Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ เมษายน 18, 2011, 21:32:00

หัวข้อ: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ เมษายน 18, 2011, 21:32:00

สมมุติมีรถทั้งหมด 3 คัน ยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน
สมมุติว่าเป็นน้องแจ๊ส 3 คันล่ะกันนะครับ
ฮอนด้าแจ๊ส รุ่น V ได้รถสดๆร้อนๆวันนี้

โดยมีคนขับ 3 คน 3 สไตล์ 3 ลักษณะการใช้ชีวิต ดังนี้


1  คนแรก
ขับรถนอกเมืองบ่อยๆ ทำงานที่แถบชานเมือง ต้องขับรถ ไป - กลับ วันล่ะ 100 กิโล
ทำงาน 5 วัน วันหยุดมีไปเที่ยวห้างตามเขตชานเมืองบ้าง
น้อยครั้งมากๆที่จะขับเข้าเมือง

แต่คนๆนี้ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เข้าอู่ทุกๆ 12,000 - 15,000 กิโลเมตร
เนื่องจากรถวิ่งเยอะ เข้าอู่แปปเดียวก็ต้องเข้าอีก เลยวิ่งเยอะหน่อย ค่อยเข้าศูนย์

คนขับรถคันนี้ เป็นหนุ่มใหญ่ วัยเกือบ 40 ชอบขับรถเดิมๆ ไม่ตกแต่งรถเพิ่ม
ลักษณะการขับขี่ ทั่วๆไป ขับเร็วบ้าง ช้าบ้าง รีบบ้าง บางเวลา
ไม่ถึงกับหยอดทุกเม็ด ทุกเนิน ขับตามสภาพทั่วๆไป

เค้าคนนี้ จอดรถเป็นที่เป็นทาง ไม่เคยจอดตากแดด มีโรงรถส่วนตัว
ล้างรถเอง ลงเคลือบสีเองเป็นประจำ

เค้าคนนี้ เข้าเกียร D แล้วยาวววๆ ใช้เกียรออโต้เป็น


2 คนที่สอง
ขับรถในเมืองเป็นประจำ
ทำงานใจกลางเมืองรถติดประมาณแยกอโศก หรือแถวช่องนนทรีตอน 8 โมง
เธอเป็นหญิงสาววัยทำงาน อายุประมาณ 30
ใช้ชีวิตใจกลางเมือง ขับรถไปสยามทุกเสาร์ ทุกเย็นวันศุกร์ไปสังสรรค์แถวรามอินทรา
เจอรถติดเป็นประจำ

ถึงแม้เธอจะขับรถในเมืองรถติดๆเป็นประจำ
แต่เธอคนนี้ เข้าศูนย์เป็นประจำ ทุกๆ 10,000 กิโลหรือใกล้เคียง เธอจะเข้าศูนย์ทันที
ทุกสิ่งทุกอย่างเบิกศูนย์หมด มีช่างดีไว้ใจได้ ศูนย์ใกล้บ้าน เอาใจใส่ดูแล

เธอคนนี้ ขับรถช้า ใจเย็น หยอดทุกหลุม
ไม่เคยขับเกิน 120 เลย เจอโค้งเบรค เจอเนินชลอ แซงแบบเรื่อยๆ หรือไม่แซงใครเลย
เธอชอบขับรถเดิมๆ แต่มีชุดแต่ง มีของกุ๊กกิ๊กน่ารัก มีน้ำหอมติดรถ ตามสไตล์สาวๆ

เธอไม่ค่อยล้างรถ เนื่องจากไม่มีเวลา เธอจอดรถตากแดดตากฝน
ตามสภาพของการจอดรถในเมืองทั่วๆไปที่หาที่จอดยากเย็น
แต่ก็ยังมีการเข้าคาร์แคร์ขัดสีเคลือบสีบ้าง บางโอกาศ

