Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: gunz13096 ที่ กันยายน 08, 2012, 22:54:05
-
ส่วนมากผมเห็นคนไทยเรามักจะเปลี่ยนรถทุกๆ4ปี (ไม่ว่าจะกระแสใดก็ตาม) แต่ผมคนนึงที่อยากใช้รถให้นานที่สุดแต่ก็กลัวความงี่เง่าของรถญี่ปุ่นที่ชอบงอแงไม่เข้าเรื่อง ผมเลยอยากรู้วิธีดูแลรถของน้าๆว่ามีวิธีอะไรที่สามารถยืดอายุรถให้ได้นานที่สุด (อยากได้ข้อเสนอแนะเผื่อจะได้ปรับใช้ครับ) ผมเชื่อท่านสมาชิกHLMต้องมีคนที่ใช้รถที่เกิน6ปี :)
-
ขอผมมี1คัน มาสด้าไฟเตอร์B2500ปี2000 เช็กตามระยะและช่อมตามอาการพยายามใช้ของแท้เท่าที่จะเป็นไปได้ตอนนี้วิ่งไป290,000กว่าแล้วยังโอเคอยู่ไม่ไปตายกลางทางให้เดือดร้อนเลย
-
รถที่บ้านผมอายุ 5 ปีขึ้นหมดทุกคันแล้ว(เข้าศูนย์ให้ศูนย์ฟันตลอด ;D) ก็เช็คตามปกติครับ(อย่างพวกของเหลวต่างๆ ชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ช่วงล่าง ฯลฯ) อันไหนเสียก็ซ่อม/เปลี่ยนทันทีครับ ;)
-
รถญี่ปุ่นงอแงยังไงเหรอครับ ผมว่าถ้าอยากใช้ยาวๆ ก็หาร้านเก่งๆ ทุกปัญหาแก้ได้ครับ รถญี่ปุ่นซ่อมง่ายกว่ารถยุโรปเยอะนะครับ ดูแลตามระยะดีๆไม่มีปัญหาหรอกครับ Mighty-X ผมจะ 20 ปีแล้ว เปลี่ยนโช้คไปครั้งเดียวเอง เหอๆ
-
รถญี่ปุ่นงอแงยังไงเหรอครับ ผมว่าถ้าอยากใช้ยาวๆ ก็หาร้านเก่งๆ ทุกปัญหาแก้ได้ครับ รถญี่ปุ่นซ่อมง่ายกว่ารถยุโรปเยอะนะครับ ดูแลตามระยะดีๆไม่มีปัญหาหรอกครับ Mighty-X ผมจะ 20 ปีแล้ว เปลี่ยนโช้คไปครั้งเดียวเอง เหอๆ
ทนมหากาพย์มากครับ :o
-
รถมันก็งอแงได้ทุกคันแหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราดูแลมันดีแค่ไหน
ถ้ารถมันเริ่มงอแง เราก็ต้องคอยตามง้อตามเอาใจ(ซ่อมและบำรุง)
ผมว่ารถมันใช้ได้เกิน 6 ปี ทุกคันแหละครับ เกิน 10 ปี ก็ย่อมได้
ที่บ้านผมมี AE92 อยู่คันนึง อายุมันเท่าผมเลย (20+)
ก็ซ่อมบำรุงตามอาการ ถ่ายของเหลวตามระยะเวลาอันสมควร
ใช้ตั้งแต่คุณพ่อหนุ่มๆ จนถึงรุ่นผม ผมก็ยังใช้มันอยู่
มียกเครื่องกับระบบช่วงล่างใหม่ ที่เปลี่ยนไม่ใช่เพราะพังนะครับ ยังใช้ได้ดี เก็บไว้ทั้งเครื่องและเกียร์เลย แต่ของเก่ามันแรงไม่พอ
คุณพ่อเคยคิดจะขาย แต่ขายไม่ลง คนซื้อหิ้วเงินมาถึงบ้าน ไล่กลับเฉย
พ่อผมบอกว่าขายไม่ลงจริงๆ มันผ่านอะไรมามากมายกับรถคันนี้ จนกลายเป็นความผูกพัน
ใช้รถคันไหนนานๆแล้วคุณจะรู้ครับว่ารถมันเป็นมากกว่ารถ เพราะมันเกินกว่าคำว่ารักจริงๆ
-
เปิดคู่มือรถ ทำตามนั้น ไม่ยากเกินความสามารถ
เปลี่ยนตามอายุ อย่ารอให้จุดนั้นเสียก่อน เพราะมันจะลามไปมีผลถึงส่วนอื่น
