Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ กรกฎาคม 29, 2016, 09:38:36
-
ผมสังเกตว่ารถหลายๆ รุ่นที่พยายามจะจูนรถให้เติม E85 ได้ต้องเพิ่มอัตราการกินน้ำมันมากขึ้นแบบมีนัยสำคัญโดยเฉพาะรุ่นฉีดตรง เช่น Focus Ecoboost กับ MG GS ที่ดูสเป็คนอกแล้วไม่ได้ซดโหดร้ายขนาดนี้ กะๆ เอาเหมือนว่าจะกินน้ำมันมากกว่าเดิม 10-20% ในการเติมน้ำมันเดิม
เหมือนกับว่าบริษัทรถต้องจูนน้ำมันให้หนาๆ เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหาย เลยอยากรู้ว่า Ethanol มันปล่อย CO2 น้อยกว่าน้ำมันเบนซินเยอะมากมั้ยครับ ถ้าเทียบกับการกินน้ำมันมากขึ้น 10-20% แล้วมันคุ้มมั้ย
-
เผาออกมา สกปรกน้อยกว่า
-
มารอด้วยความอยากรู้เหมือนกันครับ ที่แน่ๆช่วยโรงงานผลิตเอทานอลแน่นอน ส่วนเกษตรก็ตามสภาพ
-
ผมว่าเคยคุยไปแล้วเรื่องนี้ ใน กระทู้เก่าๆ
จากการทดลอง เอทานอล ปล่อย Co2 น้อยกว่าเบนซินธรรมดา แต่หากนำอัตราสิ้นเปลืองมาเทียบ ก็น้อยกว่าไม่มาก
แต่มีการยกประเด็นเรื่องการปลูกพืช เพื่อผลิตเอทานอล คือ การลดก๊าซ คารบอนไดอ๊อกไซด์ ทางอ้อม
ทุกวันนี้ ผมเติม E85 มาตลอด เพื่อ ช่วย ลดการใช้น้ำมัน จากการนำเข้า ที่ ปตท อ้าง
หากรัฐ เอาจริง พื้น ที่เกษตร ที่ ว่างเปล่า จำนวนมหาศาลในประเทศเรา สามารถเปลี่ยนเป็น บ่อน้ำมันบนดินได้เลย
บราซิล มีอะไร คล้ายๆ บ้านเรา แต่บ้านเค้าไม่ง้อน้ำมัน แล้ว
http://biomassboard.gov/pdfs/cullen_vehicle_emission_interaction_with_low_and_high_concentration_ethanol_blend_fuelskw.pdf
-
เคยอ่านเจอ ว่า เอทาน่อล แพงกว่าที่คิด :P
-
จากที่ผมเคยทำ research paper เรื่อง does e85 green? ตอนปี 1 นะครับ
ผมสรุปว่า"ไม่"ครับ พวกบริษัทผลิตน้ำมันรนรงค์ให้ใช้ e85 เพราะมาจากมันสัมปะหลังและอ้างว่าจะทำให้ CO2 cycle ครบวงจรอย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น พืชมันสำปะหลัง-> e85->พอนำมาจุด combustion เกิด CO2--> CO2 ที่เกิดนั้นจะถูกabsorb โดยพืชเพื่อทำการสังเคราห์แส้ง ... ฟังดูสวยหรูใช่มั้ยหล่ะครับ แต่นั่นเป็นเพียง Ideal case เท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว E85 ต้องจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิมประมาณ 22% และปล่อย co2 ในอัตราส่วนที่มากว่า 22% (ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้ครับ55)
จริงอยู่ครับผู้ผลิตรายใหญ่พูดว่าพืชใช้ co2 จากการ combustion แต่ในความเป็นจริงนั้นอัตราส่วนที่ปล่อย CO2 ออกมานั้นพืชใช้ไม่หมดหรอกครับ
แล้ว CO2 หายไปไหนหล่ะ?
..
...
ต้องขอบคุณท้องทะเลหล่ะครับ ถ้าไม่มีท้องทะเลป่านนี้พวกเราคงไม่มีอากาศดีๆสูดกันแล้ว
ถึงตอนนี้หลายคนคง งง หล่ะ ว่าทำไมทำเลถึงช่วยพวกเราจากมลพิษ?
