Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ มีนาคม 16, 2021, 22:16:24
-
ดูจากราคาน้ำมันที่พุ่งพรวดอย่างไม่หยุดยั้งแบบนี้ มีแนวโน้มที่ B7 กับ E20 จะไปแตะลิตรละ 35 บาท ใครที่ใช้รถมากๆ น่าจะหันมามอง EV ที่กำลังจะเปิดตัวหลายรุ่นในไทยพอสมควรนะครับ
ตอน ZS EV เปิดตัวราคาน้ำมันถูกมาก แถมลงเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าใช้น้ำมันคุ้มกว่าเยอะ
แต่ถ้าราคาน้ำมันไปสูงขนาดนั้นจริง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอาจจะต่างกันมากถึง 5-10 เท่า ซึ่งจุดคุ้มทุนอาจจะอยู่ที่การใช้งานแค่ 1-2 ปีเท่านั้นเอง
แล้วยิ่งอีก 2-3 ปีเราอาจจะได้เริ่มเห็น EV คันละ 5-6 มาชนกับ Eco car แล้ว ต่อไปนี้คงเติบโตอย่างก้าวกระโดดครับ
-
จริง เห็นด้วยครับ
ถ้ากลับไปราคาเกิน 30 บาท นี่ คือ แพงมาก
-
เห็นด้วยครับ ที่ผ่านมาคนคิดว่าส่วนต่างราคาหลักแสน เก็บไว้เติมน้ำมันดีกว่า ถ้าน้ำมันไปแตะระดับสูงมากอีกครั้งรถ hybrid และ ev น่าจะขายดีขึ้น
-
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดยอดขาย รถไฟฟ้า ไทยปีนี้อาจโตสูง 288% ชี้อีก 10 ปี ยอดขายรถยนต์ในประเทศเกินครึ่งมาจาก EV
https://thestandard.co/ev-growth-288-percent/
ปีนี้ดูขยับกันจริงๆจังๆมากขึ้นทั้งรถที่เตรียมจะขาย และปั้มน้ำมันอย่าง Shell และ PT ก็เริ่มทำแทนชาจน์ตาม ปตท. บางจาก Susco ที่มีในปัจจุบัน
-
ต่อให้แพงเท่าตอนช่วงก่อนๆ ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ รถ EV จะโตขึ้นแต่ไมได้ขนาดที่ โอ้ยน้ำมันแพงขายรถไปซื้อรถ EV กันเถอะ ไม่ขนาดนั้นหรอก
-
ราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้น ต้นปีแค่ 52 กว่าๆ ตอนนี้ 64 แล้ว
ต้นปีเรา 23 ตอนนี้ 27 ทำใจครับ
-
เมื่อก่อนก็ผ่าน 2-3 ลิตรร้อยมาแล้ว แค่นี้เด็กๆ
ถ้าขึ้นมากจริง LPG อาจจะกลับมาบูมก่อน ลงทุนเพิ่มแค่ 2-4 หมื่นเอง
EV คือต้องซื้อรถใหม่หลายแสนแถมชาร์จยังไม่สะดวก แต่ระยะยาว EV คงหนีไม่พ้นแต่ไม่ใช่ช่วงนี้หรอก
น้ำมันขึ้นได้ เดี๋ยวก็ลงครับ
-
ev มีค่าใช้จ่ายนะครับ ไม่ใช่ไฟฟรี
หารถประหยัดน้ำมันสักคันก็ช่วยได้เยอะแล้วครับ
-
คนส่วนใหญ่ ที่ซื้อรถไปแล้ว ต่อให้น้ำมันแพง ก็ยากที่จะขายรถเพื่อมาออก EV
ส่วนมากก็รับราคาที่ตกลงไม่ไหว ใช้ๆไปก่อน
สมัยลิตรละ 40 บาท รถยังวิ่งเต็มไปหมด
