ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วงนี้เซลส์ขายรถชอบใช้กลยุทธ์เอาอัตราภาษีใหม่ปีหน้ามาขู่ให้เรารีบตัดสินใจ  (อ่าน 6742 ครั้ง)

ออฟไลน์ roongrus

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 230
ช่วงนี้เซลส์ขายรถชอบใช้กลยุทธ์เอาอัตราภาษีใหม่ปีหน้ามาขู่ให้เรารีบตัดสินใจ  ล่าสุดส่งตารางมาให้ดูอีก  ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน แต่คาดว่าคนซื้อรถหลายคนก็ต้องรีบตัดสินใจซื้อรถไปเพราะไม่อยากจ่ายแพง คาดว่าในไตรมาส 4 นี้รถน่าจะขายดีขึ้นทุกยี่ห้อ  บางคนก็บอกว่าเป็นนโยบายถอนทุนคืนจากโครงการรถคันแรก  ตารางด้านล่างนี้เซลส์ส่งมาขู่ครับ  แต่ผมอ่านดูแล้วหากในอนาคตค่ายรถสามารถปรับปรุงเครื่องยนต์ให้ปล่อยไอเสียได้น้อยลง ราคาก็น่าจะถูกลงหรือไม่ แต่สรุปคือผู้บริโภคก็รับกรรมไปก่อนโดยปริยาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2015, 11:34:18 โดย roongrus »

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
แคมรี่ บวก 2 แสน  ราคาตัวรุ่นบนๆจะไม่ทะลุ 2 ล้านเลยหรอครับ
เพราะตอนนี้ ก็ 1.8 ล้านแล้ว

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าผมจำไม่ผิดหลังจากโครงการภาษีรถคันแรกก็มีส่วนลดจากค่ายรถยนต์มาทดแทนในปีถัดมานะครับ ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับปีหน้าหรือเปล่า แต่ถ้ารีบใช้รถก็ซื้อไปครับ ส่วนผมไม่รีบ

ผมไม่รู้ว่าเซลค่ายไหนเอากลยุทธนี้มาใช้นะครับ แต่ผมไปเดินห้างแวะเข้าบูต Mazda Hundai Toyota และ BMW มาไม่นาน ยังไม่เจอเซลคนไหนเอาเรื่องนี้มาพูดสักคนครับ มีแต่พูดเรื่องตัวรถและส่วนลดกับโปรโมชั่นทั้งหมด

ออฟไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,603
    • อีเมล์
แต่ละรุ่นอ้างอิงจากราคารถที่เท่าไร หรือเอาตัวท๊อปทั้งหมดมาคิด ราคาจึง+ไปเยอะอย่างนั้น
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

ออฟไลน์ PEAY

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
    • อีเมล์
ถ้าผมเป็นเซลล์ผมก็จะพูดนะ555
วันก่อนไปเซ็นตเอกสารไฟแนนซ์ที่โชว์รูมฟอร์ดทั้งศูนย์พูดพร้อมเพรียงกันตั้งแต่ ผู้จัดการยันเซลล์2-3คนว่าเดือนที่ผ่านมาปิคอัพฟอร์ดยอดขายอันดับ1แซงทั้งรีโว่ทั้งดีแมคผมฟังแล้วก็ถามกลับว่าจริงเหรอเขาว่าจริงก็ได้แต่ยิ้ม

ออฟไลน์ roongrus

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 230
ถ้าผมจำไม่ผิดหลังจากโครงการภาษีรถคันแรกก็มีส่วนลดจากค่ายรถยนต์มาทดแทนในปีถัดมานะครับ ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับปีหน้าหรือเปล่า แต่ถ้ารีบใช้รถก็ซื้อไปครับ ส่วนผมไม่รีบ

ผมไม่รู้ว่าเซลค่ายไหนเอากลยุทธนี้มาใช้นะครับ แต่ผมไปเดินห้างแวะเข้าบูต Mazda Hundai Toyota และ BMW มาไม่นาน ยังไม่เจอเซลคนไหนเอาเรื่องนี้มาพูดสักคนครับ มีแต่พูดเรื่องตัวรถและส่วนลดกับโปรโมชั่นทั้งหมด

รายล่าสุดเมื่อวานครับ ที่แฟชั่นไอร์แลนด์  ชั้นบนศูนย์อาหาร ค่าโตโยต้าครับ  ส่วนตารางนี่เอามาจาก facebook ของเซลส์ฮอนด้าครับ  รายก่อนหน้านั้นในงาน Big Mortor Sales ครับ หลายค่ายเลย ลองสำรวจดูครับ

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าผมจำไม่ผิดหลังจากโครงการภาษีรถคันแรกก็มีส่วนลดจากค่ายรถยนต์มาทดแทนในปีถัดมานะครับ ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับปีหน้าหรือเปล่า แต่ถ้ารีบใช้รถก็ซื้อไปครับ ส่วนผมไม่รีบ

