื่องยนต์เทอร์โบ รีแมพเพิ่มแรงดันเทอร์โบ คือเพิ่มอากาศเข้าไปในกระบอกสูบให้มากขึ้น
แล้วเพิ่มการฉีดน้ำมันเข้าไปอีก เครื่องยนต์แรงขึ้น เวลาขับใช้งานกดคันเร่งน้อยลง ย่อมประหยัดขึ้นแน่นอนครับ
แต่จุดเสี่ยง อยู่ที่ แรงดันเทอร์โบที่ปรับเพิ่ม ชิ้นส่วนเครื่องยนต์รองรับได้ขนาดไหน ระบบระบายความร้อนระบายได้เพียงพอหรือไม่ครับ
ส่วนมากรถยุโรปทางโรงงานทำเครื่องยนต์เผื่อมาแล้ว เครื่องบางตัวจูนรถรุ่นนี้ให้แรงม้า ขนาดนี้ พอไปใส่อีกรุ่น จูนให้แรงขึ้นอีกระดับทั้งที่เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันก็มีเยอะครับ
คนที่ไปทำส่วนมากน่าจะเน้นให้แรงขึ้น เรื่องความประหยัดน่าจะเป็นผลพวงจากแรงบิด ที่มาเร็วขึ้น แรงม้าที่มากขึ้น
เหยียบเท่าเท่าเดิมแต่รถไปได้ดีกว่าเดิม = ประหยัด
เหยียบมากกว่าเดิมเพราะรถมันแรงขึ้น มันกว่าเดิม = ซด น้ำมัน (ส่วนมากเน้นเอาขับมัน ลากรอบได้สูงขึ้น สับเกียร์ได้มันขึ้น... และเครื่องกับเกียร์ก็จะอายุสั้นลง)
ที่สำคัญราคาถูกกว่าพวงกล่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ ฝีมือคนจูนครับ ผมเองก็ว่าว่าจะลองเหมือนกัน กำลังหาข้อมูลช่างจูนอยู่..
ผมอ่านแล้ว งง
คือสรุปว่าจาก15กม/ลิตร ไปเป็น 22กม/ลิตรได้หรือครับ? ที่บอกประหยัดขึ้นน่ะ
-
;) ค่าจากโรงงานผมว่าเค้าทำมาเฉลี่ยๆให้วิ่งได้ทุกสภาำภูมิอากาศหรือปล่าวครับ
พอไปจูน ณ เวลานั้น อากาศตอนนั้น มันก็ประหยัดขึ้น ในสภาพแวดล้อมตอนนั้น
แต่พอไปเจอสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปค่าที่จูนไว้มันอาจจะส่งผลให้แย่ลงก็เป็นได้ครับ
ส่งสัยมานานเหมือนกัน แรงขึ้นประหยัดขึ้น มันขัดๆกันยังไงไม่รู้ แค่เอาไปตั้งค่าใหม่
แรงขึ้นอ่ะได้แน่นอน
เคยเห็นเจ้านึง Remap กระบะ จากเดิม 160 ม้า เพิ่มไปถึง 200 ม้าเลย
มันขนาดนั้นเลยหรอครับ??? แถมประหยัดขึ้นอี๊ก
ค่าจากโรงงานของรถยุโรปประกอบใน ไม่เหมือนของประกอบนอกครับ เขาแบ่งSoftware และflag ในโปรแกรมมีCriteria On/off ไม่เท่ากัน
ถ้าบอกว่าให้วิ่งได้ทุกค่าอากาศตามแผ่นดินนั้นๆหรือทวีปนั้นๆก็ใช่ครับ เพราะข้ามทวีปมาก็มี softwareที่ต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว
-
จริงเรื่องรถแรงขึ้น = เหยียบน้อยลง = ประหยัดขึ้น นั้นถ้าอํิบายให้รัดกุมจริงๆ ต้องบอกว่าไม่ถูกต้องทั้งหมดครับ เพราะการที่รถจะแรงขึ้นต้องจ่ายน้ำมันเพิ่ม (ยกเว้น advance ไฟ)
เหตุที่รถแรงขึ้นแล้วประหยัดขึ้นได้ เพราะ close loop / open loop ครับ ... รถไม่แรง อยากได้อัตราเร่งดี ต้องเหยียบคันเร่งลึก ระบบ เข้า open loop ซึ่งจ่ายน้ำมันหนา ... พอรถแรงขึ้น จะให้ได้อัตราเร่งเท่าเดิม จะเหยียบน้อยลง ระบบอาจจะยังอยู่ใน close loop ที่ประหยัดน้ำมันกว่า
-
คนที่ไปทำส่วนมากน่าจะเน้นให้แรงขึ้น เรื่องความประหยัดน่าจะเป็นผลพวงจากแรงบิด ที่มาเร็วขึ้น แรงม้าที่มากขึ้น
เหยียบเท่าเท่าเดิมแต่รถไปได้ดีกว่าเดิม = ประหยัด
เหยียบมากกว่าเดิมเพราะรถมันแรงขึ้น มันกว่าเดิม = ซด น้ำมัน (ส่วนมากเน้นเอาขับมัน ลากรอบได้สูงขึ้น สับเกียร์ได้มันขึ้น... และเครื่องกับเกียร์ก็จะอายุสั้นลง)
ที่สำคัญราคาถูกกว่าพวงกล่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ ฝีมือคนจูนครับ ผมเองก็ว่าว่าจะลองเหมือนกัน กำลังหาข้อมูลช่างจูนอยู่..