ผมว่าสำคัญคือภาคขนส่งมากกว่า ที่ควรจะเริ่มหันมาหา EV ก่อน
จุดคุ้มทุนเร็วกว่า ใช้งานคุ้มค่ากว่า ถ้าปรับตัวได้ไว ราคาสินค้าอะไรๆที่มาจากค่าน้ำมันก็จะไร้ผล
-
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดยอดขาย รถไฟฟ้า ไทยปีนี้อาจโตสูง 288% ชี้อีก 10 ปี ยอดขายรถยนต์ในประเทศเกินครึ่งมาจาก EV
https://thestandard.co/ev-growth-288-percent/
มันก็แหงล่ะครับ เพราะ EV ของค่ายรถและศูนย์วิจัยกสิกรไทยมันคือ HEV+PHEV+BEV ยอดขายในกลุ่ม EV เกินครึ่งของตลาดในอีก 10 ปีที่ว่าเกือบทั้งหมดมันมาจาก HEV+PHEV ครับ ตั้งแต่ Model year 2024/25 เป็นต้นไปของยี่ห้อที่ครองตลาดกันอยู่นี่ก็แทบจะมีแต่เครื่อง HEV ล้วนๆแล้ว
-
EV ถ้าเจ้าตลาดยังไม่มาผมว่าก็ยังไม่ขายเปรี้ยงปร้างอะไรครับ เพราะตอนนี้มีแต่ของจีน ที่ชอบแอบลดสเปก
แต่ยอดที่จะโตแน่ๆ และโตแล้วคือ Hybrid กับ PHEV ครับ ยอดขายเมื่อก่อนสู้เบนซินไม่ได้ ถ้าน้ำมันยังแพงขึ้นเรื่อยๆ Hybrid คนจะเลือกใช้มากขึ้น เพราะตอนนี้ประหยัดแน่ๆ 2 เท่าของเบนซิน
-
ใช้แก้ส lpg ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี
-
ผมคิดว่าอัตราเร่งตัวจะมากขึ้น
เหตุผล 1. ค่าเชื้อเพลิงแพง ผันผวนมากขึ้น
2. ราคาค่าตัวรถไฟฟ้าเริ่มลดระดับลงเร็วกว่าที่คาด
3. แบตฯ เริ่มดีขึ้น ราคาถูกลง มีความคุ้มค่ามากขึ้น โดยเฉพาะแบตฯแบบแข็ง...
ส่วนจุดชาร์ต มันจะวิ่งมาเองเมื่อความต้องการมันเพิ่ม
-
ราคารถแพงกว่าค่าน้ำมันเยอะ
ขอคิดหนักๆก่อนจะไป ev
แต่ถ้า hybrid ทนๆ หรือ turbo เครื่องเล็กที่แรงประหยัด ผมจะคิดไม่ค่อยหนัก
-
สำหรับบ้านเรามันมีส่วน แต่น้อยครับ ส่วนต่างราคายังสูงมาก เป็นแค่ตัวช่วยให้คนที่อยากลองของตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีกนิดนึง
อีกอย่าง ราคาน้ำมันไม่มีทางกลับไปสูงยาวๆแบบสมัยก่อนอีกแล้วครับ
ช่วงนี้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันพยายามโก่งราคาเฮือกสุดท้ายกันอยู่ แต่แนวโน้มตลาดน้ำมันเดี๋ยวมันก็ต้องลง
เพราะตอนนี้ราคาน้ำมันมันสูงจน fracking เริ่มทำกำไรได้แล้ว
แต่สำหรับฝรั่ง ผมว่าน่าจะไปเร็วพอสมควรเลย
-
ก็คงเป็นปัจจัยนึงที่ทำให้พัฒนา EV ได้เร็วขึ้น แต่ข้อจำกัดหลักยังอยู่ที่จุดอ่อนของ EV เอง ทั้งระยะวิ่ง, สถานี-จุดชาร์จไฟโดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ที่อยู่คอนโด, ระยะเวลาในการชาร์จ ยังต้องใช้เวลาแก้ไขจุดอ่อนอีกนานพอสมควร