แต่เธอคนนี้ ชอบสลับเกียรไปๆมาๆบ่อยๆ จอดทีนึงก็ N รถวิ่งก็ D
สลับไปๆมาตลอด


3 คนสุดท้าย
ขับรถอยู่ชานเมืองบ้าง ในเมืองบ้าง
เค้าเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุ 20 ต้นๆ ทำงานกลางเมือง ประมาณเขตพญาไท
แต่อาศัยอยู่ชานเมือง บางวันขับรถ บางวันนั่งรถไฟฟ้าบ้าง ตามแต่สะดวก
ทุกวันหยุด จะมีออกไปชานเมืองบ้าง นอกเมืองบ้าง

เค้าคนนี้ เข้าศูนย์บริการตลอด เพียงแต่ไม่เข้มงวดเท่าสาวคนที่สอง
ถึงระยะก็เข้าบ้าง เลยมานิดๆบ้าง แต่เลขไมล์ขึ้นช้าเพราะไม่ได้ขับรถบ่อย

คนๆนี้ แต่งรถตามประสาวัยรุ่นทั่วๆไป แม๊กซ์โต โหลดต่ำ ท่อดังพอประมาณ
นิสัยใจร้อน สาดโค้ง เบรคแรง เท้าหนัก ตามประสาเด็กเพิ่งเห่อรถทั่วๆไป
แต่เค้าไม่ค่อยใส่ใจดูแลรถเท่าไหร่ จอดรถข้างทางบ้าง
ไม่เคยเคลือบสี ไม่ดูแลเท่าไหร่ นานนนๆๆ จะล้างซักครั้ง

เด็กหนุ่มคนนี้ ลากรอบ ลากเกียร
คิกดาวน์บ่อยๆ ตามประสาคนวัยแรงใจร้อน
..................................................

อยากทราบว่า
อีก 3 ปี   อีก 6 ปี   และอีก 10 ปีข้างหน้า
รถทั้ง 3 คันนี้ แต่ละคัน จะมีสภาพแบบไหน
และรถใคร จะสมบูรณ์ที่สุด เพราะเหตุใดครับ??


เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

สมมุติมีคนที่ 4 เข้ามาแจมด้วย ตัวแปรเหมือนกันหมด

เพียงแต่คนๆนี้ เป็นคนมีอายุ ราวๆ 60ปลายๆ
เพิ่งเกษียรตัวเองออกจากการทำงาน อยู่กินกับภรรยาที่บ้าน
ขับรถเพียงน้อยนิด อาทิตย์ล่ะ 1-2 วัน ระยะทางสั้นๆ เขตรอบนอกเมือง

เค้าคนนี้ ดูแลรถเป็นอย่างดี ช่วงไหนรถไม่ได้ติดเครื่องนานๆ
ก็มีการสตาร์ตไว้บ้าง พาไปวิ่งเล่นบ้าง
เพียงแต่ใช้เวลา 1 ปี กว่ารถจะเข้าศูนย์ และบางทีปีๆนึง วิ่งแค่ราวๆหมื่นกิโลเมตรเท่านั้น

คนๆนี้ ขับรถเรื่อยๆเหมือนคนทั่วๆไป ชอบรถเดิมๆจากโรงงาน
ไม่ถึงกับหยอดทุกเม็ด แต่ก็ขับค่อนข้างช้า
มีโรงรถเป็นของตัวเอง ดูแลรักษารถเหมือนลูก(เพียงแต่วิ่งน้อย เท่านั้นเอง)

เรื่องเกียร... ผู้ชายคนนี้ ไม่เคยคิกดาวน์เกียรเลยซักครั้ง ขับเรื่อยๆ ชิวๆตลอด



ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ
จาก 3(หรือ 4 ) สถานการณ์ที่ว่ามา
รถคันไหน จะมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดครับ??

