ผมมองว่า คนผลิตรถ hybid ไม่ได้ต้องการแค่ประหยัดอย่างเดียวครับ
1. มีรถที่ไม่ใช่ hybrid มีแต่เครื่องยนต์เพียวๆ แต่ประหยัดกว่า hybid / อย่าง Mazda2 diesel ราคาถูกกว่า
2. มีรถ Eco car ที่ประหยัดพอๆกับ hybrid แต่ถูกกว่ามาก
3. มีรถไฟฟ้าเพียวๆ ที่ทั้งแรงทั้งประหยัดกว่า hybrid อย่าง Tesla โดยราคาไม่ได้ต่างจาก Hybrid (ยุโรป) มากนัก
4. มี CH-R ที่เครื่องเล็กๆ อย่าง 1.5โบ มาลงก็ได้ แต่เลือกจะเอา hybrid มาใช้ ทั้งๆที่ต้นทุน ค่าดูแลรักษาระยะยาว แพงกว่า ตลาดแคบกว่า
ดังนั้นคนซื้อมีทางเลือกเยอะแยะ
แต่ hybrid ยังเป็นที่นิยม เพราะความลงตัวระหว่างความประหยัด และ ความแรง รวมถึงเทคโนโลยีที่ให้มาครับ
เช่นเดียวกันกับ Camry และ accord ที่จะทำเครื่อง 3.5 ใหญ่ๆแรงๆเหมือนเดิมก็ได้
แต่ไม่ทำ กลับเลือก hybrid แทน
มันเป็นเทรนด์ของยุคนี้ไปแล้วครับ
บริษัทยักษ์ๆกำลังแข่งกันโชว์เทคโนโลยี
มากกว่าแข่งกันกันทำเครื่องแรงๆ
โดยเน้นเอาของไฮโซ ไฮเทค มาลงในตัว hybrid แล้วแปะราคาแพงๆ เรียกยอดจากกลุ่มลูกค้าเฉพาะแนวแบบนี้ ของตนเอง
โดยไม่สนพวกอนุรัษ์นิยมหรือกลุ่มคนที่มองเห็นข้อเสียมากกว่าข้อดี หรือความตุ้มค่า
Hybrid ปีนี้ ยุคนี้
ผมมองว่าคือการแสดงสักยภาพเทคโนโลยีของตนเอง
อันจะก้าวไปสู่ยุคใหม่ของรถยนต์ในอนาคต
ครับ ผมก็เลยคิดว่ายังเลือกต่อไปครับ
ในการขับรถ Hybrid มันเหมือนมีลูกเล่นผสมมาด้วย ในการวางแผนการขับ
จากเดิมขับรถน้ำมัน พอขับชินมือ มันก็เหมือนไม่มีอะไรแล้ว ขับๆ ไปตามความเคยชิน
แต่ Hybrid เราสามารถเลือกที่จะขับได้หลากหลายสไตล์
วันนึงอยากจะประหยัดน้ำมันรักษ์โลก วันนึงอยากจะบู๊
แล้วมันก็มีเทคนิคหลายๆ แบบ โดยเฉพาะเวลาอยากจะประหยัด มันไม่ได้ fix
ว่าต้องขับอืดๆ อย่างเดียว อาจจะเร่งให้สุด (ไปเร็วกว่ารถเบนซินปกติ) แล้วล็อกที่ความเร็ว
ที่ประหยัดก็ได้ และเครื่องยนต์ก็ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีแม้จะขับเร็ว 100 บวกลบ ปกติ
เครื่องทั่วไป ก็จะกินกว่าในความเร็วเท่าๆ กัน