Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MoO Cnoe ที่ เมษายน 10, 2020, 13:09:21
-
หลุดภาพคันจริง Nissan Kicks e-POWER " ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
แต่เติมน้ำมันได้แบบรถปกติทั่วไป โฉม Minorchange ครั้งแรกในโลก
เดือน พฤษภาคม นี้ ราคาอาจไม่ข้ามล้าน !
อ่านข้อมูลทั้งหมดได้ที่นี่
http://www.headlightmag.com/leaked-nissan-kicks-e-power-thailand-may2020/
(https://s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/img-in-th/8acf88d66ff6597f25063c3addbb9145.jpg)
-
น่าจับตาดูจริงๆคันนี้ ยิ่งราคาดียิ่งน่าสนใจ :D
-
รถรุ่นที่ 2 แล้วใช่มั้ยครับ Nissan ที่เปิดตัวในไทยในปีนี้ หวังว่ารุ่นต่ออาจถึงคิว nissan navara และ terra
-
ไฟหน้าดูโฉบเฉี่ยวขึ้นมาก
กลัวก็แต่ไฟนี้เฉพาะรุ่นท็อปรุ่นรองอะไรไม่รู้...
กระจังหน้า ดีกว่าที่คิดแฮะ การที่เพิ่มความสูงกระจังหน้า ก็ฟิลแนวๆ Lexus + Captiva รุ่นก่อนหน้า
น่าสนใจ ขอรุ่นที่ราคา 850k แล้วออฟชั่นหลักครบด้วยจะได้ไหมนะ
ขอแค่ญี่ปุ่นอย่ามั่นในรถตัวเองเกินไป แบบตอนเถียงราคา Almera แล้วกัน
-
ขอชื่นชมจรรยาบรรณทีมงาน HLM ที่เบลอภาพด้านหลังตัวรถครับ
เพราะรูปที่เจอใน Social ก่อนหน้านี้ เห็นฉากหลังเต็มๆตา
ป่านนี้คนโพสจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ.... :-\ :-\
-
อยากรู้ความเร็วสูงสุดเท่าไหร่ครับ พอจะวิ่งถึงสัก 150 kmh มั๊ยครับ
-
ไม่แปลกเลย เกินล้านนี่จะขายยังไงยังนึกไม่ออก
-
ก็เห็นอยู่ว่า global version ยังจะใส่ข้อมูล indian version มาปนทำให้สับสนในขนาดอยู่เลย
-
ขอชื่นชมจรรยาบรรณทีมงาน HLM ที่เบลอภาพด้านหลังตัวรถครับ
เพราะรูปที่เจอใน Social ก่อนหน้านี้ เห็นฉากหลังเต็มๆตา
ป่านนี้คนโพสจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ.... :-\ :-\
พอจะอธิบายได้ไหมครับ ว่าด้านหลังเป็นอะไร ทำไมถึงต้องเบลอ เพราะผมไม่เห็นภาพนี้เลย ยกเว้นภาพที่แชร์ใน Webboard ของเว็บนี้นะ ที่อยู่บนรถบรรทุก
-
ขอชื่นชมจรรยาบรรณทีมงาน HLM ที่เบลอภาพด้านหลังตัวรถครับ
เพราะรูปที่เจอใน Social ก่อนหน้านี้ เห็นฉากหลังเต็มๆตา
ป่านนี้คนโพสจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ.... :-\ :-\
พอจะอธิบายได้ไหมครับ ว่าด้านหลังเป็นอะไร ทำไมถึงต้องเบลอ เพราะผมไม่เห็นภาพนี้เลย ยกเว้นภาพที่แชร์ใน Webboard ของเว็บนี้นะ ที่อยู่บนรถบรรทุก
เดาว่าโรงงานครับ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลมีกฏห้ามถ่ายรูปครับ มันผิดกฏ ถ้า พนง. ก็โทษแรงระดับไล่ออกแล้วฟ้องครับ
-
ถ้ามาไม่เกินล้น Leaf ก็น่าจะไม่ถึง 5 แสนได้นะ :-\ ///
-
รถรุ่นที่ 2 แล้วใช่มั้ยครับ Nissan ที่เปิดตัวในไทยในปีนี้ หวังว่ารุ่นต่ออาจถึงคิว nissan navara และ terra
ผมคาดว่า Navara และ Terra น่าจะมาปีนี้ค่อนข้างแน่นอนครับช่วงปลายๆปี หรืออย่างช้าอาจจะต้นปีหน้าครับ
-
ขอชื่นชมจรรยาบรรณทีมงาน HLM ที่เบลอภาพด้านหลังตัวรถครับ
เพราะรูปที่เจอใน Social ก่อนหน้านี้ เห็นฉากหลังเต็มๆตา
ป่านนี้คนโพสจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ.... :-\ :-\
พอจะอธิบายได้ไหมครับ ว่าด้านหลังเป็นอะไร ทำไมถึงต้องเบลอ เพราะผมไม่เห็นภาพนี้เลย ยกเว้นภาพที่แชร์ใน Webboard ของเว็บนี้นะ ที่อยู่บนรถบรรทุก
เดาว่าโรงงานครับ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลมีกฏห้ามถ่ายรูปครับ มันผิดกฏ ถ้า พนง. ก็โทษแรงระดับไล่ออกแล้วฟ้องครับ
เป็นพื้นที่ลานจอดในเขตโรงงานครับ ด้านหลังมี Kicks กำลังขนขึ้นเทรลเลอร์จะๆ เลย กระทู้ล่างก็มีลงไม่รู้ลบไปรึยัง
-
ไฟหน้าสวยดี ไฟท้ายไม่สวยเลย ไม่รู้ว่าใส่ LED เส้นมาด้วยมั้ย
-
ระบบนี้เข้าท่าดีนะครับ
รอชมตัวจริง 8)
-
ขอชื่นชมจรรยาบรรณทีมงาน HLM ที่เบลอภาพด้านหลังตัวรถครับ
เพราะรูปที่เจอใน Social ก่อนหน้านี้ เห็นฉากหลังเต็มๆตา
ป่านนี้คนโพสจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ.... :-\ :-\
พอจะอธิบายได้ไหมครับ ว่าด้านหลังเป็นอะไร ทำไมถึงต้องเบลอ เพราะผมไม่เห็นภาพนี้เลย ยกเว้นภาพที่แชร์ใน Webboard ของเว็บนี้นะ ที่อยู่บนรถบรรทุก
เดาว่าโรงงานครับ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลมีกฏห้ามถ่ายรูปครับ มันผิดกฏ ถ้า พนง. ก็โทษแรงระดับไล่ออกแล้วฟ้องครับ
เป็นพื้นที่ลานจอดในเขตโรงงานครับ ด้านหลังมี Kicks กำลังขนขึ้นเทรลเลอร์จะๆ เลย กระทู้ล่างก็มีลงไม่รู้ลบไปรึยัง
เพึ่งเข้าไปดู รูปยังอยู่นะครับ อัพเดตมาสักพักแล้ว แต่ผมพึ่งเห็น ชัดเลยว่าถ่ายในโรงงาน หรือในจุดกระจายสินค้า เหมือนภาพ Xpander ที่ถ่ายภาพในสายการผลิตเลย แล้วหลุดออกมาใน Headlightmag หลายเดือนก่อน
-
เห็นบนเทลเลอร์ ถ.บางนา-ตราด เมื่อสักครู่สวยดีครับโดยเฉพาะสีส้ม
-
ดูในรูปคันเล็ก ถ้าเปิดมาราคาไม่ดี ยอดไม่เดินแน่นอน
-
ดูแล้วผมซื้อ Cx-30, Chr เหมือนเดิมถึงจะแพงกว่า อันนี้หน้าตาแปลกๆ
-
ในที่สุด nissan ก็บุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ในไทยแล้วครับ แถมเป็นโมเดลไมเนอร์"ที่แรกของโลก"อีกต่างหาก
-
ไม่น่าเอา E-power มาเลย ดุแล้ว แปีก!! สูงมาก ต้อง 1.0 Turbo ดีกว่า
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
-
โอ้ๆๆ ขนาดดีสุดในกลุ่มเลย
เทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม B-SUV
Honda HR-V : 4,294 x 1,772 x 1,605 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร
Toyota C-HR : 4,360 x 1,795 x 1,565 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร
Mazda CX-3 : 4,275 x 1,765 x 1,550 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร
MG ZS : 4,314 x 1,809 x 1,652 มิลลิเมตร / ฐานล้อ : 2,585 มิลลิเมตร
Nissan Kicks : 4,384 x 1,813 x 1,656 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,673 มิลลิเมตร
-
ลายกระจังหน้าดูคุ้นๆตามาจากรุ่นไหน
(https://i3.wp.com/motortrivia.com/wp-content/uploads/2019/08/Nissan-Serena-2020-A01-1860x1060_c.jpg)
-
ทรงไฟตัดหมอกนี่เหมือนกันยันมิตซู
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที แต่ได้ 25 กม./ลิตร
คงไม่มีทางเป็นไปได้ครับกับรถราคานี้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
ต้องรอดูครับ มอเตอร์ไฟฟ้าแรงเหมือนกันนะ
e-Power แรงกว่าไฮบริดจริงหรือ?
