ผู้เขียน หัวข้อ: ส่งเสริม”รถยนต์ไฟฟ้า”เลิกเกรงใจขาใหญ่ได้แล้ว  (อ่าน 6861 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์

ออฟไลน์ onbit40

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 215
ตรงโคตร แอบดีใจ ฮ้าๆ

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
ในตอนนี้ผมว่าในหลายสือมักเอ่ยถึงรถยนต์ไฟฟ้าเพียงด้านเดียวนะครับ  อย่างแบตเตอรี่ ที่เสื่อมสภาพยังเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมนะครับถ้าหากกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นมีเจ้าไหนรับรีไซเคิลแบตเตอรี่เหล่านี้เลย  และยังมีขอจำกัดในหลายด้านของสภาวะแวดล้อมของประเทศไทยที่ทำให้ประสิทธิภาพของแบตลดลง  กับพฤติกรรมการใช้รถของคนไทยที่ใช้รถยนต์อย่างคุ้มค่าจริงๆ เกรงว่าจะไม่เหมาะกับคนไทย และหากว่ารถไฟฟ้าจะมีชิ้นส่วนน้อยก็ตาม  แต่ค่าอะไหล่ต่างๆน่าจะแพงน่าดูครับ  ยังไม่รวมถึงค่าไฟที่จะแพงขึ้นมาเพราะการใช้เพิ่มขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 01:27:10 โดย deertesla »

ออฟไลน์ CNX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,300
    • อีเมล์
มันควรต้องมีแบบประเทศพัฒนาเค้ามีกันอยู่แล้ว
ติดที่การเมือง การธุรกิจ อะไรทั้งหลายแหล่ที่มันฉุดรั้ง ให้เราจมอยู่อย่างนี้
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,634
  รายละเอียดเรื่องรถไฟฟ้า   คนส่วนใหญ่พยายามเชียร์กันเต็มที่  แต่ข้อเท๊จจริงที่พยายามชี้แจงก็คือ

  1,    ประเทศฯญี่ปุ่นมีรถไฟฟ้าก่อนเรา 10  ปี  ทุกวันนี้ยอดขายรถไฟฟ้ามันก็ไม่ได้เยอะ
  2.    สถานีรถไฟฟ้าที่ชาร์จ ใน ตปท มันก็ไม่ได้เยอะ       แต่คนไทยหวังให้ประเทศไทยมีสถานีชาร์จกันเยอะ ๆ    ซึ่งมันผิดจุดประสงค์
  3.  การกำจัดแบตเตอรี่   เห็น อ พัฒนเดช แกบอกว่ามีประเทศเดียวมั้งที่ทำได้  น่าจะเป็นทางยุโรปผมจำชื่อประเทศไม่ได้
   4. ตัวแบตทำจากวัสดุอะไรซักอย่างไม่แน่ใจ    ถ้าใช้รถ 1 ล้านคัน  ค่ากำจัดแบต การกำจัดแบต การรีไซเคิล    และการผลิตแบตสำหรับรถจำนวนขนาดนี้   แค่คิดก็ดูแล้วว่ามีปัญหาแน่  ๆ         


  สรุป  รถไฟฟ้ามาจริง  แต่ไม่ใช่พื้นฐานที่คนส่วนใหญ่จะได้ใช้  หรือบังคับว่าต้องใช้กันทั่วประเทศ ยังมีทางเลือกรถยนต์อื่น ๆ ทดแทนได้

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,700
ตอนนี้มีรถขายจริงในบ้านเราแล้ว ถึงจะแพง แต่ก็มีคนซื้อไปบ้าง
และอีกไม่นานเราก็จะได้รู้ถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
แล้วเราจะได้มีข้อมูลอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และค่าใช้จ่าย
ในการเปลี่ยนแบตเตอรี่จริงๆ ซะที

แค่แบตรถไฮบริด ความจุไม่ถึง 2 kw ราคา 6-7 หมื่นยังไม่อยากจ่าย
แล้วแบตเตอรี่ EV ระดับ 3-40 kw จะกล้าฟังราคากันเหรอครับ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
 รถไฮบริดก็มีแบต ทำไมไม่มีคนกังวลเรื่องกำจัดแบต  8)

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,056
นอกจากเรื่องมลพิษจากการกำจัดขยะแบตแล้ว บ้านเราไฟฟ้าไม่พอใช้นะครับ ทุกวันนี้ยังต้องซื้อเค้าอยู่ เวลาเค้าประกาศหยุดจ่ายเพื่อซ่อมบำรุงยังต้องมาคอยลุ้นกันเลยครับว่าจะไฟดับหรือเปล่า

ถ้ายังปลดล็อคเรื่องโรงไฟฟ้าไม่ได้ โอกาสเกิดในเสกลใหญ่ๆลำบากครับ เพราะรัฐก็คงไม่กล้าเสี่ยงด้วยเท่าไหร่