*เป็นเพราะ 70% ของ co2 emission นั้นจะถูก Absorb โดย Ocean ครับ แต่ที่ดูเหมือนมันไม่ส่งผลกะรทบอะไรนั้นเพราะมนุษย์เรารู้จักการใช้ combustion ตั้งแต่ Industrial revolution เอง ระยะเวลาเลยยังไม่นานพอที่จะทำให้หลายๆอบ่าเปลี่ยนแปลงครับ เพราะท้องทำเลนั้นกว้างขวางมากซะจนไม่ค่อยจะสะทบสะท้านสักเท่าไหร่ (ในอนาคตเราคงได้ยินคำว่า Acid ocean นะครับซี่งจะมีผลพวงต่อถึงห่วงโช่อาหารแต่ผมจะไม่ขอพูดไปมากกว่านี้เพราะเดียวจะยาว)
สุดท้ายนี้หวังว่าผมคงได้แชร์อะไรให้หลายๆท่านได้รับรู้นะครับ
ถ้าพิมผิดพลาดผมขออภัยด้วยครับ เพราะข้อมูลนั้นก็ค่อนข้างหลายปีแล้วเหมือนกัน
ปล.เห็นบางท่านบอก ethanol ปล่อย co2 น้อยกว่านั้น ใช่ครับ แต่ในปริมาตร 1ลิตรเท่าๆกันนะครับ ถ้าหากคิดว่าต้องจ่ายหนากว่า ถึง 20% แล้ว petrol ปล่อยน้อยกว่าครับ
-
ผมว่าเคยคุยไปแล้วเรื่องนี้ ใน กระทู้เก่าๆ
จากการทดลอง เอทานอล ปล่อย Co2 น้อยกว่าเบนซินธรรมดา แต่หากนำอัตราสิ้นเปลืองมาเทียบ ก็น้อยกว่าไม่มาก
แต่มีการยกประเด็นเรื่องการปลูกพืช เพื่อผลิตเอทานอล คือ การลดก๊าซ คารบอนไดอ๊อกไซด์ ทางอ้อม
ทุกวันนี้ ผมเติม E85 มาตลอด เพื่อ ช่วย ลดการใช้น้ำมัน จากการนำเข้า ที่ ปตท อ้าง
หากรัฐ เอาจริง พื้น ที่เกษตร ที่ ว่างเปล่า จำนวนมหาศาลในประเทศเรา สามารถเปลี่ยนเป็น บ่อน้ำมันบนดินได้เลย
บราซิล มีอะไร คล้ายๆ บ้านเรา แต่บ้านเค้าไม่ง้อน้ำมัน แล้ว
http://biomassboard.gov/pdfs/cullen_vehicle_emission_interaction_with_low_and_high_concentration_ethanol_blend_fuelskw.pdf
ขอบคุณครับ ลองอ่านดูแล้ว CO2 แทบไม่ต่าง เผลอๆ การจูนให้เติม E85 จะเพิ่มมลพิษด้วย เพราะพฤติกรรมการเติมน้ำมันถ้าคนเติมโซฮอล์ 95 ใช้รถที่เติม E85 ได้เค้าก็เติม โซฮอล์ 95 อยู่ดี ทำให้ CO2 มากขึ้น 5-10% เพราะรถกินน้ำมันมากขึ้นจากรถที่ไม่ต้องจูนเพื่อให้เติม E85 ได้
แต่ NOx กับ CO นี่ต่างเยอะ อาจจะไม่ได้ช่วยลดโลกร้อน แต่ช่วยให้ตับของคนเดินถนนทำงานหนักน้อยลง
-
จากที่ผมเคยทำ research paper เรื่อง does e85 green? ตอนปี 1 นะครับ
ผมสรุปว่า"ไม่"ครับ พวกบริษัทผลิตน้ำมันรนรงค์ให้ใช้ e85 เพราะมาจากมันสัมปะหลังและอ้างว่าจะทำให้ CO2 cycle ครบวงจรอย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น พืชมันสำปะหลัง-> e85->พอนำมาจุด combustion เกิด CO2--> CO2 ที่เกิดนั้นจะถูกabsorb โดยพืชเพื่อทำการสังเคราห์แส้ง ... ฟังดูสวยหรูใช่มั้ยหล่ะครับ แต่นั่นเป็นเพียง Ideal case เท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว E85 ต้องจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิมประมาณ 22% และปล่อย co2 ในอัตราส่วนที่มากว่า 22% (ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้ครับ55)
จริงอยู่ครับผู้ผลิตรายใหญ่พูดว่าพืชใช้ co2 จากการ combustion แต่ในความเป็นจริงนั้นอัตราส่วนที่ปล่อย CO2 ออกมานั้นพืชใช้ไม่หมดหรอกครับ
แล้ว CO2 หายไปไหนหล่ะ?
..
...
ต้องขอบคุณท้องทะเลหล่ะครับ ถ้าไม่มีท้องทะเลป่านนี้พวกเราคงไม่มีอากาศดีๆสูดกันแล้ว
ถึงตอนนี้หลายคนคง งง หล่ะ ว่าทำไมทำเลถึงช่วยพวกเราจากมลพิษ?
*เป็นเพราะ 70% ของ co2 emission นั้นจะถูก Absorb โดย Ocean ครับ แต่ที่ดูเหมือนมันไม่ส่งผลกะรทบอะไรนั้นเพราะมนุษย์เรารู้จักการใช้ combustion ตั้งแต่ Industrial revolution เอง ระยะเวลาเลยยังไม่นานพอที่จะทำให้หลายๆอบ่าเปลี่ยนแปลงครับ เพราะท้องทำเลนั้นกว้างขวางมากซะจนไม่ค่อยจะสะทบสะท้านสักเท่าไหร่ (ในอนาคตเราคงได้ยินคำว่า Acid ocean นะครับซี่งจะมีผลพวงต่อถึงห่วงโช่อาหารแต่ผมจะไม่ขอพูดไปมากกว่านี้เพราะเดียวจะยาว)
สุดท้ายนี้หวังว่าผมคงได้แชร์อะไรให้หลายๆท่านได้รับรู้นะครับ
ถ้าพิมผิดพลาดผมขออภัยด้วยครับ เพราะข้อมูลนั้นก็ค่อนข้างหลายปีแล้วเหมือนกัน
ปล.เห็นบางท่านบอก ethanol ปล่อย co2 น้อยกว่านั้น ใช่ครับ แต่ในปริมาตร 1ลิตรเท่าๆกันนะครับ ถ้าหากคิดว่าต้องจ่ายหนากว่า ถึง 20% แล้ว petrol ปล่อยน้อยกว่าครับ
โอวว ความรู้ทั้งนั้น ว่าแล้วมันต้องมีอะไรลึกๆที่เราไม่รู้ ทะเลกรด เหรอ อืมน่าคิด อนาคตโลกคงเป็นเช่นดาวอังคาร แหละ :-\
ถ้างั้นพลังงานไฟฟ้า น่าจะช่วยชะลอการทำลายโลกได้ดีสุดตอนนี้เนาะ
-
เขาขายน้ำมันผสมเอทานอลเพราะมุ่งเน้นเรื่อCO2หรือมุ่งเน้นเรื่องการใช้พลังงานทดแทนน้ำมันจากฟอสซิลครับ ผมเข้าใจว่าเป็นประเด็นหลังแต่เอาเรื่องมลพิษมาเป็นจุดขายควบคู่กันไป
