Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: lay ที่ พฤศจิกายน 28, 2017, 12:01:53
-
ยุคของมันผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะมาเมื่อไหร่ ชวนคุยเล่นสนุกๆนะครับ
ที่ผมนึกออกมี1ข้อ คือ จอดรถรอรับลูก (10-20นาที) เย็นกายสบายใจ หรือขับทางไกลง่วงก็จอดเปิดแอร์นอนได้สบาย หรืออาจจะมีสถานีให้เสียบปลั๊กนอนได้ทั้งคืน(สำหรับผมที่ชอบขับรถเที่ยวแบบไปทียาว10-15วันค่ำไหนนอนนั้น)
-
ยุคของมันผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะมาเมื่อไหร่ ชวนคุยเล่นสนุกๆนะครับ
ที่ผมนึกออกมี1ข้อ คือ จอดรถรอรับลูก (10-20นาที) เย็นกายสบายใจ หรือขับทางไกลง่วงก็จอดเปิดแอร์นอนได้สบาย หรืออาจจะมีสถานีให้เสียบปลั๊กนอนได้ทั้งคืน(สำหรับผมที่ชอบขับรถเที่ยวแบบไปทียาว10-15วันค่ำไหนนอนนั้น)
เสียบปลั้กนอนทั้งคืนเกรงว่าคันหลังจะสรรเสริญบุพการีเอาครับ แบตยิ่งชาร์จนานๆอยู่ (ต่อให้ชาร์จไว คิดว่าผลลัพธ์คงไม่ต่าง) แค่ตอนนี้ยังมีดราม่าจอดแช่เติมไฟทิ้งไว้ในห้างอยู่เลยครับ
เอาจริงๆ ผมว่าพวกรถ Hybrid ตอนนี้ก็น่าจะทำได้นะ เพราะเครื่องติดแปปเดียว ส่วนใหญ่ใช้แบต ถ้าจอดนอน (เห็นเพื่อนมันเคยเล่าให้ฟัง)
-
แรงบิดเหลือๆ คงมุดมันส์น่าดู
-
ไม่มีควัน ขาว-ดำ และไม่เหม็นไอเสียที่ปล่อยออกมา
-
สุดท้ายย
เจ้าตลาดจะเป็น Tamiya (TOYOTA)
รองลงมาจะเป็น Kyosho (HONDA)
อินดี้แต่เทพ จะเป็น YOKOMO (MAZDA)
ทำรถไฟฟ้ามานาน น่าจะคล่อง ปีกนกแข็งๆหน่อยผมชนบ่อย
-
ในเมื่อทุกอย่างทำงานด้วยไฟฟ้า ก็อยากให้รถสามารถแจ้งเตือนเราได้ทุกปัญหา เช่น ไอ้นู้นกำลังจะเสียนะ ไอ้นี่ต้องซ่อมแล้วนะ ซึ้งต้องตรงเป๊ะทุกอย่าง
และที่สำคัญเมื่อยุคนั้นมาถึงศูนย์รถต้องรู้วิธีแก้ Code ปัญหานั้นได้อย่างถูกจุดและรวดเร็ว ไม่ต้องมารอวิเคราะห์ปัญหาแบบทุกวันนี้
ปัจจุบันรถบางยี้ห้อทำได้ แต่ถึงแม้จะรู้ Code ก็แก้ปัญหาไม่จบอยู่ดี ซึ้งแบบนี้ไม่เอานะ 5555555
-
1. ทำให้ไอเสียน้อยลง โลกน่าอยู่ขึ้น ไปเดินในเมือง ไม่ต้องมาสูดควันพิษ
2. จอดรถนอนได้เช่น ในห้าง ตามปั๊ม หรือไปเที่ยวแล้วหาที่นอนไม่ได้ ก็นอนมันในรถนี่หละ เปิดแอร์เย็นเฉียบ แถมไม่มีเสียงรบกวน