คำถามแรกที่ผู้อ่านคงคิดเหมือนกับเราคงหนีไม่พ้น ว่าขุมพลัง e-Power แรงกว่าเครื่องยนต์ไฮบริดที่มีอยู่บนรถเจ้าตลาดคันอื่นขนาดไหน? โดยจากการทดสอบขับขี่ Note e-Power ของทีมงาน Ridebuster เมื่อช่วงสองปีก่อนที่ญี่ปุ่น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า (PS) ที่ 5,400 รอบต่อนาที แรงบิด 103 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 4,400 รอบต่อนาที ทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องปั่นไฟป้อนสู่มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC synchronous motor รหัส EM57
ซึ่งมอเตอร์ตัวนั้นปั่นกำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 3,008 10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 254 นิวตันเมตร ที่ 0 3,008 รอบ/นาที โดยดึงกระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ด้านอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้จริงสวยงามราว 7.xx-8.xx วินาที
https://www.ridebuster.com/nissan-e-power-good-and-thing-to-know/ (https://www.ridebuster.com/nissan-e-power-good-and-thing-to-know/)
-
ดู Nissan Leaf ไปก่อน
https://www.youtube.com/watch?time_continue=321&v=AhpxW-3BZek&feature=emb_title (https://www.youtube.com/watch?time_continue=321&v=AhpxW-3BZek&feature=emb_title)
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
ตื่นๆครับ นี่มันยุคไหนแล้ว
ไปดู 0-100เทสล่า แล้วคิดว่ากี่สิบล้านล่ะ
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนบาท ราคาก็ประมาณนี้อยู่แล้ว 0-100กม/ชม 8 วิ น่าจะทำได้สบายๆ
แต่ 25กม/ลิตรนี่ยากมากๆ ถ้าเทสท์แบบ HLM แล้วได้ 18 กม/ลิตร ก็ถือเก่งแล้วละ
-
เหมาะกับคนที่ขับรถแบบประหยัด เดินทางไกลแบบไม่เกิน100จะประหยัดมาก
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
Serena e-Power 0-100 8.5 วิ Kicks ก็ไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่นะครับ
https://youtu.be/Imo0s8bpeWs (https://youtu.be/Imo0s8bpeWs)
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
Serena e-Power 0-100 8.5 วิ Kicks ก็ไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่นะครับ
https://youtu.be/Imo0s8bpeWs (https://youtu.be/Imo0s8bpeWs)
Honda Civic 1.5 Turbo 0-100 เวลา 8.76 วิ น่าจะเบียดกันสนุกล่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=lSDBPAKg-QQ&feature=emb_title (https://www.youtube.com/watch?v=lSDBPAKg-QQ&feature=emb_title)
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
Serena e-Power 0-100 8.5 วิ Kicks ก็ไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่นะครับ
https://youtu.be/Imo0s8bpeWs (https://youtu.be/Imo0s8bpeWs)
Honda Civic 1.5 Turbo 0-100 เวลา 8.76 วิ น่าจะเบียดกันสนุกล่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=lSDBPAKg-QQ&feature=emb_title (https://www.youtube.com/watch?v=lSDBPAKg-QQ&feature=emb_title)
แต่จะแพ้ตีนปลายครับ
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนบาท ราคาก็ประมาณนี้อยู่แล้ว 0-100กม/ชม 8 วิ น่าจะทำได้สบายๆ
แต่ 25กม/ลิตรนี่ยากมากๆ ถ้าเทสท์แบบ HLM แล้วได้ 18 กม/ลิตร ก็ถือเก่งแล้วละ
25 กม/ลิตร ไม่ถึงแน่ๆ ครับ
กลับมันจะไม่ถึง 20 กม/ลิตรด้วย
เคยไปขับ note e-power ขับที่ญี่ปุ่น เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ตามกฎหมายญี่ปุ่น มีกดบ้าง ยังได้ไม่ถึง 22 กม/ลิตรเลยครับ
แต่ 0-100 ใน 8 วินี่ไม่แน่ ผมว่ามีโอกาสสูง
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนบาท ราคาก็ประมาณนี้อยู่แล้ว 0-100กม/ชม 8 วิ น่าจะทำได้สบายๆ
แต่ 25กม/ลิตรนี่ยากมากๆ ถ้าเทสท์แบบ HLM แล้วได้ 18 กม/ลิตร ก็ถือเก่งแล้วละ
25 กม/ลิตร ไม่ถึงแน่ๆ ครับ
กลับมันจะไม่ถึง 20 กม/ลิตรด้วย
เคยไปขับ note e-power ขับที่ญี่ปุ่น เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ตามกฎหมายญี่ปุ่น มีกดบ้าง ยังได้ไม่ถึง 22 กม/ลิตรเลยครับ
แต่ 0-100 ใน 8 วินี่ไม่แน่ ผมว่ามีโอกาสสูง
ผมว่าอะไรที่มันเป็นมาตรฐานญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับรถ เช่นอัตราการสิ้นเปลือง แรงม้า นี่ค่อนข้างใช้การจริงไม่ได้ครับ พอทาทดสอบจริงๆกลายเป็นว่าต่ำกว่าหมดทุกทาง
-
ราคาไม่ข้ามล้านน่าจะได้เสียงตอบรับบ้าง
แต่สิ่งที่ต้องพิสูจน์คือ durability กับ reliability
เรื่องความแรงกับประหยัดคิดว่าอยู่ในเกณฑ์รับได้อยู่
ส่วนความเร็วปลายคนใช้รถทั่วไปไม่สนใจเท่าไหร่ครับขอให้ได้ถึง 160 ก็เกินพอแล้ว
-
โอ้ๆๆ ขนาดดีสุดในกลุ่มเลย
เทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม B-SUV
Honda HR-V : 4,294 x 1,772 x 1,605 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร
Toyota C-HR : 4,360 x 1,795 x 1,565 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร
Mazda CX-3 : 4,275 x 1,765 x 1,550 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร
MG ZS : 4,314 x 1,809 x 1,652 มิลลิเมตร / ฐานล้อ : 2,585 มิลลิเมตร
Nissan Kicks : 4,384 x 1,813 x 1,656 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,673 มิลลิเมตร
ขนาดผิดครับ
-
อัตราความสิ้นเปลือง ทำได้ 16 ขึ้นไปกับเครื่องยนต์ 1.2 เดิมๆนี่ ผมว่าน่าจะได้ ลองคิดเล่นๆ อัตราสิ้นเปลืองทั้งในเมืองนอกเมือง 16 กิโลต่อลิตร แต่ได้อัตราเร่ง 0-100 8 วิ อัตราเร่งแซงอารมณ์แบบรถไฟฟ้า80-120 5-6 วิ แค่นี้ยังไม่พอกันหรือครับ ความเร็วปลายล็อก 140-160 ผมว่าเหลือๆแล้ว ลองเทียบกับ zs ดูครับ ถัาแพงกว่าแสนนึง อ็อปชั่นผมว่าไม่ขี้เหร่แน่ แต่วิ่งกว่าเยอะ ผมเอา kick
-
รอดูประสิทธิภาพ อัตราเร่ง/อัตราสิ้นเปลือง
ฉุดคิดเหมือนกันว่า เทคโนโลยีแบบนี้ เพื่อการเปลี่ยนถ่ายยุค สันดาบเต็มตัว ไป ไฟฟ้าเต็มตัว
จะเวิร์คกว่าการรอเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้าที่วิ่งได้ระยะทางแบบน้ำมันมั้ย
ไม่ได้ตามข่าวมานาน อยากรู้ว่า e-power serena จะมีขายที่ไทยแบบราคาธรรมดาไหมครับ
ครอบครัวเริ่มจะมีตัวเล็ก เริ่มสนใจรถพวกนี้ขึ้นมาครับ ขอบคุณครับ
-
กลัวแป็กเหมือนกันนะ ถ้าราคาออกมาเฉียดล้าน ถึงจะเป็นไฟฟ้าก็เถอะ
คันนี้ราคามันควรอยู่ที่ ZS นะ 7 แสนนิดถึง 8 แสนปลาย
ถ้าสูงกว่านี้โดนเปรียบเทียบแน่กับ cx30 CHR HRV ซึ่งไม่น่าใช่คูแข่งตรงนะ
เอา JUKE น่าจะชกตรงรุ่นกว่า
-
ไม่ได้ตามข่าวมานาน อยากรู้ว่า e-power serena จะมีขายที่ไทยแบบราคาธรรมดาไหมครับ
ครอบครัวเริ่มจะมีตัวเล็ก เริ่มสนใจรถพวกนี้ขึ้นมาครับ ขอบคุณครับ
นิสสันคงนำร่องด้วย Kick และรอดูผลตอบรับก่อนจะตัดสินใจนำรุ่นอื่นๆ มาขายครับ
ประมาณว่า "ช้าๆ ไม่ได้พร้าซักเล่ม" เหมือนเคยๆ
-
น่าสนใจนะครับ ถ้าอย่างน้อยฟีลการขับเหมือนรถไฟฟ้าและทำอัตราสิ้นเปลืองได้อย่างน้อยพอๆ กับ CHR Hybrid ในราคา <1 ล้าน
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนบาท ราคาก็ประมาณนี้อยู่แล้ว 0-100กม/ชม 8 วิ น่าจะทำได้สบายๆ
แต่ 25กม/ลิตรนี่ยากมากๆ ถ้าเทสท์แบบ HLM แล้วได้ 18 กม/ลิตร ก็ถือเก่งแล้วละ