น่าจะประมาณนี้ครับ
ผมก็ใช้รีแมปอยู่แต่เน้นประหยัด.....โคลสลูปประหยัดจริง....แต่โอเพนลูปก็แดกจริงๆ
หลายๆท่านมองเฉพาะน้ำมันซึ่งไม่ใช่....แฟคเตอร์ในการจูนที่ส่งผลหลักๆมี
1.อัตราส่วนผสมของอากาศ/น้ำมัน
2.องศาไฟจุดระเบิด...(ตัวนี้สำคัญมาก)
3.แรงอัดในกระบอกสูบเรโชยิ่งสูงยิ่งประหยัด.........แต่จัดการยาก
ใน3ตัวแปรผันแบบผกผันกันอยู่
รถผม2.3tใช้lpgเป็นเชื้อเพลิงหลัก....ใช้องศาไฟจุดระเบิดของอี85....
โคลสลูป...10กม./ลิตร(แก๊ส)....โอเพ่น6กม./ลิตร
ปล.อ่านยากหน่อยมันเว้นวรรคไม่ได้ไม่รูเป็นอันหยัง.......
-
รถยุโรป หรือ รถอื่นนอกเหนือจากที่ผมใช้ "ผมไม่รู้"
แต่ DMAX 2.5 หัวจรวด หลังรีแมพมา มันก็แรงขึ้น ประหยัดขึ้นจริงๆ เห็นๆ ไม่ต้องมโน
ตามไปอ่านได้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0)
แต่ของผมไม่เน้นสเตปแรงที่สุด แค่สเตปอนุบาล ขอแค่มันแก้ไขอาการอืดได้ และควันต้องไม่ดำ
อัตราการกินน้ำมัน ใน step ที่ผม remap ผมทำตามสูตร HLM คือ วิ่ง 110 กม./ชม. แอร์ auto 25C
ก่อน Remap - 12.8 กม./ลิตร
หลัง Remap - 13.4 กม./ลิตร
อัตราการกินน้ำมันที่ 110 กม./ชม. ประหยัดขึ้น 0.6 กม./ลิตร
อัตราเร่งแซงดีขึ้น คันเร่งเบาขึ้น ขับในเมืองง่ายขึ้น ไม่ต้องกดเยอะ ควันไม่ดำ ทุกอย่างๆ ยังเป็นไปตาม STD โรงงาน
รถกระฉับกระเฉงกว่าเดิมเยอะ รอรอบน้อยลงเยอะ แรงขึ้น แต่กลับประหยัดมากกว่าเดิม
-
ผมว่าประหยัดขึ้นคงจะไม่อ่ะครับ แต่แรงขึ้นมันแรงอยู่แล้ว อย่างผมไปใส่ชุด JCW Tuning Kit มา Cat-Back ใหม่ทั้งเส้น+Flash ECU ได้ม้าเพิ่ม 19ตัว ขับเหมือนเดิมก็กินน้ำมันเท่าเดิมครับพี่ วิ่ง 110-120 ต่างจังหวัด Mid-Mode อัตรากินเชื้อเพลิงได้ที่ 18km/L(ผมดูจากจอรถที่มัน Real Time) ซึ่งก็เท่าๆกับตอนก่อนเอารถไปทำครับ แต่ถ้าอัดๆ+ Sport Mode ไม่ได้อัตรานี้แน่นอนครับ
-
รถยุโรป หรือ รถอื่นนอกเหนือจากที่ผมใช้ "ผมไม่รู้"
แต่ DMAX 2.5 หัวจรวด หลังรีแมพมา มันก็แรงขึ้น ประหยัดขึ้นจริงๆ เห็นๆ ไม่ต้องมโน
ตามไปอ่านได้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0)
แต่ของผมไม่เน้นสเตปแรงที่สุด แค่สเตปอนุบาล ขอแค่มันแก้ไขอาการอืดได้ และควันต้องไม่ดำ
อัตราการกินน้ำมัน ใน step ที่ผม remap ผมทำตามสูตร HLM คือ วิ่ง 110 กม./ชม. แอร์ auto 25C
ก่อน Remap - 12.8 กม./ลิตร
หลัง Remap - 13.4 กม./ลิตร
