อย่าเพิ่งสับสนระหว่าง ดิสเบรค 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ กับอาการล้อล็อกตายนะครับ
ระบบเบรคแบบที่เห็นในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีให้เห็นชัดๆอยู่ก็คือ
1. ดรัมเบรค
เริ่มต้นในยุค 1902 โดย ลูอิส เรโนลต์
2. ดิสก์เบรค
โดย รูปแบบที่เห็นคล้ายปัจจุบันจะเริ่มยุค 1950s แต่ต้นแบบมีตั้งแต่ 1890s
ทั้งสองระบบมีหน้าที่เดียวกัน คือ "ชะลอความเร็ว" ดรัมเบรกจะเหมาะกับรถที่มีการบรรทุกหนัก เพราะแรงเบรกของดรัมเบรก
มีมากกว่าดิสก์เบรก ที่มีรัศมีจานเบรกเท่ากัน แต่ ดิสก์เบรก จะเหมาะกับรถที่มีการขับขี่แบบสปอร์ต เพราะสามารถระบายความร้อน
จากการเบรกได้เร็วกว่าดรัม
Trend ในการใช้"ดิสก์เบรกหลัง" ในรถระดับกลางหรือล่างยุคปัจจุบันนี้ ลดน้อยลง เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า
ไม่ว่า จะเป็นดรัมหลัง หรือ ดิสก์หลัง "ประสิทธิภาพ" การทำงาน "ไม่แตกต่าง" ซ้ำยังเป็นการเพิ่ม Cost อีกด้วยในการใช้ ดิสก์
อันเป็นผลมาจากการพัฒนาให้ระบบนี้ ทำงานได้แม่นยำขึ้นและมีประสิทธิภาพขึ้น ในช่วง 20 ปีที่่ผ่านมา
ซึ่่งทำให้เราคงจะได้เห็นการใช้ หน้าดิสก์ หลังดรัม ต่อไป
ส่วนในเรื่องของอาการล้อล็อก เกิดจาก อาการที่ หน้าสัมผัสยางกับถนน มีแรงเสียดทานน้อยกว่า ผ้าเบรคและจาน (ไม่ว่าจะแบบไหน)
ทำให้้ล้อหยุดหมุน แต่รถยังไถลไปข้างหน้า ซึ่งอาการนี้ แก้ด้วยระบบป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายน้ำหนักเบรก EBD
ข้อมูล wikipedia , Edmunds.com
สำหรับคำถามของ จขกท. ยังไงล้อก็เบรกทั้งสี่ล้อครับ ไม่ได้เบรกแค่สองล้อหน้าจนล็อก