25 กม/ลิตร ไม่ถึงแน่ๆ ครับ
กลับมันจะไม่ถึง 20 กม/ลิตรด้วย
เคยไปขับ note e-power ขับที่ญี่ปุ่น เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ตามกฎหมายญี่ปุ่น มีกดบ้าง ยังได้ไม่ถึง 22 กม/ลิตรเลยครับ
แต่ 0-100 ใน 8 วินี่ไม่แน่ ผมว่ามีโอกาสสูง
ตัวเลขแบบนี้สู้ความประหยัดของ hybrid พี่โตไม่ได้เลย แต่ถ้าชดเชยกับความแรง รวมๆ ผมก็ไอเค นะครับ หน้าตาดูสวย รอดูตัวจริงอีกที รวมๆ ถือว่าคันนี้น่าสนใจมัก แต่มาชคันเก่าประสบการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (อะไหล่เปราะ, ช่างที่ศูนย์ประจำไม่เก่ง)
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
ตื่นๆครับ นี่มันยุคไหนแล้ว
ไปดู 0-100เทสล่า แล้วคิดว่ากี่สิบล้านล่ะ
Tesla รถพลังงานไฟฟ้าล้วนหนิครับ ไม่แปลก เพราะ input ไฟฟ้า ---> output ไฟฟ้า loss ที่เสียไปใน conversion น้อยกว่ารถไฮบริดมาก
กลับกัน Kick E-Power
input น้ำมัน ---> สันดาปด้วยเครื่องยนต์: เกิด loss มหาศาล ---> กำลังเครื่องไปปั่นไฟ ---> output ไฟฟ้าไปขับเคลื่อน
ปกติรถยุคนี้ ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar
แต่เคสนี้จะเอา 25 km/l ด้วย ทั้งที่รถราคาไม่แพง แล้วยังต้องแรง(พอๆ กับรถ 1.5โบหรือ 2.0 ใน compact car) แถมประหยัดน้ำมันอีก ถ้า Nissan ทำรถออกมาได้ขนาดนี้ ขาย 1.5 ล้าน ก็ยังมีคนซื้อครับ ไม่ใช่ 8 แสนบาท
นึกภาพ CHR hybrid ขายล้านต้นๆ อัตราเร่งเท่าไร 0-100 น่าจะประมาณ 11 วิ
ประหยัดน้ำมันเท่าไร น่าจะได้ 22-26 km/l
ราคา ล้านต้น ยังขายดิบขายดี
แล้วทำไม Kick E-Power จะขายแค่ 8 แสนน้อออ
-
ถ้าติดตาม รายการ headlight mag ทุกวันเสาร์
พี่จิมปล่อยของ เรื่อง kick มาแล้ว
อัตราเร่ง ประมาณ 0-100 9.xx วินาที ห่างจาก note e-power ประมาณ 1 วิ น่าจะเกี่ยวกับ ล้อ 17 ด้วย
อัตราการสินเปลือง เห็นว่า ได้ 23km/L ก็หรูแล้ว
ดูแล้วถ้า nissan ทำมอเตอร์เล็กลง ลดความกว้างยาง ลดขนาดยาง ทำความเร็ว 0-100 ประมาณ 14 วิ อาจจะได้เห็นการประหยัดน้ำมันระดับ 30 km/l ก็ได้
-
ไหนๆก็ตั้ง power plant 1.0 turbo แล้ว
ทำไมไม่ยกมาลงด้วยเลย สำหรับคนที่กลัวรถ hybrid
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
ตื่นๆครับ นี่มันยุคไหนแล้ว
ไปดู 0-100เทสล่า แล้วคิดว่ากี่สิบล้านล่ะ
Tesla รถพลังงานไฟฟ้าล้วนหนิครับ ไม่แปลก เพราะ input ไฟฟ้า ---> output ไฟฟ้า loss ที่เสียไปใน conversion น้อยกว่ารถไฮบริดมาก
กลับกัน Kick E-Power
input น้ำมัน ---> สันดาปด้วยเครื่องยนต์: เกิด loss มหาศาล ---> กำลังเครื่องไปปั่นไฟ ---> output ไฟฟ้าไปขับเคลื่อน
ปกติรถยุคนี้ ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar
แต่เคสนี้จะเอา 25 km/l ด้วย ทั้งที่รถราคาไม่แพง แล้วยังต้องแรง(พอๆ กับรถ 1.5โบหรือ 2.0 ใน compact car) แถมประหยัดน้ำมันอีก ถ้า Nissan ทำรถออกมาได้ขนาดนี้ ขาย 1.5 ล้าน ก็ยังมีคนซื้อครับ ไม่ใช่ 8 แสนบาท
นึกภาพ CHR hybrid ขายล้านต้นๆ อัตราเร่งเท่าไร 0-100 น่าจะประมาณ 11 วิ
ประหยัดน้ำมันเท่าไร น่าจะได้ 22-26 km/l
ราคา ล้านต้น ยังขายดิบขายดี
แล้วทำไม Kick E-Power จะขายแค่ 8 แสนน้อออ
ตามที่ผมเข้าใจ e power จะไม่มี loss ตามที่คุณ bingoman กล่าวมาเลยครับ เพราะมอเตอร์เอาไปขับเคลื่อนเลย ส่วนเครื่องยนต์ปั่นไฟอย่างเดียว ต่อให้ปั่นไฟหนักก็ไม่ส่งผลเพราะเครื่องยนต์ไม่ได้ส่งกำลังไปขับเคลื่อนเลย แต่เอาไปปั่นไฟเข้าแบตเฉยๆ ที่ผมไม่แน่ใจคือถ้าซิ่งๆ เป็นเวลานาน เครื่องยนต์จะปั่นไฟเข้าแบตมันไหม เพราะเท่าที่อ่านมาคือ ทำงานเท่ากับรอบเดินเบา
-
ยอดขาย MG ZS รุ่นก่อน minorchange ก็ยืนยันแล้วว่า MG มาถูกทาง
รถที่ไม่ถูกใจเรา แต่คนส่วนใหญ่เปรียบเทียบแล้วตัดสินใจซื้อก็มีเยอะ
ชาวบ้านที่ซื้อ MG ZS ก็จบ ป.โท ป.เอก ทำงานเป็นอาจารย์กันหลายคนนะครับ
-
ถ้าราคาเกินเก้าแสนสอง คงต้องตัดใจไป MG HS
-
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่
-
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่
E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป ไม่ใช่รถไฟฟ้า ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
ตื่นๆครับ นี่มันยุคไหนแล้ว
ไปดู 0-100เทสล่า แล้วคิดว่ากี่สิบล้านล่ะ
Tesla รถพลังงานไฟฟ้าล้วนหนิครับ ไม่แปลก เพราะ input ไฟฟ้า ---> output ไฟฟ้า loss ที่เสียไปใน conversion น้อยกว่ารถไฮบริดมาก
กลับกัน Kick E-Power
input น้ำมัน ---> สันดาปด้วยเครื่องยนต์: เกิด loss มหาศาล ---> กำลังเครื่องไปปั่นไฟ ---> output ไฟฟ้าไปขับเคลื่อน
ปกติรถยุคนี้ ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar
แต่เคสนี้จะเอา 25 km/l ด้วย ทั้งที่รถราคาไม่แพง แล้วยังต้องแรง(พอๆ กับรถ 1.5โบหรือ 2.0 ใน compact car) แถมประหยัดน้ำมันอีก ถ้า Nissan ทำรถออกมาได้ขนาดนี้ ขาย 1.5 ล้าน ก็ยังมีคนซื้อครับ ไม่ใช่ 8 แสนบาท
นึกภาพ CHR hybrid ขายล้านต้นๆ อัตราเร่งเท่าไร 0-100 น่าจะประมาณ 11 วิ
ประหยัดน้ำมันเท่าไร น่าจะได้ 22-26 km/l
ราคา ล้านต้น ยังขายดิบขายดี
แล้วทำไม Kick E-Power จะขายแค่ 8 แสนน้อออ
เรื่อง Loss ที่คุณว่ามา ดูแล้วเข้าใจผิดนะครับ
ในการส่งกำลัง ทุกขั้นตอนเกิด Loss ทั้งหมด อยู่ที่ว่ามากหรือน้อย
ถ้าเทียบกันระหว่างรถยนต์สันดาปกับ Hybrid ถ้าใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะเท่ากัน
ข้อแตกต่างในการเสียกำลังอยู่ที่ Transmission ครับ ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เสียกำลังเยอะมากๆ จะสังเกตได้ว่าแค่เกียร์ธรรมดา กับเกียร์ออโต้ การเสียกำลังก็ต่างกันมากแล้ว
ส่วนระบบ Hybrid ถ้าเป็นแบบโตโยต้า ก็จะมีการส่งกำลังผ่านเกียร์ ECVT กับเข้าไปปั่นไฟที่ MG (Motor Generator) เอาเข้าแบตเตอรี่และส่งกำลังลงล้อ ซึ่ง Loss ในการใช้มอเตอร์ปั่นไฟ ไปเก็บเข้าแบตเตอรี่ แล้วไปมอเตอร์ แล้วก็ลงล้อ น้อยกว่า Transmission มากๆๆๆๆๆ ครับ ถ้ามันเสียกำลังมากกว่า คิดตามหลักอนุรักษ์พลังงานง่ายๆ ครับว่ามันจะประหยัดน้ำมันกว่ารถสันดาปธรรมดาได้อย่างไร
ซึ่งถ้าใครใช้รถ Hybrid โตโยต้าแล้วขับที่ความเร็วสูงเกินกว่าที่มอเตอร์ทำงาน ก็จะรู้ว่าอัตราความประหยัดมันก็พอๆ กับรถเครื่อง 1.5 ธรรมดา (เครื่อง 1.8 แบบ Atkin son cycle เกิดจากการเพิ่มระยะชักให้ปริมาตรกระบอกสูบพอๆ กับ 1.8 แต่จริงๆ แล้วมีที่มาจากเครื่อง 1.5) เพราะส่งกำลังผ่าน Transmission คล้ายๆ รถปกติครับ
ส่วน Epower ถ้าขับเอื่อยๆ ความเร็วต่ำๆ ไม่เกิน 60 มันก็จะประหยัดมาก เพราะรอบเครื่องต่ำ และการสูญเสียกำลังน้อยกว่าระบบ Hybrid ของโตโยต้า (ในเชิงทฤษฎี) ด้วยซ้ำ แต่ในเชิงปฏิบัติ ขับเร็วกว่านั้นอยู่แล้ว ทำให้ไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่พอ เพราะแบตลูกเล็กมากกกกก ยิ่งในเซเรน่าคันเบ้อเริ่ม ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมได้แค่ 10 km/l
ในเมื่อแบตหมดตลอดเวลาก็ต้องปั่นไฟให้ทัน ทำให้รอบเครื่องสูงตลอด เคยเห็นคลิปนึงวิ่งที่ 100 km/h เครื่องหมุนที่ราวๆ 3000-4000 รอบตลอด มันก็เลยกินน้ำมันมากกว่า
