ผมไม่เข้าใจนะครับ 
ในเมื่ออะไรใหม่ๆมา เกิดประเด็นแบบนี้ทุกที อยากแสดงความเห็นครับ
ที่ผมอยากจะคอมเม้นคือ ผมยกตัวอย่างเรื่องจอภาพต่างๆ แล้วคุณบอกกันว่า "ก็จอมือถือมันถูกหนิ" "ก็จอคอมมันถูกหนิ" "ก็จอทีวีมันถูกหนิ" ได้โปรดดูด้วยครับว่ามือถือราคาเท่าไร จอคอมราคาเท่าไร ทีวีราคาเท่าไร และ "รถยนต์หนึ่งคันนั้นๆ" ราคาเท่าไร จอแสดงผลของรถให้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง
อย่างจอมือถือมันไม่ถูกนะครับถ้าเทียบกับราคามือถือ เปลี่ยนจอคอมก็ไม่ถูกนะครับอย่าง Apple ถ้าเทียบกับราคาคอม แต่ก็เปลี่ยนกันได้ ไม่บ่น เพราะคนเราชอบมองที่ราคา "ตอนจ่าย" แต่ไม่ได้มองที่ราคาตอนซื้อ และค่าซ่อมบำรุงต้องเผื่อเท่าไร ขนาดไหน ใช่ไหมครับ
ถ้าคุณบอกว่ามีคนอื่นเปลื่ยนแล้ว "แพงมาก" หรือ คุณเปลี่ยนมา "แพงมาก" หรือ "เงินผมไม่ได้หามาง่ายๆนะ" ... ครับ แล้วในเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ ทำไงล่ะ มีทางเลือกครับ ก็ใช้รถอะไรไก็ได้ที่เป็นแบบอนาล็อค รถรุ่นใหม่ๆยังมีครับ หรือไม่ก็เลือกรุ่นออพชั่นต่ำกว่าครับทีมันไม่มี หรือไม่ก็ใช้รถรุ่นเก่าต่อไปครับ สบายใจสำหรับคุณมากกว่า ถูกมั้ยครับ แต่คุณดันมีความชอบ ใฝ่ฝัน หรือไม่ก็ต้องการหน้าตาทางสังคมที่ Mercedes-Benz ดูเป็นที่หนึ่งของคนไทยมานานแสนนาน
แต่แบบนี้ไงครับถึงมีคนจำพวก ผ่อนไม่ไหว รถโดนยึด เพราะไม่วางแผนบริหารการเงินของตัวเอง หรือ ไม่พร้อมจะจ่าย ไม่อยากจ่าย
ผมแปลกใจมากๆ ว่าคนเราทำไมชอบ ตินั่น ตินู่น ตินี่ ติไปหมด กับเทคโนโลยีบางอย่างที่มันไม่ได้ใหม่เลย ซิ่งก็เป็นจอแสดงผลปกติ เหมือนที่ใช้กับ Infotainment ของรถปกติ ซึ่งไม่ได้เสียง่ายอะไรเลยนะครับ รถมันมีเป็น 10 ปีแล้ว และรถผมก็ยังใช้ได้อยู่ปกติ แต่ผมก็เตรียมพร้อมกับวันที่มันเสื่อมสภาพมาถึง
กลายเป็นว่าชอบเป็นโรคกลัวเทคโนโลยี (ที่มีมานานแล้ว) ไปก่อนโดยไร้เหตุผล กลัวว่าจะพังเร็วต่างๆนาๆ
มันมีเหตุผลที่ง่ายมากครับ "ถ้าคุณกลัวมันมากจริงๆ ไม่พร้อมจะจ่าย ก็ไม่ต้องซื้อรถแบบนี้ครับ จริงๆครับ รถอื่นก็ขับใช้งานได้" เพราะมันจะเป็นภาระทางความคิดของคุณเอง เครียดเปล่าๆครับ
ผมไม่เคยคิดเลยนะครับ ว่าเงินหาง่าย ผมก็ทำงานหาเงินมาเหมือนกัน เคยมีช่วงเวลาลำบากเหมือนกัน ทุกคนต้องลำบาก ขยัน กว่าจะประสบความสำเร็จได้