ปล. ไม่ได้บอกว่าไม่มี "ขาใหญ่" ที่ต้องเกรงใจนะครับ แค่บอกว่ามันมีมุมอื่นที่ไม่เอื้ออีกด้วย

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ปัญหาหลักคือราคากับระยะทาง เรื่องกำจัดแบต หรือไฟฟ้าไม่พอไม่ใช่ปัญหา
ถ้าไฟฟ้าไม่พอทำไมไม่แอนตี้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ถ้าแบตสร้างมลพิษทำไมไม่แอนตี้รถไฮบริด
(หรือเป็นเพราะว่าขาใหญ่ไม่ทำ EV?)
ปล. รัฐไม่ได้บังคับให้ใช้ซะหน่อย เค้าแค่ต้องการให้สนับสนุนอย่างจริงจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 07:16:13 โดย Jacob »

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,700
Re: ส่งเสริม?รถยนต์ไฟฟ้า?เลิกเกรงใจขาใหญ่ได้แล้ว
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มีนาคม 28, 2019, 07:37:06 »
เรื่องกำจัดแบตรถไฮบริด จำได้ว่ากรณีของโตโยต้า รถ HV ที่ขายโดยโตโยต้านั้น
โตโยต้ารับผิดชอบนำกลับไป Recycle เองทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายด้วย ส่วนเรื่อง
EV นั้น ยังไม่เห็นใครพูดถึงเรื่องนี้กัน

อีกแง่นึงต้องคิดถึงขนาดของแบต EV ที่มันมากกว่า HV เป็นสิบๆ เท่าด้วย
มันต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าครับ

ประเด็นไฟฟ้าไม่พอใช้ นั่นเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมความพร้อมให้หนัก พี่ที่เอาไปเทียบ
กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านนั้น พี่ต้องดูการกินไฟด้วยครัย รถ EV ที่มีความจุแบต
ขนาด 40 kW ชาร์จ 3 ครั้ง 120 kW นั่นคือบางบ้านใช้ไฟได้เกินครึ่งเดือนนะครับ

หรือหลับตานึกภาพมอเตอร์ที่ต้องออกแรงฉุดภาระหนัก 2 ตัน (รวมโหลดบรรทุก)
ให้วิ่งด้วยความเร็วเป็นสิบ เป็นร้อย กม./ชม. จะกินไฟขนาดไหน?
เมื่อเทียบกับมอเตอร์ลูกเล็กๆ ที่ไปหมุนคอมแอร์ให้อัดน้ำยาในระบบเครื่องปรับอากาศ

แค่เรื่องแอร์บ้าน เรายังเปิดกันแบบเกรงใจค่าไฟ (กำลังไฟ) กันเลยไม่ใช่เหรอฮะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 09:08:33 โดย Symphonic »

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
แบต EV มันไม่ได้เล็กแบบแบตมือถือ คนคงไม่โยนทิ้งลงถังแล้วเทศบาลมองไม่เห็น
ภาครัฐก็ต้องกำหนดให้มีการดูแลเรื่องการกำจัดอยู่แล้ว
(ทำไมพี่โตทำอะไรก็ดูดี ถ้าไม่ใช่พี่โตทำนี่กังวลไปซะหมด  8) แล้วมีแค่พี่โตเหรอที่รีไซเคิลแบต รถไฮบริดยี่ห้ออื่นไม่ทำ? )
ปล.ค่าไฟรถ EV เท่าแอร์ 1 เครื่อง คนมักเสียบเวลากลางคืนที่การใช้ไฟฟ้าน้อย มันเป็นปัญหายังไง พวกโรงงานต่างหากที่ใช้ไฟฟ้าเยอะ ซึ่งเค้าก็ทำงานตอนกลางวันกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 08:04:51 โดย Jacob »

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,700
Re: ส่งเสริม?รถยนต์ไฟฟ้า?เลิกเกรงใจขาใหญ่ได้แล้ว
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มีนาคม 28, 2019, 07:47:55 »
:) ก็เราแอบเกลียดโตโยต้าอยู่ลึกๆไงฮะ

เขาก็เลยต้องระวังตัว

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,562
ถ้าส่งเสริมให้มีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าแล้ว

อย่าลืมต้องหาวิธีการจำกัดและจัดการแบตเตอรี่หลังหมดสภาพด้วยนะครับ เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,235
    • อีเมล์
ผมเคยแสดงความคิดไปก่อนหน้านี้หลายครั้งว่า

คนจะสนใจแต่แบตเตอรี่ทำไงให้ใหญ่ ความจุเยอะ ใช้งานได้นาน ต้นทุนถูกลง

แต่ผมยังไม่ค่อยเห็นใครบอกว่า เมื่อมันหมดอายุการใช้งาน จะทำยังไงกับมัน ทำลายยังไง นำมารีไซเคิลยังไง หรือมีวิธีจัดการยังไง