สรุปสั้นๆ คือ Loss ในรถสันดาป มากกว่า Loss ในรถ Hybrid ครับ ดังนั้นพจน์ที่ว่า "ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar" ถ้าหากว่าใน eco car เอาระบบ Hybrid มาใส่ มันจะมี Loss ในระบบน้อยกว่าครับ
-
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่
E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป ไม่ใช่รถไฟฟ้า ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า
มันซ่อมง่ายกว่ายังไงครับ? (ช่วยกันวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง)
-
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่
E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป ไม่ใช่รถไฟฟ้า ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า
มันซ่อมง่ายกว่ายังไงครับ? (ช่วยกันวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง)
ผมคิดว่าระบบการทำงานของ E Power ง่ายกว่าไฮบิดทั่วๆไปที่สลับการทำงานระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์ ระบบที่สลับการทำงานแบบนั้นจะยุ่งยากกว่า เครื่องยต์ก็ใหญ่กว่าเพราะตองทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย แต่ E Power เครื่องไม่ต้องใหญ่เพราะใช้ทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลอดเวลาไม่ต้องกลัวว่าไฟฟ้าในแบตจะหมดเพราะมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ชาร์ตไฟให้ตลอด แรงบิดสูงที่รอบต่ำซึ่งเป็นจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้ใช้ตลอด อีกอย่างผมเข้าใจว่า E Power ไม่มีระบบชาร์ตไฟเวลาเบรกด้วยใช่หรือเปล่า
-
กลัวใจว่ามันจะเเป๊กจัง โดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลือง ถ้าคราวนี้เจ๊ง Nissanคงงอนยาว ขาย Almera Navara ไปอีก 20 ปี นึกว่า Isuzu
-
เครื่องยนต์ไม่ใช่แค่เดินเบานะครับ หลายท่านกำลังเข้าใจผิดกันเพราะใบโฆษณาทำให้คิดแบบนั้น
แต่น่าจะต้องใช้คำว่า เดินเบาที่สุดในการผลิตกำลังไฟฟ้าพอสำหรับมอเตอร์ขณะนั้นๆ
คือถ้าขับๆจอดๆ เครื่องผลิตไฟใส่แบตพอก็ดับ
แต่ถึงความเร็วนึงก็ต้องติดตลอด
และมากกว่าความเร็วนึงเครื่องต้องมีการเร่งเพื่อสร้างกระแสเพิ่มขึ้นด้วยครับ
ซึ่งการกินไฟของมอเตอร์จะเป็นกราฟแบบเอกซ์โป
วิ่งจริงน่าจะไม่ควรเกิน 120 ถึงจะอยู่ในช่วงประหยัด
พอเกินจากนี้จะค่อนข้างสูบไฟแบบซดกันเลย
เอาไว้บู๊ในเมืองเหลือๆครับ แต่อย่าไปแข่งปลายกับใคร
-
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่
E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป ไม่ใช่รถไฟฟ้า ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า
มันซ่อมง่ายกว่ายังไงครับ? (ช่วยกันวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง)
ผมคิดว่าระบบการทำงานของ E Power ง่ายกว่าไฮบิดทั่วๆไปที่สลับการทำงานระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์ ระบบที่สลับการทำงานแบบนั้นจะยุ่งยากกว่า เครื่องยต์ก็ใหญ่กว่าเพราะตองทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย แต่ E Power เครื่องไม่ต้องใหญ่เพราะใช้ทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลอดเวลาไม่ต้องกลัวว่าไฟฟ้าในแบตจะหมดเพราะมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ชาร์ตไฟให้ตลอด แรงบิดสูงที่รอบต่ำซึ่งเป็นจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้ใช้ตลอด อีกอย่างผมเข้าใจว่า E Power ไม่มีระบบชาร์ตไฟเวลาเบรกด้วยใช่หรือเปล่า
สวัสดีครับพี่ ขอบคุณครับ ดีครับที่มาช่วยกันลองคิดวิเคราะห์แบบใช้ logic กันดู
1.ระบบการชาร็จไฟกลับ ผมคิดว่า E power ต้องมีนะครับ นี่เป็นหัวใจของระบบ hybrid เลยครับ
เพราะมันเป็นการเอาพลังงานที่ทิ้งเปล่า ๆ เอากลับมาใช้ขับเคลื่อนอีกรอบ เป็นส่วนที่ช่วยประหยัด
ได้เปรียบระบบสันดาปอย่างเดียวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ทีนี้พอต้องมีระบบนี้แล้ว มันจะต้องมี
อัลกอลิทึมในคอมพิวเตอร์สั่งการ ซึ่งมันก็จะเป็นลอจิกเดียวกับ hybrid ทั่วไป ไม่ต่างกันเลยครับ
ตัวมอเตอร์ขับเคลื่อน เมื่อถึงเวลานึงก็ต้องสลับหน้าที่กลับมาเป็นเจนเนอร์เรเตอร์ปั่นไฟกลับ
ซึ่งก็ทำงานเหมือน hybrid ทั่วไปเช่นกัน รวมไปจนถึงอินเวอร์เตอร์ด้วยน่ะครับ
2.ระบบ hybrid ทั่วไปที่มีการทำงานสลับกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์
- ถ้าเทียบกับ hybrid I-MMD ของ Honda มันจะมีการทำงานสลับกันระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์
ที่ความเร็วสูง เป็นการตัด - ต่อ กำลังว่าจะให้มอเตอร์ หรือ เครื่องยนต์ อย่างใดอย่างหนึ่งลงล้อ
ระบบนี้ใช้ครัชท์เป็นตัวแยกครับ ซึ่งมีชิ้นส่วนสึกหรอสิ้นเปลืองคือครัชต์ แต่คิดว่าการตัดต่อทำโดยระบบ
ไม่ใช่คนเหยียบครัชต์แบบรถเกียร์ธรรมดา ดังนั้นอายุการใช้งานน่าจะเกินหลักแสน กม. ไปเยอะ
ก็ถือว่าแลกกับสมรรถนะของรถที่ความเร็วสูงครับ (e-power กับ I-MMD มีหลักกการทำงานเหมือนกัน
เป๊ะ ๆ ที่ความเร็วต่ำครับ)
- ถ้าเทียบกับ hybrid Toyota ระบบส่งกำลังเป็นเฟืองเกียร์ ไม่มีครัชต์
มองในความสึกหรอเชิงกลไก ก็มีเกียร์ที่เป็นชุดเฟือง ความทนทานก็น่าจะระดับเดียวกับรถเกียร์ธรรมดานะครับ
แต่ถ้ามองในแง่ระบบควรคุม หรือวงจรคอมพิวเตอร์ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ลักษณะเดียวกับ e-power
แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่ายี่ห้อไหนใช้ของที่มีคุณภาพทนทานมากกว่ากัน
3. เครื่องยนต์ทำหน้าที่แค่ปั่นไฟ ไม่ต้องใข้เครื่องใหญ่ก็ได้
อันนี้น่าคิด เครื่องเล็ก แต่ต้องปั่นไฟให้ได้พลังงานที่พอจะพารถวิ่งออกไปได้
ลองเทียบกับการปั่นจักรยานออกกำลังในฟิตเนสสิครับ น่าจะพอเห็นภาพละ
เอาจริง ๆ คือ ผมมองว่า มันคือไฮบริด ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบอะไร อุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ก็ไม่ได้ต่างกันมาก
คือ เครื่องยนต์ มอเตอร์ แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ ECU และอื่น ๆ ความแตกต่าง ณ วันนี้คือ วิธีการจัดเรียงอุปกรณ์
เหล่านี้และกำหนดวิธีการทำงานของมันกับการเลือกขนาดเล็ก-ใหญ่ของเครื่องยนต์ มอเตอร์ และ แบตเตอรี่
เท่านั้นเองครับ
แต่ผมคิดว่า Nissan คงสร้าง e-power ขึ้นมาให้ระบบได้เปรียบในช่วงความเร็วต่ำ-กลาง
รถน่าจะกระฉับกระเฉงแบบเร่ง ๆ หยุด ๆ ได้ดีและอัตราการกินน้ำมันน่าจะดูดีเลย
แต่ช่วงความเร็วกลาง-สูง และการวิ่งแบบ cruising คาดว่าน่าจะด้อยกว่าระบบอื่น เผลอ ๆ
จะด้อยกว่าการใช้เครื่อง 1.2L ขับล้อตรง ๆ แบบรถสันดาปปกติด้วยซ้ำครับ
-
กระแส + คนเชียร + สื่อ อวย E Power ไว้เยอะมาก ก็หวังว่าจะทำสมรรถนะ กับอัตราสิ้นเปลืองได้ดีจริงๆแล้วกัน คนคาดหวังมาก ถ้าทำไม่ได้จริงโดนล้อเป็นปมด้อยอีกยาวๆแน่ๆ
ถึงตีนต้นจะปรู้ดปราด แต่ปลายไม่มีนี่ก็น่าคิดนะ
ถ้ามาแป้กๆแบบ Xtrail Hybrid อีกรอบ ผมว่าดับยาวแน่นอนรอบนี้
ผมยังสงสัย ถ้ามันดีขนาดนั้นจริงๆ ทำไมฝั่งยุโรป หรืออเมริกา นิสสันไม่เอาไปลองขาย หรือขายแล้วแต่ไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก
ส่วนตัวผมไม่ได้สนใจ E Power เลย เพราะขับตัวรถ Hybrid สมัยใหม่ เจนใหม่ มอเตอร์ / เจนเนอเรเตอร์ มันก็แรงขึ้นเยอะ อัตราเร่งก็ดีพอสมควร ความประหยัดก็โอเคมากๆแล้ว