3. ไม่ต้องจอดแวะปั้มระหว่างทาง แต่จะกลายเป็น search หาร้านเจ๋งๆ ที่มีปลั๊กชาร์จไฟ โดยคิดเงินตาม power ที่ชาร์จจริง
คิดออกประมาณนี้ แต่ข้อเสียมันก็มีเยอะนะ แต่เก็บไว้ก่อนครับ
-
ถ้าแบตหมดก็ชาร์ตที่บ้านได้ ไม่ต้องขับไปหาปั๊มเติมน้ำมัน
เดินทางไกลจอดนอนในรถได้ ไม่ต้องกลัวควันไอเสียลอยเข้ามาในรถ
คิดเล่นๆ ครับ จริงๆ ยังมีอีกเยอะ
-
ไม่รู้ว่าจินตาการไหม แต่ผมไปเดินกลางโตเกียว ที่อุณหภูมิเที่ยงวันราวๆ 35 องศา ผ่านแยกไฟแดง เดินตามข้างทาง
ผมรู้สึกอย่างแตกต่างว่า หายใจโล่งกว่าบ้านเรามาก โล่งจริงๆ รถไม่ควัน สะอาดมากครับ
แค่นี้ก็ฟิน
-
มลภาวะทางเสียงน้อยลง และจะไม่มีเลยถ้าใช้กันทั้ง100% กับรถทุกประเภท จอดนอนติดเครื่องได้โดยไม่ต้องกลัวไหลตาย ไม่ต้องไปออเติมน้ำมันที่ปั๊มเพียงอย่างเดียว ชารจ์ที่บ้านเรา เพื่อน ญาติ ก็สบายหายห่วง ไม่ต้องดูแลระบบกลไกเครื่องยนต์และเกียร์อีกต่อไป ไม่ต้องจอด ซ่อมแช่0เป็นเวลาหลายเดือน ไม่ต้องถกเถียงค่าอะหลั่ยกับช่างที่คอยฟันหัว ไม่มีตังเติมน้ำมันเหมือนเมื่อก่อน ก็ขับรถไปไหนได้(สำคัญจริงๆ) แล้วก็คงมีอีกมากมาย ไว้นึกออกจะมาเพิ่มเติมครับ
-
พูดถึงข้อดีนะครับ
-ไม่ต้องถ่ายน้ำมันเครื่อง
-ไม่มีน้ำมันเครื่องเก่า แกลลอนน้ำมันเครื่องเก่า กรองน้ำมันเครื่องเก่า ลดปริมาณของเสีย
-
ข้อดี คนใช้รถเก๋งอยู่ ในเมือง กทม. ภาค กลาง สามารถ ใช้แทนกันได้ทันที แต่คนใช้กระบะ ในต่างจังหวัด เอาไปใว้ไกลๆ เลย
**** ขอบ่น แพพ
อ่านในแฟนเพจ บางคนเอา รถ อีวี ไป เปรียบ สันดาบ เหมือนยุค
กล้องฟิล์มโกดัก-กล้องดิจิตอล
โนเกียซิมเบี้ยน-แอนดรอยซัมซุง
คาบู-หัวฉีด
ผมนี้นั่ง เขียม................. มันเทียบกันได้ตรงไหนฟร๊ะ!!! พอเม้นไป ด่าเราว่าหัวโบราณ โดยที่พ่อหัวก้าวกระโจน ไม่สำเนียงมอง สาธารณูปโภค ที่จะรองรับมัน และวิธีชีวิตคนไทย เลย จริงๆ จะเอาๆ ถูกๆ ใจตรู คิดเหรอว่าค่าไฟตอนนั้นจะราคาเท่าทุกวันนี้ เผลอๆ ค่าไฟ/หน่วย แพงกว่า น้ำมันสามเท่าตัวใครจะไปรู้ ประชาชนไม่ใช่คนปั่นไฟใช้
-
ถึงตอนนั้นปริมาณระถยนต์บนถนนบ้านเราคงหายไปเกินครึ่งละครับ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่น่าจะซื้อรถกันเยอะเหมือนทุกวันนี้แล้ว
-