ผมไม่รู้ว่าเซลค่ายไหนเอากลยุทธนี้มาใช้นะครับ แต่ผมไปเดินห้างแวะเข้าบูต Mazda Hundai Toyota และ BMW มาไม่นาน ยังไม่เจอเซลคนไหนเอาเรื่องนี้มาพูดสักคนครับ มีแต่พูดเรื่องตัวรถและส่วนลดกับโปรโมชั่นทั้งหมด

รายล่าสุดเมื่อวานครับ ที่แฟชั่นไอร์แลนด์  ชั้นบนศูนย์อาหาร ค่าโตโยต้าครับ  ส่วนตารางนี่เอามาจาก facebook ของเซลส์ฮอนด้าครับ  รายก่อนหน้านั้นในงาน Big Mortor Sales ครับ หลายค่ายเลย ลองสำรวจดูครับ

ด้านบนที่ผมบอกไปคือในห้างครับ

ส่วนในงาน Big Motor Sale ผมก็ไปมาเหมือนกัน เจอแค่มิตซูที่พูดครับว่าปีหน้าจะไม่ได้ราคานี้ แต่รายนี้เค้าไม่ได้ขู่ นอกนั้นเดินแทบทุกค่ายไม่มีใครพูด

ผมก็สำรวจเยอะอยู่นะ ส่วนใหญ่จะนำเสนอจุดแข็งจุดอ่อนรถค่ายตัวเองเมื่อเทียบกับคู่แข่ง พอการใช้งานไม่ตรงเค้าก็ยอมรับและแนะนำให้ไม่ซื้อ แต่ถ้าตรงความต้องการเค้าจะพูดโปรโมชั่นและส่วนลด แต่ไม่มีใครพูดว่าปีหน้าจะขึ้นให้รีบซื้อ มีแต่มิตซูที่บอกว่าราคานี้คือรับรถภายในปีนี้แค่นั้นครับ

ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,176
    • อีเมล์
ภาษีใหม่นี้บังคับใ้ยังไงอ่ะครับ

สมมติ รถผลิตภายในปีนี้ก็ยังเสียภาษีหน้าโรงงานเท่าเดิม
ถึงเราจะออกปีหน้า แต่ถ้าเป็นล็อตผลิตของปีนี้ที่ยังเสียภาษีอัตราเดิม
ราคาก็ควรจะเท่าเดิมไหมครับ น่าจะเก็บภาษีอัตราใหม่เฉพาะรถที่ผลิตออกมาเมื่อกฎหมายบังคับ
ใช้หรือเปล่าครับ


ออฟไลน์ roongrus

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 230
ถ้าผมจำไม่ผิดหลังจากโครงการภาษีรถคันแรกก็มีส่วนลดจากค่ายรถยนต์มาทดแทนในปีถัดมานะครับ ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับปีหน้าหรือเปล่า แต่ถ้ารีบใช้รถก็ซื้อไปครับ ส่วนผมไม่รีบ

ผมไม่รู้ว่าเซลค่ายไหนเอากลยุทธนี้มาใช้นะครับ แต่ผมไปเดินห้างแวะเข้าบูต Mazda Hundai Toyota และ BMW มาไม่นาน ยังไม่เจอเซลคนไหนเอาเรื่องนี้มาพูดสักคนครับ มีแต่พูดเรื่องตัวรถและส่วนลดกับโปรโมชั่นทั้งหมด


รายล่าสุดเมื่อวานครับ ที่แฟชั่นไอร์แลนด์  ชั้นบนศูนย์อาหาร ค่าโตโยต้าครับ  ส่วนตารางนี่เอามาจาก facebook ของเซลส์ฮอนด้าครับ  รายก่อนหน้านั้นในงาน Big Mortor Sales ครับ หลายค่ายเลย ลองสำรวจดูครับ

ด้านบนที่ผมบอกไปคือในห้างครับ

ส่วนในงาน Big Motor Sale ผมก็ไปมาเหมือนกัน เจอแค่มิตซูที่พูดครับว่าปีหน้าจะไม่ได้ราคานี้ แต่รายนี้เค้าไม่ได้ขู่ นอกนั้นเดินแทบทุกค่ายไม่มีใครพูด

ผมก็สำรวจเยอะอยู่นะ ส่วนใหญ่จะนำเสนอจุดแข็งจุดอ่อนรถค่ายตัวเองเมื่อเทียบกับคู่แข่ง พอการใช้งานไม่ตรงเค้าก็ยอมรับและแนะนำให้ไม่ซื้อ แต่ถ้าตรงความต้องการเค้าจะพูดโปรโมชั่นและส่วนลด แต่ไม่มีใครพูดว่าปีหน้าจะขึ้นให้รีบซื้อ มีแต่มิตซูที่บอกว่าราคานี้คือรับรถภายในปีนี้แค่นั้นครับ
ผมก็นำเสนอตามที่ผมได้เจอมาครับ ส่วนคุณจะเจอแบบอื่นก็แล้วแต่ครับ มันเจอต่างกันได้ ไม่เป็นไรครับ   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2015, 13:16:18 โดย roongrus »