 :-\ :-\ :-\
ส่วนรถ EV จะเกิดแบบจริงจังสำหรับสังคม คอนโด อพาร์ทเม้น จะมี station สำหรับชาร์จอย่างไร ตรงนี้ผมก็ยังมองไม่เห็นหนทางเท่าไหร่ (บ้านเดี่ยว โฮมทาว หรือ ทาวเฮ้าส์ น่าจะไม่มีปัญหา)

เรื่อง station ตามเส้นทางการเดิน หรือตามปั้ม ผมไม่ค่อยห่วง เพราะมันง่ายกว่าตั้งปั้มใหญ่เยอะมากกกกก เพราะปั้มต้องมีหัวจ่าย ถังเก็บน้ำมัน ท่อ สาย บลาาาาาาา แต่พอเป็น station สำหรับ EV มันทำง่ายกว่าเยอะ แค่สายไฟไปถึง ทุกช่องจอด เป็นที่ชาร์จได้หมด

และอีกเรื่องคือ เวลาในการชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลๆ จอดชาร์จนานๆ คงเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีนัก คงต้องเป็นรถคันที่ 2 ของบ้าน

ที่สำคัญสุดๆ คือ ราคา!!!!!!!

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
จะบอกว่าไอ้คนที่คุณคิดว่าต่อต้านนะ

เค้าเตรียมรถออกมาขายปี 2020 เค้าแค่กั๊กไว้ไม่ให้คนอื่นทำ จนกว่าตัวเองจะทำ

ค่ายรุทุกค่าที่ทำเปนบ่นนั่นนี่ คือเล่นละคร ถึงเวลาจะทำตลาดก็จะกลับคำพูดในทันที

ถ้าเปิดนำเข้าเสรีแล้วเค้าก็เสียตลาดสิ โรงงานที่ลงทุนไปจะทำไง ก็เลยแสดงท่าทีกั๊กเอาไว้

ถ้าเราเอา ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งจริง

เปิดเสรี ลดภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าไปเลย เป็น 0 ไปเก็บค่าไฟให้แพงขึ้น ตามการใช้งานจริงชดเชยภาษี
แบบนี้รับรอง รถไฟฟ้าเกิดอย่างรวดเร็ว

ไอ้เรื่องแบตทิ้งที่ไหน ภาคผู้ประกอบการไทยจะไม่มีงาน คนทำชิ้นส่วนไม่มีงาน แค่ข้ออ้างทั้งนั้น ถึงเวลาทำจริง ทางออกมันมีหมดแหละครับ จริงๆยิ่งดีด้วยซ้ำเราโดนกินรวบมานานการเขย่ากระดานใหม่แบบนี้ อำนาจต่อรองจะกลับมาตกที่ผู้ประกอบการไม่ใช่ ให้ บ ต่างชาติไม่กี่เจ้ามากำหนดเราแบบสามสิบปีที่ผ่านมา
คนอยากรีไซเคิลแบตจะตาย มีหลายธุรกิจใหญ่ๆจ้องอยู่แล้วแค่เคาไม่ออกมาบอก คนขายไฟ จุดชาร์จที่บอกไม่มีไม่พอ เอาเข้าจริงมีจนจะเหยียบตีนกันอยู๋แล้ว ถ้ามีรถจริงจะผุดขึ้นมาจนพวกคุณบ่นว่าต้องควบคุม มันขึ้นง่ายกว่าปั้มน้ำมันเยอะ มีหลายโมเดลมากมาย ไอ้พลังงานไฟฟ้าที่ไม่พอ ลองรถไฟฟ้ามา มันก็จะมีแหล่งทันทีที่มีดีมานต์

ภาครัฐ แกล้งโง่ ทำเป็นไม่ทันเกม ส่วนคนไทยก็ตีกันไปหาข้ออ้างให้ต่างชาติตีกิน
แล้วก็มาทนดมแกสพิษ เอาเครื่องยนต์ตกยุคแห่ใช้กันทั้งเมืองให้ลูกหลานเจ็บป่วย

ทำแบบนี้ขาใหญ่ ยิ้ม ตีกินผูกขาดต่อไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 10:05:29 โดย Ty ESC »

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ผมเองก็แปลกใจนะ มีกระทู้รถไฟฟ้าทีไรก็จะมีคนออกมาบอกว่าไฟไม่พอ แบตเป็นพิษทุกที ทั้งที่รถไฮบริดมีมานานแล้วไม่มีคนบ่น
พี่โตบอกรักสิ่งแวดล้อมเลยทำรถไฮบริดขึ้นมา แต่พอมีรถ EV กลับบอกว่าธุรกิจรถจะพัง (ไม่พูดถึงสิ่งแวดล้อมแล้ว? )
ปล.ญี่ปุ่นถึงปริมาณการใช้รถ EV ยังน้อย แต่รัฐมีมาตรการสนับสนุนนะ แค่ค่ายรถญี่ปุ่นยังไม่สนใจเท่าไหร่ แต่อากาศเค้าดีมากเพราะคนใช้ขนส่งมวลชนกันเยอะ รถมีไว้ไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์ไม่ได้ใช้ทุกวันแบบบ้านเรา