1.บรรยากาศ ในเมืองทุกๆวันจะเหมือนวันอาทิตย์ครับ ถึงแม้รถติดแต่จะอากาศโคตรดี ไม่มีเสียงเครื่องยนต์มากวนใจเลย ลองนึกดูว่าคุณอยู่คอนโดกลางใจเมืองแล้วสูดอาดาศได้เต็มปอดทุกวัน ลงมาวิ่งออกกำลังริมฟุตบาทได้เลย ถึงแม้รถจะติดสาหัสก็เถอะ
2.ฝุ่นจะน้อยลงไปมาก
3. ปั๊มพ์น้ำมันอาจต้องปรับตัวเป็นห้างเล็กๆพร้อม super charged รวมถึงห้าง และคอนโด อาจต้องมีsuper charge ไว้รองรับการใช้งาน และการใช้super charge จะชาร์จได้เร็วมากตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วที่cdcไม่แน่ใจว่าเป็น super chargeรึเปล่า
4. ธุรกิจอะไหล่ยนต์ ทะยอยปิดตัว โดยเฉพาะพวกผ้าเบรค น้ำมันเครื่อง ที่รถพวกนี้แทบไม่ต้องเปลี่ยน
5.ธุระกิจที่จะรุ่งใหม่คือธุระกิจ ทำลายแบต
6. สำหรับคนอยู่ ต่างจังหวัด อาจจะต้องมี super chargeที่บ้าน rangeในการเดินทางจะมากขึ้นเป็น 300-500 กม ซึ่งจะเป็นเรื่องปกติ
7.ถ้าบ้านเมืองไม่มีวินัย อาจมีอุบัติเหตุมากขึ้นเพราะ รถมันแรงเหลือเกิน
8.ศูนย์บริการอาจะซ่อมแค่รถอุบัติเหตุ รถที่เสียจริงๆ อาจจะไม่มาก เพราะไม่มีอะไรให้เสีย
9.บอร์ดนี้อาจมีคนแก่ๆจะมานั่งรำพึงรำพัน ความมันส์ สมัยที่เคยขับรถน้ำมัน5555
โดยส่วนตัวปมคิดว่าไม่เกิน 5-10 ปี รถไฟฟ้าจะแพร่หลายมากขึ้นในไทยครับเพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วเหลือเกิน สมัยก่อนจากรถม้าเป็นรถน้ำมันยังใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปีเลย
-
1. ตราบเท่าที่ไม่มีเทคโนโลยี Super Charge ระดับไม่เกิน 5 นาที (จากหมดไปเต็ม)
จุดชาทรถไฟฟ้าจะไม่ใช่ที่ปั๊ม แต่เป็นห้างสรรพสินค้า, จุดรับฝากรถต่างๆ, ร้านล้างรถ, ที่จอดรถออฟฟิต
2. ในอนาคตรถจะใช้ Wireless Charger มากกว่าสายชาท
3. รถไฟฟ้าล้วนอาจจะต้องติดตั้งเสียงสัญญาณเพิ่ม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ปัญหาของการชาทในปัจจุบันคือการระยะเวลาชาท และข้อจำกัดของสถานที่ชาท
หมายถึง 1 เสาที่ชาทได้ 2 คัน แต่ถ้า 2 คันนั้นไม่เลื่อนออก(จอดแช่) ก็ไม่สามารถชาทคันอื่นได้
อนาคตการชาทน่าจะเป็นแบบ Wireless คือสอดแผ่นเข้าใต้ท้องรถได้เลย เพราะถ้ารอสายชาท แปลว่าต้องทิ้งกุญแจรถไว้ที่พนักงาน