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
อ่าวมันแหงอยู่ละคับวีธีให้ได้ยอดเลย ผมคิดนะเอาไงก้เอาจะแพงเท่าไหร่ก้ต้องยอมจะซื้อก้ต้องจ่าย จบ

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
ส่วนตัวผมก็โดนครับจากเซลทั้งในงาน BIG และตามห้าง
อ้างเรื่องภาษีเพืริจะปิดการขาย ส่วนนึงมันก็จริงของเค้าครับ
เซลทำอะไรแล้วปิดการขายได้เค้าทำหมดแหละครับโจมตียี่ห้ออื่น
ชูจุดเด่นตัวเองจุดด้อยไม่พูดถึง เอาหนังสืออบรมพนักงานที่มีการ
เทียบระหว่างรถหลายยี่ห้อมาให้ดูก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วครับ

ในส่วนอัตราภาษีใหม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่ๆจะมากจะน้อยแค่นั้น
แต่ส่วนตัวผมเองขอรอดูสถาณการณ์ดีกว่าครับ ถ้ามันปรับขึ้นจริง
มากขนาดนั้นค่ายรถต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆเพราะรถแต่ละแบบ
มันมีเพดานราคาของมันที่คนซื้อจะรับไหวอยู่ครับ หากราคาปรับขึ้น
ไปสูงเพราะภาษีคนย่อมไม่ซื้อยอดขายก็ลดลง ทางผู้ผลิตอยู่เฉยไม่ได้หรอกครับ
ต้องมีการทำอะไรสักอย่างส่วนลดของแถมโปรโมชั่นต้องตามมาเพื่อทำให้ขายได้
โดยส่วนตัวเชื่อว่าหลังพายุสงบ(ช่วงแรกของการปรับภาษี) ราคารถจะไม่ต่างจาก
ปัจจุบันมากนักหรอกครับ ผมเชื่ออย่างนั้น
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ whitedogs

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
ส่วนตัวผมก็โดนครับจากเซลทั้งในงาน BIG และตามห้าง
อ้างเรื่องภาษีเพืริจะปิดการขาย ส่วนนึงมันก็จริงของเค้าครับ
เซลทำอะไรแล้วปิดการขายได้เค้าทำหมดแหละครับโจมตียี่ห้ออื่น
ชูจุดเด่นตัวเองจุดด้อยไม่พูดถึง เอาหนังสืออบรมพนักงานที่มีการ
เทียบระหว่างรถหลายยี่ห้อมาให้ดูก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วครับ

ในส่วนอัตราภาษีใหม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่ๆจะมากจะน้อยแค่นั้น
แต่ส่วนตัวผมเองขอรอดูสถาณการณ์ดีกว่าครับ ถ้ามันปรับขึ้นจริง
มากขนาดนั้นค่ายรถต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆเพราะรถแต่ละแบบ
มันมีเพดานราคาของมันที่คนซื้อจะรับไหวอยู่ครับ หากราคาปรับขึ้น
ไปสูงเพราะภาษีคนย่อมไม่ซื้อยอดขายก็ลดลง ทางผู้ผลิตอยู่เฉยไม่ได้หรอกครับ
ต้องมีการทำอะไรสักอย่างส่วนลดของแถมโปรโมชั่นต้องตามมาเพื่อทำให้ขายได้
โดยส่วนตัวเชื่อว่าหลังพายุสงบ(ช่วงแรกของการปรับภาษี) ราคารถจะไม่ต่างจาก
ปัจจุบันมากนักหรอกครับ ผมเชื่ออย่างนั้น

ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทุกวันนี้ ผู้บริโภคคงไม่ต้องแบกรับภาษีมากมายขนาดนี้นักหรอกครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ภาษีใหม่นี้บังคับใ้ยังไงอ่ะครับ

สมมติ รถผลิตภายในปีนี้ก็ยังเสียภาษีหน้าโรงงานเท่าเดิม
ถึงเราจะออกปีหน้า แต่ถ้าเป็นล็อตผลิตของปีนี้ที่ยังเสียภาษีอัตราเดิม
ราคาก็ควรจะเท่าเดิมไหมครับ น่าจะเก็บภาษีอัตราใหม่เฉพาะรถที่ผลิตออกมาเมื่อกฎหมายบังคับ
ใช้หรือเปล่าครับ
เข้าใจถูกแล้วครับ รถที่ประกอบเสร็จ และจ่ายภาษีสรรพสามิตในปีนี้ ก็ใช้เรตเดิมครับ