ทำตามที่บอก รับรองใช้เกิน 20 ปีแน่นอน
แต่ห้ามเกิดอุบัติเหตุแรงๆ นะครับ เพราะตัวถังที่ซ่อมมาไม่ดี อาจจะเกิดสนิมได้
-
อยากจะบอกว่า รถกระบะ DATSAN ของพ่อผม อายุ 30 กว่าปีแล้ว
แก่กว่าผมอีก ทุกวันนี้ยังอยู่เลย แต่จอดไว้เฉย ๆ โครงสร้างตัวถังเอามือกดไม่ลงเลยครับ
เสื่อมโทรมไปบ้างตามกาลเวลา กำลังจะเอาไปซ่อมบำรุงให้ใช้ได้อีกครั้ง
พ่อไม่ยอมขาย เพราะมีคุณค่าทางจิตใจ เลยอยากใช้มันอีกครั้ง
รถญี่ปุ่นทนจริง ๆ นะ ขอบอก
-
ถ้าเครื่อง ก็เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามมาตรฐานน้ำมันครับ ใช้ยาวแน่นอนครับ
และขับรถโดยไม่กระชาก ก็จะทำให้ทนทานขึั้้นอีกระดับครับ (ประหยัดด้วยครับ)
ใช้รถให้เหมาะสมกับลักษณะของมันครับ เช่นรถเก๋งก็ไม่ควรจะลุยมากครับ
ดูแลเบาะ ดูแลภายใน และดูแลภายนอก ล้าง เคลือบสี ซึ่งมันก็จะไม่ดูเก่ามาก ก็จะทำให้ไม่อยากจทิ้งมันด้วยครับ
-
ประการแรก ผมคิดว่า รถญี่ปุ่น ทำเครื่อง และระบบไฟฟ้า ระบบแอร์ ระบบความร้อน ทนกว่ารถยุโรปนะผมว่า
ส่วนการดูแลรถ ผมว่า เราก็ทำตามคู่มือ และที่สำคัญ ขับแบบปกติ ไม่ขับลากรอบเครื่อง คือไม่ขับทรมานรถ(เช่น ไม่สนใจอะไรเหยีบหนักๆอย่างเดียว ถนนเรียบไม่เรียบไม่สน กระชากได้กระชาก มุดได้มุด แบบนี้ผมว่า รถอะไรก็ไม่ทน)
ผมซื้อรถcity typez อายุ10 ปีมาใช้ ใช้มา15เดือนละ ยังไม่ได้ซ่อมอะไรเลย นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไปสองครั้ง ผมว่า รถญี่ปุ่นนี่แหละ ทนนัก
-
ใช้ แอคคอร์ดปี1999 13ปีแล้ว วิ่งไป300000kmแล้ว ตอนนี้ก็ยังวิ่งดี อัตราเร่งไม่มีตก
-
ผมว่าถึงเวลาก็เอารถเข้าเช็คระยะให้ตรงตามกำหนดก็ยืดอายุการใช้งานของรถให้อยู่กับเราได้นานเลยนะครับ อย่างผมใช้ altis ปี2001 นี่ก็ปาเข้าไป 11 ปีแล้วก็ยังแจ๋วอยู่นะครับ แต่ผมเอาเข้าเช็คศูนย์ตามกำหนดทุกระยะนะครับ แรกๆตอนใช้น้ำมันเครื่องปกติก็ 5000 โลเข้าเช็คที พอใช้น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ผมก็เปลี่ยนมาเข้าเช็คศูนย์ทุกๆ 10000 โลครับ ผมว่ารถญี่ปุ่นนี่ทนสุดๆ ไม่แพ้รถยุโรปเลยนะครับ
-
ไปฟังมาจากไหนเหรอครับที่ว่าคนไทยเปลี่ยนรถทุก 4 ปี
อันนั้นน่าจะญี่ปุ่นมากกว่านะ
ผมว่าใช้รถเกิน 6 ปีนี่ง่ายซะยิ่งกว่าปลอกกล้วยซะอีก
ใช้ธรรมดาเหยียบอย่างเดียวยังได้เกิน 6 ปีนะครับ
แต่วิธีที่ดีที่สุดคือเปิดอ่านคู่มือ(ของแสลงของคนไทยเรา) แล้วทำตามนั้นครับ