รถบางยี่ห้อ ไม่ให้เสียบชาท หรือดึงออกโดยที่ไม่ได้เปิดลอครถไว้
-
สนุกครับ ลองนึกถึงค่าไฟฟ้าที่บ้าน ราคาคงไม่ใช่ในแบบปัจจุบันนี้แน่ เจอค่าไฟหน่วยละ 15 บาท
-
1.บรรยากาศ ในเมืองทุกๆวันจะเหมือนวันอาทิตย์ครับ ถึงแม้รถติดแต่จะอากาศโคตรดี ไม่มีเสียงเครื่องยนต์มากวนใจเลย ลองนึกดูว่าคุณอยู่คอนโดกลางใจเมืองแล้วสูดอาดาศได้เต็มปอดทุกวัน ลงมาวิ่งออกกำลังริมฟุตบาทได้เลย ถึงแม้รถจะติดสาหัสก็เถอะ
2.ฝุ่นจะน้อยลงไปมาก
3. ปั๊มพ์น้ำมันอาจต้องปรับตัวเป็นห้างเล็กๆพร้อม super charged รวมถึงห้าง และคอนโด อาจต้องมีsuper charge ไว้รองรับการใช้งาน และการใช้super charge จะชาร์จได้เร็วมากตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วที่cdcไม่แน่ใจว่าเป็น super chargeรึเปล่า
4. ธุรกิจอะไหล่ยนต์ ทะยอยปิดตัว โดยเฉพาะพวกผ้าเบรค น้ำมันเครื่อง ที่รถพวกนี้แทบไม่ต้องเปลี่ยน
5.ธุระกิจที่จะรุ่งใหม่คือธุระกิจ ทำลายแบต
6. สำหรับคนอยู่ ต่างจังหวัด อาจจะต้องมี super chargeที่บ้าน rangeในการเดินทางจะมากขึ้นเป็น 300-500 กม ซึ่งจะเป็นเรื่องปกติ
7.ถ้าบ้านเมืองไม่มีวินัย อาจมีอุบัติเหตุมากขึ้นเพราะ รถมันแรงเหลือเกิน
8.ศูนย์บริการอาจะซ่อมแค่รถอุบัติเหตุ รถที่เสียจริงๆ อาจจะไม่มาก เพราะไม่มีอะไรให้เสีย
9.บอร์ดนี้อาจมีคนแก่ๆจะมานั่งรำพึงรำพัน ความมันส์ สมัยที่เคยขับรถน้ำมัน5555
โดยส่วนตัวปมคิดว่าไม่เกิน 5-10 ปี รถไฟฟ้าจะแพร่หลายมากขึ้นในไทยครับเพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วเหลือเกิน สมัยก่อนจากรถม้าเป็นรถน้ำมันยังใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปีเลย
9.เคยไปขับโกคาร์ทไฟฟ้าที่เมืองทองมาแล้ว
และประกอบกับเคยโมมอไซค์ไฟฟ้าขับเล่นเองมาอีกต่างหาก
ผมคงเป็นคนแก่ที่โชคดีที่ไม่ค่อยคิดถึงความมันส์ของรถน้ำมันเท่าไหร่
มอเตอร์นี่ ข้อดีของมันคือ ไม่ต้องรอรอบจริงๆนะครับ
2000w ในมอไซค์นี่ พวก 250cc. มีอายครับ
ส่วนโกคาร์ทไฟฟ้าที่ทะเลสาบเมืองทอง เค้าล๊อคความเร็วก็จริง แต่แรงบิดมาชนิดที่ เครื่อง 2 จังหวะสมัยก่อนให้ไม่ได้
ถ้าเทียบต้อง เครื่อง 4 จังหวะ 250cc. สมัยนี้ไปวางบนเฟรมโกคาร์ท แล้วทดสเตอร์ใหม่....