แต่ถ้าถามเจาะเอาแค่เรื่องมลพิษก็ต้องถามต่อว่าเผาเอทานอลแล้วได้ผลผลิตเป็นอะไร เผาน้ำมันเพียวๆได้ผลผลิตเป็นอะไร ถ้าต้องเผาE85เพิ่มสัก20%เพื่อให้วิ่งได้ในระยะทางเท่าเดิม ใน20%ที่เพิ่มขึ้นมันเป็นน้ำมันพื้นฐานแค่15%เท่ากับว่าวิ่งระยะทางเท่ากันก็ยังใช้น้ำมันจากฟอสซิลแค่18%อยู่ดีถ้าเทียบกับเติมน้ำมันเบนซิลเพียวๆ
-
555 ผมจำได้ว่าที่ผมทำเรื่องนี้เพราะผมเห็นโฆษณาชวนเชื่อที่พูดด้านเดียวนี่แหละครับ
ตอนนี้มีตัวอย่างเช่นบอกว่าพลังงานถ่านหินยั่งยืน นี่แหละครับ พูดแล้วขึ้นเลย
-
เงื่อนใขการเติม E85 ได้นี่เพื่อลดภาษีไม่ใช่เหรอครับ
เพราะหากไม่ได้ลดภาษี เราก็คงไม่ได้เห็นรถเติม E85 ในไทยหรอกครับ
-
เงื่อนใขการเติม E85 ได้นี่เพื่อลดภาษีไม่ใช่เหรอครับ
เพราะหากไม่ได้ลดภาษี เราก็คงไม่ได้เห็นรถเติม E85 ในไทยหรอกครับ
ลดภาษี เพื่อ ส่งเสริม และ สนับสนุนบางสิ่ง
เหมือน รัฐบาล ส่งเสริม ให้ซื้อรถ กะบะ ก็ ลดภาษี ให้ต่างจากรถเก๋ง
ส่งเสริม ให้คนซื้อรถ ก็ ปล่อยไฟแนนซ์ง่ายๆ
ตอนนี้ E85 ก็แทบไม่ได้รับการส่งเสริมแล้ว เพราะ ทุกค่ายก็ พร้อมใจทำ FFV ราคารถ FFV ก็เหมือนจะไม่ได้สิทธิทางภาษีอะไรแล้ว ได้น้อยกว่าเดิมมากๆๆ
แต่ มันกลายเป็น มาตราฐาน การแข่งขัน ไปแล้ว
-
จากที่ผมเคยทำ research paper เรื่อง does e85 green? ตอนปี 1 นะครับ
ผมสรุปว่า"ไม่"ครับ พวกบริษัทผลิตน้ำมันรนรงค์ให้ใช้ e85 เพราะมาจากมันสัมปะหลังและอ้างว่าจะทำให้ CO2 cycle ครบวงจรอย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น พืชมันสำปะหลัง-> e85->พอนำมาจุด combustion เกิด CO2--> CO2 ที่เกิดนั้นจะถูกabsorb โดยพืชเพื่อทำการสังเคราห์แส้ง ... ฟังดูสวยหรูใช่มั้ยหล่ะครับ แต่นั่นเป็นเพียง Ideal case เท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว E85 ต้องจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิมประมาณ 22% และปล่อย co2 ในอัตราส่วนที่มากว่า 22% (ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้ครับ55)
เมื่อเทียบ combustion แล้ว E85 ปล่อย Co2 น้อยกว่า หรือใกล้เคียงเมื่อเทียบ จากอัตราสิ้นเปลือง
แต่เบนซิน ไม่มี การ absorb โดยพืชจากการปลูก กรณี นี้ หมายถึง พืช ประเภทอื่นเช่น อ้อย ข้าวโพดด้วย
ดังนั้น E85 จะช่วย ลดมลภาวะ ได้มากกว่า อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ
-
เงื่อนใขการเติม E85 ได้นี่เพื่อลดภาษีไม่ใช่เหรอครับ
เพราะหากไม่ได้ลดภาษี เราก็คงไม่ได้เห็นรถเติม E85 ในไทยหรอกครับ
ลดภาษี เพื่อ ส่งเสริม และ สนับสนุนบางสิ่ง
เหมือน รัฐบาล ส่งเสริม ให้ซื้อรถ กะบะ ก็ ลดภาษี ให้ต่างจากรถเก๋ง
ส่งเสริม ให้คนซื้อรถ ก็ ปล่อยไฟแนนซ์ง่ายๆ
ตอนนี้ E85 ก็แทบไม่ได้รับการส่งเสริมแล้ว เพราะ ทุกค่ายก็ พร้อมใจทำ FFV ราคารถ FFV ก็เหมือนจะไม่ได้สิทธิทางภาษีอะไรแล้ว ได้น้อยกว่าเดิมมากๆๆ
แต่ มันกลายเป็น มาตราฐาน การแข่งขัน ไปแล้ว
อ่าว กลายเป็นอย่างนั้นไปแล้วหรือครับนี่ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ;D ;D
-
จากที่ผมเคยทำ research paper เรื่อง does e85 green? ตอนปี 1 นะครับ
ผมสรุปว่า"ไม่"ครับ พวกบริษัทผลิตน้ำมันรนรงค์ให้ใช้ e85 เพราะมาจากมันสัมปะหลังและอ้างว่าจะทำให้ CO2 cycle ครบวงจรอย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น พืชมันสำปะหลัง-> e85->พอนำมาจุด combustion เกิด CO2--> CO2 ที่เกิดนั้นจะถูกabsorb โดยพืชเพื่อทำการสังเคราห์แส้ง ... ฟังดูสวยหรูใช่มั้ยหล่ะครับ แต่นั่นเป็นเพียง Ideal case เท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว E85 ต้องจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิมประมาณ 22% และปล่อย co2 ในอัตราส่วนที่มากว่า 22% (ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้ครับ55)
เมื่อเทียบ combustion แล้ว E85 ปล่อย Co2 น้อยกว่า หรือใกล้เคียงเมื่อเทียบ จากอัตราสิ้นเปลือง
แต่เบนซิน ไม่มี การ absorb โดยพืชจากการปลูก กรณี นี้ หมายถึง พืช ประเภทอื่นเช่น อ้อย ข้าวโพดด้วย
ดังนั้น E85 จะช่วย ลดมลภาวะ ได้มากกว่า อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ
ยอดเยี่ยมมากครับ
-
ผมใช้ ทั้งหมดนั่นแหละ รวมทั้ง lpg โดยสรุป (ตามความเข้าใจ)
1. เพื่อจะให้ได้ค่าความร้อนเท่ากัน มันก็ปล่อยไอเสียมาพอ ๆ กัน....
