Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Chariot ที่ ธันวาคม 30, 2009, 20:35:27
-
1. อัดโฆษณาให้เยอะๆ ทำสปอตให้ดูทันสมัย ไม่ใช่แม่บ้านเชยๆแบบ APV
2. เพิ่มสีตัวรถให้เลือกมากขึ้น เอาสีแรงๆ เจ็บๆ โดนใจวัยรุ่น เช่น เหลือง เขียว แดง ฟ้า
ผมว่าเหมือน iTOA ไม่ตั้งใจทำตลาด Mass เลยอ่ะครับ เพราะว่าทั้งประเทศ มีโชว์รูมแค่ที่เดียว ไม่มีการโปรโมตมากนัก
มีแต่กระแสในแฟนคลับเท่านั้นเอง ทำตัวเป็นตลาดอินดี้แบบ ซาบ ซุบารุ
ผมว่ารถมันก็มีดีนะครับ แต่อยากให้ทำตลาดจริงจังหน่อยเท่านั้นเอง
กระทู้บ่นจากสิ่งเห็นครับ ใครมีข้อมูลอะไรก็แชร์กันได้นะครับ
-
อยากให้เร่งปรับปรุงและเพิ่มศูนย์บริการให้มากขึ้นทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน เท่าที่ทราบตอนนี้ มีแต่ศูนย์บริการใน กทม. 3-4 แห่งเท่านั้น ที่จำหน่าย Swift ตามหัวเมืองใหญ่ๆต่างจังหวัด ยังไม่มีเลย
-
ผมอยากให้ดึงดาราผู้หญิงมาเป็น presenter น่ารักๆคับ เช่นน้องเต้ย ยิง spot ออกมาน่าจะขายดีมากแน่ๆ(แต่งบคงบานปลาย)
-
อยากให้เร่งปรับปรุงและเพิ่มศูนย์บริการให้มากขึ้นทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน เท่าที่ทราบตอนนี้ มีแต่ศูนย์บริการใน กทม. 3-4 แห่งเท่านั้น ที่จำหน่าย Swift ตามหัวเมืองใหญ่ๆต่างจังหวัด ยังไม่มีเลย
+ 1 ครับ
-
เอ้า! รู้ว่าคนของ iTOA หยุดพักผ่อนแน่ๆ เลยจะตอบให้!
คืออย่างนี้
1. ทุกวันนี้ คนดูแลการทำตลาด Suzuki ในไทยทั้งหมด คือ SAMT (Suzuki Automobile Manufacturing Thailand)
2. iTOA ณ วันนี้ ยังเป็นดีลเลอร์ รายหนึ่ง ที่ร่วมทุนกันระหว่าง TOA กับ ITOCHU ดังนั้น บทบาทที่มีอยู่
จึงยังไม่เยอะมากมายนัก (แต่เท่าที่ทำกันอยู่ นี่ ก็เยอะชะมัดเลยแหะ)
3. ปล่อยให้ Suzuki บริษัทญี่ปุ่น เคลียร์กับทาง กลุ่มพรประภา เก่าให้จบลงตัวเสียก่อน SAMT ถึงจะ
สามารถ ปล่อย รถรุ่นอื่นๆ ที่ กลุ่มพรประภาขายอยู่ มาทำตลาดเองต่อไปได้
4. สิทธิ์ในการขาย รถรุ่นอื่นๆ ที่ทำตลาดอยู่แล้ว (ที่ไม่ใช่ Swift และรุ่นที่อาจจะตามมาหลังจากนี้ ซึ่งก็ยังไม่ชัวร์อีกละว่ารุ่นอะไร)
ยังต้องเป็นของทาง กลุ่มพรประภาอยู่ครับ
5. การทำลาด ในเวลานี้ คือการ "กลับมาสร้างความคุ้่นเคยอีกครั้ง แต่อย่างจริงจังกว่าเดิม"
ยังก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเาจะต้องทุ่มเต็มที่ครับ ต้องอีกพักใหญ่ๆ เมื่อทุกอย่างพร้อมเต็มที่กว่านี้
เมื่อ วันที่ ECO Car พร้อมแล้ว
6. ไอ้เรื่อง สีตัวถังหนะ เราคุยกันไปหมดแล้วครับ และ ทางเขาก็ทราบดี แต่ทั้งนี้
มันต้องขึ้นอยู่กับ โณงงานในอินโดฯ ด้วย ว่าเขายินดีจะทำให้หรือเปล่า? ต้องรอดูต่อไป...