ส่วนตัวผมว่าระบบ Hybrid มันสำคัญที่ efficiency ของตัวระบบเองค่อนข้างมาก มากกว่าสเป็คอุปกรณ์ บางทีตารางสเป๊คก็ไม่ได้บอกการใช้งานจริง
อย่าง Camry ใหม่นี่ ในสเปคไม่ได้บอกนะ ว่าการชาร์จไฟกลับนี่ มันเร็วกว่าตัว Prius คนละเรื่อง (ตัวเก่าผมไม่รู้ไม่เคยลอง) แล้วพอไฟชาร์จกลับไว ก็สามารถวิ่งโหมดไฟฟ้าได้นานมากขึ้นกว่าตัว Prius เยอะ ถ้าขับดีๆ 80-100 อาจจะใช้เป็น EV ได้นานสูสีๆกับเครื่องยนต์อีก อย่างผม เท้าไม่ได้เบา ขับ 120-160 ไกลๆ sport mode ยังได้ 19 km/l เลยครับ (ขอบ 18)
ผมว่ารอดูรีวิวจริงแล้วค่อยให้คะแนนกันดีกว่า จริงๆ อยากให้เทสยาวๆไปเลย ในเมืองได้เท่าไหร่ นอกเมืองได้แค่ไหนยังไง ที่แต่ละความเร็ว
-
อยากให้ปลายตันสัก 180 :'( :'( แต่ชอบนะ
-
ทำไมทุกคนคิดเยอะกันจัง ไฮบริดไม่กลัว แต่กลัวระบบง่ายๆของ e power รถไฟฟ้าที่มีเครื่องปั่นไฟติดไปด้วย
เคยเห็นรถจักรดีเซลไฟฟ้าในประเทศไทยไหมครับ รถจักร alstrom อายุประมาณ 40 ปีได้แล้ว ยังวิ่งได้ การซ่อมบำรุงคือ เครื่องยนต์ติดกับ alternater ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายไปที่ reversing drumใช้กลับกระแสไฟฟ้า เดินหน้าถอยหลัง ลงมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบโบราณมีมานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ระบบไฟฟ้าแรงบิดมหาศาล รถหนักแค่ไหนก็ออกตัวได้ ไม่ใช่ของใหม่อะไรเลย
-
ทำไมทุกคนคิดเยอะกันจัง ไฮบริดไม่กลัว แต่กลัวระบบง่ายๆของ e power รถไฟฟ้าที่มีเครื่องปั่นไฟติดไปด้วย
เคยเห็นรถจักรดีเซลไฟฟ้าในประเทศไทยไหมครับ รถจักร alstrom อายุประมาณ 40 ปีได้แล้ว ยังวิ่งได้ การซ่อมบำรุงคือ เครื่องยนต์ติดกับ alternater ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายไปที่ reversing drumใช้กลับกระแสไฟฟ้า เดินหน้าถอยหลัง ลงมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบโบราณมีมานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ระบบไฟฟ้าแรงบิดมหาศาล รถหนักแค่ไหนก็ออกตัวได้ ไม่ใช่ของใหม่อะไรเลย
Hybrid มันออกมาหลายปี แก้จุดบอดได้เกือบหมดแล้ว แต่ E-Power เพิ่งมา สรรพคุณทั้งอัตราเร่งและความประหยัดเชื่อว่าดีแน่ แต่ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาระยะยาวนี่แหละ ที่เขากังวลกัน ว่ามันประหยัดจริงรึเปล่า หรืออนาคตต้องจ่ายค่าอะไหล่ชิ้นไหนแพงๆ หักลบค่าน้ำมันที่ประหยัดไปแล้วคุ้มไหม บลาๆ
-
ทำไมทุกคนคิดเยอะกันจัง ไฮบริดไม่กลัว แต่กลัวระบบง่ายๆของ e power รถไฟฟ้าที่มีเครื่องปั่นไฟติดไปด้วย
เคยเห็นรถจักรดีเซลไฟฟ้าในประเทศไทยไหมครับ รถจักร alstrom อายุประมาณ 40 ปีได้แล้ว ยังวิ่งได้ การซ่อมบำรุงคือ เครื่องยนต์ติดกับ alternater ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายไปที่ reversing drumใช้กลับกระแสไฟฟ้า เดินหน้าถอยหลัง ลงมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบโบราณมีมานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ระบบไฟฟ้าแรงบิดมหาศาล รถหนักแค่ไหนก็ออกตัวได้ ไม่ใช่ของใหม่อะไรเลย
Hybrid มันออกมาหลายปี แก้จุดบอดได้เกือบหมดแล้ว แต่ E-Power เพิ่งมา สรรพคุณทั้งอัตราเร่งและความประหยัดเชื่อว่าดีแน่ แต่ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาระยะยาวนี่แหละ ที่เขากังวลกัน ว่ามันประหยัดจริงรึเปล่า หรืออนาคตต้องจ่ายค่าอะไหล่ชิ้นไหนแพงๆ หักลบค่าน้ำมันที่ประหยัดไปแล้วคุ้มไหม บลาๆ
แต่อะไหล่ทุกชิ้นที่มีใน E-Power ก็มีใน Hybrid อยู่แล้ว ไม่มีอะไหล่ชิ้นไหนเพิ่มมาใหม่เลยครับ มันน้อยลงนิดๆ ด้วยซ้ำ
ดังนั้นมันค่อนข้างจะไม่สมเหตุสมผลที่จะกลัว E-Power แต่ไม่กลัว Hybrid ครับ ระบบมันง่ายกว่า Hybrid
แต่ถ้ากลัว Nissan ยังสมเหตุสมผลมากกว่า
-
สวัสดีครับพี่ ขอบคุณครับ ดีครับที่มาช่วยกันลองคิดวิเคราะห์แบบใช้ logic กันดู
1.ระบบการชาร็จไฟกลับ ผมคิดว่า E power ต้องมีนะครับ นี่เป็นหัวใจของระบบ hybrid เลยครับ
เพราะมันเป็นการเอาพลังงานที่ทิ้งเปล่า ๆ เอากลับมาใช้ขับเคลื่อนอีกรอบ เป็นส่วนที่ช่วยประหยัด
ได้เปรียบระบบสันดาปอย่างเดียวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ทีนี้พอต้องมีระบบนี้แล้ว มันจะต้องมี
อัลกอลิทึมในคอมพิวเตอร์สั่งการ ซึ่งมันก็จะเป็นลอจิกเดียวกับ hybrid ทั่วไป ไม่ต่างกันเลยครับ
ตัวมอเตอร์ขับเคลื่อน เมื่อถึงเวลานึงก็ต้องสลับหน้าที่กลับมาเป็นเจนเนอร์เรเตอร์ปั่นไฟกลับ
ซึ่งก็ทำงานเหมือน hybrid ทั่วไปเช่นกัน รวมไปจนถึงอินเวอร์เตอร์ด้วยน่ะครับ
2.ระบบ hybrid ทั่วไปที่มีการทำงานสลับกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์
- ถ้าเทียบกับ hybrid I-MMD ของ Honda มันจะมีการทำงานสลับกันระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์
ที่ความเร็วสูง เป็นการตัด - ต่อ กำลังว่าจะให้มอเตอร์ หรือ เครื่องยนต์ อย่างใดอย่างหนึ่งลงล้อ
ระบบนี้ใช้ครัชท์เป็นตัวแยกครับ ซึ่งมีชิ้นส่วนสึกหรอสิ้นเปลืองคือครัชต์ แต่คิดว่าการตัดต่อทำโดยระบบ
ไม่ใช่คนเหยียบครัชต์แบบรถเกียร์ธรรมดา ดังนั้นอายุการใช้งานน่าจะเกินหลักแสน กม. ไปเยอะ
ก็ถือว่าแลกกับสมรรถนะของรถที่ความเร็วสูงครับ (e-power กับ I-MMD มีหลักกการทำงานเหมือนกัน
เป๊ะ ๆ ที่ความเร็วต่ำครับ)
- ถ้าเทียบกับ hybrid Toyota ระบบส่งกำลังเป็นเฟืองเกียร์ ไม่มีครัชต์
มองในความสึกหรอเชิงกลไก ก็มีเกียร์ที่เป็นชุดเฟือง ความทนทานก็น่าจะระดับเดียวกับรถเกียร์ธรรมดานะครับ
แต่ถ้ามองในแง่ระบบควรคุม หรือวงจรคอมพิวเตอร์ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ลักษณะเดียวกับ e-power
แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่ายี่ห้อไหนใช้ของที่มีคุณภาพทนทานมากกว่ากัน
3. เครื่องยนต์ทำหน้าที่แค่ปั่นไฟ ไม่ต้องใข้เครื่องใหญ่ก็ได้
อันนี้น่าคิด เครื่องเล็ก แต่ต้องปั่นไฟให้ได้พลังงานที่พอจะพารถวิ่งออกไปได้
ลองเทียบกับการปั่นจักรยานออกกำลังในฟิตเนสสิครับ น่าจะพอเห็นภาพละ
เอาจริง ๆ คือ ผมมองว่า มันคือไฮบริด ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบอะไร อุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ก็ไม่ได้ต่างกันมาก
คือ เครื่องยนต์ มอเตอร์ แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ ECU และอื่น ๆ ความแตกต่าง ณ วันนี้คือ วิธีการจัดเรียงอุปกรณ์
เหล่านี้และกำหนดวิธีการทำงานของมันกับการเลือกขนาดเล็ก-ใหญ่ของเครื่องยนต์ มอเตอร์ และ แบตเตอรี่
เท่านั้นเองครับ
แต่ผมคิดว่า Nissan คงสร้าง e-power ขึ้นมาให้ระบบได้เปรียบในช่วงความเร็วต่ำ-กลาง
รถน่าจะกระฉับกระเฉงแบบเร่ง ๆ หยุด ๆ ได้ดีและอัตราการกินน้ำมันน่าจะดูดีเลย
แต่ช่วงความเร็วกลาง-สูง และการวิ่งแบบ cruising คาดว่าน่าจะด้อยกว่าระบบอื่น เผลอ ๆ
จะด้อยกว่าการใช้เครื่อง 1.2L ขับล้อตรง ๆ แบบรถสันดาปปกติด้วยซ้ำครับ
3 ย่อหน้าสุดท้าย ผทไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไรนักนะครับ
เริ่มจาก E-Power ถ้าเทียบกับ Hybrid แล้ว มันตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ลงล้อไป
เพราะนั้น จากเครื่อง ไม่ต้องมีคลัทช์ที่ตัดต่อระหว่าง Generator กับ ลงล้อ ไม่ต้องมีซอฟต์แวร์คอยคำนวณ
ผมว่าอะไหล่ก็น้อยลงไปเยอะนะครับ
.
