Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Aniwy ที่ กันยายน 04, 2019, 22:55:42
-
รบกวนขอสอบถามหน่อยครับ คือผมสงสัยว่า ถ้าหากตัดเรื่องความสะดวกสบายออกไป
ระหว่างปุ่มสตาร์ทกับ ใช้กุญแจไขสตาร์ท อันไหนทนทานกว่า และซ่อมง่ายกว่ากัน แล้วราคาถูกกว่าครับ
ขอบคุณครับ ;D ;D
-
ส่วนตัวผมชอบแบบ รีโมทกุญแจ start แบบปกติครับ
เสถียร ไม่ต้องเปลี่ยนถ่านบ่อยๆ ครับ
-
ถ้าตัดเรื่องความสะดวกสะบายไป มันก็สู้กัญแจธรรมดาไม่ได้อยู่แล้ว
ปล ใช้มาเจ็ดปีละ รีโมท ก็ยังไม่พังสักกะอัน เปลี่ยนแต่ถ่านอย่างเดียว
ปล2 ใช้ไปเหอะ ดีงามมาก อย่างอื่นพังก่อนอ่ะนะ ยิ่งถ้าเล็กพอที่จะใส่กระเป๋าสตางค์ได้ ยิ่งช่วยให้ไม่ลืมกระเป๋าสตางค์เวลาจะไปไหน เวลามืดๆ ยิ่งสะดวก ไม่ต้องลุ้นหารูกุญแจ ไม่ต้องควานหากุญแจ และที่สำคัญ
มันมักจะมากับ function เปิดประตู ฝากระโปรงท้ายแบบไม่ต้องใช้กุญแจด้วยอ่ะนะ
ไม่นับตัดเรื่องดอกกุญแจ ข่วนจอมือถือได้ทางอ้อม
-
มันเป็นออพชั่นที่ไม่ได้จำเป็นอะไรเลยนะครับ แถมยังทำให้เราขี้เกียจ และทำให้สมองของเราสูญเสียทักษะที่เกี่ยวข้องเช่นความจำไป เวลาเราไปขับคันที้ไม่มี push start ก็อาจจะทำให้เราลืมล็อคได้ แถมค่าซ่อมแพงถ้าเกิดพังครับ
-
PUSH START มีเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ต้องคลำหากุญแจเวลาเปิดรถ
ถ้าตัดความสะดวกสบายออก ผมก็มองว่ามันต้องแพ้กุญแจธรรมดา เช่น ถ่านหมดไว ค่าซ่อมแพง
ผมขอยกตัวอย่างมา 3 อัน คือ 1)Keyless 2)กุญแจรีโมท 3)กุญแจเพียวๆไม่มีรีโมท
ถ้ามองโดยตัดความสะดวกสบายออก ผมให้ 3 -> 2 -> 1 เพราะ 3 หล่นน้ำไม่พัง ถ่านไม่ต้องเปลี่ยน ประหยัดสุดๆ
ถ้ามองเรื่องความสะดวกสบาย ก็ 1 -> 2 -> 3
-
แบบ push start เสียยากกว่าครับ
การซ่อม push start ซ่อมง่ายเพราะจับเปลี่ยน
การใช้งาน กุญแจ ดั่งใจกว่า
-
ชอบpush startครับสะดวกมากขับรถิอเปล่าไม่ต้องล้วงกุญแจให้วุ่นวาย
-
แล้วแต่ชอบครับ
รถคันแรกในชีวิตผมใช้กุญแจเสียบ ก็อยู่กันได้ปรกติสุข ไม่ได้want ปุ่ม push start
เกลียดอย่างเดียวที่ดอกกุญแจพับไม่ได้ ใส่กระเป๋ากางเกงโคตรลำคาญ
ใช้มา 7 ปี เปลี่ยนถ่านไป 1 รอบ มันเริ่มปลดล็อคหน่วงๆเลยเปลี่ยนกันเหนียว
การเสียบกุญแจขนาดผมมือใหม่ไม่เคยมีรถก็ไม่เคยพลาด หรือหงุดหงิด