ปล. ใช้เวลาพิมพ์ตั้งนาน  T^T
ปล2 คนที่ยกตัวอย่างมา เป็นคนรู้จักผมทั้งนั้นครับ ^^
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ เมษายน 18, 2011, 21:40:39
4-1-2-3 ครับ ในมุมมองผม

1 กับ 2 ไม่แน่ใจ

4 ลุงแกวิ่งน้อยขนาดนั้น ต่อให้เข้าศูนย์ปีละครั้ง ผมก็ว่าสภาพก็น่าจะ OK

ส่วนไอ้หนูคนที่ 3 แป้บๆ รถก็คงเป็นขยะไปแล้วละครับ ตีนผี ไม่ดูแลรถ แล้วประเภทนี้คงไม่ค่อยได้วัดของเหลวด้วย ผมว่าอาจจะ overheat ฝาสูบโก่งตั้งแต่ปีแรก
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ เมษายน 18, 2011, 22:16:03
คนหนึ่ง จะโทรมเร็วกว่าถ้านับตามระยะเวลา แต่ถ้าตามระยะทางเป็นกิโลเมตรแล้วคิดว่าคุ้มที่สุดครับ
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: maggie ที่ เมษายน 18, 2011, 22:44:51
ผมก็ให้เป็น 4 1 2 3 เหมือนกันครับ เพราะตัวอย่างสถานการณ์แทบจะเหมือนกันกับที่บ้านผมเลย แม่,พ่อ,น้องสาวแล้วก็ผม รถแม่ใช้ร่วม10ปี มันยังดูดีดูใหม่สภาพต่างต่างยังนิ้งอยู่เลย ส่วนรถผมตอนเป็นวัยรุ่น13-14ปีก่อน ผ้าเบรค ยาง ช่วงล่างต้องเปลี่ยนบ่อยมากๆ
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ เมษายน 18, 2011, 23:07:37
แต่ผมไม่เข้าใจครับ ทำไมต้องเอาเรื่องเกียร์ D เกียร์ N มาเป็นประเด็นด้วยหละ ก็แค่เกียร์ว่างกับเกียร์ขับมันเข้าสลับกันบ่อยๆตอนรถติดไม่ได้หรอครับ ?
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: methus zaa ที่ เมษายน 18, 2011, 23:38:38
4123 ครับ
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ เมษายน 18, 2011, 23:49:17
แต่ผมไม่เข้าใจครับ ทำไมต้องเอาเรื่องเกียร์ D เกียร์ N มาเป็นประเด็นด้วยหละ ก็แค่เกียร์ว่างกับเกียร์ขับมันเข้าสลับกันบ่อยๆตอนรถติดไม่ได้หรอครับ ?

ไปอ่านดูครับ

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55)
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Terng ที่ เมษายน 19, 2011, 00:36:40
รถยิ่งใช้ระยะทางมากๆ ยังไงก็ดูโทรมครับ แม้จะดูแลรักษาดีมากๆ อย่างพ่อผมเค้าใช้แจ๊ซปีละ 30,000 โลได้ ปัจจุบันปาเข้าไป 220,000 แล้ว ทั้งดูแล ล้างเคลือบขัดทำเองอย่างดิบดี ไม่เอาเข้าศูนย์เพราะมีช่างที่รู้จักกันเค้าซ่อมเก่งมากครับ คอยดูแลให้ในราคาไม่แพง จะเอาเข้าศูนย์ต่อเมื่ออะไหล่บางชิ้นต้องเปลี่ยน แต่ถ้าแค่ซ่อมช่างเค้าทำให้

แต่สภาพรถเองก็ไม่ดูสดหรือดูเนียนเหมือนรถคันอื่นที่อายุเท่ากันหรอกครับ

แต่ถ้าให้เทียบกับรถที่วิ่งมาพอๆกันในรุ่นเดียวกัน รถที่พ่อใช้อยู่กินขาดครับ ยังดูดีกว่าเยอะเลย

เวลาดูให้แยกออกเป็นกรณีๆครับ พวกขับตีนผี แต่งโหลด รถช้ำแน่นอน เพราะไปเล่นโครงสร้างรถหลายอย่าง แต่ถ้าเค้าไม่ได้ขับเยอะ มันก็ไม่พังไปมากหรอกครับ หรือรถที่ไม่ค่อยล้าง ก็เป็นแค่สีที่มันจะโทรมๆเท่านั้น หรือรถที่ไม่ค่อยเอาไปซ่อมบำรุงหรือเช็ค มันก็มีแนวโน้มจะมีปัญหาก็แค่นั้นครับ แยกเป็นส่วนๆไป

เวลาซื้อรถมือสองถึงเจอทั้งแบบที่เปลือกสวย เงาแว้บ แต่เครื่องเน่า หรือกรณีที่สลับกัน บ่อยๆไปครับ
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ เมษายน 19, 2011, 00:39:30
แต่ผมไม่เข้าใจครับ ทำไมต้องเอาเรื่องเกียร์ D เกียร์ N มาเป็นประเด็นด้วยหละ ก็แค่เกียร์ว่างกับเกียร์ขับมันเข้าสลับกันบ่อยๆตอนรถติดไม่ได้หรอครับ ?