ส่วนเรื่องเครื่องเล็ก ผมเห็นด้วยกับคุณ Smith66 มากกว่านะ ว่าเครื่องมันเล็กลงได้จริงๆ
สมมติว่าคุณมีรถคันหนึ่งที่ต้องการกำลังสูงสุด 200 แรงม้า
ถ้าคุณใช้รถธรรมดา หรือ Hybrid ปกติ รถคุณต้องใส่เครื่อง 200 แรงม้านั้นลงไป
แต่ E-Power คุณใส่มอเตอร์ 200 แรงม้า แต่อาจจะใช้เครื่อง 150 แรงม้าได้ เพราะคุณมีพลังงานตุนอยู่ในแบตเตอรี่
ถ้าคำนวณแบตเตอรี่ใหญ่พอที่จะครอบคลุมการใช้งานได้ ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่มีใครเหยียบ 200 hp แช่ยาวๆ ถึงจุดหนึ่งต้องถอนคันเร่ง
แต่ถ้าแบตเตอรี่/เครื่อง เล็กเกินไป ก็อาจเป็นจุดบอด ที่ทำให้กำลังตกวูบกลางทางได้ ดังนั้น ถ้าแบตใหญ่ เครื่องอาจไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ครับ
.
ข้อสุดท้าย การ Cruising ยาวๆ ผมว่ายังไงรถสันดาปล้วนก็ยังสู้ไม่ได้ครับ ถึงแม้จะเป็นเกียร์คลัทช์ขับตรง
แต่เครื่องสันดาปล้วนทำงานตามวัฏจักร Otto ในขณะที่ Hybrid/E-Power เป็นวัฏจักร Atkinson ซึ่งมีประสิทธิภาพสันดาปสูงกว่า
เราอาจได้เห็นความสิ้นเปลืองที่ "ใกล้เคียงกัน" มากกว่าครับ แต่คงยากที่ Hybrid/E-Power จะแพ้รถสันดาป ถ้าอยู่ในรุ่นเดียวกันนะ
-
ดูในรูปไม่ค่อยสวย แต่ตัวจริงน่าจะสวยนะ
ทางเลือกหนึ่งของคนใช้รถ
-
รอรถเปิดตัวก่อนเถอะครับ แล้วไปทดลองขับ รถมันไม่ได้ตรงใจใครทุกคนหรอกครับ บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ บางคนเฉยๆ
-
รอรถเปิดตัวก่อนเถอะครับ แล้วไปทดลองขับ รถมันไม่ได้ตรงใจใครทุกคนหรอกครับ บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ บางคนเฉยๆ
จริง รถสวยมันก็ไม่ตอบโจทย์ทุกคน ขณะเดียวกันรถเครื่องแรง 0-100 ไม่เกิน 10 วิ ก็ไม่ได้ตอบโจทย์คนทุกคนเช่นกัน
อยากรู้รอดูตัวจริงเข้าไปนั่งทดลองขับดูดีกว่า ว่าชอบไหม ตอบโจทย์ตัวเองได้ไหม เวปนี้ชอบดูแต่ตัวเลข ดูสเปก แล้วมาเถียงกัน
ความชอบเรากับการใช้งานเราไม่ตรงกันหรอก และมันจะไปตรงกับคนอื่นได้ยังไง
-
สวัสดีครับพี่ ขอบคุณครับ ดีครับที่มาช่วยกันลองคิดวิเคราะห์แบบใช้ logic กันดู
1.ระบบการชาร็จไฟกลับ ผมคิดว่า E power ต้องมีนะครับ นี่เป็นหัวใจของระบบ hybrid เลยครับ
เพราะมันเป็นการเอาพลังงานที่ทิ้งเปล่า ๆ เอากลับมาใช้ขับเคลื่อนอีกรอบ เป็นส่วนที่ช่วยประหยัด
ได้เปรียบระบบสันดาปอย่างเดียวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ทีนี้พอต้องมีระบบนี้แล้ว มันจะต้องมี
อัลกอลิทึมในคอมพิวเตอร์สั่งการ ซึ่งมันก็จะเป็นลอจิกเดียวกับ hybrid ทั่วไป ไม่ต่างกันเลยครับ
ตัวมอเตอร์ขับเคลื่อน เมื่อถึงเวลานึงก็ต้องสลับหน้าที่กลับมาเป็นเจนเนอร์เรเตอร์ปั่นไฟกลับ
ซึ่งก็ทำงานเหมือน hybrid ทั่วไปเช่นกัน รวมไปจนถึงอินเวอร์เตอร์ด้วยน่ะครับ
2.ระบบ hybrid ทั่วไปที่มีการทำงานสลับกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์
- ถ้าเทียบกับ hybrid I-MMD ของ Honda มันจะมีการทำงานสลับกันระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์
ที่ความเร็วสูง เป็นการตัด - ต่อ กำลังว่าจะให้มอเตอร์ หรือ เครื่องยนต์ อย่างใดอย่างหนึ่งลงล้อ
ระบบนี้ใช้ครัชท์เป็นตัวแยกครับ ซึ่งมีชิ้นส่วนสึกหรอสิ้นเปลืองคือครัชต์ แต่คิดว่าการตัดต่อทำโดยระบบ
ไม่ใช่คนเหยียบครัชต์แบบรถเกียร์ธรรมดา ดังนั้นอายุการใช้งานน่าจะเกินหลักแสน กม. ไปเยอะ
ก็ถือว่าแลกกับสมรรถนะของรถที่ความเร็วสูงครับ (e-power กับ I-MMD มีหลักกการทำงานเหมือนกัน
เป๊ะ ๆ ที่ความเร็วต่ำครับ)
- ถ้าเทียบกับ hybrid Toyota ระบบส่งกำลังเป็นเฟืองเกียร์ ไม่มีครัชต์
มองในความสึกหรอเชิงกลไก ก็มีเกียร์ที่เป็นชุดเฟือง ความทนทานก็น่าจะระดับเดียวกับรถเกียร์ธรรมดานะครับ
แต่ถ้ามองในแง่ระบบควรคุม หรือวงจรคอมพิวเตอร์ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ลักษณะเดียวกับ e-power
แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่ายี่ห้อไหนใช้ของที่มีคุณภาพทนทานมากกว่ากัน
3. เครื่องยนต์ทำหน้าที่แค่ปั่นไฟ ไม่ต้องใข้เครื่องใหญ่ก็ได้
อันนี้น่าคิด เครื่องเล็ก แต่ต้องปั่นไฟให้ได้พลังงานที่พอจะพารถวิ่งออกไปได้
ลองเทียบกับการปั่นจักรยานออกกำลังในฟิตเนสสิครับ น่าจะพอเห็นภาพละ
เอาจริง ๆ คือ ผมมองว่า มันคือไฮบริด ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบอะไร อุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ก็ไม่ได้ต่างกันมาก
คือ เครื่องยนต์ มอเตอร์ แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ ECU และอื่น ๆ ความแตกต่าง ณ วันนี้คือ วิธีการจัดเรียงอุปกรณ์
เหล่านี้และกำหนดวิธีการทำงานของมันกับการเลือกขนาดเล็ก-ใหญ่ของเครื่องยนต์ มอเตอร์ และ แบตเตอรี่
เท่านั้นเองครับ
แต่ผมคิดว่า Nissan คงสร้าง e-power ขึ้นมาให้ระบบได้เปรียบในช่วงความเร็วต่ำ-กลาง
รถน่าจะกระฉับกระเฉงแบบเร่ง ๆ หยุด ๆ ได้ดีและอัตราการกินน้ำมันน่าจะดูดีเลย
แต่ช่วงความเร็วกลาง-สูง และการวิ่งแบบ cruising คาดว่าน่าจะด้อยกว่าระบบอื่น เผลอ ๆ
จะด้อยกว่าการใช้เครื่อง 1.2L ขับล้อตรง ๆ แบบรถสันดาปปกติด้วยซ้ำครับ
3 ย่อหน้าสุดท้าย ผทไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไรนักนะครับ
เริ่มจาก E-Power ถ้าเทียบกับ Hybrid แล้ว มันตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ลงล้อไป
เพราะนั้น จากเครื่อง ไม่ต้องมีคลัทช์ที่ตัดต่อระหว่าง Generator กับ ลงล้อ ไม่ต้องมีซอฟต์แวร์คอยคำนวณ
ผมว่าอะไหล่ก็น้อยลงไปเยอะนะครับ
.