รถคันต่อมาใช้ Push start แรกๆไม่ชิน เวลาใช้โหมด Acc on กดผิด กดถูก ปรับตัวอยู่นาน
เบื่อเวลาจะเปิดรถทำอะไรแล้วมันต้องร้อง ต๊องๆๆๆๆๆ ตลอด ทำไงก็ไม่เงียบ
กูญแจไร้ดอกใส่กระเป๋ากางเกงสะดวกดี แต่ก็โคตรใหญ่ ทำเล็กๆไม่ได้หรือ(สำหรับรถPPVผมนะ) พวกเก๋งจะเล็กๆพกพาง่าย
เท่าที่รู้ถ่านรีโหมด 2ปีหมด เปลี่ยนเองได้ 45 บาท
ส่วนตัวได้หมด
แต่Push start มันจะมาพร้อมกับ กดเปิดประตู กับเปิดท้ายได้ทันที สะดวกกว่าตรงนี้
-
push start รำคาญเรื่องเดียวคือ ขับรถมาจอด กำลังฟังเพลงอยู่ จะดับเครื่อง โดยที่เพลงไม่ดับไปด้วย ทำไม่ได้ครับ (Nissan Pulsar นะ) นอกนั้นถือว่า สะดวกสบายกว่า แค่พกรีโมท เหน็บหูกางเกงไว้ ก็ปลดล็อค สตาร์ทได้ ไม่ต้องนั่งควานหากุญแจ
-
ผมกำลังคิดว่าน่าจะออกแบบ push start ให้เป็นแบบลูกบิดน่าจะสะดวกดี คือทำจังหวะแบบกุญแจบิดเลยที่มี off on start
จะได้เลือกว่าจะเปิดไฟรถแต่ไม่สตาร์ทเครื่อง หรือสตาร์ทไปเลยก็ได้
กุญแจก็เป็น keyless ไปเหมือนเดิม...
-
ทนทานพอกัน ใช้หน้าสัมผัสคล้ายกัน
ทุกวันนี้แทบไม่ซ่อม เปลี่ยนยกชุด
ราคา ตามยุคสมัย พอจ่ายไหว
กุญแจแบบบิด ใส่กระเป๋ากางเกงต้องแยกออกจากสมาร์ทโฟน ให้อยู่คนละฝั่ง ต่างจากที่เป็นรีโมท รวมกันได้ในกระเป๋าเดียวครับ
-
push start + keyless entry อย่างเดียวเท่านั้นครับ สำหรับตอนนี้ ถ้าไม่มีอาจไม่พิจารณา
สะดวกกว่ามาก และ ไม่ควรขี้เหนียวให้มีปุ่มกด ปิด-เปิดด้านเดียว ควรมีสองข้างในประตูหน้าด้วย
-
ผมกำลังคิดว่าน่าจะออกแบบ push start ให้เป็นแบบลูกบิดน่าจะสะดวกดี คือทำจังหวะแบบกุญแจบิดเลยที่มี off on start
จะได้เลือกว่าจะเปิดไฟรถแต่ไม่สตาร์ทเครื่อง หรือสตาร์ทไปเลยก็ได้
กุญแจก็เป็น keyless ไปเหมือนเดิม...
push start มันทำได้นะครับ ในยี่ห้ออื่นไม่รู้นะ แต่ในมาสด้า ถ้าจะเปิดไฟ แต่ไม่สตาร์ต ก็ไม่ต้องเหยียบเบรคตอนกด
ส่วนตอนดับเครื่องแต่ยังอยากฟังเพลงต่อก็เข้าเกียร N ก่อน แล้วกดดับ
ส่วนตัวมองว่า push start ซ่อมง่ายกว่า เพราะมันเป็นแค่สวิช ยกถอดเปลี่ยนน่าจะนิดเดียว(เดาเอา)
แต่ถ้าช่องเสียกุญแจเสียที คงรื้อเยอะ
-
push start รำคาญเรื่องเดียวคือ ขับรถมาจอด กำลังฟังเพลงอยู่ จะดับเครื่อง โดยที่เพลงไม่ดับไปด้วย ทำไม่ได้ครับ (Nissan Pulsar นะ) นอกนั้นถือว่า สะดวกสบายกว่า แค่พกรีโมท เหน็บหูกางเกงไว้ ก็ปลดล็อค สตาร์ทได้ ไม่ต้องนั่งควานหากุญแจ