-
ใช้ PHEV ดีกว่าครับ ขับไปทำงานทุกวันแทบไม่กระทบเลย นานๆออกต่างจังหวัดทีค่อยจ่ายแพง
-
ใช้ PHEV ดีกว่าครับ ขับไปทำงานทุกวันแทบไม่กระทบเลย นานๆออกต่างจังหวัดทีค่อยจ่ายแพง
+1
เดี๋ยวนี้เข้าปั๊มเพื่อกินข้าว , ซื้อกาแฟ
วันก่อนเอารถอีกคันไปเติมน้ำมัน จะเติม B10 ดันบอกเด็กปั๊มเป็น B7 ดีที่ไม่บอกเป็นเบนซินไปเลย
-
ผมก็เริ่มมอง ev แล้วเหมือนกันครับ เบื่อราคาน้ำมัน รัฐยังนิ่งไม่เป็นไร ติดโซล่าเซลกับรถ ev น่าจะดี
-
เห็นด้วยครับว่า ราคาน้ำมันน่าจะไม่แพงได้มากอย่างในอดีตอีกแล้ว แต่รถ EV ก็ยังต้องรอเรื่องความพร้อมด้านไฟฟ้า ปั๊มชาร์จไฟ และราคารถที่จะลดลง เมื่อราคา battery solid state ถูกลงเมื่อไหร่และมีบริษีทใช้กันอย่างแพร่หลาย บวกกับถ้าจีนเป็นผู้นำตลาดดึงราคารถ EV ลงมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านราคาเหมือนกับมือถือในอดีตกับปัจจุบันที่ราคาลดลงมาจากสมัยก่อนอย่างมหาศาล แต่อย่างไรก็ตามผมว่าระดับราคารถ EV ยังไงก็ต้องมีหลายระดับให้เลือกอยู่ดีตามคุณภาพและ brand รถหรูก็จะทำ EV หรูที่แพงอยู่ดีเพืี่อรักษาระดับ brand ของตัวเองไว้
-
ในไทยราคาน้ำมัน แทบไม่มีผลกระทบต่อ ปริมาณการซื้อรถEVของคนไทย แต่อย่างใดครับ
คิดไปเองทั้งนั้น มองละเอียดลงไป ราคารถevสูงกว่าจุดคุ้ม ที่จะขายรถน้ำมันทิ้งเดิมแล้วไปซื้อคันใหม่
ส่วนต่างเยอะไป สู้ทนใช้ของเดิมน้ำมันจะแพงก็ต้องใช้ไป คุ้มค่ากว่า
หาปั้มชาร์ตยากมาก (มองทั้งประเทศนะ อยากจะบอกว่า กรุงเทพฯไม่ใช่ประเทศไทย ตื่นๆ)
ยังไม่เคยเจอใครพูดว่าซื้อรถevเพราะอยากประหยัด ไทยเราค่าไฟฟ้าแพงค่าน้ำถูก
และถ้าพูดถึงคนฐานะอย่างพวกเศรษฐี มีตัง มีธุรกิจเอง พวกนี้ยิ่งไม่เดือดร้อน
ไม่แคร์น้ำมันจะแพง ไม่สนรถev ยกเว้นพวกevแรงๆทรงสปอร์ตเทสล่า หรืออินดี้หน่อยMG
ก็จะซื้อเป็นรถส่วนตัวคันที่สามสี่ของตัวเอง ซื้อให้บีเอ็ม i3 ให้หลานมาขับไปมหาลัยประมาณนั้น
ปล. ราคาน้ำมันขึ้นซักพักเดี๋ยวก็ลง ไทยน้ำมันแพงเพราะเก็บเงินเข้าOil fund
เยอะเกินชนิดแบบว่าเยอะโคตรพ่อโคตรแม่เมิง เสือกอ้างว่าเพื่อความมั่งคงทางพลังงานดูดต่างชาติลงทุน
ปชช.ไม่ได้โง่ เขาดูออกว่าเก็บเงินเกินจุดพอดีไปไกลโขแล้วโว้ยยย
-
เมื่อก่อนก็ผ่าน 2-3 ลิตรร้อยมาแล้ว แค่นี้เด็กๆ
ถ้าขึ้นมากจริง LPG อาจจะกลับมาบูมก่อน ลงทุนเพิ่มแค่ 2-4 หมื่นเอง