หมั่นเปิดฝากระโปรง อย่างน้อยก็สัปดาห์ละครั้ง ดูพวกระบบหล่อเย็น ท่อยางต่างๆ แบตเตอรี่ ว่าสภาพปกติสมบูรณ์ดีหรือไม่
หมั่นยกสายวัดระดับน้ำมันเครื่องขึ้นมาดูว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่
หมั่นก้มลงดูใต้ท้องรถว่ามีน้ำมัน หรือของเหลว หยด รั่ว ซึม ตรงไหนหรือไม่
ทำแบบนี้ ใช้ยาว 20 ปีครับ ;)
-
เกือบ 5 ปี ใช้ไป 45k โล น้อยเกินไม่รู้จะช่วยตอบยังไง
ผมว่า รถมันก็ตามราคา
ราคากำหนด คุณภาพของอุปกรณ์
แต่ของถูกบางครั้งก็ใช้ดี
-
บ้านผม 10 ปี เปลี่ยนครับ
เข้าศูนย์เช็คระยะ จนครับ แสนโล
หลังจากนั้นก็เข้าอู่ เปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมตามอาการครับ
รถสมัยนี้ อายุยืนนะครับ 10 ปีสบายๆ
-
ที่เปลี่ยนกัน 4 ปีผมว่า มาจากกิเลสทั้งนั้นเลยครับ
ทำไงได้ รถสมัยนี้ออกมาให้เลือกเยอะ แจ่มๆทั้งนั้น อิอิ
ส่วนทำไงให้อยู่ได้นานๆ ก็ถ้าอะไรมันเสียก็ซ่อมซะ อย่างดองไว้ครับ ไม่งั้นก็พังตามๆกันไป
ลูกหมาก จราบี รถกินซ้าย ขวา โช้ค ใส้กรอง ก็ตามระยะครับ 4-6 ปีสบายๆครับ
-
ส่วนมากผมเห็นคนไทยเรามักจะเปลี่ยนรถทุกๆ4ปี (ไม่ว่าจะกระแสใดก็ตาม) แต่ผมคนนึงที่อยากใช้รถให้นานที่สุดแต่ก็กลัวความงี่เง่าของรถญี่ปุ่นที่ชอบงอแงไม่เข้าเรื่อง ผมเลยอยากรู้วิธีดูแลรถของน้าๆว่ามีวิธีอะไรที่สามารถยืดอายุรถให้ได้นานที่สุด (อยากได้ข้อเสนอแนะเผื่อจะได้ปรับใช้ครับ) ผมเชื่อท่านสมาชิกHLMต้องมีคนที่ใช้รถที่เกิน6ปี :)
เรื่องแรกที่สำคัญที่สุด อ่านคู่มือรถ ศึกษาให้ละเอียดครับ ช่วยท่านได้เยอะมาก ศึกษาเรื่องการบำรุงรักษารถอย่างถูกวิธี ให้มากๆครับ รถจะอยู่กับท่านนานที่สุด
เรื่องที่สอง อย่างที่่หลายๆท่านบอกไว้ "กิเลส" ครับ ดังนั้น พอซื้อรถเสร็จ ห้ามอ่านเวปรถ หนังสือรถ และอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับรถใหม่ ;D ;D ;D ภรรยาผมเป็นอีกท่านครับ พอออกเจ้าตัว 250XV-SS มาไม่ถึง 3 เดือน เห็น Freed-MC, New Swiftตัวจริง, Full Review B-Class และอีกหลายๆกัน ก็บอกว่า เสียดาย น่าจะซื้อ คันนั้นนะ คันนี้นะ อยากได้อีกคันนะ หึหึหึ (ผมก็ได้แต่คิดในใจ ผมไม่ใช่โรงผลิตแบงค์ปลอมนะ จะได้หาเงินมาอย่างง่ายๆ :D)
และต้องทราบอีกอย่างครับ อะไหล่ในตัวรถ "พังได้" ครับ ดังนั้นต้องดูและ และเปลี่ยนเมื่อถึงเวลา รถสมัยใหม่ เขาทำอะไหล่มา พอดีกับอายุของมัน
ดูแลดีๆ เปลี่ยนอะไหล่ ของเหลวภายในรถ ตามอายุและสภาพการใช้งาน ก็ใช้ได้เป็นสิบๆปีแล้วครับ (ผมไม่ได้พูดแค่ 4-6ปีนะครับ แต่เป็น 10ปีขึ้นไป)