อัตราการกินน้ำมันที่ 110 กม./ชม. ประหยัดขึ้น 0.6 กม./ลิตร
อัตราเร่งแซงดีขึ้น คันเร่งเบาขึ้น ขับในเมืองง่ายขึ้น ไม่ต้องกดเยอะ ควันไม่ดำ ทุกอย่างๆ ยังเป็นไปตาม STD โรงงาน
รถกระฉับกระเฉงกว่าเดิมเยอะ รอรอบน้อยลงเยอะ แรงขึ้น แต่กลับประหยัดมากกว่าเดิม
0.6 กม แค่ลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ก็มีผลแล้ว
แล้วถ้าลองจับการกินน้ำมันในระยะทางสั้นๆ กดหนักๆทีสองที 0.6 ก็หายไปแล้ว
-
ก่อนจะคิดว่าจริงไหม ต้องถามว่า วัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการเติมจริงไหม ก่อนครับ ;D ;D ;D
เพราะถ้าดูจากจอในรถ มันก็เพี้ยนทั้งนั้นแหละครับ ยิ่งพอไปรีแมพแล้ว เพี้ยนนนนนหนักเลยครับ
เอาง่ายๆ Focus diesel ใส่ดันราง ขับดีๆ จอนี่โชว์ได้ถึง 3.8 L/100km เลยครับ แต่เติมจริงได้แค่ แตะๆ20 นี่ขับแบบไม่ได้แข่งประหยัดเอาถ้วยนะครับ แค่ช้าลงหน่อย ;D ;D ;D ;D
-
รถผม 2.0T ยุโรป
ก่อนจูน ขับปกติ: 12km/l อัดรถ: 8-9 km/l
หลังจูน: 13km/l อัดรถ: 6-8 km/l
ประมานๆ ครับผม
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยใช่ไหมครับที่ว่ามานี่? ไม่ใช่นอกเมืองแช่คงที่
อันนี้คงที่ ประมาน 100-130 ความเร็วปกติใช้งานครับ ได้ประมานนี้
ถ้าในเ้มืองนี้ 8-9 ไปเลยครับ
-
ประเด็นที่ผมถามคือ ประหยัดขึ้นแบบ15 ไป 20 นะครับ
เรื่องประหยัดขึ้น 1-2 km/l แล้วแรงขึ้น ผมยังไม่เคยได้พิสูจน์เองจริง ๆ เช่นกัน แต่ถ้าให้คิด มันก็พอจะเกิดขึ้นได้กับการแก้ไขให้Lean ในบางช่วงของMAP แต่ อันนี้ไม่ขอกล่าว น้นประเด็นที่ถามดีกว่า เพราะประหยัดแค่ 1-2km/lขึ้นมา ผมก็Reset Adaptation มันก็ได้มาอยู่แล้ว แต่ไม่แรงขึ้นแค่นั้นเอง 555
เน้น ๆ นะครับ 15ไปเป็น22 หรือจะเป็น 20 เลยก็ได้ ลดให้
อุ๊ย ผมไม่แน่ใจว่าเห็นคนที่ช่วยพี่ในเฟสคุยว่าเป็นไปได้มาตอบ ถ้าใช่คนเดียวกันและถ้ายังยืนยันว่าได้ 15 เป็น 22 แบบนี้ผมขอพิสูจน์จะได้ไหม
-
รถผม 2.0T ยุโรป
ก่อนจูน ขับปกติ: 12km/l อัดรถ: 8-9 km/l
หลังจูน: 13km/l อัดรถ: 6-8 km/l
ประมานๆ ครับผม
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยใช่ไหมครับที่ว่ามานี่? ไม่ใช่นอกเมืองแช่คงที่
อันนี้คงที่ ประมาน 100-130 ความเร็วปกติใช้งานครับ ได้ประมานนี้
ถ้าในเ้มืองนี้ 8-9 ไปเลยครับ
อ่อ 130ผมนึกว่าขับเล่น ๆ100-110 กับTTs แล้วได้แค่นั้น
-