EV คือต้องซื้อรถใหม่หลายแสนแถมชาร์จยังไม่สะดวก แต่ระยะยาว EV คงหนีไม่พ้นแต่ไม่ใช่ช่วงนี้หรอก
น้ำมันขึ้นได้ เดี๋ยวก็ลงครับ
+1
เคยเติมดีเซลลิตรละ 42 บาทมาแล้วครับ ไม่กลัวไรแล้ว
-
EV ในไทยที่โตๆ ถ้าราคานี้ ส่วนใหญ่คงไป PHEV ไม่ก็ Hybrid ญี่ปุ่น
BEV เต็มที่คงหลักพันไปอีกสัก 5 ปี
ถึงราคาน้ำมันสูง แต่ส่วนต่างราคาน้ำมัน กับ ราคารถไฟฟ้ามันต่างกันเยอะเกินไปจนหาจุดคุ้มทุนยาก
รายได้ขั้นต่ำประเทศเราต่ำไป รถยนต์ร้อยละ 70-80% ที่วิ่งอยู่บนถนน ราคาอยู่ในช่วงไม่เกิน 1 ล้านบาท
ถ้ารถไฟฟ้ามาในราคา 1.5ล้าน+++ คงค่อยๆได้ส่วนแบ่ง
บวกกับที่ชาร์จยังครอบคลุมน้อยขนาดนี้ แค่หลักร้อยคัน ณ ปัจจุบันเดินทางไกลมีต่อคิวกันเปลื่อยแน่ๆ
-
ช่วงนี้หวยน่าจะไปลง hybrid ญี่ปุ่นมากกว่า
เว้นแต่จะมี city yaris civic ev ขายในราคาเท่าเดิม และถ้ามีจริงมันก็จะมีคนที่ไม่สะดวกชาร์จ อยู่คอนโดไรงี้
ตลาดกลุ่มนี้ขายเดือนนึง ร่วมหมื่นคัน สันดาปเกือบทั้งนั้น พวก xev ยอดมันคงเพิ่มแหละ
แต่จะพลิกหน้าไป ev ล้วน ในภาพรวมทั้งประเทศ คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้
-
คิดว่าคนส่วนนึงจะกลับไป ซบ อก LPG
ส่วนคนออกรถใหม่ จะไปทาง HEV อย่าง City hybrid, Altis hybrid, Cross hybrid
กลุ่ม กระบะ PPV คงไม่กระทบมาก เพราะรัฐก็จะตรึงราคาดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร อยู่ดี
โชคดีที่รถไม่ได้ถอด LPG ออกตอนน้ำมันถูกปีที่แล้ว เพราะคำนวนแล้ว LPG ก็ยังประหยัดกว่า E20 ตอนราคาถูกหน่อยๆ แต่ตอนนี้ราคาทิ้งห่างเลย
-
นี่มันเป็นเล่ห์กลของพวกพ่อค้าตลาดน้ำมันโลกหรือเปล่า สภาวะการณ์การใช้น้ำมันทั่วโลกกลับมาปกติก็ไม่ใช่ แค่มีวัคซีนออกมา น้ำมันก็พุ่งไม่หยุด สายการบินทั่วโลก การท่องเที่ยวทุกประเทศก็ยังซบเซา สงสัยรีบกอบโกยก่อนรถEvจะมาบุกตลาด
-
ผมก็ว่า หวย ลง HEV นะ
เราก็ได้เห็น B-Car HEV ละ แต่มาในรูปแบบ ตัว TOP
ถ้า นโยบาย Eco car หมดแล้ว รถน่าจะแพงตามๆกัร
แต่ HEV ได้ลดภาษี กลับมาขายราคา ปกติ ทำตัว LOW ก็จะราคาลงแีกเป็น แสนๆ
-
ผมไม่เชื่ออย่างนึงเรื่องราคารถครับว่า อีก 2 ปี ราคา EV จะขายกัน 5-6แสนบาท ...
city eHEV ไม่เห็นขายถูกเลยครับ .... ทะลักเกิน 8 แสนอีก
รถ EV ต่อไปจะเป็นรถแพง มันจะเป็นรถที่ขายความแรงและหรูหรา แบบที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ ....