อีกอย่างนึง
เปิดใหม่ๆ จะให้ เร่งลงทุนสร้างโชว์รูมทีเดียว 100 แห่งทั่วประเทศเลยหรือไงเจ้าเบสท์?
คิดเล่นๆนะ ต่อให้ สมมติว่า ตัวเลขต้นทุน ในการทำโชว์รูมและ ศูนย์บริการ
แห่งละ สัก 20 ล้านบาท 100 แห่ง หนะ เท่าไหร่? 2 พันล้านบาทเชียวนะ!!!!!
แล้ว ใครจะรับประกันว่า จะถอนทุนคืนได้ แบงก์ที่ไหนจะปล่อยกู้ ให้ขยายโชว์รูมอย่างบ้าระห่ำขนาดนั้น?
นี่ถ้า ท่าน ชิน โสภณพาณิช แห่ง ธ.กรุงเทพ ยังมีชีวิตอยู่ ชั้นจะส่งแก ไปให้เค้า เขกกะโหลกจริงๆนะเอ้า!
หุหุ
-
ซื้อคัน แถมคัน เหมือนเพร็ตเซล กับพิซซ่า จะว่าไงครับ
-
เอ่อ น้องฮะ Swift นะฮะ ไม่ใช่ The Pizza
-
โปรนี้สิ
ซื้อปีนี้ ผ่อนปีหน้า
ภายในปี2009เท่านั้น
-
แหม..ไม่ถึงกับเปิดฟู่ฟ่าหรอกครับ ดูอย่างดีลเลอร์เห่ยๆบริษัทนึง ตอนที่กำลังเปิดตัวรถมาเลย์ ก็ยังเปิดโชว์รูมกันถี่ยิบใช้ได้เลยนะครับ
หรืออย่างฮุนได ก็เข้าใจว่าบริษัทแม่ลุยเอง ทุนก็คงเยอะ (รึป่าว?)
-
เข้าใจผิด เข้าใจใหม่ ยังทันนะ เบสท์
พื้นที่โชว์รูม บางรายเขามีอยู่แล้ว แค่ปรับ decorate ต้นทุนถูกลงอื้อ
ฮุนได ทุนก็ไม่เยอะนะ แต่เรียกดีลเลอร์เข้ามาร่วมลงทุนไง
-
สมาชิกในนี้เชียร์กันจัง ให้บริษัททำอย่างนี้ ทำอย่างนั้น แล้วถ้าบริษัททำกันจริงๆนี่เราช่วยเขาซื้อแน่นะ
เรื่องทำตลาดผมว่าพวกบริษัทรถยนต์พวกนี้รู้ดี เพราะทำมาแล้วหลายประเทศ เราคงไม่มีทางรู้ดีกว่าเขายกเว้นแต่ว่าเราทำงานอยู่ในตลาดรถยนต์เมืองไทย มีข้อมูลเชิงลึกมากกว่าเขา
อย่างเรื่องให้สร้างโชว์รูม ที่เขาทำกันก็คือแต่งตั้งดีลเลอร์แล้วดีลเลอร์ไปสร้างตามมาตรฐานของบริษัท ถ้าเราอยากให้มีโชว์รูมเยอะๆ เราก็ไปขอเป็นดีลเลอร์เขา ง่ายๆแค่นี้เอง แต่คนอื่นๆที่อยู่ในวงการรถยนต์ยังไม่ไปขอเพราะยังไม่แน่ใจว่าลงทุนไปแล้วจะไม่เจ๊ง
การลงทุนในรถแบรนด์ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบผลสำเร็จ ต้องใช้เวลาหลายปี ผมว่าซูซูกิค่อยทำค่อยไปแบบเวลานี้ก็ดีอยู่แล้ว หากรถขายดีเกินไปแต่ศูนย์บริการไม่พร้อมก็เป็นการฆ่าแบรนด์นั้นเช่นกัน หรือขายดีเกินไปแต่ผลิตไม่ทันก็ฆ่าแบรนด์นั้นด้วย
