Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: alpha14 ที่ พฤษภาคม 18, 2017, 13:18:40
-
ไม่ทราบว่าข้อดีของมันคืออะไรครับ แล้วจะแตกต่างจาก รถที่มีอัตราเฟืองท้ายต่ำอย่างไร ในแง่ของการขับขี่
-
เหมือนขี่จักรยานเกียร์หนึ่งแหละ
-
เหมือนขี่จักรยานเกียร์หนึ่งแหละ
ตามนี้เลย การออกตัวง่ายขึ้น เหมาะกับรถที่มีแรงบิดต่ำหรือใช้บรรทุกของหนัก
-
ถ้ารถที่ใช้ CVT ผมว่ามันมีข้อดีเยอะครับ เพราะตัวเกียร์เองสามารถกดอัตราทดเฟืองเกียรสุดท้ายให้เท่า น้อยมากๆ ได้
นั่นแปลว่าแปลว่าอัตราเร่งจะดีขึ้นมาก
ลองดูตัวอย่าง
Yaris = เฟืองท้าย 5.833
CVT = 2.386 0.426
RATIO = 13.8 - 2.5
Mirage = เฟืองท้าย 3.757
CVT = 4.007 - .0.550
Ratio = 7.4 - 0.925
:P :P
-
รถเฟืองท้ายสูงจะออกตัวง่าย แม้บางคันเกีัยร์ 1 จะทดไม่สูงมากก็ตาม
และยังสามารถไหลคลานๆในซอยรอบต่ำ แล้วเครื่องกระตุกน้อยกว่า
-
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ครับ ได้ความรู้เลยครับ
-
-อัตราเร่งจัดขึ้นโดยไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเครื่องยนต์
-แต่ที่เห็นได้ชัดกว่าอัตราเร่งคือ ความเร็วปลายไหลดีขึ้นมากเพราะโหลดเครื่องน้อยลง
-แต่แน่นอน ว่ากินน้ำมันมากขึ้นและสิ้นเปลืองมากขึ้น
-เหมาะกับรถที่วิ่งสนาม หรือ ต้องการปลายให้ไหลมากขึ้น หรือพวกที่เปลี่ยนล้อใหญ่ๆมา เช่น mazda 2vs cx3 เป็นต้น
ลองอ่านบททดสอบที่ผมกับเพื่อนทำไว้ ตามลิงค์นี้ดูครับ
http://www.86brzthailand.com/index.php?topic=462.0
-
-อัตราเร่งจัดขึ้นโดยไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเครื่องยนต์
-แต่ที่เห็นได้ชัดกว่าอัตราเร่งคือ ความเร็วปลายไหลดีขึ้นมากเพราะโหลดเครื่องน้อยลง
-แต่แน่นอน ว่ากินน้ำมันมากขึ้นและสิ้นเปลืองมากขึ้น
-เหมาะกับรถที่วิ่งสนาม หรือ ต้องการปลายให้ไหลมากขึ้น หรือพวกที่เปลี่ยนล้อใหญ่ๆมา เช่น mazda 2vs cx3 เป็นต้น
ลองอ่านบททดสอบที่ผมกับเพื่อนทำไว้ ตามลิงค์นี้ดูครับ
http://www.86brzthailand.com/index.php?topic=462.0
เราคงเข้าใจความหมายของคำว่าปลายไหลไม่ตรงกันแล้วหล่ะครับ นี่คุณหมายถึงรอบในเกียร์สูงไหลดีขึ้นใช่มั๊ย ไม่ใช่ความเร็วมากขึ้นเนาะ
-
