ผมอยู่ใน Help club บอกตามตรง เห็นด้านมืดของค่ายนี้แล้ว ยังไงก็คงไม่ซื้อยี่ห้อนี้
- ฟ้องร้องลูกค้าเคสน้ำดัน ของ Cx5 ทั้งๆที่สินค้าตัวเองบกพร่อง สุดท้ายตัวเองก็พ่ายแพ้ ต้องออกมาขยายวารันตีเครื่องยนต์เพิ่มให้
- แต่ขยายเวลารับประกันไปอีกแค่ 180,000 โล ถ้าหลังจากนั้นลูกค้าเกิดน้ำดัน ก็ต้องจ่ายค่าเครื่องเองอีก 2-3 แสนบาท ที่สำคัญ มีลูกค้าเจอเคสน้ำดันรอบที่ 2-3 กันหลายคัน
- Cx5 ดีเซล gen.1 ปัญหาน้ำดันมาจากระบบรีเจ็นของ Dpf ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ดีเซลไหลลงอ่างไปผสมกับน้ำมันเครื่อง ในขณะที่ Cx5 gen.2 ค่ายรถบอกว่าแก้แล้ว แต่ระบบรีเจ็นยังคงเป็นระบบเดิม ดีเซลไหลลงอ่างจนระดับน้ำมันเครื่องเพิ่มเหมือนเดิม แบบนี้ลูกค้าก็ต้องเสี่ยงกับปัญหาน้ำดันอีกแน่นอน แถมการรับประกันคุณภาพของ gen.2 ก็แค่ 100,000 โล ไม่ได้ถูกขยายออกไปเหมือนกับ gen.1
- เคส Mazda2 ดีเซล รถมีปัญหาจุกจิกมาก เครื่องสั่น เร่งไม่ขึ้น ดับกลางอากาศ จนลูกค้าต้องรวมตัวกันฟ้องร้องต่อศาล เพราะค่ายรถนิ่งเฉยที่จะแก้ปัญหา
- เคสปั๊มติ๊ก ดับกลางอากาศ บางคันป้ายแดงวิ่งไม่ถึง 400 โลก็เจอปัญหา บางคันผู้หญิงขับแล้วดับกลางอากาศขณะรถวิ่ง เสี่ยงอันตรายต่อชีวิตมากๆ กว่าค่ายรถจะมีมาตรการแก้ไขปัญหา ก็กินเวลานานมากๆ
นี่ปัญหาก็ยังไม่จบง่ายๆ คนที่ได้เคลมปั๊มแล้ว เจอปัญหารอบตก เครื่องสั่นอีก
- นโยบายของเหลวไม่ต้องเปลี่ยนถ่าย Long life time หลังหมดประกันคุณภาพ 3 ปี เริ่มมีรถลูกค้าเกียร์พังกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนเข้าศูนย์ ศูนย์ไม่ได้แจ้งว่าต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ลูกค้าต้องรับผิดชอบค่ายใช้จ่ายเองเต็มๆ ถามว่าจะมีลูกค้าสักกี่คนที่รู้เรื่องรถ ส่วนใหญ่เขาก็เชื่อมั่นในศูนย์ยริการในการบำรุงรักษากันทั้งนั้น
- ค่าอะไหล่ที่แพงเกิน มอเตอร์พัดลมหน้าเครื่อง Cx5 ชุดละ 17,000 บาท แต่พอลูกค้าออกมาร้องเรียน กลับลดราคาให้พิเศษเฉพาะลูกค้าคนนั้นๆเหลือแค่ 1,700 บาท มาตรฐานอยู่ตรงไหน ใครไม่รู่ก็โดนฟันค่าอะไหล่หัวแบะ ยังไม่นับรวมค่าแรงที่แพงเวอร์วังอลังการ สวนทางกับฝีมือของช่าง
เห็นปัญหาที่กลุ่มผู้ใช้เขาเจอแล้ว ตัวรถสวย อ๋อพชั่นดีแค่ไหน ผมซื้อไม่ลงจริงๆ ซื้อมาแล้วเจอปัญหาผมคงรับเรื่องพวกนี้ไม่ไหว