ปล.2 เรื่องค่าไฟ ผมคิดแบบนี้นะ
https://car.kapook.com/view202328.html
อิงจากเวบนี้ สมมติเอานิสสัน leaf มาคิด
40 kwh ค่าไฟ 4.5 บาทต่อหน่วย ชาร์จ 1 ครั้ง เท่ากับ 40x4.5 จะได้ 180 บาท วิ่งได้ 311 กม.
คนทั่วไปใช้รถเดือนนึงเท่าไหร่ - ผมอิงจากคู่มือรถ เช็คระยะทุก 6 เดือนหรือ 10000 กม. ตกเดือนนึงก็ใช้ระยะทางประมาณ 1666 กม. ดังนั้นถ้า leaf วิ่งได้ประมาณ 300 โล ก็ชาร์จไฟเดือนละ 5-6 ครั้ง
เดือนนึงค่าไฟก็ประมาณ 180x5 หรือ 180x6 ถ้าชาร์จไฟบ้านปกติ ซึ่งก็ตกประมาณเดือนละพัน เท่ากับไฟค่าแอร์ (ยกเว้นจะชาร์จไฟแบบเร็วเป็นล้านๆคันพร้อมกันช่วงกลางวัน ทางการไฟฟ้าคงต้องไปดูว่าจะจัดหาไฟยังไงให้พอ ซึ่งคงไม่เกิดในเร็ววันนี้ ต่อให้ไม่มีรถไฟฟ้า ชุมชนเมืองก็ขยาย โรงงานอุตสาหกรรมก็เพิ่ม เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องจัดหาไฟให้เพียงพออยู่แล้ว)​
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 11:01:02 โดย Jacob »

ออฟไลน์ DriveOnly

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,449
    • อีเมล์
เห็นด้วยกับความเห็นบนๆ นะครับ ทำไมมีกระทู้รถไฟฟ้าทีไรจะมีเสียงต่อต้านทุกที แต่ก็เข้าใจว่าเวลาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมักจะต้องมีคนต่อต้าน ชวนให้คิดถึงสมัยผมเด็กๆ ตอนที่มีรถเกียร์ A/T ออกมา

เรื่องการทำลายแบต แน่นอนเกิดมลพิษซึ่งรวมถึงกระบวนการผลิตด้วย แต่! การผลิตเป็นจุดๆ ทำลายเป็นจุดๆ มันควบคุมมลพิษง่ายกว่า ทุกวันนี้ ที่ทุก ตารางเมตรบนถนนใน กทม เป็นจุดปล่อยมลพิษ มันควบคุมยาก ควบคุมไม่ได้ อันตรายกว่าเยอะเลยครับ

แต่ผมก็เข้าใจว่ามันต้องค่อยๆ ปรับตัวเพราะระบบ supply chain เดิมของอุตสาหกรรมรถยนต์มันใหญ่มากทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ถ้าเกิดปุ๊ปปั๊ปเปลี่ยนเลย แน่นอน supply chain จากมูลค่าล้านๆ อาจเหลือแค่แสนล้าน อันนี้เสียหายเยอะ เรื่องนี้ต้องชื่นชมฝั่งเยอรมันเลย ที่เลือกเปิดแบรนด์ใหม่สำหรับ EV ขายควบคู่กับรถแบบเดิม ซึ่งสุดท้ายมันจะทำให้ค่อยๆ เกิดการปรับตัวจนเกิดสมดุลขึ้นอีกครั้ง ส่วนค่ายรถญี่ปุ่นที่เดินเกมพลาด รายใหญ่อย่าง toyota และ honda ดันไปมุ่งไปทาง hydrogen ซึ่งมันก็พัฒนาไปได้เรื่อยๆ แต่ดันโดนกระแสรถไฟฟ้าอย่าง Tesla เข้ามา ทำให้ปรับตัวไม่ทันเพราะพวกนี้ไม่ได้มุ่งมาทางนี้แต่แรก

สุดท้ายแล้วอยากให้รถไฟฟ้าเกิดครับ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ๆ และเมืองท่องเที่ยว เพื่ออากาศที่ดีครับ!