แรงโม้ล้วนๆเลย จาก 15โล เป็น 20 เนี่ย cx3 ผมแฟรชมา ประหยัดขึ้นอย่างมากก็แค่เพิ่มมา 1ลิตร เอง มีแฟรช ปลายท่อ กลองผ้า อัตราเร่งดีขึ้นจริง แต่การประหยัดนี่ เล็กๆน้อยๆ
-
ก่อนจะคิดว่าจริงไหม ต้องถามว่า วัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการเติมจริงไหม ก่อนครับ ;D ;D ;D
เพราะถ้าดูจากจอในรถ มันก็เพี้ยนทั้งนั้นแหละครับ ยิ่งพอไปรีแมพแล้ว เพี้ยนนนนนหนักเลยครับ
เอาง่ายๆ Focus diesel ใส่ดันราง ขับดีๆ จอนี่โชว์ได้ถึง 3.8 L/100km เลยครับ แต่เติมจริงได้แค่ แตะๆ20 นี่ขับแบบไม่ได้แข่งประหยัดเอาถ้วยนะครับ แค่ช้าลงหน่อย ;D ;D ;D ;D
เข้าใจว่าไม่น่าเพี้ยนนะครับ เนื่องจากระบบจะ Reset ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ไม่ใช่เป็นอัตรากินน้ำมันที่เฉลี่ยมาเรื่อยๆ แล้วก็อีกอย่าง ผมเข้าใจว่าท่านเจ้าของกระทู้น่าจะหมายถึง BMW หรือ MINI น่ะครับ
-
รถยุโรป หรือ รถอื่นนอกเหนือจากที่ผมใช้ "ผมไม่รู้"
แต่ DMAX 2.5 หัวจรวด หลังรีแมพมา มันก็แรงขึ้น ประหยัดขึ้นจริงๆ เห็นๆ ไม่ต้องมโน
ตามไปอ่านได้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0)
แต่ของผมไม่เน้นสเตปแรงที่สุด แค่สเตปอนุบาล ขอแค่มันแก้ไขอาการอืดได้ และควันต้องไม่ดำ
อัตราการกินน้ำมัน ใน step ที่ผม remap ผมทำตามสูตร HLM คือ วิ่ง 110 กม./ชม. แอร์ auto 25C
ก่อน Remap - 12.8 กม./ลิตร
หลัง Remap - 13.4 กม./ลิตร
อัตราการกินน้ำมันที่ 110 กม./ชม. ประหยัดขึ้น 0.6 กม./ลิตร
อัตราเร่งแซงดีขึ้น คันเร่งเบาขึ้น ขับในเมืองง่ายขึ้น ไม่ต้องกดเยอะ ควันไม่ดำ ทุกอย่างๆ ยังเป็นไปตาม STD โรงงาน
รถกระฉับกระเฉงกว่าเดิมเยอะ รอรอบน้อยลงเยอะ แรงขึ้น แต่กลับประหยัดมากกว่าเดิม
0.6 กม แค่ลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ก็มีผลแล้ว
แล้วถ้าลองจับการกินน้ำมันในระยะทางสั้นๆ กดหนักๆทีสองที 0.6 ก็หายไปแล้ว
ข้อจำกัดของการทดสอบ ที่สามารถควบคุมได้ ต้องเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ลมยาง, อุณหภูมิแอร์
ที่ไม่สามารถควบคุมได้ คือ กระแสลม การจราจร อุณหภูมิภายนอก
แล้วที่ลองเป็นทางไกล ตจว. ระยะทางประมาณ 200 กม. เส้นทางเดียวกัน จับแบบเดียวกัน HLM ทุกประการ เติมเต็มถังแล้วเขย่า
และยังวิ่งมากกว่าด้วยเพราะ ทดสอบค่า 3 ครั้ง แล้วมาหาค่าเฉลี่ย ในสภาพการจราจรคล่องตัว
เข้าใจคำว่า ขับในสภาพปกติ วิ่งที่ความเร็ว 110 กม./ชม.ไหม??