คาเกียร์ N ไว้ครับ กดดับเครื่องแล้วค่อยไปเกียร์ P
ผมทำทุกเช้า เพลงไม่ดับจ้า
ถ้าไม่เอาสบาย เอาทนใช้นาน ก็กุญแจธรรมดาแหละครับ
ดีกันคนละแบบ แต่ส่วนตัว คันต่อไปก็ขอ keyless ดีกว่า
-
จากที่ใช้มา ผมชอบ push start นะครับ สะดวกดี
ถ่ายก็ 1ปี - 1.5ปี เปลี่ยนที ไม่ใช่ปัญหา 8)
-
ในเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ การบิดกุญแจและตามมาด้วยเสียงเครื่องมันมีความดิบ และมีอารมณ์ของการขับรถได้ดีกว่าครับ
-
Push Start มันทำให้เมียผมทำกุญแจดอกละหลายพันหายครับ start มาจากเมกะบางนา ถึงบ้าน หากุญแจไมเจอซะงั้น
ถ้าเป็นแบบเสียบ ไม่หายแน่นอน
-
ผมใช้มาทุกรูปแบบ ตั้งแต่เสียบดอกกุญแจ, กุญแจ+รีโมทเปิดประตู ยัน push start ตอนนี้ผมชอบ Push start mี่สุดครับ สะดวก สบาย ง่าย
เสียอย่างเดียว จะดับเครื่อง คากุญแจ เปิดวิทยุไม่ได้ มันส่งเสียงตลอดเวลา
-
push start รำคาญเรื่องเดียวคือ ขับรถมาจอด กำลังฟังเพลงอยู่ จะดับเครื่อง โดยที่เพลงไม่ดับไปด้วย ทำไม่ได้ครับ (Nissan Pulsar นะ) นอกนั้นถือว่า สะดวกสบายกว่า แค่พกรีโมท เหน็บหูกางเกงไว้ ก็ปลดล็อค สตาร์ทได้ ไม่ต้องนั่งควานหากุญแจ
ตอนจอดรถแล้ว เข้าเกียร์Pแล้ว ให้กดปุ่มstart ไวๆติดกัน2ครั้งครับ มันจะสลับมาที่ on ให้ ลองกับ teana j32ครับ
-
เมื่อเขาพัฒนากันมาทางนี้ น่าจะบอกได้ว่า Push Start ดีกว่าครับ
แต่ก็คิดถึงสมัยที่ใช้กุญแจเสียบบิดนะ วันนี้คนที่ใช้คันที่มีกุญแจเสียบบิดไปตปท. ก็ขับออกมาเองคืนความหลังสักหน่อย
-
ตอนนี้ใช้อยู่สามแบบ ทั้งกุญแจบิด, Push start และล่าสุดหมุนสวิตช์สตาร์ท ชอบหมุนสวิตช์สตาร์ทมากที่สุด สะดวกดีมาก ดับเครื่องแล้วยังมีไฟเลี้ยงระบบ จะฟังเพลงหรือทำอย่างอื่นต่อก็ได้สบายๆครับ
-
เรื่อง สะดวก ก็ push start
เรื่อง ดีกว่า ก็ push start
เรื่อง ทนทาง ใช้งานยาวกว่า ก็..........ยังไม่รู้ เพราะ pust start ก็ยังไม่เคยพัง
แต่ถ้าเอาตามหลักการ push start น่าจะมีหน้า contact ทองแดง(กุญแจบิดก็มีเช่นกันนะ) ซึ่งนานไป แบบว่ากด 1,000 ครั้ง 10,000 ครั้ง 100,000 ครั้ง คงพังตาม spec นั้นละ แต่ใช้งานจริงจนรถพังไม่รู้ถึงขนาดนั้นหรือป่าว
-
อันไหนดีกว่ากัน???