ไปอ่านดูครับ

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55)

ประสบการณ์จริง รถที่บ้านคันนึงถูกใช้เปลี่ยนเกียร์ระหว่าง D-N อย่างหนัก ปาเข้าไปแสนกว่าโลแล้ว กระตุกชัดเจนครับ
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ เมษายน 19, 2011, 01:39:35
ว้าาา ว่ากำลังดูรถเกียร์ออโต้แบบเล่นเกียร์เองได้ซะหน่อย ดันมาจุกจิกเรื่องเกียร์ N เกียร์ D อีก แย่จัง  :'(
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Andromeda ที่ เมษายน 19, 2011, 04:46:36
สำหรับผม ผมว่าทุกคันที่กล่าวมา มีสิทธิ์ที่จะพังแถบทุกคัน

ไม่ว่าจะดูแลยังไง ของที่ซื้อมาใช้ย่อมมีอายุไขในตัวของมันเอง

บางอย่างเสีย ก็ต้องซ่อม ทำเป็นจุดๆไป มันคงไม่เสียทีเดียวยกคันแน่ๆ

การดูแลรักษา ต่อให้ดูแลยังไงมันก็ต้องมีบางอย่างที่เราลืมนึกไปหรือไม่ก็

มีอาการเสียแบบไร้สาเหตุแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อนก็มี แต่ถ้าให้วิเคราะห์ตาม

เหตุการข้างต้น ก็คงจะเป็นเหมือนหลายๆคน คือ 4 1 2 3 แหละครับ
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: BestHuafoo ที่ เมษายน 19, 2011, 07:16:11
ถ้ากรณีนี้ ข้อ 1 จะดีที่สุด
แต่จะดีกว่านี้ถ้าเขาใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 เพราะวิ่งทางไกลบ่อย แถมเปลี่ยนถ่ายทีละ 15000โล

คนที่ 2 แม้จะเข้า D-N บ่อย เกียร์กระตุกยังพอหาอะไหล่มาเปลี่ยน มาซ่อมได้
แต่หัวเข่าคน เสื่อมขึ้นมา หาเปลี่ยนยากนะครับ บอกไว้ก่อน

คนที่ 3 ชอบลากรอบ  ซื้อรุ่นเกียร์ธรรมดาไปขับจะเข้าท่ากว่า

ข้อ 4 ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าใน 1 ปี วิ่งไม่ถึง หมื่นโลนี่ ผมไม่ซื้อต่อเด็ดขาด(มองในแง่ตอนมือ 2)
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: TnP_PKt ที่ เมษายน 19, 2011, 09:08:31
4-ดีสุด ครับถึงจะบอกว่าวิ่งน้อยจนแทบไม่วิ่งแต่บอกว่ามีการสตาร์ทเครื่องบ้างและนำไปวิ่งเล่นแม้เพียงน้อยนิดแต่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งผมถือว่าเพียงพอ แถมเข้าศูนย์ตลอดแม้เค้าจะบอกว่าเข้าทุก 6 เดือนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนแต่ 1 ปีผมว่าเข้าได้นะครับไม่น่ามีปัญหาอะไร เอาเป็นว่าดีสุด