2. มันแรงกว่า (เทียบกับรถตัวเอง) อันนี้ ชัดเจน แรงกว่ามาก...เทียบ 95 โซฮอล์ อี 20 อี85 lpg เวลากดคันเร่ง อี 85 กินขาด (ไม่เคยขึ้นวัดไดโน..)
3. เกษตรกรไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะสิ่งที่นำมาหมัก คือเศษวัสดุที่เหลือทิ้งจากกระบวนการ....ใครได้คิดเอาเอง..
4. รัฐต้องอุดหนุน เทียบราคาหน้าโรงกลั่น น้ำมัน ต่ำกว่า 14 ส่วน เอทานอล 22-25 ....
เมื่อรัฐจ่ายบังคับให้ผู้ใช้น้ำมันชนิดอื่นอุดหนุนให้ลิตรละ 9 บาท เพื่อใช้ อี 85 ผมก็ยอมโง่ ...ตอบสนอง...ความปราถนาดีของรัฐ ครับ
-
ไม่แน่ใจเหมือนกันครัแต่รถที่บ้านใช้โซฮอลทุกชนิดที่รถมันรับได้ รู้สึกมันสะอากดีไอเสีย
crv g1 ใช้ e10+lpg
crv G4 ใช้ e85 นับตั้งแต่ออกรถ
attrage e85+lpg ใช้e85ครบแสนโลแล้ว
avanza E20+lpg
-
จากที่ผมเคยทำ research paper เรื่อง does e85 green? ตอนปี 1 นะครับ
ผมสรุปว่า"ไม่"ครับ พวกบริษัทผลิตน้ำมันรนรงค์ให้ใช้ e85 เพราะมาจากมันสัมปะหลังและอ้างว่าจะทำให้ CO2 cycle ครบวงจรอย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น พืชมันสำปะหลัง-> e85->พอนำมาจุด combustion เกิด CO2--> CO2 ที่เกิดนั้นจะถูกabsorb โดยพืชเพื่อทำการสังเคราห์แส้ง ... ฟังดูสวยหรูใช่มั้ยหล่ะครับ แต่นั่นเป็นเพียง Ideal case เท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว E85 ต้องจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิมประมาณ 22% และปล่อย co2 ในอัตราส่วนที่มากว่า 22% (ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้ครับ55)
เมื่อเทียบ combustion แล้ว E85 ปล่อย Co2 น้อยกว่า หรือใกล้เคียงเมื่อเทียบ จากอัตราสิ้นเปลือง
แต่เบนซิน ไม่มี การ absorb โดยพืชจากการปลูก กรณี นี้ หมายถึง พืช ประเภทอื่นเช่น อ้อย ข้าวโพดด้วย
ดังนั้น E85 จะช่วย ลดมลภาวะ ได้มากกว่า อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ
ยอดเยี่ยมมากครับ
พืชสามารถเอา co2 ไปใช้ได้หมดครับไม่ว่าจะมาจาก petrol or e85 แต่สิ่งที่ผมอยากสื่อคือการที่ปลูกมันเพื่อไปใช้ทำเอทานอลนั้นไม่ได้ทำให้โลดสะอาดขึ้นครับเพราะพืชนำ co2 ไปใช้ได้ไม่มากเท่ากับ co2 ที่ปล่อยออกมา ส่วนตรงนี้ครับที่โฆษนาชอบเอามาเป็นจุดขายโดยพูดแค่มุมเดียว
-
จากที่ผมเคยทำ research paper เรื่อง does e85 green? ตอนปี 1 นะครับ
ผมสรุปว่า"ไม่"ครับ พวกบริษัทผลิตน้ำมันรนรงค์ให้ใช้ e85 เพราะมาจากมันสัมปะหลังและอ้างว่าจะทำให้ CO2 cycle ครบวงจรอย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น พืชมันสำปะหลัง-> e85->พอนำมาจุด combustion เกิด CO2--> CO2 ที่เกิดนั้นจะถูกabsorb โดยพืชเพื่อทำการสังเคราห์แส้ง ... ฟังดูสวยหรูใช่มั้ยหล่ะครับ แต่นั่นเป็นเพียง Ideal case เท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว E85 ต้องจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิมประมาณ 22% และปล่อย co2 ในอัตราส่วนที่มากว่า 22% (ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้ครับ55)
เมื่อเทียบ combustion แล้ว E85 ปล่อย Co2 น้อยกว่า หรือใกล้เคียงเมื่อเทียบ จากอัตราสิ้นเปลือง
แต่เบนซิน ไม่มี การ absorb โดยพืชจากการปลูก กรณี นี้ หมายถึง พืช ประเภทอื่นเช่น อ้อย ข้าวโพดด้วย