รถเช่าซื้อตามบริษัท เปลี่นทุก 36-60เดือน เพราะเขาไม่ต้องการบำรุงรักษารถ ไปมากกว่านั้น และมันมีเรื่องภาษีเช่าซื้อ หักVAT มาเกี่ยวข้อง เขาถึงเปลี่ยนในระยะเวลาประมาณนั้นครับ (เรื่องนี้พูดยาวมาก ขอไม่อธิบายเยอะครับ)
-
เพิ่งรู้นะครับนี่ว่าคนไทยส่วนมากเปลี่ยนรถกัน 4 ปี
เท่าที่รู้ หลายๆคนผ่อนกันยังไม่หมดนะครับ
คันแรกที่ผมซื้อก็ยังอยู่กะผม 16 ปี มาแล้ว
เรื่องการดูแลรักษา ก็ทำตามคู่มือเลยครับ
-
crv g1 2001 11ขวบเข้าไปแล้ว ทุกวันนี้ยังใช้คันนี้อยู่ ;D ของผมซ่อมตามอาการ รู้สึกมีอะไรแปลกๆเมื่อไหร่เข้าอู่เมื่อนั้นเลย
-
หมั่นเช็คตามระยะ และเปลี่ยนพวกกรองน้ำมันต่างๆ ต้องเป็นของแท้นะครับ
ของเทียบความละเอียดต่างกับของแท้มาก
ส่วนพวกช่วงล่าง บู๊ท ลูกหมาก ถ้าเจอรั่วก็ต้องเปลี่ยน
อาจจะเปลี่ยนข้างเดียวก่อน หรือเปลี่ยนคู่ก็ได้ แล้วแต่สะดวก
หมั่นเปิดฝากระโปรง ดูความบกพร่องต่างๆ ยิ่งถ้ารถเกิน 4 ปี (รถยุโรปหลัง แสนโลแล้ว ท่อยางชอบมีปัญหา สายไฟชอบกรอบ)
***ส่วนตัวนะคับ
ล้างรถเองบ่อยๆ เช็ดห้องเครื่องบ่อย จะได้ผูกผัน และได้สังเกตุการเปลี่ยนแปลงต่างๆของรถด้วยครับ
-
รถบ้านผมเกิน 10 ปีทุกคัน ก็ใช้ปรกติครับทั้งรถญี่ปุ่นและฝรั่ง รถญี่ปุ่นที่เก่าที่สุดที่เคยใช้งานแบบประจำแทบทุกวันคือ Toyota Corona ST150 1.8GL ปี 1988 ใช้เมื่อปี 49-51 ขึ้นลงเชียงใหม่นับครั้งไม่ถ้วน แถมไปยอดดอยอินทนนท์ด้วย ขับเดินทางด้วยความเร็ว 140-160 ประจำ ตลอดเวลาที่ใช้มีแค่ถ่ายของเหลวตรงเวลา กับเปลี่ยนผ้าเบรคครับ ไม่มีปัญหาใดๆเลย ถ้ารถฝรั่งเก่าสุดก็ Valiant VE V8 ปี 1966 ขับใช้สลับกับคันอื่น ขับเชียงใหม่มากทม. ไปพัทยา ใช้อยู่ช่วงปี 46-48 มันก็ไม่เห็นมีปัญหาเลยครับ คันนี้ก็ถ่ายของเหลวตามปรกติ ตอนนี้จอดไว้เฉยๆแล้วเพราะสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว อันนี้นับเฉพาะรถตัวเองนะครับ ถ้ารถคนอื่นผมเคยขับ Bluebird U810 เครื่องZ18Turbo เก่าพอกับรถ ไปเชียงใหม่วิ่ง 140-160ก็ปรกติ เจ้าของรถก็ว่าไม่ได้ดูแลอะไรพิเศษ ถ้ารถอื่นที่ไม่เก่าที่สุด แต่ไปไกลเป็นพิเศษ คือ Mitsubishi Galant GTi ปี92เครืองเดิมวิ่งลาวเหนือ-ใต้ Crown JZS133ปี94วิ่ง หลวงพระบาง Opel Astra 1.6 Ecotecปี96 วิ่ง กัวลาร์ลัมเปอร์ เก็นติ้ง คาเมรอน Citroen Xantia ปี96และBenz C280ปี96 วิ่งสิงคโปร์ มี Citroen คันเดียวที่ต้องแก้ปัญหาในระหว่างทริป รถผมทุกคันดูแลเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะ ถ่ายของเหลวตรงเวลา หมั่นเช็คชิ้นส่วนประเภทท่อยางถ้าเก่ากรอบเปลี่ยนทันที สายพาน คอยล์ หัวเทียน เริ่มเก่าเปลี่ยนทันที เวลาถอยรถจากที่จอดดูพื้นว่ามีอะไรหยดไหม ถ้ามี หาที่ขึ้นฮ้อยยกดูทันที เมื่อต้องยกแล้วจะรวดดูช่วงล่าง ศึกษาปัญหาที่เป็นจุดอ่อนเฉพาะรุ่นตามเว็บชมรม