1-รองลงมา รถวิ่งทางไกลผมมองว่าภาระเครื่องน้อยกว่ามากครับอีกทั้งยังช่วยยืดระยะการใช้งานของเกียร์เพราะไม่ต้องเปลี่ยนจังหวะบ่อย อาจวิ่งยาวเกียร์ 5 ใช้รอบการทำงานเครื่องยนต์ต่ำๆ ผมว่าเครื่องโทรมน้อยครับอย่างนี้ ส่วนเรื่องสีก็น่าจะ OK เพราะรักษาเป็น แต่...จะเสียอย่างเดียวที่เข้าศูนย์ช้า ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องใหญ่อยู่แต่ไม่เป็นไรมากครับเพราะบริษัทรถก็น่าจะเผื่อไว้แล้วไม่ใช่พอครบปั๊บต้องเข้าปุ๊บหรอกครับแต่ทำเป็นนิสัยก็คงไม่ดีเหมือนกันครับ

2-เป็นลำดับต่อมา เพราะแม้จะเข้าศูนย์ตลอด แต่สไตล์การใช้งานคือไม่ดูแลรักษารถเลยย เข้าศูนย์อย่างเดียว อย่างแรกคือสีไม่สวยแน่นอนนน สองรถเลขไมล์น้อยแต่ชั่วโมงการทำงานเครื่องยนต์เยอะผมว่าเครื่องยนต์จะโทรมเร็วกว่าวิ่งทางไกลด้วยซ้ำไป ต่อมาการใช้งานเกียร์ AT ของคันนี้สลับเปลี่ยนเกียร์บ่อย N-D-N-D ผมว่าเกียร์ไปเร็วแน่นอนต่อให้ไม่สลับ N-D แต่เกียร์ก็จะเปลี่ยนบ่อยประมาณว่า 1-2-3-2-1-2-1 อยู่ประมาณนี้ครับคือติดๆหยุดๆพอไหลได้นิดหน่อยก็ติดประมาณนั้นครับเกียร์ไปเร็วนะผมว่าแบบนี้

3-ไม่ต้องพูดถึงเลยย รู้ๆกันอยู่ครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กรณีนี้คล้ายบ้านผมมากแต่รถคนละรุ่น Adventure&D-max เครื่องเดียวกัน 4JJ1-TC ออกรถวันเดียวกัน Adventure MT และ D-max AT

ตอนนี้ Adventure 120,000-Dmax 180,000 Km เข้าศูนย์ตลอดทั้งคู่รู้สึกว่าดีแม็กสภาพเครื่องยนต์ดีกว่าครับแม้จะต่างกันแค่น้อยนิดและเป็นความรู้สึกครับ อีกอย่างตอนนี้ 180,000 Km.เกียร์ก็ยังไม่งอแงผมว่าอยู่ที่การใช้งานด้วยครับผมมองว่าเกือบ 200,000 กิโลถ้าวิ่งในเมืองตลอดไม่แน่เกียร์อาจจะไปแล้วก็เป็นได้ครับ
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: johnlee ที่ เมษายน 19, 2011, 09:11:48
สำหรับผมแล้ว รถที่วิ่งน้อย ถือว่าใช้งานหนักครับ

ผมให้ คันที่4 พังก่อน ตามมาด้วยคันที่3 แต่สองคันนี้สูสีที่จะพังพร้อมๆกัน(ไม่ได้หมายความว่าพังโครมแล้วใช้งานไม่ได้ในทุกๆส่วน)

1-2 ก็สูสี แต่คันที่เจอหลุมชอบหยอด อาจมีแผลจากการโดนชนท้ายบ่อยๆ

ผมเลือกคันที่ 1 ละกัน เพราะการเข้าเช็คที 1.5 หมื่นกม. ไม่ได้เป็นการละเลยอะไรเลย ตามมาตรฐานยุค สหัสวรรตใหม่ แล้ว
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: nuionline ที่ เมษายน 19, 2011, 09:12:18
คิดแล้วเครียด.....
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: LimitedEdition ที่ เมษายน 19, 2011, 09:31:42
พูดกันตามประสบการณ์นะครับ
เพราะเข้าใจว่าทฤษฎีนี่เขียนไว้ชัดเจนในบทความนั่นแล้ว

ผมเป็นคนที่ใช้รถเกียร์ออโต้ แบบไม่เคยแช่เกียร์ D ตอนรถจอดติดไฟแดงสักครั้ง
สาเหตุแรกก็คือ ความสบายส่วนตัว ไม่ต้องการเหยียบเบรกขาแข็ง
สาเหตุอื่นก็คือ ความรู้สึกที่ไม่อยากให้เครื่องยนต์รับภาระหนัก
และทุกคนที่บ้านทำแบบเดียวกันกับผมหมด