ดังนั้น E85 จะช่วย ลดมลภาวะ ได้มากกว่า อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ
ยอดเยี่ยมมากครับ
พืชสามารถเอา co2 ไปใช้ได้หมดครับไม่ว่าจะมาจาก petrol or e85 แต่สิ่งที่ผมอยากสื่อคือการที่ปลูกมันเพื่อไปใช้ทำเอทานอลนั้นไม่ได้ทำให้โลดสะอาดขึ้นครับเพราะพืชนำ co2 ไปใช้ได้ไม่มากเท่ากับ co2 ที่ปล่อยออกมา ส่วนตรงนี้ครับที่โฆษนาชอบเอามาเป็นจุดขายโดยพูดแค่มุมเดียว
ได้ความรู้มากเลยครับ แบบนี้ระยะยาวระบบไฟฟ้าเอามาใส่กับรถยนต์คงเป็นคำตอบแน่แล้ว
-
เรื่อง CO2 absorption ก็เรื่องนึงครับ
อีกเรื่องนึงคือ โลกมีพื้นที่ "ปลูกน้ำมัน" ไม่พอครับ เพราะมันจะไปเบียดเบียนพื้นที่ "ปลูกอาหาร" ครับ ... ดังนั้น E100 หรือ E85 ไม่ใช่ solution ที่ยั่งยืนแน่นอนครับ (แน่นอนยกเว้นบางประเทศที่มีพื้นที่เพาะปลูกมหาสารเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
... นอกจากจะสามารถ"สร้าง"พืชที่ให้ yield เอทานอลสูงมากๆๆๆได้
... สุดท้ายยังไงคงไม่พ้นไฟฟ้าครับ
-
พืชสามารถเอา co2 ไปใช้ได้หมดครับไม่ว่าจะมาจาก petrol or e85 แต่สิ่งที่ผมอยากสื่อคือการที่ปลูกมันเพื่อไปใช้ทำเอทานอลนั้นไม่ได้ทำให้โลดสะอาดขึ้นครับเพราะพืชนำ co2 ไปใช้ได้ไม่มากเท่ากับ co2 ที่ปล่อยออกมา ส่วนตรงนี้ครับที่โฆษนาชอบเอามาเป็นจุดขายโดยพูดแค่มุมเดียว
อันนี้ เข้าใจครับ
ขณะที่ น้ำมัน เบนซิน ดูดจากใต้ดินแล้วปล่อยออกมา
แต่ E85 มีกระบวนการ ปลูกพืช เพื่อ สร้างใหม่ เป็น วัฏจักร
เบนซิน ปล่อยอย่างเดียว ไม่มีการปลูกพืช
แต่ E85 มีการสร้าง พืช หมุน เวียน ตลอดเวลาไงครับ
หรือ ผมงง ตัวเอง ไม่ได้ บอกว่า ปลูกพืช แล้วจะเอามา ดัก Co2 ทั้งหมดนี่ ที่ปล่อยจาก E85 นี่
-
เรื่อง CO2 absorption ก็เรื่องนึงครับ
อีกเรื่องนึงคือ โลกมีพื้นที่ "ปลูกน้ำมัน" ไม่พอครับ เพราะมันจะไปเบียดเบียนพื้นที่ "ปลูกอาหาร" ครับ ... ดังนั้น E100 หรือ E85 ไม่ใช่ solution ที่ยั่งยืนแน่นอนครับ (แน่นอนยกเว้นบางประเทศที่มีพื้นที่เพาะปลูกมหาสารเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
... นอกจากจะสามารถ"สร้าง"พืชที่ให้ yield เอทานอลสูงมากๆๆๆได้
... สุดท้ายยังไงคงไม่พ้นไฟฟ้าครับ
แล้ว คิดว่า ประเทศ ไทย สามารถ ทำได้ไหมครับ สัก 50 %
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมมาณการใช้
อย่างบ้านเรา คงได้เป็นแค่ทางเลือก เพื่อลดการใช้น้ำมันเพราะ หากเอามาใช้แทนจริงๆ คงไม่ได้
ผมมองเห็นว่า ที่ สปก รกร้าง ประเทศเราเยอะมากๆ
-
เอาEthanolใส่ตะเกียงน้ำมันจุดไฟทำกับข้าว
แล้วเอาเบนซินใส่ตะเกียงน้ำมันจุดไฟทำกับข้าว คนผัดหน้ามืดเอาง่ายๆ
มันก็ต่างกันครับ
กระบวนการแปลงน้ำมันดิบเป็นเบนซินมันสกปรกสิ้นเปลืองกว่ากระบวนการทำethanolจากพืชเยอะครับ
ไม่ต้องไปดูโครงสร้างทางเคมีกับสมการสันดาป ให้ปวดหัว
ถ้ามีรถยนต์ที่ใช้E100แล้วรัฐเปิดเสรีการทำโรงกลั่น หรือเปิดให้ครัวเรือนกลั่นEthanol เอง แผ่นดินโล่งๆที่วัชพืชขึ้นจะถูกนำใช้ผระโยชน์มากกว่านี้เยอะ ต้นหญ้า ผักตบ วัชพืช หลายชนิดเอามาทำได้หมด
หลักๆคือ ภาษีครับ และการควบคุมการผลิตเอธานอลมันยังเป็นอุปสรรคต่อต้นทุน
-
จากที่เคยลองใช้ E85
ไอเสียที่ออกมาแทบไม่มีกลิ่นเหม็นเลยครับ แตกต่างจากน้ำมันเบนซิลเยอะ
ทดสอบด้วย Yamaha mio125 ครับ
-
ผมว่าช่วยนะ มันไม่ใช่แค่เรื่องลดภาษี แล้วทำให้ราคารถถูกลง แต่ช่วยในกระบวนการของการผลิตเอทานอลด้วย การปลูกพืช โรงกลั่นเอทานอล ลดการใช้การกลั่นน้ำมัน ลดมลภาวะจากน้ำมัน