ส่วนเรื่องเครื่องเล็ก ผมเห็นด้วยกับคุณ Smith66 มากกว่านะ ว่าเครื่องมันเล็กลงได้จริงๆ
สมมติว่าคุณมีรถคันหนึ่งที่ต้องการกำลังสูงสุด 200 แรงม้า
ถ้าคุณใช้รถธรรมดา หรือ Hybrid ปกติ รถคุณต้องใส่เครื่อง 200 แรงม้านั้นลงไป
แต่ E-Power คุณใส่มอเตอร์ 200 แรงม้า แต่อาจจะใช้เครื่อง 150 แรงม้าได้ เพราะคุณมีพลังงานตุนอยู่ในแบตเตอรี่
ถ้าคำนวณแบตเตอรี่ใหญ่พอที่จะครอบคลุมการใช้งานได้ ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่มีใครเหยียบ 200 hp แช่ยาวๆ ถึงจุดหนึ่งต้องถอนคันเร่ง
แต่ถ้าแบตเตอรี่/เครื่อง เล็กเกินไป ก็อาจเป็นจุดบอด ที่ทำให้กำลังตกวูบกลางทางได้ ดังนั้น ถ้าแบตใหญ่ เครื่องอาจไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ครับ
.
ข้อสุดท้าย การ Cruising ยาวๆ ผมว่ายังไงรถสันดาปล้วนก็ยังสู้ไม่ได้ครับ ถึงแม้จะเป็นเกียร์คลัทช์ขับตรง
แต่เครื่องสันดาปล้วนทำงานตามวัฏจักร Otto ในขณะที่ Hybrid/E-Power เป็นวัฏจักร Atkinson ซึ่งมีประสิทธิภาพสันดาปสูงกว่า
เราอาจได้เห็นความสิ้นเปลืองที่ "ใกล้เคียงกัน" มากกว่าครับ แต่คงยากที่ Hybrid/E-Power จะแพ้รถสันดาป ถ้าอยู่ในรุ่นเดียวกันนะ
สวัสดีครับพี่
ประเด็นที่พี่พูดมา เราสามารถเทียบเคียงระบบ e-power กับ Accord hybrid I-MMD ได้เลครับ
เพราะระบบไฮบริดของฮอนด้าทำงานเหมือน e-power ครับ คือที่ความเร็วต่ำ-กลาง เครื่องยนต์ 2.0L ทำหน้าที่ปั่นไฟ
ป้อนแบต แล้วมอเตอร์ก็ดึงไฟไปใช้ แต่ช่วงความเร็วเกินร้อยขึ้นไป ระบบของฮอนด้าจะย้ายเอากำลังของเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรง ซึ่งตรงนี้ระบบ e-power ไม่มี มันจึงน่าคิดที่ว่าการที่ทำฮอนด้าเซ็ตระบบเช่นนั้นเพราะการเอาเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรงที่ความเร็วสูงจะให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าการปล่อยให้เครื่องยนต์ตั้งหน้าตั้งตาปั่นไฟป้อนแบตไปเรื่อย ๆ
ในทุกช่วงความเร็วครับ ซึ่งถ้ามันไม่ดีกว่าจริง ฮอนด้าคงไม่จำเป็นต้องเพิ่มระบบเพิ่มครัชต์เพื่อย้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลัง
ลงล้อไป แล้วถ้าฮอนด้าไม่ได้ทำตรงนั้น ระบบไฮบริดของฮอนด้ามันก็คือ e-power 100% ครับ
-
ไม่ได้ตามข่าวมานาน อยากรู้ว่า e-power serena จะมีขายที่ไทยแบบราคาธรรมดาไหมครับ
ครอบครัวเริ่มจะมีตัวเล็ก เริ่มสนใจรถพวกนี้ขึ้นมาครับ ขอบคุณครับ
นิสสันคงนำร่องด้วย Kick และรอดูผลตอบรับก่อนจะตัดสินใจนำรุ่นอื่นๆ มาขายครับ
ประมาณว่า "ช้าๆ ไม่ได้พร้าซักเล่ม" เหมือนเคยๆ
โห ช้ายิ่งกว่าเต่าอีกครับ :'(
-
สวัสดีครับพี่
ประเด็นที่พี่พูดมา เราสามารถเทียบเคียงระบบ e-power กับ Accord hybrid I-MMD ได้เลครับ
เพราะระบบไฮบริดของฮอนด้าทำงานเหมือน e-power ครับ คือที่ความเร็วต่ำ-กลาง เครื่องยนต์ 2.0L ทำหน้าที่ปั่นไฟ
ป้อนแบต แล้วมอเตอร์ก็ดึงไฟไปใช้ แต่ช่วงความเร็วเกินร้อยขึ้นไป ระบบของฮอนด้าจะย้ายเอากำลังของเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรง ซึ่งตรงนี้ระบบ e-power ไม่มี มันจึงน่าคิดที่ว่าการที่ทำฮอนด้าเซ็ตระบบเช่นนั้นเพราะการเอาเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรงที่ความเร็วสูงจะให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าการปล่อยให้เครื่องยนต์ตั้งหน้าตั้งตาปั่นไฟป้อนแบตไปเรื่อย ๆ
ในทุกช่วงความเร็วครับ ซึ่งถ้ามันไม่ดีกว่าจริง ฮอนด้าคงไม่จำเป็นต้องเพิ่มระบบเพิ่มครัชต์เพื่อย้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลัง
ลงล้อไป แล้วถ้าฮอนด้าไม่ได้ทำตรงนั้น ระบบไฮบริดของฮอนด้ามันก็คือ e-power 100% ครับ
ใช่ครับ ตรงนี้เข้าใจตรงกัน ว่า E-Power น่าจะสู้ i-MMD ในการ Cruising นิ่งๆ ไม่ได้
แต่ประเด็นของผมในย่อหน้านั้นคือ ชิ้นส่วนจะน้อยกว่า และการซ่อมบำรุงควรจะถูกกว่าครับ
อาจจะสมเหตุสมผลในเรื่องเงินมากกว่า i-MMD สำหรับคนที่ใช้รถปานกลาง ไม่วิ่งต่างจังหวัดเยอะจัดๆ
ส่วนที่ผมว่า E-Power น่าจะประหยัดกว่า คือเทียบกับ 1.2 สันดาปล้วนครับ
เพราะถึงจะไม่ได้ขับตรงแบบเกียร์ธรรมดา แต่วัฏจักรของ Atkinson มันประหยัดกว่า
ยิ่งถ้าเทียบกับ 1.2 + Torque Converter ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คนละชั้นเลย
-
เปิดตัว วันที่19 ก็ว่ารอนานแล้ว นี่หลังจากโควิด แถมติ่งชอบออกมาบูลลี่ค่ายอื่นๆอีก ความน่าสนใจลดลงไปเยอะ ไม่นับรายได้ที่ต้องคิดให้มากจากนี้ไปอีกหลายปี
เทียบกับเปิดตัวเวลาเดิม ถึงจะติดเรื่องราคา ก็ออกโปรโควิดตามมาคนก็เข้าใจได้(คนซื้อคงคิดว่าโชคดีไปซะอีก) ส่วนตัวเคยคิดจะเอาไว้ใช้รับส่งของบริเวณใกล้ๆ ซึ่งรถไฟฟ้าน่าสนใจสุด แต่ตอนนี้ความสนใจแทบเป็น 0 เว้นแต่ตัวเริ่มต้นจะราคาไม่เกิน 6แสน ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เห็นทีต้องรออีโคคาร์ไฟฟ้าแทน
-
เปิดตัว วันที่19 ก็ว่ารอนานแล้ว นี่หลังจากโควิด แถมติ่งชอบออกมาบูลลี่ค่ายอื่นๆอีก ความน่าสนใจลดลงไปเยอะ ไม่นับรายได้ที่ต้องคิดให้มากจากนี้ไปอีกหลายปี
เทียบกับเปิดตัวเวลาเดิม ถึงจะติดเรื่องราคา ก็ออกโปรโควิดตามมาคนก็เข้าใจได้(คนซื้อคงคิดว่าโชคดีไปซะอีก) ส่วนตัวเคยคิดจะเอาไว้ใช้รับส่งของบริเวณใกล้ๆ ซึ่งรถไฟฟ้าน่าสนใจสุด แต่ตอนนี้ความสนใจแทบเป็น 0 เว้นแต่ตัวเริ่มต้นจะราคาไม่เกิน 6แสน ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เห็นทีต้องรออีโคคาร์ไฟฟ้าแทน
ผมว่าเปิดตัวช่วงนี้คงต้องเจ็บตัวหน่อยล่ะ แต่ก็ยังเจ็บตัวไม่มากเพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยทราบถึงผลที่จะตามมาหลังโควิด19 แต่ถ้าปล่อยให้ยืดไปสักกลางปี ยอดขายคงต้องต่ำสุดๆเลยล่ะ ไอเอ็มเอฟทำนายว่าโลกราจะเจอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา คงต้องรอดู
ไอเอ็มเอฟ เตือนโลกเจอวิกฤตศก.หนัก เลวร้ายที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2132104 (https://www.matichon.co.th/foreign/news_2132104)
-
ไม่ได้ตามข่าวมานาน อยากรู้ว่า e-power serena จะมีขายที่ไทยแบบราคาธรรมดาไหมครับ