รถที่บ้านที่ผ่านมือมา มีตั้งแต่
Corolla 1.6 AE101 ปี 1994 แต่คันนี้วิ่งน้อยมากใช้มา 10 ปี วิ่งไปแค่ 60,000 กม. ไม่มีอาการเกียร์ให้เห็นแม้แต่น้อย
Cefiro A31 ปี 1994 คันนี้วิ่งมากหน่อย ตอนขายไปนี่วิ่งไป 160,000 กม. ได้ เกียร์เพิ่งออกอาการไม่ยอมเข้าตอนเครื่องเย็น
Seat Cordoba ปี 1996 คันนี้วิ่งไป 80,000 กม. ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเกียร์ ยกเว้นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการสลับ D->N
Cefiro A33 ปี 2001 ตอนขายวิ่งไป 140,000 กม. ไม่มีปัญหากับเกียร์เลยแม้แต่อึดใจเดียว

Protege ปี 2002 ก่อนรื้อแล้วทำเป็น Mazdaspeed แบบปัจจุบัน วิ่งไป 75,000 กม. เล่นเกียร์อย่างหนักและโหด ลากรอบแบบเอาเป็นเอาตาย คิกดาวน์ไม่มียั้ง เกียร์ยังทำงานราบรื่นเหมือนวันแรกที่ออกมาป้ายแดง
Jazz i-DSi GD ปี 2002 ไม่ค่อยดูแลรักษามากนัก สลับเกียร์ไปมาตลอดเวลา ปัจจุบัน 100,000 กม.แล้ว ก็ยังไม่ออกอาการว่าจะพังแต่อย่างใด ทั้งทั้งเจ้าของรถเป็นแฟนผมเอง และเท้าหนักกว่าผมมาก กดจม ลากรอบ ขีดแดงตลอด แต่ไม่ได้ออกตัวรุนแรงเท่านั้นเอง

Civic ES 2.0 ปี 2004 คันนี้วิ่งน้อยอีกแล้ว เพิ่งจะวิ่งไปได้ 40,000 กม. ยังไงเกียร์ก็ไม่ออกอาการแน่แน่
Mazda 3 ปี 2009 นี่ออกมาสองปีวิ่งไปจะ 50,000 กม. แล้ว แต่เกียร์ก็ไม่มีอาการงอแง

สำหรับผมเลยคิดว่า ถ้าเราไม่ได้ใช้งานมากจริงจริง ชนิดว่าวิ่งกัน 2-3 แสนกิโลเมตร ก่อนจะปลดระวางรถนี่
อยากจะสลับ D->N ก็ทำไปเถิด มันไม่เป็นอะไรหรอกครับ เพราะรถแต่ละคันที่ผมว่ามา วิ่งในกรุงเทพฯ รถติดแสนสาหัสทุกคัน
เพราะต้องวิ่งผ่านถนน ศรีนครินทร์ พัฒนาการ พระราม9 พระราม4 สุขุมวิท ทองหล่อ เอกมัย ดินแดง บางซื่อ เตาปูน ซึ่งติดกันทั้งนั้น
อัตราความเร็วโดยเฉลี่ยวิ่งกันที่ประมาณ 6 กม./ชม. เพราะรถมันติดมาก แช่อยู่บนถนนไม่ต่ำกว่าวันละ 2 ชั่วโมง
รถทุกคัน ไม่ว่าบริษัทรถจะป่าวประกาศโฆษณาว่าประหยัดน้ำมันแค่ไหน เจอสถานการณ์แบบนี้ ต่ำกว่า 7 กม./ลิตร ทุกคัน