-
คงเป็นไปตามกระแสแหละครับ ยังไงรถไฮบริด รถไฟฟ้า ต้องเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ
แต่ผมว่ายังไงราคาก็ไม่ถูก รถสันดาปมีมากตั้งนาน ยังไม่เห็นราคาถูกลงเลย
ที่จะเปลี่ยนไป คง tech ต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวรถและแบตเตอรี่ คงดีขึ้นเรื่อยๆ
-
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดยอดขาย รถไฟฟ้า ไทยปีนี้อาจโตสูง 288% ชี้อีก 10 ปี ยอดขายรถยนต์ในประเทศเกินครึ่งมาจาก EV
https://thestandard.co/ev-growth-288-percent/
มันก็แหงล่ะครับ เพราะ EV ของค่ายรถและศูนย์วิจัยกสิกรไทยมันคือ HEV+PHEV+BEV ยอดขายในกลุ่ม EV เกินครึ่งของตลาดในอีก 10 ปีที่ว่าเกือบทั้งหมดมันมาจาก HEV+PHEV ครับ ตั้งแต่ Model year 2024/25 เป็นต้นไปของยี่ห้อที่ครองตลาดกันอยู่นี่ก็แทบจะมีแต่เครื่อง HEV ล้วนๆแล้ว
288% ตามข้อมูลนับเฉพาะ BEV หรือก็คือ EV ล้วนครับ
-
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดยอดขาย รถไฟฟ้า ไทยปีนี้อาจโตสูง 288% ชี้อีก 10 ปี ยอดขายรถยนต์ในประเทศเกินครึ่งมาจาก EV
https://thestandard.co/ev-growth-288-percent/
มันก็แหงล่ะครับ เพราะ EV ของค่ายรถและศูนย์วิจัยกสิกรไทยมันคือ HEV+PHEV+BEV ยอดขายในกลุ่ม EV เกินครึ่งของตลาดในอีก 10 ปีที่ว่าเกือบทั้งหมดมันมาจาก HEV+PHEV ครับ ตั้งแต่ Model year 2024/25 เป็นต้นไปของยี่ห้อที่ครองตลาดกันอยู่นี่ก็แทบจะมีแต่เครื่อง HEV ล้วนๆแล้ว
288% ตามข้อมูลนับเฉพาะ BEV หรือก็คือ EV ล้วนครับ
ผมพูดถึงตัวเลขที่บอกว่าอีก 10 ปียอดขายรถยนต์ในประเทศเกินครึ่งมาจาก EV ครับ ส่วน 288% อะไรนั่นมันก็แน่อยู่แล้วเพราะยอด BEV ปี 2019 มันก็แค่กระจึ๋งเดียวโต 300% ไม่แปลก น้อยไปเยอะเลยเสียด้วยซ้ำหากคิดว่าอีก 10 ปี BEV จะครองตลาด
-
ยอดขายหลัก 100 โต 300 % ก้ 300 คัน กำ
-
รอดูราคา แมวที่แสนดี
-
ใช้ รถไฟฟ้า กันมากขึ้นก็ดี แบบนึง ครับ
น้ำมันล้นตลาด ราคาน้ำมัน ก็ตกลงเช่นกัน
เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อน ผม ลงรูป ว่า มันอยู่ ที่ กำแพงเพชร กำลัง เปิด แปลงขุดเจาะ แปลงใหม่อยู่ :) :) :)
-
คงมีส่วนครับ แต่ถ้าดีเซลยังไม่เกินลิตรละ 50 ผมก็ยังใช้รถน้ำมันต่อไปนะ รถไฟฟ้าคงรออีก 10 ปีค่อยซื้อขับ
-