เพราะงั้น ถ้าคุณซื้อรถที่ผลิตปีนี้ ก็ควรได้ราคาเดิม ถึงแม้จะไปออกปีหน้า แต่ก็ไม่รู้บริษัทรถจะทำยังไงนะครับ เขาคงไม่น่าจะมาแยกว่าคันไหนผลิตปีไหน ขายเท่าไร น่าจะขึ้นยกแผงมากกว่า


ส่วนในภาพ จขกท. ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้

รถ D-Segment เสียภาษีเพิ่ม 10% ราคามันจะเพิ่ม 2แสนกว่าได้ยังไง ในเมื่อราคาก่อนรวมภาษีมันล้านต้นๆเอง  ผมว่าอย่างมากก็ขึ้นแสนหน่อยๆครับ

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
ผมก็ขอดู ไปก่อน ขึ้นก็ขึ้นไป ขึ้นแล้วไม่ได้ขาย หรือขายไม่ดี ก็คงจะมีจุด ต้องปรับ
และก็คงต้องหาจุดที่ลงตัวหละครับ
 :)

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ขึ้นเยอะ คนซื้อน้อยลง
ลดกระหน่ำ คนกลับมาซื้อ

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
ถ้าผมเป็นเซลล์ก็เอาเรื่องนี้มาพูดครับ งาน BIG ผมก็ไปมาเจอเซลล์หลายท่านพูดอยู่เหมือนกันแต่ฮาสุดตรงฮอนด้านี่แหละคะยั้นคะยอให้จองมากๆผมก็บอกว่า Jazz, City ไม่ขึ้นเพราะปล่อยไม่เกิน 150 และเติม E85 ได้ภาษีจะเท่าเดิมที่ 25% เค้าก็บอกไม่ใช่ไม่จริงเค้าเป็นเซลล์เค้าศึกษามาอย่างดี ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วบอกว่ามทำงานอยู่โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์นะถ้า Vios ไม่ทำอะไรราคาขึ้นแน่นอนแต่ Jazz ไม่ขึ้น น้องเค้าก็บอกว่างั้นหนููลดเพิ่มให้พี่อีก 7 พันถึงแค่สิ้นเดือนนี้นะ  :) :) :)
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,447
รอดูไปก่อนครับ สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่อง demand & supply

ถ้าแพงไปจริงๆ ค่ายรถไม่อยู่เฉยแน่ ยอดขายดี=Bonus งาม มันแยกกันไม่ออก

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,645
    • อีเมล์
ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าค่ายรถ หรือนายจ้างของเซลส์ให้ข้อมูลนี้แล้วเซลส์แจ้ง ผมเข้าใจได้ เค้าทำตามหน้าที่ ถ้าวันนึงมันปรับจริง ลุกค้าเก่า ลูกค้าหนีไปซื้อยี่ห้ออื่น เค้าก็ซวย ขาดรายได้

แต่ถ้าเซลส์มโนเอาเอง หรือฟังเค้ามา แล้วก็พูดไปเรื่อยเปื่อย แบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่ครับ

การกระตุ้นการขาย มันมีทุกวงการอยู่แล้ว เราไม่อยากเสียเปรียบ ก็ต้องหาข้อมูลให้ดี ก่อนตัดสินใจครับ

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,021
  • FF1.5SMG
รอดูไปก่อน ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกตลาด
ราคาขึ้นในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ ยังไงๆก็ส่งผลต่อการขายแน่ๆ
ในอนาคตก็อาจจะมีส่วนลดหรือโปรเด็ดๆตามมาล่ะครับ..
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
ส่วนตัวผมก็โดนครับจากเซลทั้งในงาน BIG และตามห้าง
อ้างเรื่องภาษีเพืริจะปิดการขาย ส่วนนึงมันก็จริงของเค้าครับ
เซลทำอะไรแล้วปิดการขายได้เค้าทำหมดแหละครับโจมตียี่ห้ออื่น
ชูจุดเด่นตัวเองจุดด้อยไม่พูดถึง เอาหนังสืออบรมพนักงานที่มีการ
เทียบระหว่างรถหลายยี่ห้อมาให้ดูก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วครับ

ในส่วนอัตราภาษีใหม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่ๆจะมากจะน้อยแค่นั้น
แต่ส่วนตัวผมเองขอรอดูสถาณการณ์ดีกว่าครับ ถ้ามันปรับขึ้นจริง
มากขนาดนั้นค่ายรถต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆเพราะรถแต่ละแบบ
มันมีเพดานราคาของมันที่คนซื้อจะรับไหวอยู่ครับ หากราคาปรับขึ้น
ไปสูงเพราะภาษีคนย่อมไม่ซื้อยอดขายก็ลดลง ทางผู้ผลิตอยู่เฉยไม่ได้หรอกครับ
ต้องมีการทำอะไรสักอย่างส่วนลดของแถมโปรโมชั่นต้องตามมาเพื่อทำใรห้ขายได้
โดยส่วนตัวเชื่อว่าหลังพายุสงบ(ช่วงแรกของการปรับภาษี) ราคารถจะไม่ต่างจาก
ปัจจุบันมากนักหรอกครับ ผมเชื่ออย่างนั้น

ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทุกวันนี้ ผู้บริโภคคงไม่ต้องแบกรับภาษีมากมายขนาดนี้นักหรอกครับ
รอดูครับ ว่าผมจะถูกหรือผิด
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
ผมแค่ไปสอบถาม ขอใบราคา ก็โดนครับ เจ้านายเขาก็คงมอบแนวทางมาให้อย่างนี้ล่ะ สุดท้ายก็อยู่ที่เราอยู่ดี มีความจำเป็นจะซื้อหรือไม่

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ช่วงนี้คนส่งหลังไมค์มาถามเยอะมาก

ผมตั้งประเด็นง่ายๆนะ
1. รถอีโคคาร์ สรรพสามิตก็อยู่แถวๆ 14-17% เหมือนเดิม เพิ่มหรือลดก็ไม่ได้มากชนิดที่จะทำให้คุณเลิกซื้อรถรุ่นนั้นๆไปเลย
2. รถเก๋งทั่วไป วัดตามมลพิษที่ปล่อย - ถ้าเติม E85 หรือ CNG ได้ จะหักลบให้อีก 5%
ถ้าปล่อยน้อยกว่า 150 กรัม/ก.ม. - คิด 30%
ถ้าปล่อย 150.01-200 กรัม/ก.ม. - คิด 35%
เกิน 200 กรัม/ก.ม. คิด 40%

ถ้าความจุเกิน 3.0 ลิตร โดนเด้งไป 50% หมด ไม่ว่ารถเก๋งเบนซิน เก๋งดีเซล SUV แม้กระทั่งไฮบริด

3. รถไฮบริด ต่ำกว่า 3.0 ลิตร คิดตามเรตรถเก๋งทั่วไปที่เติม E85,CNG ได้แล้วลบลงอีก 5%
เช่นถ้าปล่อยน้อยกว่า 150 กรัม/ก.ม. ก็จะคิด 20% ปล่อย 199 กรัม/ก.ม. ก็คิด 25%

4. รถ PPV ถ้าความจุไม่เกิน 3.25 ลิตร จะดูการปล่อยมลภาวะ
4.1 ปล่อยไม่เกิน 200 กรัม /ก.ม. คิด 25%
4.2 ปล่อยเกิน 200 กรัม คิด 30%

ถ้าความจุเครื่องเกิน 3.25 ลิตร โดนเด้งไป 50% หมด

เรื่องรถกระบะขอข้ามเพราะผมไม่ถนัด จริงๆไม่ได้ถนัดเรื่องภาษีอะไรพวกนี้เลย แต่ได้คนอ่านนี่แหละช่วยสอนให้
และก็อ่านจากเว็บของ Formula http://www.motorexpo.co.th/news/308 นี่


- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

AuNaraKa

  • บุคคลทั่วไป
ส่วนตัวผมก็โดนครับจากเซลทั้งในงาน BIG และตามห้าง
อ้างเรื่องภาษีเพืริจะปิดการขาย ส่วนนึงมันก็จริงของเค้าครับ
เซลทำอะไรแล้วปิดการขายได้เค้าทำหมดแหละครับโจมตียี่ห้ออื่น
ชูจุดเด่นตัวเองจุดด้อยไม่พูดถึง เอาหนังสืออบรมพนักงานที่มีการ
เทียบระหว่างรถหลายยี่ห้อมาให้ดูก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วครับ

ในส่วนอัตราภาษีใหม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่ๆจะมากจะน้อยแค่นั้น
แต่ส่วนตัวผมเองขอรอดูสถาณการณ์ดีกว่าครับ ถ้ามันปรับขึ้นจริง
มากขนาดนั้นค่ายรถต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆเพราะรถแต่ละแบบ
มันมีเพดานราคาของมันที่คนซื้อจะรับไหวอยู่ครับ หากราคาปรับขึ้น
ไปสูงเพราะภาษีคนย่อมไม่ซื้อยอดขายก็ลดลง ทางผู้ผลิตอยู่เฉยไม่ได้หรอกครับ
ต้องมีการทำอะไรสักอย่างส่วนลดของแถมโปรโมชั่นต้องตามมาเพื่อทำให้ขายได้
โดยส่วนตัวเชื่อว่าหลังพายุสงบ(ช่วงแรกของการปรับภาษี) ราคารถจะไม่ต่างจาก
ปัจจุบันมากนักหรอกครับ ผมเชื่ออย่างนั้น