-
สำหรับก็ดูแลบำรุงรักษาตามอายุครับ แล้วถ้ารถยิ่งอายุเยอะแล้ว อะไรเสีย อะไรเปลี่ยนควรเปลี่ยนก็เปลี่ยนครับ ถึงแม้บางอย่างจะยังใช้ได้ก้ตามถ้าถึงอายุก็เปลี่ยนซะ ไม่งั้นมันจะลามแล้วก็ลามครับ
-
ของผมก็ 9 ปีไปแล้วครับ วิ่งไป 21xxxx แล้ว ก็เข้าศูนย์เช็คตามปกติทุกรอบเสียตรงไหนก็เปลี่ยนครับ
-
รถที่บ้านผมก็จะ10ปีกันเกือบหมดแล้วครับ
แต่พอดีที่บ้านใช้รถไม่มากเท่าไหร่
Camry 2.4Q 2003 วิ่งไป 9x,xxx
Altis 1.6E 2003 วิ่งไป 11x,xxx
เข้าศูนย์เช็คตามระยะ อะไรเสียหรือใกล้เสียก็เปลี่ยนเลย
บางอย่างมันก็เสื่อมตามอายุ ไม่ได้เสื่อมตามระยะทางเพียงอย่างเดียว
-
-ไม่โมดิฟายเครื่องยนต์
-ไม่ตกแต่งดัดแปลงช่วงล่าง
-อย่าชน
-ซ่อมบำรุงตามระยะ
-อะไหล่ที่เสีย เปลี่ยน ไม่ต้องซ่อม
เพียงเท่านี้ มันก็จะอยู่กับเราไปนานแสนนานครับ
-
มีคันเดียวที่เปลี่ยนก่อน 4 ปีครับ
Isuzu D-max 2.5 SLX Spacecab M/T เ
พราะซื้อมาผิดเครื่อง เอา 2.5 กำลังน้อยไปหน่อย
พอดีต้องบรรทุกเยอะ
นอกนั้นเกินไปเยอะแล้วครับ 4 ปี
2000 Nissan Cefiro 25x,xxx กม.
2002 Toyota Corolla Altis 19x,xxx กม.
2004 Nissan Frontier 19x,xxx กม.
เท่าที่ใช้มาก็แค่เช็คตามระยะ ตรงไหนเสียก็ซ่อม
เช่น เปลี่ยนโช๊ค ผ้าเบรค แค่นั้นเลยครับ
-
ที่ใช้อยู่ ปัจจุบัน นี่
10 ปีแล้วครับ
วิ่งไปกลาง 12X,XXX
ก็ดูแลรักษาปกติ รู้ว่าต้องจอดกลางแดดนานๆ ก็หาผ้าคลุม คอนโซล ไว้บ้าง
ทำความสะอาดข้างในบ่อยๆ จาระบี ก็ป้ายเท่าที่จำเป็น
ยกคลัชต์แล้ว 1 ครั้ง ผ้าเบรค หน้า-หลัง เปลี่ยนหม้อน้ำ
อ้อรถผมเพิ่มแรงที่เครื่องด้วยนะ อาศัยว่า รู้ลิมิตรถ ก็พอแล้ว หลายคนก็บอกว่า นึกว่ารถ 6-7 ปี
แอบปลื้มในใจ ;D
-
ส่วนมากผมเห็นคนไทยเรามักจะเปลี่ยนรถทุกๆ4ปี (ไม่ว่าจะกระแสใดก็ตาม) แต่ผมคนนึงที่อยากใช้รถให้นานที่สุดแต่ก็กลัวความงี่เง่าของรถญี่ปุ่นที่ชอบงอแงไม่เข้าเรื่อง ผมเลยอยากรู้วิธีดูแลรถของน้าๆว่ามีวิธีอะไรที่สามารถยืดอายุรถให้ได้นานที่สุด (อยากได้ข้อเสนอแนะเผื่อจะได้ปรับใช้ครับ) ผมเชื่อท่านสมาชิกHLMต้องมีคนที่ใช้รถที่เกิน6ปี :)
๑. เช็คตามระยะ .... ก็ว่ากันตามคู่มือ
๒. ซ่อมตามอาการ .... อะไรเสีย ก็หาเงินมาจัดการซะ อย่าทิ้งไว้นาน