-
เรื่อง CO2 absorption ก็เรื่องนึงครับ
อีกเรื่องนึงคือ โลกมีพื้นที่ "ปลูกน้ำมัน" ไม่พอครับ เพราะมันจะไปเบียดเบียนพื้นที่ "ปลูกอาหาร" ครับ ... ดังนั้น E100 หรือ E85 ไม่ใช่ solution ที่ยั่งยืนแน่นอนครับ (แน่นอนยกเว้นบางประเทศที่มีพื้นที่เพาะปลูกมหาสารเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
... นอกจากจะสามารถ"สร้าง"พืชที่ให้ yield เอทานอลสูงมากๆๆๆได้
... สุดท้ายยังไงคงไม่พ้นไฟฟ้าครับ
แล้ว คิดว่า ประเทศ ไทย สามารถ ทำได้ไหมครับ สัก 50 %
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมมาณการใช้
อย่างบ้านเรา คงได้เป็นแค่ทางเลือก เพื่อลดการใช้น้ำมันเพราะ หากเอามาใช้แทนจริงๆ คงไม่ได้
ผมมองเห็นว่า ที่ สปก รกร้าง ประเทศเราเยอะมากๆ
คำถามน่าสนใจครับ ระหว่างรองานรันอยู่เลยลองหาข้อมูลเร็วๆ
- Crop yield ที่ดีที่สุดประมาณ 500-660 แกลลอนต่อเอเคอร์ต่อปี ... ตีสะ 600 คิดเป็น 0.56 ลิตร/ตรม/ปี (คิดรวมทั้ง Ethanol และ Biodiesel นะครับ)
- เรามีการใช้น้ำมันรวม 41,200 ล้านลิตรต่อปี
- คิดเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่เราต้องมีประมาณ 73,468 ล้านตารางเมตร จึงจะผลิต Ethanol/Biodiesel ได้เพียงพอต่อการใช้งาน
- ในขณะที่เรามีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 513 แสนล้านตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดประมาณ 208 แสนล้านตารางเมตร
- แปลว่าเราต้องแบ่งพื้นที่เพาะปลูกไปปลูกอ้อย (เพื่อ Ethanol) และปาล์มน้ำมัน (เพื่อ Biodiesel) ประมาณ 1/3 ของพื้นที่เพาะปลูกปัจจุบัน ... หรือใช้ประมาณ 1/4 ของพื้นที่ที่เหลือ
ประเด็นที่ต้องคิดต่อ คือ พื้นที่ที่เหลืออยู่ และ/หรือ พื้นที่เพาะปลูกปัจจุบัน สามารถปลูกอ้อยและปาล์มน้ำมันได้หรือไม่ ... ถ้าได้จะกระทบปริมาณผลผลิตอื่นในประเทศหรือไม่ และจะได้ yield แค่ไหน เพราะตัวเลขที่ผมยกมาเป็นตัวเลข ดีที่สุด .... ซึ่งประเด็นเหล่านี้ผมตอบไม่ได้ครับ
แต่ถ้าถามว่าช่วยโลกไหม ด้วยเสกลปัจจุบัน ผมว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย (แต่ถ้าโหมทำกันมากๆ ใส่ปุ๋ยกันกระหน่ำนี่ก็ไม่แน่นะครับ)
-
เอาEthanolใส่ตะเกียงน้ำมันจุดไฟทำกับข้าว
แล้วเอาเบนซินใส่ตะเกียงน้ำมันจุดไฟทำกับข้าว คนผัดหน้ามืดเอาง่ายๆ
มันก็ต่างกันครับ
กระบวนการแปลงน้ำมันดิบเป็นเบนซินมันสกปรกสิ้นเปลืองกว่ากระบวนการทำethanolจากพืชเยอะครับ
ไม่ต้องไปดูโครงสร้างทางเคมีกับสมการสันดาป ให้ปวดหัว
ถ้ามีรถยนต์ที่ใช้E100แล้วรัฐเปิดเสรีการทำโรงกลั่น หรือเปิดให้ครัวเรือนกลั่นEthanol เอง แผ่นดินโล่งๆที่วัชพืชขึ้นจะถูกนำใช้ผระโยชน์มากกว่านี้เยอะ ต้นหญ้า ผักตบ วัชพืช หลายชนิดเอามาทำได้หมด
หลักๆคือ ภาษีครับ และการควบคุมการผลิตเอธานอลมันยังเป็นอุปสรรคต่อต้นทุน
สอบถามครับ หากมุมความสกปรกภายให้เครื่องยนต์ ต่างกันอย่างมีนัยยะ หรือไม่
-
เชื้อเพลิงอะไรที่เผาไหม้ ออกมาเป็นก๊าซต่างๆ ไม่เคยช่วยอะไรโลกครับ :D :D :D
-
เรื่อง CO2 absorption ก็เรื่องนึงครับ
อีกเรื่องนึงคือ โลกมีพื้นที่ "ปลูกน้ำมัน" ไม่พอครับ เพราะมันจะไปเบียดเบียนพื้นที่ "ปลูกอาหาร" ครับ ... ดังนั้น E100 หรือ E85 ไม่ใช่ solution ที่ยั่งยืนแน่นอนครับ (แน่นอนยกเว้นบางประเทศที่มีพื้นที่เพาะปลูกมหาสารเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