แล้วทำไมรถแพงขึ้นๆ เรื่อยๆ เนี่ย แสดงว่าพายุยังไม่สงบแน่เลย

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ทั้งนี้ จะแพงขึ้นหรือถูกลง ส่วนหนึ่งเราต้องรู้ CO2 ที่วัดตามมาตรฐานไทย
มาตรฐานเมืองนอกใช้อ้างอิงได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าบ้านเราจะเล่นแร่แปรธาตุอะไรกันแบบไหน
CO2 rating ของรถอังกฤษกับนิวซีแลนด์ยังต่างกันได้เลยครับ แต่ไม่มาก

ผมลองเก็ง เดาแบบหลักการ 50% แล้วแปลเป็นภาษาคนทั่วไป ได้ไอเดียมาประมาณนี้นะ อย่าเพิ่งเชื่อ 100% เพราะ
ผมเอาสูตรคำนวณมาจากหน้านี้
http://bta.excise.go.th/calculate_tax_car.php?calculate_id=0002

ซึ่งในหัวข้อ ม.8 (1) ผมยังงงอยู่ว่าสรรพสามิตคำนวณวิธีไหน แต่ผมลองดู Example ของเขาแล้ว สูตรที่ได้ค่าตามนั้น
คือสรรพสามิตคำนวณโดยเอามูลค่ารถ(ที่โรงงาน รวมกำไรแล้ว) แล้วไปคูณกับอัตราภาษี เช่นรถ 500,000 บาท อัตราภาษี
50% ก็คือ 500,000 x 0.5 ได้เป็นอัตราภาษี เท่ากับ 250,000 จากนั้นบวกมหาดไทยอีก 10% ของ 250,000 ทำให้
ภาษีที่ต้องจ่ายโดยรวมเท่ากับ 275,000 แล้วนำอันนี้ไปบวกกับราคารถ แล้วไปคิด VAT เพิ่ม 7% ได้มาเป็นราคาหน้าโชว์รูม


1. ชาวอีโคคาร์ - ผลกระทบน้อยมากครับ บางรุ่นได้สรรพสามิตที่อาจจะถูกลงด้วยแต่บริษัทรถคงใช้วิธียัดออพชั่นมากกว่าลดราคาลง

2. ชาวพันห้าพาเพลิน - ผลกระทบน้อยครับ เดิมน่ะพวกที่เติม E20 ได้ก็เสียอยู่ 25% ส่วนอัตราใหม่ก็ 30% รถที่เคย 6แสนปลายก็จะเพิ่ม
เป็น 7 แสนต้น แต่ถ้าทำรถที่เคยเติมได้ถึงแค่ E20 ให้มันเติม E85 หรือ CNG ได้ซะ ก็จะลดจาก 30 เหลือ 25% ซึ่งก็คือสรรพสามิตเท่าเดิม
ส่วนรถที่เติม E85 ได้อยู่แล้วจะแพงขึ้นนิดหน่อย


สมมติเรามีรถ 1.5 ลิตรสักคันใน B-Segment ที่เติม E85 ได้แล้วราคาปัจจุบันอยู่ที่ 730,000 โดยประมาณ
พอสรรพสามิตอัตราใหม่บังคับใช้ ราคาจะเพิ่มเป็น 750,000 บาทโดยประมาณ

ส่วนรถ 1.5 ลิตรที่เติม E85 ไม่ได้ และยังจะคงเติม E85 ไม่ได้ต่อไป..สมมติว่าราคาเดิม 690,000 บาท
เมื่อสรรพสามิตใหม่บังคับใช้ ราคาจะเพิ่มเป็น 720,000..แต่ถ้าเขาทำให้มันรองรับ E85 เสีย ราคาก็จะกลับมาเท่าเดิมได้
แต่มันจะต้องไปกิน % กำไรกับต้นทุนในราคาเริ่มต้นของรถ ตรงนี้ผมไม่สามารถบอกกลวิธีได้หรอกครับว่าจะทำยังไง



* ข้อนี้ ผมเดาจากสมมติฐานว่ารถพันห้าบ้านเราปล่อยมลพิษไม่เกิน 150 กรัม/ก.ม. กัน ซึ่งก็ไม่ควรจะเกินนี้หรอกครับ

3. ชาว C-Segment - ผลกระทบแล้วแต่รุ่นครับ

สมมติว่ารถรุ่นหนึ่ง C-Segment นะ..ราคา 900,000 บาท และตอนนี้เติม E85 ได้อยู่แล้ว
ถ้าสมมติวัด CO2 ออกมาได้ต่ำกว่า 150กรัม = ได้ราคา 924,000 แพงขึ้น 24,000 บาท
ถ้าวัด CO2 ออกมาได้เกิน 150 แต่ไม่เกิน 200 - ได้ราคา 964,000 แพงขึ้น 64,000 บาท