ไม่มีใครขับในสภาพปกติ วิ่งที่ความเร็ว 110 กม./ชม. แล้วเขากดหนักๆ "ทำแพะ" อะไรหรอก (มันเป็นความเร็วลอยลำ ความเร็วเพื่อการเดินทาง)
วิ่งแบบคนปกติวิ่ง เร่งขึ้นแบบคนทั่วไปทำ ให้เกียร์มันเปลี่ยนปกติแบบที่มันควรจะเป็น อันนี้เรียก "ปกติ"
-
ขับตามปกติ ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม
ขับมัน กดบ้าง ไม่ประหยัดน้ำมันอยู่แล้วครับ
-
ไม่แน่ใจครับ ในสถานการณ์แบบเขา ตัวเขารถเขา เขาอาจจะทำได้ก็ได้ครับ ไม่มีใครทราบได้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
แต่ในสถานการณ์แบบผม ตัวผมรถผม ได้ราวๆ 1 โลลิตร+- ครับ
-
ก่อนจะคิดว่าจริงไหม ต้องถามว่า วัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการเติมจริงไหม ก่อนครับ ;D ;D ;D
เพราะถ้าดูจากจอในรถ มันก็เพี้ยนทั้งนั้นแหละครับ ยิ่งพอไปรีแมพแล้ว เพี้ยนนนนนหนักเลยครับ
เอาง่ายๆ Focus diesel ใส่ดันราง ขับดีๆ จอนี่โชว์ได้ถึง 3.8 L/100km เลยครับ แต่เติมจริงได้แค่ แตะๆ20 นี่ขับแบบไม่ได้แข่งประหยัดเอาถ้วยนะครับ แค่ช้าลงหน่อย ;D ;D ;D ;D
เข้าใจว่าไม่น่าเพี้ยนนะครับ เนื่องจากระบบจะ Reset ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ไม่ใช่เป็นอัตรากินน้ำมันที่เฉลี่ยมาเรื่อยๆ แล้วก็อีกอย่าง ผมเข้าใจว่าท่านเจ้าของกระทู้น่าจะหมายถึง BMW หรือ MINI น่ะครับ
อันนี้ ยกตัวอย่างให้พอเห็นภาพน่ะครับ เพราะบางเจ้าก็มักเอาตัวเลขตรงนี้มาอ้างอิง ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่เพี้ยนมากๆ
ปล. ที่ทดลองนั่น รีเซ็ตหลังจาดเติมน้ำมันเต็มถัง กรอกเต็มรูเติม ทดสอบแล้วทำกลับเหมือนเดิมครับ ;)
-
ถ้าอยากประหยัดจริงๆ ต้องเติม Max nano ด้วยครับ ;D ;D
-
ถ้าจำไม่ผิด บางทีต้องจูนน้ำมันหนาเพื่อคุมค่า CO และ NO2 ในไอเสียให้อยู่ในค่ามาตรฐานครับ
ถ้าไม่สนค่าไอเสียแล้ว จูนเนอร์สามารถกดอัตราสิ้นเปลืองและเพิ่มแรงม้าได้ แต่ค่า CO กับ NO2 ทะลุเป้าแทน
แต่ผลเสียคือสุขภาพเนื่องจากก๊าซ CO และ NO2 นั้นสูดดมเข้าไปมากๆถึงตายชัวร์
-
รถที่หนักๆอืดๆตั้งแต่แรกไปเพิ่มแรงมันประหยัดขึ้นจริงๆนะ แต่ไม่เยอะมาก
-
สรุปว่าแรงขึ้น และประหยัดขึ้นจาก 15-16กม/ลิตร ไปเป็น 20-22นี่ไม่มีใครทำได้ใช่ไหมครับ?
-
รุ่นอื่นๆ ไม่รู้ แต่ Lancer ex ล่ะก็ทำได้ เพราะของเดิมมันโง่มากๆ แต่ก็ไม่ได้แรงและประหยัดเว่ออะไรขนาดนั้น :-\
ใช่ครับ ผมประหยัดขึ้น 1-2 km/Lite