๓. อย่างกไม่เข้าเรื่อง .... ของแท้ ของเทียบ ของบิ้ว .... ผมใช้แต่ของแท้ครับ แบบว่าทำตัวเป็นลูกค้าที่ดีโดยการหาเงินมาจ่ายช่างครับ
ผมไม่คิดว่าจะใช้รถคันเดียวตลอดชีวิตครับ แต่ก็อยากให้รถที่เราใช้ อยู่กับเราได้คุ้มค่าที่สุดเหมือนกันครับ
-
เรนเจอร์ 8 ช่องอายุเกือบ 11 ปีที่ขายไปเข้าศูนย์ทุกครั้งจนขายไป ได้ราคา 2 แสนกว่าบาทตอนซื้อ 6 แสนเกือบ 7 แสน ไม่เคยทำสีรถเดิมๆ ไม่เคยชนหนัก แค่นี้ครับราคาถือว่าคุ้มมาก
-
ผมว่า ถ้าดูแลตามระยะ แล้วไม่ไปยำเละเทะ รถ 6 ปีนี่ ยังดีอยู่เลยนะครับ
ในทางตรงกันข้าม ถ้าขับอย่างเดียว เข้าศุนย์บ้างไม่เข้าบ้าง
วอมไม่เคย รันอินไม่เคย เผลอๆ 3 ปีก็เริ่มเน่าแล้วครับ
-
แคมรี่ของคุณพ่อผม ปีที่ 10 แล้ว
ช่วงล่างแน่น เบรคดี นั่งสบายเหมือนเดิม
ปลาย 200+ ขับประหยัดๆก็ได้ 13-14 โลลิตร
สมัยป้ายแดงมายังไง ตอนนี้ คุณภาพรถยัง 90-95% จากสมัยป้ายแดง
วีออส(รถผม) ปีที่ 6
อัดเต็มทีน 5-6 พันรอบเป็นเรื่องปกติ ออกตัวแรง เบรคแรง เข้าโค้งแรงๆ
รูดทางรถไฟ เจอหลังเต่าไม่เบรค ลุยหมด ทางขรุขระไม่สนใจ ทางฝุ่นก็วิ่งมาแล้ว
รถเครื่องแค่ 1.5 ออโต้ วิ่ง 140-160 สบายๆ ขับประหยัดๆได้ 14-16 โลลิตร ปลาย 180+
มีพรีอุสอีกคัน เพิ่ง 6 เดือน
ตอนนี้ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้ ที่แน่ๆมันคงเป็นรถที่น่าสงสาร เหมือนคันอื่นๆ
เคล็ดลับของผม ง่ายๆ
1. วอร์มอัพเครื่อง
เปิดแอร์ เปิดวิทยุ เดินไปเปิดประตูบ้าน อย่างต่ำๆก็ 30 วิ ให้ได้อุ่นเครื่องซักหน่อย
2. วอร์มดาวน์ ก่อนเข้าบ้าน ขับในหมู่บ้านก็ขับเบาๆหน่อย
3. ค่อยๆเบรค ค่อยๆวิ่งทุกเช้า ให้จานเบรคร้อน ให้ช่วงล่างได้ขยับ เหมือนคน ยืดเส้นยืดสายตอนตื่นนอน
ที่เหลือ ปล่อยให้ศูนย์จัดการ
แค่นี้เอง 8-10 ปี สบายๆ
-
แค่ 6 ปีนี่ จิ๊บๆมากครับ ตามเพื่อนๆข้างบนว่าไว้เลย แค่ไม่ใช้งานหนักจนเกินไป ตรวจสอบตามระยะและตามอาการ เสียแล้วรีบซ่อม
-
ขับรถในไทย ของเหลวบางอย่างเปลี่ยนเร็วกว่าเดิมนิดนึง
อย่างน้ำมันเกียร์ CVT เขาให้ 40000 บางคนจัดที่ 2 หมื่นกันเลย
แต่ผมก็เปลี่ยน 4หมื่นนะ ไม่พบปัญหาใดๆ เร่งได้ปกติ
ผมก็เข้าศูนย์ตามระยะ แล้วก็มารีเซ็ตเกียร์ CVT เอง ทุกปี ปีละ 2 ครั้ง
ตอนขึ้นแสนโล ล้างลิ้นปีกผีเสื้อไป 1 รอบ
วันที่ขายแจ็สทิ้งไป วิ่งมาแล้ว แสนหนึ่งหมื่นโล
มีเสียงแคร่ก จากการสับ N ไป D
เผอิญไม่ได้ไปเปลี่ยนยางแท่นเครื่องมา
ส่วนครัชต์คอมแอร์ที่ว่ามีปัญหาเมื่อขึ้นหลักแสน
ก็ไม่มีปัญหาใดๆ แอร์เย็นปกติ พัดลมหมุนทุกตัว
