ถ้าจะเปรียบรถเป็นคน Sylphy Turbo เปรียบได้กับคุณลุงหน้าตาธรรมดา..หุ่นธรรมดา..ยิ้มๆ
พูดเสียงเบาๆ ที่นอนโยกเก้าอี้อ่านเพชรพระอุมาอยู่หน้าบ้าน แต่ข้างๆตัวลุงมีลูกซองแฝดดำเงา
อยู่ตลอดเวลา..
นั่นคือบุคลิกของรถประเภท Sleeper อย่างนี้ แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารถ Sleeper มีสองประเภท
คือประเภทที่ทำทุกอย่างมาพร้อมซิ่ง แต่ห่อหุ้มเรือนร่างภายนอกไว้ด้วยสิ่งที่ดูธรรมดา กับประเภทที่ 2 คือ
รถที่ทุกอย่างธรรมดาจริง มีไม่ธรรมดาอย่างเดียวคือเครื่องยนต์ ซึ่งในกรณีนี้ ผมนับเจ้า Sylphy Turbo
เป็นอย่างหลัง เพราะองค์ประกอบของรถทั้งคัน มันแทบจะเป็นรถบ้านธรรมดาคันนึง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือบรรยากาศภายใน การใช้งาน ความสบายของพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่วางขาซึ่งยาวมาก แอร์ออโต้
แบบ Dual Zone แล้วก็ยังมี Cruise control มีอุปกรณ์ความปลอดภัยมาครบ ถุงลม 6 ใบ VDC และอื่นๆอีกมาก
ซึ่งของเหล่านี้มันเป็นมรดกจากความเป็นรถบ้านที่เราชอบ มีไว้แล้วได้ประโยชน์
ส่วนข้อเสียคือการเซ็ตส่วนอื่นๆของรถนั้น มันก็ยังเป็นรถธรรมดาคันนึง พวงมาลัยน้ำหนักเบาไปนิดในความ
คิดผม อัตราทดพวงมาลัยออกแบบมาสำหรับรถธรรมดาที่มีความไวกลางๆ..คือมันไม่คล่องมือเวลาเลี้ยวโค้ง
แบบ Mazda 3 ช่วงล่างก็มาในสไตล์ญี่ปุ่นจ๋าคือตึงตังนิดๆที่ความเร็วต่ำ แต่เทโค้งแรงๆยังไงก็ยวบแบบรถบ้าน
แม้ว่าโช้คอัพจะหนืดกว่า Sylphy 1.8 ธรรมดา แต่ถ้าไม่ตั้งใจจับความรู้สึก..ผมเกือบคิดว่าเป็นโช้คชุดเดียวกัน
ด้วยซ้ำ
เรื่องช่วงล่าง..ผมว่ายังไม่จบ ถ้าวิ่งไม่เกิน 140 น่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าเกินนั้นไปมากๆ จุดอ่อนจะออกมามากขึ้น
ลักษณะนิสัยเหมือน Tiida คันที่ผมใช้อยู่มาก มันให้คุณมั่นใจถึงระดับหนึ่ง แต่พอผมแต่งเครื่องจนสามารถ
วิ่งทะลุ 190 ได้ เมื่อนั้นจุดอ่อนของช่วงล่างจะเผยตัวแบบเซอร์ไพรส์ เปลี่ยนจากมั่นใจเป็นหวั่นกลัวภายใน
ช่วงความเร็วที่ต่างกันไม่มากนั่นแหละ..ตรงนี้ผมยังมองว่าช่วงล่าง Sylphy ต่อให้เป็นตัว Turbo ก็ยังขาด
บุคลิกขี้เล่น สนุกสนานแบบ Mazda กับ Chevrolet Cruze และยังไม่มั่นหนึบนุ่มแบบ Ford Focus คู่แข่งที่
เปรียบกันแล้วใกล้เคียงที่สุดคือ Altis ESport ซึ่งถ้าให้พูดตรงๆผมว่าบนถนนขรุขระบางแบบ ESport
เก็บอาการได้ดีกว่า Sylphy เสียอีก แต่เวลาโยนโค้งแรงๆ ESport จะมีอาการท้ายปัด ในขณะที่ Sylphy จะใช้
VDC ในการช่วยจัดหน้ารถให้เข้าร่องเข้ารอยได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เครื่องยนต์..บอกได้เลยว่าแรงดีจริง MR16DDT 1.6 ลิตร 190 แรงม้า ใช้เทอร์โบขนาดค่อนข้างเล็ก
อินเตอร์คูลเลอร์แบบอากาศขนาดค่อนข้างเล็ก ดังนั้นแม้ CVT จะหลอกความรู้สึกตอนออกตัวเหมือนว่า
เป็นเครื่องที่รอรอบ แต่ความจริงมันเป็นเครื่องที่ติดบูสท์ไวมาก กดตรงไหนก็มีแรง 0-100 8.3 วินั้นเป็น
ตัวเลขที่เร็วใช้ได้ทั้งๆที่ไปเสียเวลากับกับหน่วงลิ้นถนอมเกียร์ช่วงออกตัวเยอะ ถ้าเซ็ตเกียร์ให้พลีชีพหน่อย