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,700
Re: ส่งเสริม?รถยนต์ไฟฟ้า?เลิกเกรงใจขาใหญ่ได้แล้ว
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มีนาคม 28, 2019, 11:29:44 »
ผมขอย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้ต่อต้านนะครับ

แต่ในฐานะที่เป็นผู้ใช้งานรถ ที่วันนึงข้างหน้า

จะต้องเลือก EV, HV หรือยังคงต้องใช้รถน้ำมันเหมือนเดิม

ก็อยากให้สื่อ หรือใครก็ได้ ช่วยให้ข้อมูลเรื่องราคาและ

อายุการใช้งานของแบตรถ EV ด้วย (เหมือนๆ กับที่ให้ข้อมูล

ราคาแบต และอะไหล่รถ HV) นั่นล่ะครับ

ไม่ใช่แค่มาบอกเรื่องข้อดีของรถ EV แล้วก็เฮโลกันไปด่า

ผู้เกี่ยวข้องว่าไม่จัดหารถ EV ราคาถูกๆ มาให้เราได้ใช้ครับ

เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่จะชะงักก็คือคนซื้อเองนี่แหละถ้าเจอว่า

รถ EV คันละ 1 ล้าน แต่เปลี่ยนแบตลูกละ 3 แสน น่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 11:35:19 โดย Symphonic »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
บริษัทรถก็ค่อยๆปรับตัว เพระถ้าปรับทีเดียว ระบบเศรษฐกิจอาจจะมีปัญหาทั้งประเทศ เอาแค่บริษัทผลิตชิ่นส่วนที่ตั้งในไทย อาจจะตายกันหลักหมื่นล้านเป็นอย่างน้อย

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
      สำหรับคนที่ห่วงเรื่องไฟฟ้าไม่พอไม่น่าจะมีปัญหานะ

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเป้าหมายที่จะสร้างเขื่อนทั้งสิ้น 100 โครงการ เพื่อใช้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้า โดยในปัจจุบันมีแหล่งผลิตไฟฟ้าแล้ว 53 แห่ง กำลังติดตั้ง 7,082 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน  1 แห่ง คือโรงไฟฟ้าหงสา ขณะที่ส่วนใหญ่เป็นเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำ

ซึ่งภายในปี 2563 จะมีแหล่งผลิตไฟฟ้าอีก 47 แห่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ถึงเวลานั้นจะทำให้ สปป.ลาวมีแหล่งผลิตไฟฟ้าถึง 100 แห่ง หรือ 100 หม้อไฟ ในจำนวนนี้ 99% เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งจำนวน 13,862 เมกะวัตต์ สปป.ลาว ก็จะกลายเป็นประเทศที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนได้โดยมีในสัดส่วน 85% ส่วนอีก  15% ของพลังงานไฟฟ้า จะถูกนำมาใช้ภายในประเทศ

สำหรับแผนการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า สปป.ลาวกระแสไฟฟ้าส่วนหนึ่งส่งออกไปยังประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม โดยไทยเป็นตลาดส่งออกใหญ่ของไฟฟ้าจากลาว คิดเป็นปริมาณที่ไทยซื้อจากลาวประมาณปีละ 10,000 เมกะวัตต์ และเวียดนามประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ลาวมีแผนจำหน่ายกระแสไฟฟ้าผ่านไทยและมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ประมาณ 100 เมกะวัตต์ต่อปีและไปยังเมียนมา 200 เมกะวัตต์ ทั้งหมดนี้เป็นเป้าหมายในปี 2020


อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยเป็นลูกค้ารายสำคัญที่ซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว รวมถึงมีการร่วมลงทุนสร้างเขื่อนและโรงไฟฟ้าด้วย หนึ่งในนั้นคือเขื่อนเซเปี่ยน-เซน้ำน้อย โดยมีบริษัท ไฟฟ้า เซเปี่ยน-เซน้ำน้อย จำกัด (PNPC) เป็น บริษัทร่วมทุน จัดตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2555 โดยประกอบด้วย บริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ถือหุ้น 25%, บริษัท SK Engineering and Construction (SK E & C) ถือหุ้น 24%, บริษัท Korea Western Power (KOWEPO) ถือหุ้น 25% และ บริษัท Lao Holding State Enterprise (LHSE) ถือหุ้น 26%


สำหรับ "เขื่อนเซเปี่ยน-เซน้ำน้อย" ตั้งอยู่ที่แขวงจำปาสัก ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 80 กิโลเมตร ในพื้นที่ สปป.ลาว ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 แขวง คือ แขวงจำปาสักกับแขวงอัตตะปือ เป็นเขื่อนหินถม มีทางระบายน้ำล้นเป็นคอนกรีตความสูง 48 เมตร ยาว 1,300 เมตร ความจุของอ่างเก็บน้ำประมาณ 31 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2556 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับ บริษัท ไฟฟ้า เซเปี่ยน-เซน้ำน้อย โดย กฟผ. รับซื้อไฟฟ้าประมาณ 354 เมกะวัตต์ ที่จุดส่งมอบไฟฟ้าชายแดนไทย-ลาว คิดเป็นพลังงานไฟฟ้า 1,575 ล้านหน่วยต่อปี อายุสัญญา 27 ปี มีจุดเชื่อมโยงระบบส่ง 500 เควี ฝั่งลาวที่สถานีไฟฟ้าปากเซ และฝั่งไทยที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงอุบลราชธานี 3 โครงการ กำหนดเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้ กฟผ. ในปีหน้า 2562

https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/86098

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
บริษัทรถก็ค่อยๆปรับตัว เพระถ้าปรับทีเดียว ระบบเศรษฐกิจอาจจะมีปัญหาทั้งประเทศ เอาแค่บริษัทผลิตชิ่นส่วนที่ตั้งในไทย อาจจะตายกันหลักหมื่นล้านเป็นอย่างน้อย