อ่อ ที่พอจำได้ ผ้าเบรคหน้าขวาหมด แล้ววิ่งจนเหล็กที่ตรวจความหนาของผ้า
ไปสีกับจานจนหลุดหักไปเอง จนวันขายก็ไม่ได้เปลี่ยน
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนใช้คนอื่นไป(แอบโยนขี้เล็กๆ 555+)
-
อย่างกไม่เข้าท่าเวลาต้องจ่ายครับ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องใช้สังเคราะห์100%อย่าหวังเอาถูกๆของป.ต.ท.เพราะการสึกหรอเกิดขึ้นสูงสุดตอนติดเครื่องครั้งแรก ถ้าชั้นน้ำมันไม่ดีจริงปกป้องช่วงติดเครื่องไม่ได้เลย สองคืออย่างกมองหาแต่อะไหล่ของปลอมกับของมือสอง นิสัยคนไทยคือชอบเขียมงกไม่เข้าท่า อะไหล่เสียขึ้นมาจะมองหาแต่ของปลอมกับของที่ถอกมาจากรถเก่าเชียงกง ของพวกนี้ยังไงก็ไม่ทนทานเท่าอะไหล่แท้แน่นอน เงินไม่กี่บาทที่ประหยัดได้จากอะไหล่ปลอมในระยะยาวมันจะนำมาซึ่งภาระที่มากขึ้นเพราะมันพาให้ส่วนอื่นๆพลอยเสียไปด้วย เคยตั้งข้อสังเกตุทีนึงว่ารถตลาดๆอย่างโตดยต้าฮอนด้ามักจะจอดเสียกลางทางด่วนหรือทางต่างจังหวัดบ่อยๆ ในขณะที่รถยี่ห้อที่คนไทยไม่นิยมชอบครหากันว่าเสียบ่อยๆอย่างนิสสัน มิตซูบิชิ มาสด้า อะไรพวกนี้ผมยังไม่เคยเห็นเสียกลางทางเลยสักที คาดว่าน่าจะเป็นเพราะว่ารถพวกนี้ไม่มีอะไหล่ปลอมนี่แหละ เวลาเปลี่ยนเลยต้องใช้แต่ของแท้มันเลยทนทานไม่เกเรพาให้พังระหว่างการใช้งาน ::)
-
เข้าปีที่ 6 แล้ว ไม่ได้ดูแลอะไรเลย แค่เอาเข้าศูนย์ตามเวลา
พอเขลอะๆก็เอาไปล้าง แค่นี้เอง
ผมว่าที่เปลี่ยนกันบ่อยๆ ทุกสี่ปีห้าปีนั่น คือผ่อนคันเก่าหมดแล้วมันกระสันมากกว่า
-
ประสบการณ์ผมใช้รถพังคามือมา 3 คันครับ
เพราะตอนใช้รถใหม่ ๆ ยังไม่ได้ศึกษาอะไรมาก มีความเข้าใจผิดอยู่หลายเรื่อง
พอรู้มากเข้า city คันล่าสุดที่ขายไปก็อายุ 10 ปี สภาพยังดีมาก ๆ มีคนมาขอซื้อให้ราคาสูงกว่าเต้นครับ
หัวหน้าช่างของศูนย์ฮอนด้าเองก็ยังขอซื้อเลย
วิธีการก็คือ
1. ศึกษาคู่มือให้ละเอีดยอย่างที่หลาย ๆ ท่านแนะนำมาครับ และให้ทำตามคู่มืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายของเหลวหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ตามระยะที่คู่มือกำหนด
2. ต้องดูว่าลักษณะการใช้งานของเราเองเป็นอย่างไร เพราะต้องมีการปรับระยะในข้อ 1. ให้เหมาะกับการใช้งานของเราด้วย บางยี่ห้อในคู่มือก็จะบอกมาละเอียด แต่คู่มือของรถบางยี่ห้อก็ทำมาได้ไม่ละเอียดนะครับ เช่นหากรถเราใช้งานน้อย จอดเฉย ๆ บ้าง เอาออกมาขับบ้าง อาทิตย์นึงอาจจะเอาออกมาขับแค่สามวัน ที่เหลือก็จอดเฉย ๆ หรือใช้ทุกวันแต่ใช้ในสภาพการจราจรติดขัด วิ่ง ๆ หยุด ๆ