-อัตราเร่งจัดขึ้นโดยไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเครื่องยนต์
-แต่ที่เห็นได้ชัดกว่าอัตราเร่งคือ ความเร็วปลายไหลดีขึ้นมากเพราะโหลดเครื่องน้อยลง
-แต่แน่นอน ว่ากินน้ำมันมากขึ้นและสิ้นเปลืองมากขึ้น
-เหมาะกับรถที่วิ่งสนาม หรือ ต้องการปลายให้ไหลมากขึ้น หรือพวกที่เปลี่ยนล้อใหญ่ๆมา เช่น mazda 2vs cx3 เป็นต้น
ลองอ่านบททดสอบที่ผมกับเพื่อนทำไว้ ตามลิงค์นี้ดูครับ
http://www.86brzthailand.com/index.php?topic=462.0
เราคงเข้าใจความหมายของคำว่าปลายไหลไม่ตรงกันแล้วหล่ะครับ นี่คุณหมายถึงรอบในเกียร์สูงไหลดีขึ้นใช่มั๊ย ไม่ใช่ความเร็วมากขึ้นเนาะ
มันได้ทั้งสองอย่างครับ
อัตราเร่งช่วงปลายดีขึ้น หมายถึงช่วงเกิน200+นะครับ
และความเร็วสูงสุดมากขึ้นด้วย เพราะมันจะก่อนเปลี่ยนเฟือง มันจะตื้อที่ไม่เกิน230 ที่รอบต่ำกว่า (ความเร็วสูงสุดของรถผมไม่ได้อยู่ที่red lineครับ)
พอเปลี่ยนเฟืองที่ความเร็วเท่าเดิม เกียร์สุดท้ายเหมือนเดิม รอบสูงขึ้น ม้ามากขึ้น ฝ่าresistant ได้มากขึ้นมันเลยไปต่อได้อีกประมาณ240++กับรถNA ลองเข้าไปอ่านตามลิ้งค์ที่แนบดูก่อนครับ
-
อ่อ เก็ทละ
-
รถวิ่งช้ากว่า ออกตัวง่ายกว่า บรรทุกได้หนักกว่า กินแรงเครื่องน้อยกว่า วิ่งออฟโรดดีกว่ามากๆคุณสามารถพารถไปได้โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง บนพื้นฐานเครื่องกับเกัยร์เท่ากัน
-
สงสัยต่อครับ
รถ 2 คัน เหมือนกันทุกอย่าง แต่กันแค่เกียร์และเฟืองท้าย ... แต่อัตราทดรวมเท่ากัน สมมุติตัวเลข (เอาแค่เกียร์ 5 นะครับ) คันแรก เกียร์ 5 1.00 เฟืองท้าย 3.45 คันที่สองเกียร์ 5 0.84 เฟืองท้าย 4.11
แบบนี้ต่างกันไหมครับ
ปล. เคสนี้คือรถ e30 วางเครื่อง M42 ถ้าใช้เกียร์ M40 ของ e30 เอง จะเป็นแบบคันที่ 2 ถ้าใช้เกียร์ของ M42 e36 (ที่หายากกว่า) จะเป็นแบบคันแรก
-
ออฟโรด & บรรทุกหนัก ดี
เอาเข้าจริง อย่าไปมองที่เฟืองท้าย
บางคัน เฟืองท้ายใหญ่ แต่เกียรทดต่ำ คูณอัตราทดออกมา ได้เท่ากับรถเฟืองท้ายเล็ก
สำหรับผม อัตราทดมากๆ ใช้กับรถเล็ก เครื่องเล็ก ต้องใช้อัตราทดมาช่วย
กับรถบางคัน ยิ่งพวกเครื่องดีเซล ทดต่ำก็ไปไหว แรงบิดเครื่องมันเยอะ
แต่อย่าไปซีเรียสครับ ทุกวันนี้เราแทบไม่คุยเรื่องเฟืองท้ายถ้าไม่ใช่สายแดร๊ก สายออฟโรดหรือสายบรรทุกหนัก