ตัวอย่างคลาสสิกในเมืองไทยทีสมาชิกในนี้ส่วนใหญ่อาจไม่รู้เพราะเกิดไม่ทัน ยังสงสัยว่าแม้แต่คุณ J!MMY เองจะเกิดทันไหม แต่ถึงทันก็คงยังไม่รู้เรื่อง นั่นคือ เรื่องเหล้า ยี่ห้อ ไก่แดง ที่ตอนเกิดใหม่ได้นักการตลาดมือดีมาโปรโหมต พอใกล้ปีใหม่ก็จ้างนางงามมาแก้ผ้าถ่ายรูปแล้วจ้างลงข่าวหน้าหนึ่งให้ด่าว่าทำภาพพจน์นางงามเสีย ตอนนั้นดังเป็นพลุแตก ดังกว่าปฏิทินเบียร์ตอนนี้ซะอีก เพราะนางงามรายนั้นทรวดทรงเหมือน landscape ที่สวยงาม มีภูเขา มีเนิน มีแอ่งน้ำ มีอ่าว มีทุ่งหญ้า พวกนี้อยู่ในทำเลที่ควรมี ไม่เหมือนปฏิทินเบียร์ที่ดูแล้วเหมือนดูสนามบาสเก็ตบอลล์ ปรากฏว่าเจ้าของไม่คาดว่าจะดังขนาดนี้ ตอนนั้นตามบ้านนอกเรียกหาแต่เหล้ายี่ห้อนี้ แต่ผลิตวางตลาดไม่ทัน จนในที่สุดกระแสจางหายก็เลยต้องพับไป
ผมว่าซูซูกิค่อยทำค่อยไปแบบในเวลานี้ก็ดีแล้ว ใช้เวลาสักสามปีให้คนไทยทั่วไปมั่นใจในยี่ห้อ ทำให้ศูนย์บริการดีๆเพราะการสร้างช่างเก่งๆเป็นงานที่ยากที่สุด รถดี ราคาเหมาะสม ศูนย์บริการดี แค่นี้คนซื้อก็พอใจแล้ว ส่วนคนที่กังวลราคาขายต่อก็ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าคนซื้อพอใจมีคนซื้อมาก ราคาขายต่อก็ดีเอง
-
ขอสารภาพว่า ถึงเขาทำออกมาจริงๆ ผมก็คงตัดสินซื้อแค่ 20% เท่านั้นเองแหละครับ เพราะตลาดรถมือหนึ่งไม่ใช่เป้าหมายของผม
แต่ที่มาบ่นๆ แบบที่การตลาดของเขารู้อยู่แล้ว เพราะอยากจะเชียร์ให้รถแบรนด์ใหม่ๆได้เกิดขึ้นเยอะๆ แข๋งกับเจ้าตลาดกันมากๆ
ยิ่งถ้ารถมีดีในตัวเองแล้ว ยิ่งอยากให้เกิดครับ
-
แล้วเราก็ได้รู้ว่า อายุของคุณ Can น่าจะอยู่ประมาณเท่าไหร่ คิกๆๆ
จริงครับ บริษัทรถยนต์ ไม่โง่หรอก เขารู้ว่าต้องทำอะไร
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าพวกเขารู้ทุกเรื่อง ครับ
โดยเฉพาะพวกต่างชาติที่เข้ามาหมุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่งกัน
คนพวกนั้น ในหลายๆค่าย ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะมาก
เพราะในช่วง 5-6 ปีมานี้ ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่คนทำงานข้างใน
ซึ่งวันๆ ทำแต่งานกันหัวปั่น ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ยังไม่รู้ มีอีกเยอะครับ
บางราย พอคุยกันปุ๊บ นี่ รู้เลย กระจ่างเลยว่า ทำไมแบรนด์ที่เขาทำ ถึงยังย่ำอยู่ได้แค่นี้
-
เคยเขียนในกระทู้เก่า เรื่อง SX-4 น่ะ เลยเอามาลงในกระทู้นี้หน่อยนะครับ