ถ้าทั้งโลกไม่เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า ราคาน้ำมันก็ไม่เปลี่ยนหรอก เพราะว่าปริมาณการใช้ในประเทศไม่ได้เยอะแยะอะไร ที่จะไปเปลี่ยนราคาน้ำมันในตลาดโลกได้
-
บอร์ด HLM มันอิยัง
ตั้งกระทู้ปุ๊ป น้ำมันลงเลยแฮะ 5555
-
ถ้าทั้งโลกไม่เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า ราคาน้ำมันก็ไม่เปลี่ยนหรอก เพราะว่าปริมาณการใช้ในประเทศไม่ได้เยอะแยะอะไร ที่จะไปเปลี่ยนราคาน้ำมันในตลาดโลกได้
ฺฺBase ราคาในไทยไม่แพงเลยครับ
แต่พี่แก เหมารวม ว่า น้ำมันนำเข้า และใส่ภาษีเต็มที่
ลองดูเงินกองทุนน้มำันสิครับ มหาศาล บานตะไท หายไหนหมด อุ้บๆๆๆ
-
ถ้าน้ำม้นราคาเกินลิตรละ 30-33 บาท
ผมกลับคิดว่า LPG อาจจะกลับมาอีกครั้งครับ ลงทุน 2-3 หมื่นบาท ประหยัดได้ครึ่งของราคาน้ำมัน ตก กม.ละ 1.3-1.5 บาท ถ้าใช้เกินเดือนละ 3000 กม. คุ้มครับ
จากที่เคยใช้ LPG รวมๆกันมาราว 4.5 แสน กม. ประหยัดไปราว 6-7 แสนบาท(ส่วนต่างราคาเชื้อเพลิง) หักค่าดูแลที่มากกว่ารถน้ำมันให้เลย 1 แสนบาท ก็ยังมีส่วนต่างราว 5-6 แสนบาท
แต่อาจไม่สะดวกกับหลายคน ที่ไม่สะดวกใจ แต่ถ้าเข้าใจดูแลปัญหาก็ไม่ได้มีอะไรมาก
แต่ถ้าตามกระแส ก็ต้องเป็น EV แต่ ณ.ตอนนี้ คิดว่ายังไม่น่าพร้อม โดยเฉพาะอย่างผมที่วิ่งวันละ 220 กม ประจำ และไม่มีที่ชาร์ทที่คอนโด หรือ นอกเส้นทางประจำ
-
ถ้าน้ำม้นราคาเกินลิตรละ 30-33 บาท
ผมกลับคิดว่า LPG อาจจะกลับมาอีกครั้งครับ ลงทุน 2-3 หมื่นบาท ประหยัดได้ครึ่งของราคาน้ำมัน ตก กม.ละ 1.3-1.5 บาท ถ้าใช้เกินเดือนละ 3000 กม. คุ้มครับ
จากที่เคยใช้ LPG รวมๆกันมาราว 4.5 แสน กม. ประหยัดไปราว 6-7 แสนบาท(ส่วนต่างราคาเชื้อเพลิง) หักค่าดูแลที่มากกว่ารถน้ำมันให้เลย 1 แสนบาท ก็ยังมีส่วนต่างราว 5-6 แสนบาท
แต่อาจไม่สะดวกกับหลายคน ที่ไม่สะดวกใจ แต่ถ้าเข้าใจดูแลปัญหาก็ไม่ได้มีอะไรมาก
แต่ถ้าตามกระแส ก็ต้องเป็น EV แต่ ณ.ตอนนี้ คิดว่ายังไม่น่าพร้อม โดยเฉพาะอย่างผมที่วิ่งวันละ 220 กม ประจำ และไม่มีที่ชาร์ทที่คอนโด หรือ นอกเส้นทางประจำ
ถ้าน้ำมันแพง
Hybrid ECo น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ เพราะสามารถทำอัตราประหยัดได้ 25 Km ได้เลย ถ้าจะทำกันจริงๆ ต่อให้ราคาลิตรละ 40 ก็สบายกระเป๋า
เพราะ LPG ตอนนี้ ถ้าคนใช้เยอะ รัฐมันก็หาเรื่องเพิ่มราคาอีกครับ ช่วงนี้คนใช้น้อย มันก็เงียบไป
อีกอย่างตอนนี้ รถใหม่ก็ประหยัดกัยมากๆ มากจนไม่คุ้มที่จะติด LPG แล้ว ต้อง 40 + ครับ