ผมว่ามีดี มีเสียครับ
Push start มันมากับ keyless entry ต้องคอยระวัง
- แบตตัวส่งสัญญาณหมด แม้ว่าจะไม่บ่อย
แต่ระบบกุญแจบิดสตาร์ทำม่ต้องกังวลจุดนี้
- ต้องคอยระวังเวลาสลับคนขับ ประเภทขับรถไปกับแฟน
ไปสนามบิน ถึงที่หมายแล้วเราลงแล้วเปลี่ยนคนขับให้แฟน
ขับรถไปทำธุระต่อ ปรากฎว่าลืม... กุญแจอยู่กับเรา
แต่แฟนขับรถออกไปแล้ว.... ถ้าแฟนไปทำธุระก่อนกลับบ้านก็จบข่าว
ดับเครื่องแล้วจบเลยครับ
-
ผมชอบ Push Start นะ ไม่ติดเรื่องใช้งานบนรถ แต่ชอบเอากุญแจเก็บไว้ในกระเป๋าข้าง ผมว่าแบบ Keyless มันสะดวกกว่า กุญแจมันจะยาวๆ อย่างของ Toyota ผมว่ากุญแจมันคมดี กลัวมันจะทำกระเป๋ากางเกงผมขาด __=
-
PUSH START มีเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ต้องคลำหากุญแจเวลาเปิดรถ
ถ้าตัดความสะดวกสบายออก ผมก็มองว่ามันต้องแพ้กุญแจธรรมดา เช่น ถ่านหมดไว ค่าซ่อมแพง
ผมขอยกตัวอย่างมา 3 อัน คือ 1)Keyless 2)กุญแจรีโมท 3)กุญแจเพียวๆไม่มีรีโมท
ถ้ามองโดยตัดความสะดวกสบายออก ผมให้ 3 -> 2 -> 1 เพราะ 3 หล่นน้ำไม่พัง ถ่านไม่ต้องเปลี่ยน ประหยัดสุดๆ
ถ้ามองเรื่องความสะดวกสบาย ก็ 1 -> 2 -> 3
+1
-
push start รำคาญเรื่องเดียวคือ ขับรถมาจอด กำลังฟังเพลงอยู่ จะดับเครื่อง โดยที่เพลงไม่ดับไปด้วย ทำไม่ได้ครับ (Nissan Pulsar นะ) นอกนั้นถือว่า สะดวกสบายกว่า แค่พกรีโมท เหน็บหูกางเกงไว้ ก็ปลดล็อค สตาร์ทได้ ไม่ต้องนั่งควานหากุญแจ
Revo ที่ผมใช้อยู่ก็แค่ดับเครื่อง แล้วก็กดใหม่อีกครั้งเดียวโดยไม่ต้องเหยียบเบรค มันก็เข้าโหมด ACC แล้วครับ
ถ้า Pulsar ทำไม่ได้ผมก็เพิ่งรู้นี่แหล่ะ เพราะปกติมันน่าจะทำได้ทุกคันครับ..
-
เรื่องแบตในตัวกุญแจหมด ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ
ก่อนหมด รถก็จะเตือนอยู่แล้วว่าแบตในกุญแจอ่อน ให้หาเปลี่ยน
และถ้าหมดจริง ก็แค่เอาตัวลูกกุญแจ ถอดออกมาไขประตู เข้าไปในรถ แล้วเอาตัวกุญแจแนบกับสวิทช์ push start จนหน้าจอบอกว่าพบกุญแจแล้วก็กดสตาร์ตได้เลย
ไม่มีปัญหาครับ กลับบ้านได้ก็หาเปลี่ยนได้เอง(ทุกยี่ห้อทำให้เปลี่ยนเองได้ มีในเล่มคู่มือรถ) ก้อนละ 25-35 บาทเองครับ
-
Tiida สิครับอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 แบบ มี keyless แต่สตร์ทด้วยการบิดปุ่ม
-
ถ้ากุญแจหาย. แบบไหนจะแก้ไขปัญหาได้ง่ายกว่ากันครับ
-
Push start ครับ เพราะไม่เคยทำกุญแจตกอีกเลย ไม่ว่าจะในรถหรือนอกตัวรถ
-
จากที่ใข้มามีไม่มีก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร บิดสตาร์ทก็ได้ฟิลลิ่งดี :-*
-
มันสะดวกสบายจนจะทำให้เราเป็นง่อยกันนะครับ
-
ไม่รู้อ่ะ แต่ผมชอบฟิลบิดมากกว่าเยอะ
:-* :-* :-*
-
มันสะดวกสบายดีครับ ถ้าใช้ push start จนชินได้ที่แล้ว วันไหนไปขับคันที่ไม่มี คุณก็จะเจ็บนิ้วมือครับ เพราะลืมเอานิ้วไปจิ้มรู้กุญแจแทน😂🤣😍😂🤣😍🤪🤪
-
Push Start ผมชอบมาก ไม่ต้องเอากุญแจเสียบ ยิ่งเวลารีบๆ แล้วเสียบกุญแจไม่เข้า จะหงุดหงิด
เวลาเอากุญแจใส่กระเป๋ากางเกง นานๆเข้า กระเป๋ากางเกงเป็นรู
ไม่ชอบเอากุญแจมาห้อยตรงหูกางเกง มันดูยังไงๆไม่รู้
เรื่องความทนทาน ผมไม่ค่อยห่วงนะ ถ้าของที่ใช้งานมันจะเสียบ้าง แต่ไม่ได้เสียบ่อยๆ แบบนี้รับได้ครับ(แต่ของผมยังไม่เคยเสียนะ)
อย่างทีวีรุ่นเก่า ก็ไม่มีรีโมท พอรุ่นใหม่ใช้รีโมท บางคนก็กังวลล่วงหน้า ว่าจะไม่ทน ซ่อมแพง บลาๆ