อยากเชิญชวนคนแก่ขี้บ่นไปลองดูที่ทะเลสาบเมืองทองซักที จะได้ไม่มีข้อ 9 ให้เค้าเย้ยเอานะ 5555
-
มีประเด็นที่น่าสนใจแบบที่ทุกท่านว่า...ตอนนั้นค่าไฟจะหน่วยเท่าไรตามกลไกตลาด
ตกลงมันประหยัดขึ้นจริงไหม น่าคิดนะ
ส่วนเรื่องอื่น การมาถึงของยุคนั้น ใช้ model ของ product อื่นๆ เปรียบได้แน่นอน มือถือ อิเล็กทรอนิคอื่นๆ
ความเป็นจักรกลมันจะน้อยลง เป็น AI มากขึ้น เพียงแต่ระยะเวลาปรับเปลี่ยนจะนานขึ้น ในไทยอย่างน้อยมี 10-15 ปี
กว่ารถไฟฟ้าจะแพร่หลาย
-
ของที่ทันสมัยกว่า สะดวกรวดเร็ว ไม่จุกจิก ใครก็อยากใช้ ก็เหมือนกับมือถือใช้ไอโฟนแล้วก็คงไม่อยากกลับไปใช้โนเกีย3310หรอก! แลevะมันก็จะมาอีกไม่นานนี้ แต่ก็คงไม่มีใครแห่ไปซื้อตูมเดียวทั้งประเทศ คงเป็นทยอยๆซื้อ ค่าไฟคงไม่แพงขึ้นมากมายการใช้ไฟก็คงไม่ก้าวกระโดดขนาดนั้น ยังไงคนที่ใช้รถน้ำมันก็ยังคงมีอยู่เยอะ รวมถึงผมด้วย อย่างน้อยก็เกือบ10ปีถึงจะเปลี่ยนรถ อีกสัก10-15ปีคงไม่มีใครมาคิดซื้อรถสันดาปใช้แล้วมั๊งครับ ส่วนตัวผมคิดงี้นะ
-
1. ตราบเท่าที่ไม่มีเทคโนโลยี Super Charge ระดับไม่เกิน 5 นาที (จากหมดไปเต็ม)
จุดชาทรถไฟฟ้าจะไม่ใช่ที่ปั๊ม แต่เป็นห้างสรรพสินค้า, จุดรับฝากรถต่างๆ, ร้านล้างรถ, ที่จอดรถออฟฟิต
2. ในอนาคตรถจะใช้ Wireless Charger มากกว่าสายชาท
3. รถไฟฟ้าล้วนอาจจะต้องติดตั้งเสียงสัญญาณเพิ่ม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ปัญหาของการชาทในปัจจุบันคือการระยะเวลาชาท และข้อจำกัดของสถานที่ชาท
หมายถึง 1 เสาที่ชาทได้ 2 คัน แต่ถ้า 2 คันนั้นไม่เลื่อนออก(จอดแช่) ก็ไม่สามารถชาทคันอื่นได้
อนาคตการชาทน่าจะเป็นแบบ Wireless คือสอดแผ่นเข้าใต้ท้องรถได้เลย เพราะถ้ารอสายชาท แปลว่าต้องทิ้งกุญแจรถไว้ที่พนักงาน
รถบางยี่ห้อ ไม่ให้เสียบชาท หรือดึงออกโดยที่ไม่ได้เปิดลอครถไว้
ใช่เลยครับ wireless charge สหกรณ์ ใช้ได้ทุกยี่ห้อคือคำตอบ
ถ้าเทคโนโลยีถึงเมื่อไหร่ คงเป็นเจ้าของรถพวกนี้ได้ง่ายขึ้นแน่ๆ โดยเฉพาะคนอยู่คอนโดอย่างผม 1.บรรยากาศ ในเมืองทุกๆวันจะเหมือนวันอาทิตย์ครับ ถึงแม้รถติดแต่จะอากาศโคตรดี ไม่มีเสียงเครื่องยนต์มากวนใจเลย ลองนึกดูว่าคุณอยู่คอนโดกลางใจเมืองแล้วสูดอาดาศได้เต็มปอดทุกวัน ลงมาวิ่งออกกำลังริมฟุตบาทได้เลย ถึงแม้รถจะติดสาหัสก็เถอะ
2.ฝุ่นจะน้อยลงไปมาก
3. ปั๊มพ์น้ำมันอาจต้องปรับตัวเป็นห้างเล็กๆพร้อม super charged รวมถึงห้าง และคอนโด อาจต้องมีsuper charge ไว้รองรับการใช้งาน และการใช้super charge จะชาร์จได้เร็วมากตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วที่cdcไม่แน่ใจว่าเป็น super chargeรึเปล่า