จริงๆแล้ว EV คือโอกาสทางรอดของ ผปก ไทยต่างหากครับ
ทุกวันนี้ คนที่ผลิตชิ้นส่วนโดนบีบ สุดท้ายเหลือได้แค่ค่าแรงกับมลภาวะ สารพิษทิ้งไว้ให้ลูกลหานตามนิคม ส่วนชิ้นดีๆเค้าเอาไปกิน

อำนาจต่อรองของ ผู้ผลิตไทยจะเกิดขึ้นมากเมื่อตลาดเกิดการเขย่าเปลี่ยนแปลง มีผู้เล่นใหม่ มีตลาดใหม่
ส่วน อะไหล่ที่มีในรถน้ำมันแต่ไม่มีในรถไฟฟ้า ผู้ประกอบการ รายเล็กนี่แหละจะได้ประโยชน เพราะรายใหญ่จะเก็บต่อได้อีกไม่นาน ปล่อยให้รายย่อยไปเล่นตลาดนี้ต่อ
เพราะยังไง รถน้ำมันก็ต้องยังคงมีอยู่ในตลาดควบคู่ไปด้วย ไปเป็นสิบปีครับ
ผมมองว่า วินๆครับ

ออฟไลน์ Vanz

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 75
ตอบอีกครั้ง
รถ EV มานานแล้วแต่ก็ไม่เป็นที่นิยมสักที เพราะ
ปัญหาที่ EV ไม่เป็นที่นิยมทั่วโลก เพราะ ข้อเสียเรื่องแบต

1.แบตมีราคาแพงคิดเป็น 30% ของราคาตัวรถ
2.แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานแค่ 10 ปี
3.แบตเตอรี่นั้นมีการเสื่อมสภาพ 10% ทุกปี พออายุแบตถึงปีที่ 7 ความจุจะเหลือแค่ 30%

ขนาด hybrid ยังไม่นิยมเลยครับคนไทย แล้วจะให้ผู้ผลิตเอา EV มาขาย คงไม่มีคนซื้อแล้วจะมีใครเอาเข้ามาขาย
ทำธุรกิจทำแล้วต้องมีกำไร ถ้าทำแล้วขาดทุนก็ไม่มีใครทำ

ผมถามใจท่านเองว่าท่านจะซื้อไหม
รถ EV ไม่เหมือน รถน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงแพงมาก ทุกอย่างต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว

1. แบตมีราคาแพงคิดเป็น 30% ของราคาตัวรถ
ถ้ารถคันละล้าน ทุก 7-10 ปี ท่านกล้าจ่ายค่าเปลี่ยนแบต 3 แสนไหม
2. การเกิดอุบัติติเหตุแบบรถนำมันซ่อมได้ รถไฟฟ้าต้องขายซาก

ขนาดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยังบ่นว่าแพง แล้วจะมาเปลี่ยนแบต ไม่เป็นลมเลยหรือครับ

บางคนบอกว่ารัฐต้องสนับสนุน ทุกวันนี้ภาษี EV แทบจะ 0% สนับสนุนในนิยามของท่านคือรัฐต้องแจกฟรี?

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
ตอบอีกครั้ง
รถ EV มานานแล้วแต่ก็ไม่เป็นที่นิยมสักที เพราะ
ปัญหาที่ EV ไม่เป็นที่นิยมทั่วโลก เพราะ ข้อเสียเรื่องแบต

1.แบตมีราคาแพงคิดเป็น 30% ของราคาตัวรถ
2.แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานแค่ 10 ปี
3.แบตเตอรี่นั้นมีการเสื่อมสภาพ 10% ทุกปี พออายุแบตถึงปีที่ 7 ความจุจะเหลือแค่ 30%

ขนาด hybrid ยังไม่นิยมเลยครับคนไทย แล้วจะให้ผู้ผลิตเอา EV มาขาย คงไม่มีคนซื้อแล้วจะมีใครเอาเข้ามาขาย
ทำธุรกิจทำแล้วต้องมีกำไร ถ้าทำแล้วขาดทุนก็ไม่มีใครทำ

ผมถามใจท่านเองว่าท่านจะซื้อไหม
รถ EV ไม่เหมือน รถน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงแพงมาก ทุกอย่างต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว

1. แบตมีราคาแพงคิดเป็น 30% ของราคาตัวรถ
ถ้ารถคันละล้าน ทุก 7-10 ปี ท่านกล้าจ่ายค่าเปลี่ยนแบต 3 แสนไหม
2. การเกิดอุบัติติเหตุแบบรถนำมันซ่อมได้ รถไฟฟ้าต้องขายซาก

ขนาดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยังบ่นว่าแพง แล้วจะมาเปลี่ยนแบต ไม่เป็นลมเลยหรือครับ

บางคนบอกว่ารัฐต้องสนับสนุน ทุกวันนี้ภาษี EV แทบจะ 0% สนับสนุนในนิยามของท่านคือรัฐต้องแจกฟรี?