-
ได้กำลังที่เพิ่มขึ้น ลากจุงได้ดีขึ้น แต่ Top Speed เช่นจากเดิม วิ่งได้ 200 อาจจะเหลือสัก 170 -180
-
สงสัยต่อครับ
รถ 2 คัน เหมือนกันทุกอย่าง แต่กันแค่เกียร์และเฟืองท้าย ... แต่อัตราทดรวมเท่ากัน สมมุติตัวเลข (เอาแค่เกียร์ 5 นะครับ) คันแรก เกียร์ 5 1.00 เฟืองท้าย 3.45 คันที่สองเกียร์ 5 0.84 เฟืองท้าย 4.11
แบบนี้ต่างกันไหมครับ
ปล. เคสนี้คือรถ e30 วางเครื่อง M42 ถ้าใช้เกียร์ M40 ของ e30 เอง จะเป็นแบบคันที่ 2 ถ้าใช้เกียร์ของ M42 e36 (ที่หายากกว่า) จะเป็นแบบคันแรก
ถ้า ณ เกียร์นั้นก็ไม่อะครับ
-
แรงถีบออกตัวดี
-
เคยเล่นเกมgt play2
เคยปรับเฟืองท้ายสูงขึ้น top speedเพิ่มขึ้นซะงั้น
เพราะที่เกียร์สูงสุดรถเร่งขึ้นไปไม่ไหว บางคันความเร็วสูงสุดที่เกียร์3-4 เกียร์5โอเวอร์ไดรฟ์ไว้ประหยัดน้ำมันรอบต่ำๆ
-
สงสัยต่อครับ
รถ 2 คัน เหมือนกันทุกอย่าง แต่กันแค่เกียร์และเฟืองท้าย ... แต่อัตราทดรวมเท่ากัน สมมุติตัวเลข (เอาแค่เกียร์ 5 นะครับ) คันแรก เกียร์ 5 1.00 เฟืองท้าย 3.45 คันที่สองเกียร์ 5 0.84 เฟืองท้าย 4.11
แบบนี้ต่างกันไหมครับ
ปล. เคสนี้คือรถ e30 วางเครื่อง M42 ถ้าใช้เกียร์ M40 ของ e30 เอง จะเป็นแบบคันที่ 2 ถ้าใช้เกียร์ของ M42 e36 (ที่หายากกว่า) จะเป็นแบบคันแรก
อันนี้ไม่เคยทดสอบแบบตรงๆครับ
แต่ถ้าเดียร์5เกียร์เดียวคิดว่าไม่ต่าง
แต่เกียร์ก่อนๆหน้านี้ เฟือง4.1น่าจะได่อัตราทดชิดกว่าเฟือง5.0 และ torque รถเฟือง4.1น่าจะเยอะกว่าครับ
-
รถออกตัวง่าย ไม่ต้องเปลื่ยนเกียร์บ่อย สามารถเร่งแซงที่เกียร์สูงได้ ก็ทำให้ประหยัดน้ำมันได้อีกเพราะไม่ต้องเปลื่ยนเกียร์ลงมา
แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนักรถ ขนาดยาง การจูนกำลังเครื่องยนต์ อัตราทดในแต่ละเกียร์ ถึงจะสัมพันธ์กับอัตราทดเฟืองท้าย
บางคันเฟืองท้ายทดต่ำ แต่เล่นอัตราทดเกียร์สูงก็มีนะครับ
-
-อัตราเร่งจัดขึ้นโดยไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเครื่องยนต์
-แต่ที่เห็นได้ชัดกว่าอัตราเร่งคือ ความเร็วปลายไหลดีขึ้นมากเพราะโหลดเครื่องน้อยลง
-แต่แน่นอน ว่ากินน้ำมันมากขึ้นและสิ้นเปลืองมากขึ้น
-เหมาะกับรถที่วิ่งสนาม หรือ ต้องการปลายให้ไหลมากขึ้น หรือพวกที่เปลี่ยนล้อใหญ่ๆมา เช่น mazda 2vs cx3 เป็นต้น