สมมติอีกกรณี ว่ารถรุ่นนึงเติมได้แค่ E20 และขายในปัจจุบันด้วยราคา 830,000
ถ้าสมมติวัด CO2 ออกมาได้ต่ำกว่า 150กรัม = ได้ราคา 868,000 แพงขึ้น 38,000 บาท
แต่ถ้า CO2 ทะลุ 150 ก็อาจจะโดน 903,000 คือแพงขึ้น 73,000 บาท
แต่ถ้าทำรถคันนี้ให้เติม E85 ได้. ก็จะมีราคาขายกลับมาอยู่ 830,000 เท่าเดิม แต่เช่นเดียวกับ
เซกเมนต์ก่อนหน้านี้คือต้องหาวิธีว่าทำยังไงให้รถเติม E85 ได้แล้วราคาหน้าโรงงานยังอยู่เท่าเดิม



4. ชาว D-Segment 2.0 และ SUV พื้นฐานเก๋ง 2.0 ลิตร (ประกอบในประเทศ)
รถบางรุ่นที่ขายอยู่ 1,300,000 บาท แล้วเติม E85 ได้อยู่แล้ว ราคาจะขึ้น
ถ้า CO2 <=150g จะไปจบที่ 1,336,000 บาทโดยประมาณ แพงขึ้น แต่ก็ไม่มาก
ถ้า CO2 > 150g จะไปจบที่ 1,394,000 บาทโดยประมาณ

ส่วนรถที่ราคา 1,300,000 และปัจจุบันเติมได้แค่ E20 แล้วไม่คิดจะทำให้เติม E85 ได้ จะแพงแค่ไหน
ถ้า CO2 <=150g ก็จะไปจบที่ 1,357,000 บาท
ถ้า CO2 > 150g จะไปจบที่ราว 1,413,000 บาท


5. ชาว D-Segment และ SUV พื้นฐานเก๋ง ปอดโตกว่า 2 ลิตร - ประกอบในประเทศ
พวกนี้ความเป็นไปได้ที่จะ CO2 น้อยกว่า 150g จะน้อยแล้วครับ เท่าที่เห็นคือ 160-199 กันซะเยอะ
สมมติว่ารถคันนึงเครื่อง 2.4 ลิตร เติม E85 ได้อยู่แล้ว แล้วขายประมาณ 1.7 ล้านบาท
เจอสรรพสามิตอัตรา CO2 >150g (แต่ไม่เกิน 200) ซึ่งชาร์จ 35% แต่ได้หักลบ 5% เหลือ 30 เพราะเติม E85 ได้
แบบนี้ราคาจะกลายเป็น 1,743,000 บาท

ส่วนรถอีกคัน ขายอยู่ 1.5 ล้าน แต่เติมได้ถึงแค่ E20 ปล่อยมลพิษเท่ากับคันตะกี้
ราคา 1,500,000 บาท ก็จะกลายเป็น 1,563,000 บาท



6. ชาวไฮบริด - คุณจะต้องปล่อยมลพิษน้อยเท่าอีโคคาร์เฟส 2 (100 กรัมหรือน้อยกว่า/ก.ม.) และความจุน้อยกว่า 3.0 ลิตรถึงจะไม่ได้รับผลกระทบใดพูดก็พูดนะ Accord Hybrid เอย Camry Hybrid เอยเนี่ยเตรียมตัวระวังกันไว้ได้เลย ราคามีสิทธิ์เพิ่มเป็นแสน เพราะสรรพสามิตจาก 10% ก็จะโดน 20 หรือ 25% แทน


7. ชาวเทอร์โบยุโรป 2.0 ลิตร ม้า 180-200 ต้นๆ - ชีวิตอาจจะไม่เปลี่ยนมากเพราะจากเดิมสรรพสามิต 25-30% อยู่แล้ว ของใหม่ถ้าเป็นอย่าง VW Golf ก็จะได้ 30% ครับ หรือถ้าตัวโตกว่านั้นหน่อยก็ 35% ดังนั้นรถที่เคย 3 ล้าน ก็อาจจะเป็น 3.1 ล้านบาท ผมมองว่า 1 แสนบาทในโลกของคนเล่นรถพรีเมียมไม่ใช่เรื่องใหญ่แบบแสนบาทในรถระดับ Mass ทั่วไป

8. ชาวเทอร์โบ ม้าเกิน 220 แต่ความจุไม่เกิน 3.0 ลิตร - ชีวิตโคตร Happy ครับ เพราะจากเดิมสรรพสามิต 50% ก็จะลดลงแน่นอน ต่อให้ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/ก.ม. คุณก็ยังได้สรรพสามิต 40% และบางรุ่นอย่าง BMW M4 DCT จะได้ 35% ด้วยซ้ำเพราะ CO2 rating อยู่ที่ 197 ครับ