    ตอนนี้รถ EV ทั่วโลกผลิตไม่ทันกับยอดจองครับ  ไม่ใช่คนไม่นิยมหรือขายไม่ได้

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ทำไมรถ EV ในจีนถึงขายถูกได้ รัฐเค้าสนับสนุนยังไง คงต้องดูเป็นแบบอย่างครับ แต่ค่าแบตปัจจุบันยังสูงเกินไป อันนี้เห็นด้วย มีบางเวบวิเคราะห์ว่าอีก 5-7 ปี ค่าแบตจะถูกลงครึ่งนึง น่าจะทำให้คนทั่วไปจับต้องได้
ปล. สำหรับผม ค่าน้ำมันจะอยู่ที่เดือนละ 4 พัน ถ้าใช้รถไฟฟ้าจะเหลือเดือนละพัน ปีนึงประหยัดไป 36000 ถ้า 10 ปีก็ 360,000 โดยไม่ต้องเสียค่าน้ำมันเครื่อง เมื่อคิดเรื่องค่าเปลี่ยนแบตก็คุ้ม (ซึ่งแบตไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุก 10 ปีเสมอไป อย่างเทสล่าก็มีใช้เกินสามแสนโล ใช้เกิน 10 ปี)
แต่ปัจจุบันที่ผมยังไม่สนเพราะค่าตัวที่สูงเกินไป ระยะทางยังวิ่งได้น้อย จุดชาร์จยังไม่เพียงพอ และรูปแบบรถมีให้เลือกน้อย ในอนาคตถ้าปัญหาเหล่านี้หมดไปก็พร้อมจะมีรถ EV
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2019, 14:26:51 โดย Jacob »

ออฟไลน์ bongo

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 118
    • อีเมล์
สำหรับเรื่อง recycle battery นั้นคิดว่าไม่ต้องไปกังวลมากครับ

https://www.batterysolutions.com/services/
https://insideevs.com/how-old-mining-techniques-are-being-used-to-recycle-batteries/
https://www.electrive.com/2019/01/20/doing-away-with-hazardous-waste-battery-recycling-works/

ออฟไลน์ Mr. RO

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 183
    • อีเมล์
Re: ส่งเสริม?รถยนต์ไฟฟ้า?เลิกเกรงใจขาใหญ่ได้แล้ว
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: มีนาคม 28, 2019, 15:26:29 »
ผมขอย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้ต่อต้านนะครับ

แต่ในฐานะที่เป็นผู้ใช้งานรถ ที่วันนึงข้างหน้า

จะต้องเลือก EV, HV หรือยังคงต้องใช้รถน้ำมันเหมือนเดิม

ก็อยากให้สื่อ หรือใครก็ได้ ช่วยให้ข้อมูลเรื่องราคาและ

อายุการใช้งานของแบตรถ EV ด้วย (เหมือนๆ กับที่ให้ข้อมูล

ราคาแบต และอะไหล่รถ HV) นั่นล่ะครับ

ไม่ใช่แค่มาบอกเรื่องข้อดีของรถ EV แล้วก็เฮโลกันไปด่า

ผู้เกี่ยวข้องว่าไม่จัดหารถ EV ราคาถูกๆ มาให้เราได้ใช้ครับ

เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่จะชะงักก็คือคนซื้อเองนี่แหละถ้าเจอว่า