อุ้ย..เขียนมาซะยาว ไม่ได้ตอบคำถาม จขกท. เลย  ::)
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: pzychox ที่ เมษายน 19, 2011, 09:46:40
มีอยู่ข้อนึงในคู่มือของ honda cr-v ที่แถมมากะรถ เค้านิยามคำว่ารถที่ใช้งานภาระหนักว่า
"รถที่วิ่งน้อยกว่า 8 กม. ในการสตาร์ทแต่ละครั้ง" ไม่แน่นะครับลุงคนที่ 4 สภาพเครื่องยนต์อาจจะ
ไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Elros ที่ เมษายน 19, 2011, 09:58:23
4123 เหมือนคนอื่นๆครับ

ถึง 4 จะใช้น้อย ที่หลายๆท่านบอกว่าอาจจะสึกหรอหนัก
แต่จากโจทย์บอกว่าวิ่งปีละ 10000 โล
กับการไม่ได้ใช้ทุกวัน
แสดงว่าเวลาใช้ก็ไม่ได้ใช้น้อยมากขนาดนั้น
ยังไง 4 ก็ควรจะดูดีสุด
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: liveshow ที่ เมษายน 19, 2011, 10:20:14
ตัวรถพังพอๆกันครับ
ตัวเครื่องก็ตามอายุกิโล
เกียร์ ไม่รู้ ไม่ชอบ A/t อิอิ
ช่วงล่างพอๆกันต่อให้ไม่วิ่ง หรือวิ่ง ลูกยางบูท ลูกหมาก ฯลฯ จะเสื่อมตามอายุของพวกยาง
ภายใน ตากแดดแล้วมีพรมหน้ารถคลุม จะอยู่ทนกว่าที่ไม่ตากแดด แต่ถ้าไม่มีพรมหน้ารถคลุม อายุพอๆกัน

ตอบไม่ตรงเลยอะ 555
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: naikai ที่ เมษายน 19, 2011, 10:53:14
ถ้าผมเลือกคงเป็น 1 2 3 4 เลยครับ
เพื่อนผมซื้อรถมาจอด 3 ปี ครับ วิ่งไม่ถึง 10000 โล
สุดท้ายรื้อ ล้าง เปลี่ยน เกือบทุกตัวเลยครับ
ด้วยความที่กลัวรถพังไม่ค่อยใช้ เลยพังจริง ๆ
สตาร์ทอาทิตย์ละครั้ง ไม่ค่อยได้วิ่ง ยางกลมไม่เท่ากันอีกต่างหาก บางเดือนสตาร์ทเครื่องอย่างเดียว ไม่ได้ขับออกไปไหน
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: tokyo ที่ เมษายน 19, 2011, 16:27:03
แย่แล้วรถผมกำลังเป็นเบอร์4 อยู่
4ปี 4หมื่นโล ;D
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: อืม...นะ ที่ เมษายน 20, 2011, 00:10:58
รถผมใช้ขับไปทำงานทุกวัน ไปกลับวันละ 30 กิโล ปีนึงก็ไม่ถึงหมื่นกิโลนะครับ  ;D
หัวข้อ: Re: "คันไหนทนกว่ากันครับ" ในสถานการณ์ต่อไปนี้ (พิมพ์นานมากๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Nioka ที่ เมษายน 20, 2011, 10:25:01
รถผมมันเบอร์ 1 ชัดๆ ต่างกันที่

ผมอายุ 25 ขับ เร็วบาง 140 เมื่อเดินทาง ข้ามจังหวัด (ใช้ครูซ)

ผม เปลี่ยนถ่าย นมค ทุกๆ 10,000 ไม่มีเกิน

ดูแล เคลือบสีรถเอง เพราะชอบ

รถตากแดดน้อยมาก เพราะที่บ้านมีโรงรถ และมีห้องส่วนตัวไว้เคลือบสีรถ ^^ (ห้อง เก็บของโทรมๆ 555)

ใช้รถ ปีละ 35,000 ตอนนี้ ยังไม่3ปี จะ 120,000 แว้ว ผมไม่เข้าศูนย์บริการ มีอุ่นอกไว้ใจได้

รถผม ดูดีกว่า รถที่วิ่งน้อยและออกมาทีหลัง หลายคัน เอาเป็นว่า รถผม ดูดีกว่า City บางคันเสียอีก (city เปิดตัวหลัง jazz)