4. ธุรกิจอะไหล่ยนต์ ทะยอยปิดตัว โดยเฉพาะพวกผ้าเบรค น้ำมันเครื่อง ที่รถพวกนี้แทบไม่ต้องเปลี่ยน
5.ธุระกิจที่จะรุ่งใหม่คือธุระกิจ ทำลายแบต
6. สำหรับคนอยู่ ต่างจังหวัด อาจจะต้องมี super chargeที่บ้าน rangeในการเดินทางจะมากขึ้นเป็น 300-500 กม ซึ่งจะเป็นเรื่องปกติ
7.ถ้าบ้านเมืองไม่มีวินัย อาจมีอุบัติเหตุมากขึ้นเพราะ รถมันแรงเหลือเกิน
8.ศูนย์บริการอาจะซ่อมแค่รถอุบัติเหตุ รถที่เสียจริงๆ อาจจะไม่มาก เพราะไม่มีอะไรให้เสีย
9.บอร์ดนี้อาจมีคนแก่ๆจะมานั่งรำพึงรำพัน ความมันส์ สมัยที่เคยขับรถน้ำมัน5555
โดยส่วนตัวปมคิดว่าไม่เกิน 5-10 ปี รถไฟฟ้าจะแพร่หลายมากขึ้นในไทยครับเพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วเหลือเกิน สมัยก่อนจากรถม้าเป็นรถน้ำมันยังใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปีเลย
9.เคยไปขับโกคาร์ทไฟฟ้าที่เมืองทองมาแล้ว
และประกอบกับเคยโมมอไซค์ไฟฟ้าขับเล่นเองมาอีกต่างหาก
ผมคงเป็นคนแก่ที่โชคดีที่ไม่ค่อยคิดถึงความมันส์ของรถน้ำมันเท่าไหร่
มอเตอร์นี่ ข้อดีของมันคือ ไม่ต้องรอรอบจริงๆนะครับ
2000w ในมอไซค์นี่ พวก 250cc. มีอายครับ
ส่วนโกคาร์ทไฟฟ้าที่ทะเลสาบเมืองทอง เค้าล๊อคความเร็วก็จริง แต่แรงบิดมาชนิดที่ เครื่อง 2 จังหวะสมัยก่อนให้ไม่ได้
ถ้าเทียบต้อง เครื่อง 4 จังหวะ 250cc. สมัยนี้ไปวางบนเฟรมโกคาร์ท แล้วทดสเตอร์ใหม่....
อยากเชิญชวนคนแก่ขี้บ่นไปลองดูที่ทะเลสาบเมืองทองซักที จะได้ไม่มีข้อ 9 ให้เค้าเย้ยเอานะ 5555
เดี๋ยวmotor expoนี้ผมจะไปลองจัดดูเลยครับ
ส่วนตัวชอบรถไฟฟ้ามากๆ ขับรถไฮบริดตอนเครื่องดับแล้วใช้มอเตอร์อย่างเดียวนี่รู้สึกฟินครับ
-
มลพิษทางอากาศและทางเสียงลดลงในเขตชุมชนจนแทบหมดไปครับ แค่นี้ก็น่าอยู่ขึ้นเยอะสุดๆเลยครับ :D
-
8) 8) 8).....ชอบที่ เงียบดีครับ :-X
-
เครื่องเงียบเกินไปจนอาจเกิดอุบัติเหตุสำหรับคนพิการทางสายตาเพิ่มขึ้น :D
-
แอบออกจากบ้านตอนกลางคืนได้แบบแนบเนียน ภรรยาไม่ได้ยินเสียง 8)
-
ถ้ารถมีขนาดแบตที่ใหญ่มากพอรถแต่ละคันเช่น100kWh เป็นส่วนใหญ่ เราอาจใช้รถเป็น Smart Power Grid. โดยช่วยbalance load โดยทำตัวทั้งเป็นผู้รับload จากผู้ผลิตไฟต่างๆที่อาจผลิตได้มากเกินค่าปกติบางช่วงเวลา เช่นกังหันลม หรือแม้ช่วยกันรับพลังงานจากฟ้าผ่า หรือ/ ช่วย ส่งผ่านพลังงานไปจุดที่ขาดแคลนไฟในบางช่วงเวลาสะดวกขึ้น