รถ EV คันละ 1 ล้าน แต่เปลี่ยนแบตลูกละ 3 แสน น่ะครับ

แบตจะเสื่อมเร็วแค่ไหน หรือใช้ได้นานแค่ไหน มีหลายปัจจัยนะครับ
เช่น
  1. ชนิดของแบตเเตอรีที่ใช้  แบตแต่ละชนิด จะมีคุณสมบัติต่างๆกันต่างกัน เช่น Cycle ที่จะสามารถชาร์ตได้, % พลังงานที่จะสูญไป ถ้าไม่มีการใช้งาน, สภาพอุณหภูมิที่เหมาะสมในการทำงานต่างกัน,  ความเร็วช้าในการชาร์ต ที่ส่งผลต่ออัตราการเสือมสภาพของแบตเตอรี่ที่ต่างกัน
  2. พฤติกรรม การใช้งาน โดยเฉพาะ การชาร์ตแบตเตอรี่  ต้องพยายามใช้งานให้สอดคล้องกับการ ชนิดของแบตเตอรี่นั้นมากที่สุดเพื่อยิดอายุของแบตเตอรี่
  3. สภาวะแวดล้อม โดยเฉพาะอุณหภูมิ  เพราะแบตส่วนใหญ่ จะมีอัตราการเสื้อมของการเก็บพลังงานที่อุณหภูมืสูงๆ มากหน่อย , แต่ในแง่การใช้งาน ที่อุณหภูมิต่ำมากๆโดยเฉพาะต่ำมากๆจนตืดลบ แบตเตอรี่โดยเฉพาะที่มี electrolyte เป็นของเหลว อาจมีประสิทธิภาพ ในการทำงานที่แย่ลง
  4. วงจรในการควบคุมการใช้งานและ การชาร์ตของรถนั้นว่ามีประสิทธิภาพดีขนาดไหน  อันนี้ถ้ารถมีการพยายามควบคุม การออกแบบให้สอดคล้องกับชนิดของแบตเตอรี่ และพยายามออกแบบรถ ให้ใช้งานให้สอดคล้องกับชนิดของแบตเตอรี่ รวมถึงการชาร์ตให้สอดคล้องมีวงจรที่จะช่วยให้การเสื่อมจากการชาร์ตด้วยก็จะยิ่งช่วยยืดอายุแบตเตอรี่

แต่สรุปทั้งหมด ทางผู้ผลิตรถ ควรจะมีคู่มือ อธิบาย คุณลักษณะ แบตเตอรี่ที่ใช้ และระบุข้อควรปฎิบัติ ในการใช้งานรถ และการชาร์ตไฟของรถให้ทราบเพื่อจะได้ยืดอายุแบตเตอรี่ให้นานที่สุด ด้วยนะจะช่วยได้มาก

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
การเปลี่ยนแปลงย่อมหมายถึงมีผู้เสียประโยชน์ครับ เหตุผลหลายๆอย่างหลายๆครั้งมันก็แค่ข้ออ้างจากฝั่งที่เสียประโยชน์เพื่อจุดกระแสต่อต้าน เอาจริงๆมันไม่อับจนหนทางอะไรขนาดนั้น

ไฟฟ้าไม่พอ ก็เพิ่มกำลังผลิตได้ มีคนพร้อมลงทุนอยู่แล้ว ธุรกิจนี้ใครๆก็จ้องเพราะ Demand เยอะกว่า Supply และเป็นสินค้าจำเป็นที่ต้องใช้กัน หมายถึงผลิตมายังไงก็ขายได้หมด

การกำจัดแบต ทุกวันนี้แบตต่างๆพวกมือถือ แทปเลต โน้ตบุ๊ค ก็ไม่ใช่ของหายาก ใช้กันทั่วไป พวกอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็ใช้ และใช้กันมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน เครื่องบิน รถไฟฟ้า(บนราง) ถ้ามีการผลิตแบตเพิ่มก็ต้องมีการกำจัดเพิ่มก็เท่านั้น ผมก็แค่หวังว่าจะมีเทคโนโลยีแบตที่ดีขึ้นในอนาคต

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,456
อย่าลืมว่ามันเกี่ยวข้องในวงกว้างนะครับ เนื่องจากบ้านเราเป็นฐานผลิตรถหลายยี่ห้อ รถไฟฟ้าใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่ารถปกติมากชิ้นอยู่ ซึ่งจะกระทบกับ supplier ชิ้นส่วน ร่วมทั้งผู้ให้บริการต่างๆ และ การจ้างงาน อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
อย่าลืมว่ามันเกี่ยวข้องในวงกว้างนะครับ เนื่องจากบ้านเราเป็นฐานผลิตรถหลายยี่ห้อ รถไฟฟ้าใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่ารถปกติมากชิ้นอยู่ ซึ่งจะกระทบกับ supplier ชิ้นส่วน ร่วมทั้งผู้ให้บริการต่างๆ และ การจ้างงาน อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ

      ประเทศจีนก็เป็นฐานการผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อไม่ใช่หรือ  น่าจะมากกว่าประเทศไทยอีก  ทำไมเขาส่งเสริมรถไฟฟ้าอย่างจริงจังล่ะ

ออฟไลน์ bossa26

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 164
 เกรงใจก็ไม่แปลกครับ ขาใหญ่เค้าไม่ได้ใหญ่แต่ชื่อ ก่อนนี้เค้าก็เพิ่งลงทุนไป
ถ้าไม่ดูแลนักลงทุน เอาโปรเจคใหม่มาปล่อยจนคนที่ลงทุนไปก่อนแย่ อีกหน่อยมีโปรเจคใครเค้าจะกล้าลงทุน
รัฐเนี่ยต้องคิดให้ดี วิสัยทัศน์ต้องไกล จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มันไม่ส่งผลดีกับทุกฝ่าย
ดูง่ายๆแค่XVปรับราคาไปมาก็พอ