... นอกจากจะสามารถ"สร้าง"พืชที่ให้ yield เอทานอลสูงมากๆๆๆได้
... สุดท้ายยังไงคงไม่พ้นไฟฟ้าครับ
แล้ว คิดว่า ประเทศ ไทย สามารถ ทำได้ไหมครับ สัก 50 %
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมมาณการใช้
อย่างบ้านเรา คงได้เป็นแค่ทางเลือก เพื่อลดการใช้น้ำมันเพราะ หากเอามาใช้แทนจริงๆ คงไม่ได้
ผมมองเห็นว่า ที่ สปก รกร้าง ประเทศเราเยอะมากๆ
คำถามน่าสนใจครับ ระหว่างรองานรันอยู่เลยลองหาข้อมูลเร็วๆ
- Crop yield ที่ดีที่สุดประมาณ 500-660 แกลลอนต่อเอเคอร์ต่อปี ... ตีสะ 600 คิดเป็น 0.56 ลิตร/ตรม/ปี (คิดรวมทั้ง Ethanol และ Biodiesel นะครับ)
- เรามีการใช้น้ำมันรวม 41,200 ล้านลิตรต่อปี
- คิดเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่เราต้องมีประมาณ 73,468 ล้านตารางเมตร จึงจะผลิต Ethanol/Biodiesel ได้เพียงพอต่อการใช้งาน
- ในขณะที่เรามีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 513 แสนล้านตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดประมาณ 208 แสนล้านตารางเมตร
- แปลว่าเราต้องแบ่งพื้นที่เพาะปลูกไปปลูกอ้อย (เพื่อ Ethanol) และปาล์มน้ำมัน (เพื่อ Biodiesel) ประมาณ 1/3 ของพื้นที่เพาะปลูกปัจจุบัน ... หรือใช้ประมาณ 1/4 ของพื้นที่ที่เหลือ
ประเด็นที่ต้องคิดต่อ คือ พื้นที่ที่เหลืออยู่ และ/หรือ พื้นที่เพาะปลูกปัจจุบัน สามารถปลูกอ้อยและปาล์มน้ำมันได้หรือไม่ ... ถ้าได้จะกระทบปริมาณผลผลิตอื่นในประเทศหรือไม่ และจะได้ yield แค่ไหน เพราะตัวเลขที่ผมยกมาเป็นตัวเลข ดีที่สุด .... ซึ่งประเด็นเหล่านี้ผมตอบไม่ได้ครับ
แต่ถ้าถามว่าช่วยโลกไหม ด้วยเสกลปัจจุบัน ผมว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย (แต่ถ้าโหมทำกันมากๆ ใส่ปุ๋ยกันกระหน่ำนี่ก็ไม่แน่นะครับ)
ดูแล้วเหมือนน่าทำมากๆ ถ้าไม่ติดที่น้ำมันดิบราคาถูกกว่าล่ะนะ
-
เรื่อง CO2 absorption ก็เรื่องนึงครับ
อีกเรื่องนึงคือ โลกมีพื้นที่ "ปลูกน้ำมัน" ไม่พอครับ เพราะมันจะไปเบียดเบียนพื้นที่ "ปลูกอาหาร" ครับ ... ดังนั้น E100 หรือ E85 ไม่ใช่ solution ที่ยั่งยืนแน่นอนครับ (แน่นอนยกเว้นบางประเทศที่มีพื้นที่เพาะปลูกมหาสารเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
... นอกจากจะสามารถ"สร้าง"พืชที่ให้ yield เอทานอลสูงมากๆๆๆได้
... สุดท้ายยังไงคงไม่พ้นไฟฟ้าครับ
แล้ว คิดว่า ประเทศ ไทย สามารถ ทำได้ไหมครับ สัก 50 %
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมมาณการใช้
อย่างบ้านเรา คงได้เป็นแค่ทางเลือก เพื่อลดการใช้น้ำมันเพราะ หากเอามาใช้แทนจริงๆ คงไม่ได้
ผมมองเห็นว่า ที่ สปก รกร้าง ประเทศเราเยอะมากๆ
คำถามน่าสนใจครับ ระหว่างรองานรันอยู่เลยลองหาข้อมูลเร็วๆ
- Crop yield ที่ดีที่สุดประมาณ 500-660 แกลลอนต่อเอเคอร์ต่อปี ... ตีสะ 600 คิดเป็น 0.56 ลิตร/ตรม/ปี (คิดรวมทั้ง Ethanol และ Biodiesel นะครับ)
- เรามีการใช้น้ำมันรวม 41,200 ล้านลิตรต่อปี
- คิดเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่เราต้องมีประมาณ 73,468 ล้านตารางเมตร จึงจะผลิต Ethanol/Biodiesel ได้เพียงพอต่อการใช้งาน