ปล. กว่าจะถึงยุคนั้น Drone. น่าจะถูกใช้เป็น smart power grid มากกว่าหรือคนใช้droneหรรือรถบินได้มากกว่าแหละ
-
1. อากาศในเมืองเราจะดีขึ้น มลพิษทางอากาศจะน้อยลง
2. ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่บำรุงรักษาอะไรมากนัก
3. อัตราเร่งดี ไม่ต้องรอรอบ และรอเปลี่ยนเกียร์
-
เปิดร้านซ่อมพันมอเตอร์ น่าจะรวย
-
ข้อดี คือ สร้างรายได้ให้คนที่ ต้องการลงทุน สถานีเติม ไฟ ตามเส้นทางท่องเที่ยว หลักๆ เป็นระยะๆ
พร้อมกับทำ ค่าร้าน คาเฟ่ เจ๋งไว้นั่งเล่นนั่งพัก ก่อนที่ ปตท จะทำ
เมื่อมี สถานีแล้ว จำนวน รถพลังงาน อาจจะมากตาม
:-X
-
ข้อดี คือ สร้างรายได้ให้คนที่ ต้องการลงทุน สถานีเติม ไฟ ตามเส้นทางท่องเที่ยว หลักๆ เป็นระยะๆ
พร้อมกับทำ ค่าร้าน คาเฟ่ เจ๋งไว้นั่งเล่นนั่งพัก ก่อนที่ ปตท จะทำ
เมื่อมี สถานีแล้ว จำนวน รถพลังงาน อาจจะมากตาม
:-X
คิดอยู่ครับ ว่าจะซื้อที่ติดถนนหลัก แต่เป็นที่กันดารห่างไกล ราคาไม่แพงทิ้งไว้ซัก20ไร่ ให้ลูกมันทำ(อีก10-15ปี)
-
ถ้าถึงยุครถไฟฟ้าจริงๆเหมือนยุคโทรศัพท์ 4G รถยนต์ไฟฟ้าจะวิ่งได้ไม่น้อยกว่า 1000 โลต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อาจจะ 2000 หรือ 3000 โล แบ็ตฯก้อนเท่ามือถือในอดีต ถอดเปลี่ยนได้เอง รถจะมีระบบขับขี่อัตโนมัติ มีระบบเบรคอัตโนม้ติทุกช่วงความเร็ว มีระบบชะลอความเร็วตัวเองในพื้นที่เสี่ยงอุบีติเหตุ มีโปรโตคอลกลางที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างรถทุกคัน เพื่อสร้างตำแหน่งของรถแต่ละคัน รถจะมีการSynchronizeระบบการสื่อสารเป็นระยะๆ มี IP Address ประจำรถแต่ละคัน
แต่รถน้ำมันก็ยังมีอยู่แต่จำนวนน้อยลงเรื่อยๆ
-
หลังปี 2020 ผมเดาว่ารถ ev คงเข้าตลาดแบบเต็มตัวครับ ปีละ 5-10% ทดแทนรถสันดาปเดิมๆไปรื่อยๆ 10 ปีหลังจากนั้น ก็จะเกลื่อนเมือง
น้ำมันก็จะถูกลงๆ จนคนอาจแยกไม่ถูกจะเอาแบบใหนดี แต่เชื่อ ว่า ev ควมาแรงกว่า อะไหล่น้อย แบตเก่งขึ้น วิ่งได้ไกลเป็น 1000 โล ชาจง่ายขึ้น
เราอาจจะเห็นพวกแขกขายน้ำมันออกกลยุทธสกัด ev มาเป็นระยะๆ
-
หลังจากฝันเสร็จ เปิดเจอข่าวม็อบประท้วงสร้างโรงไฟฟ้าที่ภาคใต้ เอาเถอะฝันต่อดีกว่า ความเป็นจริงคงอีกยาวนาน
-
หลังจากฝันเสร็จ เปิดเจอข่าวม็อบประท้วงสร้างโรงไฟฟ้าที่ภาคใต้ เอาเถอะฝันต่อดีกว่า ความเป็นจริงคงอีกยาวนาน
ฮาๆๆๆ กํ๊กๆๆๆ :) :) :) :) ;) :-[ :-*
-
ถ้าทุกคัน เป็นรถไฟฟ้าและขับขี่ได้เอง น่าจะลดอุบัติเหตุได้เยอะเลยนะครับ