จาก 8 ข้อนี้ น่าจะพอเห็นภาพกัน แต่ติดเงื่อนไขอยู่ 3 ข้อ สำคัญมากนะครับ จะมาหาว่าผมไม่บอกไม่ได้นะ
1. CO2 ในการคำนวณของจริงจะยึดตามการวัดของประเทศไทย "เรายังไม่รู้ว่ามันจะเท่าไหร่" แต่มันไม่ควรต่างจากเมืองนอกมาก
ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
2. รถแรงๆบางรุ่น ผมตั้งข้อสงสัยว่าม้าทะลุ 220 แต่ทำราคาได้ถูกเพราะแจ้งสรรพสามิตน้อยกว่าความเป็นจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น
รถพวกนี้ราคาก็จะไม่ถูกลง แต่อาจจะเพิ่มด้วยซ้ำไป ไม่ต้องหลังไมค์มาถามผมนะครับ เดี๋ยวโดนฟ้อง
3. การคำนวณของผม เปลี่ยนแปลงเฉพาะส่วนของสรรพสามิตตามเงื่อนไขใหม่ และวิธีการคำนวณผมใช้วิธีสร้างสูตร
แล้วคำนวณให้ได้เลขตามตัวอย่างของเว็บ http://bta.excise.go.th/calculate_tax_car.php?calculate_id=0002
จากนั้นก็เอาสูตรที่ได้ลง Excel มาคำนวณกับรถรุ่นอื่นๆดู ..แล้วก็ต้องไม่ลืมนะครับว่าพอถึงปี 2559 ตัวแปรอีกตัวที่สามารถ
เปลี่ยนแปลงได้คือ "ราคาหน้าโรงงาน" (ราคาของรถ ก่อนรวมสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย และ VAT)
หรือในกรณีของรถนำเข้า ก็คือ "ราคา CIF ซึ่งได้แก่ค่ารถจากโรงงาน รวมอากร ค่าขนส่งนำเข้าและค่าธรรมเนียมอื่นๆ"

ผมยกตัวอย่างอีกอันแล้วกัน

สมมติว่ามี SUV รุ่นนึง เครื่อง 2.5 ลิตร นำเข้าจากแถบอาเซียน ราคาปัจจุบันอยู่ 1,440,000 บาทและรับ
สรรพสามิค 35% แต่ได้ลดเหลือ 30% เพราะเติม E20 ได้

รถรุ่นนี้ โชว์รูมบางแห่งบอกว่าปีหน้าจะโดนสรรพสามิต 40% นั่นแปลว่ารถคันนี้ปล่อย CO2 เกิน 200กรัม
(ซึ่งเยอะมาก รถรุ่นเดียวกันในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ปล่อยไม่เกิน 180g) เอาเป็นว่าถ้าหากโดนแบบนั้นจริงๆ
ราคาจะเป็น 1.722 ล้าน เพิ่มไปอีกตั้ง 280,000!

แต่ช้าก่อน ถ้าสมมติว่าบริษัทรถทำให้มันปล่อยมลภาวะได้น้อยกว่า 200g มันก็จะเหลือ 1,568,000
(เพิ่มขีดความสามารถในการเติม E85 เข้าไป ราคาก็จะลดลงอีกจนเหลือใกล้เคียงเดิม)

หรือถ้าสมมติว่าเอาสรรพสามิต 35% เป็นตัวตั้ง ราคาเก็งไว้ 1,568,000 แล้วบริษัทรถหาทางลดต้นทุน
ไม่ว่าจะจากราคาโรงงาน หรือส่วนไหนก็ตามแต่ หากพวกเขา ลดค่าใช้จ่ายต้นทางลงได้คันละ 30,000 บาท
ราคาของรถจะลงจาก 1,568,000 มาเหลือ 1,513,000 ได้เหมือนกัน..แต่คนบริษัทรถคงด่าผมกระจาย
เค้น 30,000 บาทจากรถคันนึงนี่ไม่ใช่ง่ายนะครับบอกไว้ก่อน แต่ผมแค่เสนอให้ผู้อ่านเห็นตรงนี้ว่าหนทาง
แก้ปัญหามันมีแต่จะได้มากน้อยแค่ไหนนี่ต้องลุ้นเอาครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 15, 2015, 23:33:05 โดย Commander Cheng »
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ gnext

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
ปัจจุบันตัวไหนขายไม่ดีลดราคาเป็นแสน
ไม่เชื่อหรอกว่าถ้าภาษีขึ้นแล้วราคาจะขึ้นได้จริง

จริงอยู่ราคาตั้งอาจจะขึ้นตามภาษี แต่ก็จะตามมาด้วยส่วนลดเยอะกว่าเดิม คนไทยชอบส่วนลดอยู่แล้วนิ
สรุปคือขายราคาเท่าเดิม กำไรน้อยลง ขายไม่ดีรถก็ไปจากตลาดเร็วขึ้น

...
วิเคราะห์อย่างนี้ได้มั้ยครับ :P