การใช้รถลักษณะเช่นนี้ ถือว่ารถใช้งานหนักนะครับ จำเป็นต้องใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงเช่น สังเคราะห์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และถ้าเปลี่ยนถ่ายก่อนกำหนดในคูุ่มือด้วยก็จะยิ่งดี น้ำมันเกียร์ก็เช่นกัน หากใช้รถในสภาพการจราจรติดขัด รถจะต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย น้ำมันเกียร์ก็ควรเปลี่ยนก่อนกำหนดในคู่มือครับ
หรือหากใช้ในสภาพที่ถนนมีฝุ่นเยอะก็ทำนองเดียวกันครับ
3. เมื่อใกล้จะถึงระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายของเหลวหรืออุปกรณ์อะไรก็ตาม ให้เจ้าของรถทำรายการเอาไว้เองเลยครับ แล้วจึงนำรถเข้าศูนย์ให้ช่างเช็คดูว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เอารายการของช่างกับของเรามาเทียบกันดูอีกทีครับ เราจะต้องให้ช่างทำตามที่เรากำหนดซึ่งเราเอามาจากคู่มือรถ
เหตุผลก็เพราะ เจ้าของรถอย่าไปพึ่งช่างมากเกินไปครับ บางคนก็รู้ไม่จริง บางคนก็ขี้เกียจทำงาน รายการที่ควรเปลี่ยนก็บอกกับเจ้าของรถว่าไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ อันนี้ผมเจอมาเยอะมากครับ แล้วมีครั้งนึงที่ช่างไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันกียร์ให้ ซึ่งตามคู่มือต้องเปลี่ยนแล้ว ปรากฎว่าพอผมใช้งานไปได้อีกเกือบ ๆ ปี เกียร์ก็มีปัญหาครับ หรือบางทียังไม่ถึงกำหนดเปลี่ยน แต่ช่างดันเปลี่ยนให้ มันก็สิ้นเปลืองอีกครับ
4. เรื่องของล้อและยาง ควรทำการสลับยางพร้อมทั้งตั้งศูนย์ล้อ เมื่อครบระยะหมื่นกิโล จากนั้นทุกหมื่นกิโลให้สลับยางครับ
อันนี้ต้องหาร้านเก่ง ๆ ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทำให้จะดีกว่าใช้ศูนย์ทำนะครับ ช่างที่ศูนย์ก็อาจจะมีคนที่เชี่ยว๙าญทำ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีครับ
5. การดูแลตัวถังและสีรถ ต้องยอมเหนื่อยหน่อยนะครับ คือต้องล้างรถสม่ำเสมอและล้างทุกครั้งที่รถสกปรก นอกจากนี้ก็พยายามเคลือบสีรถเป็นประจำ ใช้เกรดกลาง ๆ ก็ได้ครับ แต่ต้องเคลือบบ่อยหน่อยอาจจะสองเดือนครั้ง ข้อนี้ทำเองได้ควรทำเองครับ แต่ถ้ามีร้านมืออาชีพฝีมือดี ๆ ก็อาจจะเข้าร้านก็ได้
เพราะหากไปเจอร้านที่ช่างไม่เก่ง รับรองว่าได้รอยขนแมวแถมมาแน่ ๆ ครับ
-
โอย...4 ปียังผ่อนไม่หมดเลยนะครับ ;D
prius ผมคันนี้ผ่อนหมด 5 ปีคงวิ่งไป 225,000 โลแน่นอนครับ ::)