อย่าง X-Trail เราอาจได้เห็นเลข 7.6-7.7 วิกันก็ได้ อัตราเร่ง 80-120 ได้ 5.19 วิ ซึ่งไล่ๆกับ Golf GTi
และ Scirocco การสร้างพลังของ Sylphy Turbo ในช่วง 60-200 นั้นเรียกได้ว่าต่อเนื่องไหลดี ไหลเร็ว
ไม่มีรถป้ายแดงราคาต่ำกว่าล้านคันไหนที่สามารถไต่ความเร็วได้ดีขนาดนี้อีกแล้วในวันนี้ ส่วนการวิ่ง
ทำระยะ 1.5 กม. นั้น ได้ความเร็ว 203 ซึ่งเร็วกว่า Pulsar Turbo, Veloster Turbo และใกล้เคียง F30 320d
กับ 320i หลังจากนั้นกล่องจะเริ่มหรี่ลิ้นคันเร่งและความเร็วสูงสุด 218 นั่นก็จำกัดไว้เพราะช่วงล่าง
ยาง และเบรกมันรองรับแค่นั้น ส่วนพลังเครื่องกับเกียร์ยังไปต่อไหว..แต่อันตราย
ส่วนเกียร์ CVT พร้อมโหมด Manual นั้น การทำงานช่วงออกตัวจับพลังและดีดออกดีกว่าเกียร์
CVT ของ Subaru คือถ้าให้เทียบกับ CVT Jatco ลูกที่อยู่ในรถรุ่นธรรมดา เจ้า CVT ในตัวเทอร์โบนี่
ทำตามสั่งไวกว่า อาการยักเย่อของเกียร์น้อยกว่า มันดูเป็นเกียร์ที่ดีจนกระทั่งคุณได้ไปลองเกียร์
CVT ยุคใหม่กว่าอย่างใน X-Trail ซึ่งเวลากดเต็มเท้าแล้วจะพลีชีพช่วงออกตัวมากกว่า และมีการไล่รอบ
ส่งให้ด้วย..ทำให้รู้สึกอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกียร์ CVT ของเจ้านี่ดีเท่า X-Trail อัตราเร่งน่าจะดีกว่านี้
เบรกค่อนข้าง Linear เหยียบเท่าไหร่หยุดเท่านั้น ช่วงแป้นแรกๆจะไม่กดไปแล้วเจอความว่างเปล่า
แบบ Altis ส่วนผ้าเบรกติดรถ ก็ยังเป็นผ้าเบรกติดรถ ถ้าหยุดรถจากความเร็วสูงบ่อยๆเข้าก็มีอาการเฟด
ไม่ต่างจากรถบ้านทั่วไป
อัตราการสิ้นเปลือง เห็นตัวเลขวิ่งทางไกลแล้วอย่าดีใจไป ในชีวิตจริง ซัดทางด่วนแค่ 40 กิโลก็ส่งเข็มน้ำมันลง
ไป 1/7 ถังได้แล้ว เพราะเทอร์โบ on boost ตั้งแต่ 2,300 รอบ และคันเร่งนี่แตะ 1 นิ้ว รอบตวัดไป 2,700 แตะ
2 นิ้วรอบมา 3,400 เทอร์โบก็บูสท์อยู่เกือบตลอดและน้ำมันก็ต้องจ่ายหนาตลอด รู้สึกว่ามันซดหนักกว่า
Teana 2.5XV ซะอีก
ถ้ารถคันนี้ราคา 1.15 ล้าน ผมคงไม่สน เพราะเป็นรถที่ดูธรรมดา ทำทุกอย่างได้แบบกลางๆ เวลามันจอดนิ่งๆ
แล้วไปนั่งเล่น ผมรู้สึกว่า Altis ESport ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากถ้าไม่นับเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัย
แต่การที่นิสสันตั้งราคาไว้ 999,000 บาท (ตามในเว็บ) และมีการตกแต่งมาในระดับที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป
ของเล่นครบกว่า Pulsar Turbo และมีคุณค่าในตัวเองเหมือนเอา Altis ESport มาใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย
ครบๆ เพิ่มระบบนำทาง เพิ่ม Cruise control และเพิ่มม้าอีกราว 50 ตัวเข้าไปในราคาที่ต่างกันแสนบาท
ในสายตาคนชอบรถแรงๆแต่หน้าตาเรียบร้อย ขับผ่านด่านตำรวจสบายบรื๋อไม่โดนข้อหาดัดแปลงรถ..
ผมว่ามันคุ้ม และผมก็คิดว่ามันคุ้ม..แต่คนที่ไม่สนใจเรื่องความแรงคงบอกว่าแพงไร้สาระมั้งครับ
ดังนั้น..ก็อย่างที่บอกครับ ถ้าผมมีเงินล้านนึง และต้องหารถ C-Segment ใช้สักคัน ผมคงต้องไปกับ Sylphy Turbo
ผมมีปัญหาแค่ข้อเดียวที่ซีเรียสมากจริงๆครับ
คือผมไม่มีตังค์