ลองอ่านบททดสอบที่ผมกับเพื่อนทำไว้ ตามลิงค์นี้ดูครับ
http://www.86brzthailand.com/index.php?topic=462.0
บางรุ่นคงได้ครับ แต่ ดีเซลเก่าอย่างผมถ้าเปลี่ยนให้สูงขึ้นก็ตันเร็วขึ้น
ของเดิม ใช้ 4.1 ผมไปได้แค่ 185
พอเปลี่ยนเป็น 3.7 ไปได้ 205
ก็แปลกดีครับ
:-X :-X :-X
-
เรื่องเกียร์ และ เฟือง มันต้องค่อยๆทำหาสูตรกันไปนะครับ
แก้ที่เกียร์สุดท้ายของรถก็ไปได้อีก ไหนจะคำนวณขนาดล้อเส้นรอบวง ก็ส่งผลทั้งนั้นครับ
-
ลองนึกถึง TOYOTA HILUX ของชาวดอย อย่างอมก๋อยดูครับ ผมเคยไปอยู่มา 15 วัน นั่งขึ้นๆลงๆ
รถเก่า ม้าน้อย แต่ทำไมขึ้นได้แบบชิวๆเลย แต่ทำความเร็วบนทางเรียบได้ต่ำ เพราะทดเฟืองท้ายเยอะกว่าปกติครับ
-
ขอบคุณบทความคุณkoko86และทุกคอมเม้นท์อีกทีครับ ได้เป็นความรู้มากมาย คิดไปคิดมาตอนเป็นวัยรุ่นเคยแต่งรถมอไซด์ ทดเสอร์หน้าหลังเพื่อให้เหมาะกับรอบเครื่องที่จัดขึ้น เนื่องจากโมเครื่องมา จึงต้องหาขนาดเฟืองทดเพื่อให้ความเร็วต้น และปลายได้สัมพันธ์กัน ถ้าเฟืองหลังใหญ่เกินปลายมันก็อืด แต่ออกตัวแรงมาก ต้องทดลงไปเรื่อยๆให้สมดุลย์กับระยะทางที่เราจะแข่ง
-
นึกถึงสมัยก่อน
แลนเซอร์อีคาร์ 1.5 เกียร์ออโต้ 3 จังหวะ ยาง 175/70R13 อัตราทดสุดท้าย 1.0 กับเฟืองท้าย 3.6 วิ่ง 100 รอบเครื่อง 3600 รอบ / 120 อยู่ 4100 รอบ (ถ้า 1.6 จะเป็นออโต้ 4 จังหวะ+ล็อคอัพคลัตช์)
ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ถือว่ารอบสูงมาก แต่ถ้ามองในแง่ของอัตราเร่งถือว่าพอใช้ได้ รวมถึงอัตราสี้นเปลืองที่จับได้ราวๆ 15 กม/ลิตร
ผมเคยสงสัยว่าเป็นไปได้ไง วิ่ง 120 รอบซัดไปสี่พันกว่าแต่ไม่ค่อยกินน้ำมันเท่าไร เลยถามวิศวกรของมิตซูยุคนั้น พี่เค้าตอบว่าเพราะเครื่อง 4G15 กำลังมันน้อย แรงบิดและแรงม้าอยู่รอบค่อนข้างสูง ถ้าใช้อัตราทดเกียร์ต่ำเกินรถจะไม่มีกำลัง ถึงจะเป็น 12 วาล์วก็เถอะ
อีกทั้งรอบเครื่องถึงจะดูว่าสูง แต่เมื่อสูงแค่รอบ แต่เราแตะคันเร่งแค่ 20 - 30% เท่านั้น อากาศเข้ามากแต่น้ำมันก็จ่ายไม่เยอะ เลยช่วยเรื่องความประหยัดน้ำมันได้อีก
ก็จริงอย่างที่เค้าว่าครับ ใช้มาสองแสนกว่ากิโลเมตรจนขายรถ อัตราสี้นเปลืองก็อยู่ระดับเดิม แถมเครื่องก็ยังไม่หลวมด้วยครับ