ส่วนผมอยากให้อู่ทั่วไป สามารถหาซื้ออะไหล่ได้ในราคาถูกน่ะครับ เป็นข้อเท็จจริงว่า คนไทย จะซ่อม มากกว่าเปลี่ยนใหม่ เหมือนโตโยต้ายุคแรกๆ อะไหล่หาง่ายมาก ช่างทั่วไปก็ซ่อมได้ ถ้าซูซูกิ ซึ่งตอนนี้มีศูนย์ 42 แห่ง จัดอบรมช่างทั่วไปให้ฟรีสำหรับซ่อมรถซูซุกิ แล้วก็มีส่วนลดพิเศษสำหรับสั่งซื้ออะไหล่จากศูนย์ เท่านนี้ ก็เหมือนกับว่า ซูซุกิมีศูนย์บริการทั่วประเทศ เป็นพันแห่ง โดยลงทุนนิดเดียวเอง ผมว่าจะทำให้รถมีคนนิยมมากขึ้น เพราะคนทั่วไปรู้แล้วว่า ราคาอะไหล่ไม่แพง ถ้าอาการไม่หนักมากอู่ทั่วไปก็ซ่อมได้ ราคารถมือสองก็จะสูงขึ้นด้วย ต้องไม่ลืมว่า คนไทยทั่วไป ส่วนใหญ่เลย จะซื้อรถ จะดูว่าราคาขายต่อเท่าไหร่ โตโยต้าที่่ขายดิบขายดี เพราะราคาขายต่อสูง ราคาไม่ตกมากนั่นเองครับ
ส่วนรถรุ่นี้ ผมว่าทำไงให้ไม่ซ้อนกับรถที่มีอยู่ ระดับ A segment มีรถอีโคคาร์รออยู่แล้ว B-segment ก็มี swift เป็นตัวหลัก ส่วน C หรือ D ก็แล้วแต่ ถ้ารุ่นที่คาบกันระหว่าง segment ต่างๆ ผมว่าจะทำให้ซูซูกิมีทียืนในตลาดบ้านเรา ผมว่าจะต้องทำ long term plan ของบริษัทก่อน ว่าบริษัทจะยืนตรงไหนในตลาดประเทศไทย แล้วก็เพื่อนบ้าน ลาว เขมร พม่า หรืออาจจะเวียดนามด้วย จะได้เปรียบในด้าน economic of scale
ทำการตลาดหนักๆ ครับ จะได้ผมดีในระยะยาว ลองศึกษาจาก TATA ก็ได้ ทำไมเค้าถึงเปิดตัวรถกระบะอย่างเดียว ทั้งๆ ที่ของเค้าก็มีรถหลายรุ่น ซูซุกิเริ่มต้นในตำแหน่งที่ดีกว่า TATA ซะอีก ต่อยอดไปได้ใกลแน่นอน
คือถ้าผมดูแลด้านการตลาดของบริษัทรถยนต์ ผมจะเสนอประเด็นนี้ให้ถกกันหล่ะ อ้อ อีกประเด็นนึงต้องระวังให้ดีลเลอร์เราอยู่ได้ด้วยนะ จริงๆ แล้วผมเอามาจากโมเดลของโรงพยาบาลน่ะ รพ ชุมชน ก็ดูแลพวกเล็กๆ น้อยๆ หนักๆ ก็ส่งเข้า รพ ประจำจังหวัด หนักกว่าก็เข้า รถ ศุูนย์ น่ะครับ
-
ผมเองคงมิบังอาจสอนใครได้...แต่อยากพูดบ้าง 555+
- ชูปรัชญาในการออกแบบรถของตัวเอง....ให้ชัด (เฉกเช่น Mazda มี Zoom-Zoom)
- แล้วนำจุดเด่น,ความเก่งกาจเฉพาะด้านให้ลูกค้าเห็น (รถเล็ก+ห้อตะบึงแบบรถวิบาก)
- รถราคาประหยัดที่สมเหตุสมผล (เช่นแบบที่ญี่ปุ่น ....แต่คงยาก เพราะปัจจัยการขาย ต้นทุน ความต้องการที่ต่างกัน)
- นำรถไอดอลมาขายบ้าง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ ...ตอกย้ำข้อ1 (เช่น MX-5 CX-9)
สรุปไปสรุปมา...จะออกแนวทางเหมือน Mazda เลยน่ะ 5555+
แต่ต้องเร่งสร้างแบรนด์ ความเชื่อมั่นต่างๆ ให้กลับคืนมา
อย่างเช่นลูกค้าที่ซื้อ APV ไปแล้วกลายเป็น Carry .....T_T
สรุป(อีกที) หาแนวทางตัวเองให้เจอ แล้วชูให้ชัด แล้วเจาะเข้าไปให้ได้ สู้ๆๆๆๆ ;D