- ในขณะที่เรามีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 513 แสนล้านตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดประมาณ 208 แสนล้านตารางเมตร
- แปลว่าเราต้องแบ่งพื้นที่เพาะปลูกไปปลูกอ้อย (เพื่อ Ethanol) และปาล์มน้ำมัน (เพื่อ Biodiesel) ประมาณ 1/3 ของพื้นที่เพาะปลูกปัจจุบัน ... หรือใช้ประมาณ 1/4 ของพื้นที่ที่เหลือ
ประเด็นที่ต้องคิดต่อ คือ พื้นที่ที่เหลืออยู่ และ/หรือ พื้นที่เพาะปลูกปัจจุบัน สามารถปลูกอ้อยและปาล์มน้ำมันได้หรือไม่ ... ถ้าได้จะกระทบปริมาณผลผลิตอื่นในประเทศหรือไม่ และจะได้ yield แค่ไหน เพราะตัวเลขที่ผมยกมาเป็นตัวเลข ดีที่สุด .... ซึ่งประเด็นเหล่านี้ผมตอบไม่ได้ครับ
แต่ถ้าถามว่าช่วยโลกไหม ด้วยเสกลปัจจุบัน ผมว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย (แต่ถ้าโหมทำกันมากๆ ใส่ปุ๋ยกันกระหน่ำนี่ก็ไม่แน่นะครับ)
ดูแล้วเหมือนน่าทำมากๆ ถ้าไม่ติดที่น้ำมันดิบราคาถูกกว่าล่ะนะ
ไปหาข้อมูลมาเพิ่ม
ตอนนี้บ้านเรามีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยกับปาล์มน้ำมันรวมกันยังไม่ถึง 2 หมื่นล้านตารางเมตรครับ ... ถ้าจะให้ได้ 10% ของปริมาณบริโภค เราต้องเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกอีก 1/3 ของที่มีอยู่เดิม จึงจะไม่กระทบการบริโภคปัจจุบัน ... ดูแล้วน่าจะยากครับ
-
ช่วยสิครับ แบบไม่ต้องทำวิจัยอะไรเลย ::)
อย่ามองแค่ CO2 สารพิษจากน้ำมันมีอีกหลายตัวครับ ห่างไว้ก็ดี
ผมจอดรถในบ้าน (บ้านเดี่ยวจัดสรรทั่วไป) เติม E85 เป็นหลัก ไม่ต้อคิดถึงโลกหรือชาวไร่ คิดถึงตัวเองและครอบครัวพอ ประตูบานเดียว กั้นสารพิษไม่หมดครับ :-\
-
E85 ยังเป็นได้แค่พลังงานทางเลือก ตอนนี้ น้ำมันราคา ต่างกัน ตาม ค่าพลังงาน และ การอุดหนุน ก็เลือกเอา ตามพอใจ ตามการรองรับของรถที่ใช้ อะไรที่ผลิตเองได้ก็น่าจะดี แต่ให้ดีประเทศเราน่าจะเลิกขุดพลังงาน
แล้วนำเข้าอย่างเดียวเพราะยังไงก็ราคาเท่ากัน เก็บทรัพยากรประเทศไว้ดีกว่า แล้วก็ ปลูกเอา เหลือกินก็เอามาทำ พลังงาน ปรับ เหมือน ไบโอดีเซลที่ปรับ % เอาตั้งแต่ 1-10 % ถ้าน้ำมันปาลม์ถูกก็เพิ่ม % น้ำมันปาลม์แพงก็
ลด% เอทานอลประเทศเราส่วนใหญ่ผลิตจากกากน้ำตาล มันก็ช่วยในการลด ของเสียจากอุสาหกรรมไปอีกทาง ด้วย แต่ที่ต้องคุม คือขบวนการตรงกลาง ต้อง กำไรไม่มากเกินไป และ ไม่น้อยจนอยู่ไม่ได้
ซื้ออ้อยถูก เอามาผลิตน้ำตาล ขายได้กำไรทอดนึงแล้ว เอากากน้ำตาลมาทำเอทานอล ขายในราคาประกันอีก ต้องคุมส่วนต่างกำไรให้ได้ เงินจะได้ไปถึงคนปลูก ไม่ใช้ ตรงกลางถ่างกำไร เงินไปไม่ถึง คนปลูก
-
เวลานี้ถ้าได้เติมe85แล้วมีความสุขตอนจ่ายตังครับ วิ่งได้ใกล้ไกลรึป่าวผมไม่ได้สังเกตุ รึว่ามันไม่ค่อยแตกต่างแบบเห็นชัด แล้วรถผมมันก็วิ่งเรียบดีไม่มีสะดุด ไม่มีไฟเตือนไดๆทั้งสิ้น จนกว่าน้ำมันจะหมด
-
ข้อดี e85 คือ ไอเสีย ไม่เหม็น ไม่มีคราบน้ำมันดำๆที่ท่อ
-
trend ตอนนี้คือรถไฟฟ้า คือถึงใช้เอธานอลเพิ่มขึ้น ก็ต้องปลูกพืชพลังงานเพิ่มขึ้น อย่างปลูกมัน ... แต่ละขบวนการก็ต้องใช้ต้นทุนทั้งนั้น รถไถดิน ยาฆ่าแมลง ที่ดินปัจจุบันก็แพงขึ้น เอาถูกก็ต้องบุกรุกป่า และการลงทุนทำเอธานอลก็ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ราคาน้ำมันเป็นแบบนี้ใครจะกล้า เอาแค่บริษัทขุด เจาะสำรวจยังปลดคนงานกันเพียบ
-
IMHO
เป็นข้ออ้าง
เกิดธุรกิจใหม่
ผูกขาด ราคารับซื้อ/ขาย