แต่คนที่เข้าใจแบบผม เค้าจะไม่บ่นเรื่องแบบนี้หรอกครับ เพราะในเมื่อตัดสินใจซื้อมาแล้วก็ต้องคิดมาแล้วเตรียมพร้อมแล้วกับค่าใช้จ่ายที่จะตามมาให้ได้
ไม่ได้บอกว่าการติทำไม่ได้นะครับ ถ้าติเพื่อก่อ แล้วทำเพื่อไปรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิ เพื่อให้ลดราคาอะไหล่ ถ้าทำได้ก็ดีครับ ทำเลยครับ
แต่นี่ติเพื่อต่อต้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เพียงเพราะคิดไปก่อนว่ามันคงเสียง่ายแน่ๆ และเปลี่ยนมันแพง ตัวเองไม่พอใจ มันไม่มีอะไรดีเลยครับกับการปิดกั้นสิ่งใหม่ๆ (ซึ่งที่จริงมันก็มีมานานแล้ว)
ถ้าติเรื่อง "ดีไซน์ไม่ดี" "การใช้งานยากเกินไป" "มันช้ามาก" ติเลยครับ
ยกตัวอย่าง อย่างกับตัวไมล์ปกติ (ซึ่งก็มีจอเหมือนกันอยู่ตรงกลางอยู่ดี) คุณว่าแบบปกติสวยกว่า ดูลงตัวกว่า อันนั้นตามสบายเลยครับ ติเรื่องง่ายๆ แต่มันก็ดูมีเหตุมีผลกว่าครับ
ไม่รู้ตอบช้าไปไหม แต่ผมมาดีนะครับ แค่เห็นต่างกับบางท่านเท่านั้นเอง 
เรื่องจอแสดงผลที่ผมบอกว่ากลัวนี่ จากในภาพที่เห็นคือมันเป็นแผงๆชิ้นเดียว คือถ้าเป็นแต่ก่อนถึงปัจจุบัน ถ้ามันมีอาการเสียเนี่ยมันสามารถถอดออกมาซ่อมหรือเปลี่ยนแบบเฉพาะจุดได้ง่ายๆ แบบวัดรอบเสียก็ถอดมาซ่อมเฉพาะจุดนั้นแต่ถ้าไม่อยากซ่อมก็หาเปลี่ยนตามเชียงกงมือสองได้ไม่ยาก แต่ที่กังวลคือในเมื่อมันคงแกะออกมาซ่อมไม่ได้ง่ายก็คงต้องเลือกเปลี่ยนใหม่ หรือ มือสอง ซึ่งมันก็คงราคาแพงเพราะทางเลือกในการแก้ไขน้อยลง ทำไมไม่ลองคิดกลับกันว่าถ้าเรามีวิธีซ่อมรถหลายแบบแล้วหาทางออกได้ในราคาที่ถูกที่สุดจะได้ใช้รถได้อย่างสบายใจและไม่ต้องห่วงเวลาซ่อม สมัยก่อนW140ปลาวาฬ ได้ฉายาว่ารุ่นปราบเสี่ย ด้วยความที่เทคโนโลยีมันเยอะมากในสมัยนั้นเวลาเข้าศูนย์อะไรเสียช่างจับเปลี่ยนหมด ค่าซ่อมแต่ละครั้งเป็นแสนทั้งๆที่ราคารถเริ่มต้น4ล้านปลายๆ จนโด่งดังว่ารุ่นปราบเสี่ย ปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านั้นซ่อมได้ทุกชิ้นซึ่งต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกกันมาหลายปีลองคิดกลับกันถ้ารถรุ่นนึงทำออกมาสวย ทุกอย่างดูซ่อมได้ตอนที่มันเริ่มเสียโดยไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียวมันจะดีกว่ามั้ย ปล. เรื่องจอแสดงผลรุ่นใหม่นี่ผมก็เชื่อว่ามันซ่อมได้แต่คงไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน
จอแสดงผลไม่ใช่อะไรที่ใหม่ในยุคนี้ มันไม่ได้เสียง่ายก็จริงมันไม่ได้เสียแบบที่คุณบอก แต่การจะซื้อรถซักคันถ้าเราไม่วางแผนอะไรเลยวันนึงที่มันเสียค่าซ่อมแพงๆรับไม่ไหวแล้วมาบ่นตอนซ่อมก็คงจะเสียสุขภาพจิตเล็กๆผมเคยเปลี่ยนจอควบคุมแอร์Jaguar S-type ดูเป็นจอธรรมดาๆที่คิดว่าราคาคงไม่เท่าไหร่ คิดในใจคงไม่เกินสามหมื่น ปรากฏศูนย์แจ้งมา6หมื่นกว่า คนทั่วไปเจอราคาค่าซ่อมแบบนี้ก็คงต้องมีอึ้งกันบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าเราทำใจรับกันมันได้ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ ตอนมาซ่อมจะได้ไม่เซ็งเท่าไหร่ในเมื่องทำใจและศึกษามาบ้างแล้ว
ประเด็นโรคกลัวเทคโลยี มันมีกันทุกคนแหละครับ ไม่งั้นจะมีกระทู้บ่นเรื่องรถไฮบริดกันหรอ กลัวแบตเตอรี่พัง กลัวค่าซ่อมแบตไฮบริด ผมกลับมองว่ามันเป็นเรื่องปกติอะไรที่มันดูซับซ้อน คนก็ต้องคิดเป็นธรรมดา ถ้าไม่คิดไม่กลัวนี่ซิแปลก เหมือนทำอะไรแล้วไม่มีการวางแผนล่วงหน้า มันมีคนสองประเภทนะครับ คือ แบบกลัวเทคโนโลยีแต่พร้อมปรับตัว กับ ต่อต้านเทคโนโลยีใหม่ๆทั้งหมด
ส่วนเรื่องที่บ่นกันว่าอะไหล่แพงมาก แล้วคุณเสนอให้ไปขับรถที่ใช้ระบบอนาล็อค ผมว่ามันก็ไม่ถูก อะไหล่บางอย่างราคามันต้องสมเหตุสมผลด้วย สมมุติรถคันละล้านซ่อมระบบแอร์ทีสองแสน แบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลก็ต้องติกันเป็นเรื่องธรรมดา ให้ทำระบบให้ง่ายขึ้นตามรถ หรือถ้าระบบมันดีแล้วเสนอราคาซ่อมมาเท่าไหร่ก็จำใจซ่อมกันไป เช่น ยุคBMW ยนตรกิจที่ซ่อมกันแพงมากๆ ถ้าทุกคนคิดแบบคุณคือไม่ซื้อเพราะอะไหล่แพงแล้วเราจะได้ใช้รถที่มีสมรรถณะที่ดีๆกว่ารถตลาดทั่วไปมั้ยหละครับ
คนทุกคนไม่ได้ซื้อbenzเพราะต้องการภาพลักษณ์ บางคนต้องการสมรรถณะ หรือ อย่างอื่นก็มี แล้วก็อย่าโยงเข้าเรื่องผ่อนไม่ไหวเลยครับ ก่อนจะผ่อนธนาคารก็ประเมิณจากstatementรายรับอยู่แล้ว ถ้าเค้าคิดว่าไหวก็ปล่อยเงินกู้ให้ ผมว่าระบบมันโอเคอยู่แล้วนะ ถึงจะมีผ่อนไม่ไหวบ้าง แต่%ก็ไมได้เยอะขนาดนั้น ไม่งั้นธนาคารเจ๊งไปแล้วครับ
ผมเข้าใจในความเห็นต่างของคุณนะครับ แต่ก็ขอเสนอในมุมความคิดของผมละกัน