ครอบครัวเริ่มจะมีตัวเล็ก เริ่มสนใจรถพวกนี้ขึ้นมาครับ ขอบคุณครับ
นิสสันคงนำร่องด้วย Kick และรอดูผลตอบรับก่อนจะตัดสินใจนำรุ่นอื่นๆ มาขายครับ
ประมาณว่า "ช้าๆ ไม่ได้พร้าซักเล่ม" เหมือนเคยๆ
โห ช้ายิ่งกว่าเต่าอีกครับ :'(
ถึงจะไม่ได้พร้าซักเล่ม แต่ได้ด้ามมันมาแล้ว ถ้ายอดแป๊กผู้บริหารจะได้เอาไว้ทุบหัวตัวเอง
-
เปิดตัว วันที่19 ก็ว่ารอนานแล้ว นี่หลังจากโควิด แถมติ่งชอบออกมาบูลลี่ค่ายอื่นๆอีก ความน่าสนใจลดลงไปเยอะ ไม่นับรายได้ที่ต้องคิดให้มากจากนี้ไปอีกหลายปี
เทียบกับเปิดตัวเวลาเดิม ถึงจะติดเรื่องราคา ก็ออกโปรโควิดตามมาคนก็เข้าใจได้(คนซื้อคงคิดว่าโชคดีไปซะอีก) ส่วนตัวเคยคิดจะเอาไว้ใช้รับส่งของบริเวณใกล้ๆ ซึ่งรถไฟฟ้าน่าสนใจสุด แต่ตอนนี้ความสนใจแทบเป็น 0 เว้นแต่ตัวเริ่มต้นจะราคาไม่เกิน 6แสน ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เห็นทีต้องรออีโคคาร์ไฟฟ้าแทน
ผมว่าเปิดตัวช่วงนี้คงต้องเจ็บตัวหน่อยล่ะ แต่ก็ยังเจ็บตัวไม่มากเพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยทราบถึงผลที่จะตามมาหลังโควิด19 แต่ถ้าปล่อยให้ยืดไปสักกลางปี ยอดขายคงต้องต่ำสุดๆเลยล่ะ ไอเอ็มเอฟทำนายว่าโลกราจะเจอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา คงต้องรอดู
ไอเอ็มเอฟ เตือนโลกเจอวิกฤตศก.หนัก เลวร้ายที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2132104 (https://www.matichon.co.th/foreign/news_2132104)
เงินตอนขาดมือ มันมีค่ากว่าตอนฟู่ฟ่า
ผมถือคติว่าเข้ากระเป๋าก่อนได้เปรียบ บางทีบริษัทก็ไม่สู้ดีอยู่แล้วยังไม่ค่อยมีอะไรขาย รอ รอ รอ เจ๊งก่อนจะได้เอาทีเด็ดที่กั๊กไว้ มาขาย
-
จริงๆแผนการตลาดช่วงนี้มันก็มีจุดของมันอยู่นะครับ
ขอให้มันชัดเจนสักทางบริษัทจะได้เลือกเส้นทางได้ว่าจะ survival หรือเปล่า
เพราะถ้ารอเวลาต้องมา survival ทีหลัง จะเสียเวลาเสียโอกาสอย่างมาก ::)
-
สวัสดีครับพี่
ประเด็นที่พี่พูดมา เราสามารถเทียบเคียงระบบ e-power กับ Accord hybrid I-MMD ได้เลครับ
เพราะระบบไฮบริดของฮอนด้าทำงานเหมือน e-power ครับ คือที่ความเร็วต่ำ-กลาง เครื่องยนต์ 2.0L ทำหน้าที่ปั่นไฟ
ป้อนแบต แล้วมอเตอร์ก็ดึงไฟไปใช้ แต่ช่วงความเร็วเกินร้อยขึ้นไป ระบบของฮอนด้าจะย้ายเอากำลังของเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรง ซึ่งตรงนี้ระบบ e-power ไม่มี มันจึงน่าคิดที่ว่าการที่ทำฮอนด้าเซ็ตระบบเช่นนั้นเพราะการเอาเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรงที่ความเร็วสูงจะให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าการปล่อยให้เครื่องยนต์ตั้งหน้าตั้งตาปั่นไฟป้อนแบตไปเรื่อย ๆ
ในทุกช่วงความเร็วครับ ซึ่งถ้ามันไม่ดีกว่าจริง ฮอนด้าคงไม่จำเป็นต้องเพิ่มระบบเพิ่มครัชต์เพื่อย้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลัง
ลงล้อไป แล้วถ้าฮอนด้าไม่ได้ทำตรงนั้น ระบบไฮบริดของฮอนด้ามันก็คือ e-power 100% ครับ
ใช่ครับ ตรงนี้เข้าใจตรงกัน ว่า E-Power น่าจะสู้ i-MMD ในการ Cruising นิ่งๆ ไม่ได้
แต่ประเด็นของผมในย่อหน้านั้นคือ ชิ้นส่วนจะน้อยกว่า และการซ่อมบำรุงควรจะถูกกว่าครับ
อาจจะสมเหตุสมผลในเรื่องเงินมากกว่า i-MMD สำหรับคนที่ใช้รถปานกลาง ไม่วิ่งต่างจังหวัดเยอะจัดๆ
ส่วนที่ผมว่า E-Power น่าจะประหยัดกว่า คือเทียบกับ 1.2 สันดาปล้วนครับ
เพราะถึงจะไม่ได้ขับตรงแบบเกียร์ธรรมดา แต่วัฏจักรของ Atkinson มันประหยัดกว่า
ยิ่งถ้าเทียบกับ 1.2 + Torque Converter ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คนละชั้นเลย
คุณลืมคิดถึงเรื่องการที่แบตต้องชาร์จตลอดเวลาเพราะเป็นแบตลูกเล็กๆ ตัวนี้วงจรแบตย่อมต้องเสื่อมเร็วแน่นอนเพราะวิ่งไปแบตหมดไป เพราะเป็นแบตเตอรี่ลูกเล็กกาารต้องบ่อยขึ้น รวมถึงการชาร์จไปด้วยจ่ายไฟไปด้วยแบตต้องทำงานหนักแน่นอนทำให้วงจรจำนวนการชาร์จแบตเหลือน้อยลงและแบตเตอรี่น่าจะไม่ใช่ราคาถูกๆด้วย
-
ผมยังคิดว่ายังไงเอา Juke ใหม่มา ยังดูดีกว่า
-
สวัสดีครับพี่
ประเด็นที่พี่พูดมา เราสามารถเทียบเคียงระบบ e-power กับ Accord hybrid I-MMD ได้เลครับ
เพราะระบบไฮบริดของฮอนด้าทำงานเหมือน e-power ครับ คือที่ความเร็วต่ำ-กลาง เครื่องยนต์ 2.0L ทำหน้าที่ปั่นไฟ
ป้อนแบต แล้วมอเตอร์ก็ดึงไฟไปใช้ แต่ช่วงความเร็วเกินร้อยขึ้นไป ระบบของฮอนด้าจะย้ายเอากำลังของเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรง ซึ่งตรงนี้ระบบ e-power ไม่มี มันจึงน่าคิดที่ว่าการที่ทำฮอนด้าเซ็ตระบบเช่นนั้นเพราะการเอาเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรงที่ความเร็วสูงจะให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าการปล่อยให้เครื่องยนต์ตั้งหน้าตั้งตาปั่นไฟป้อนแบตไปเรื่อย ๆ
ในทุกช่วงความเร็วครับ ซึ่งถ้ามันไม่ดีกว่าจริง ฮอนด้าคงไม่จำเป็นต้องเพิ่มระบบเพิ่มครัชต์เพื่อย้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลัง
ลงล้อไป แล้วถ้าฮอนด้าไม่ได้ทำตรงนั้น ระบบไฮบริดของฮอนด้ามันก็คือ e-power 100% ครับ
ใช่ครับ ตรงนี้เข้าใจตรงกัน ว่า E-Power น่าจะสู้ i-MMD ในการ Cruising นิ่งๆ ไม่ได้
แต่ประเด็นของผมในย่อหน้านั้นคือ ชิ้นส่วนจะน้อยกว่า และการซ่อมบำรุงควรจะถูกกว่าครับ
อาจจะสมเหตุสมผลในเรื่องเงินมากกว่า i-MMD สำหรับคนที่ใช้รถปานกลาง ไม่วิ่งต่างจังหวัดเยอะจัดๆ
ส่วนที่ผมว่า E-Power น่าจะประหยัดกว่า คือเทียบกับ 1.2 สันดาปล้วนครับ
เพราะถึงจะไม่ได้ขับตรงแบบเกียร์ธรรมดา แต่วัฏจักรของ Atkinson มันประหยัดกว่า
ยิ่งถ้าเทียบกับ 1.2 + Torque Converter ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คนละชั้นเลย
คุณลืมคิดถึงเรื่องการที่แบตต้องชาร์จตลอดเวลาเพราะเป็นแบตลูกเล็กๆ ตัวนี้วงจรแบตย่อมต้องเสื่อมเร็วแน่นอนเพราะวิ่งไปแบตหมดไป เพราะเป็นแบตเตอรี่ลูกเล็กกาารต้องบ่อยขึ้น รวมถึงการชาร์จไปด้วยจ่ายไฟไปด้วยแบตต้องทำงานหนักแน่นอนทำให้วงจรจำนวนการชาร์จแบตเหลือน้อยลงและแบตเตอรี่น่าจะไม่ใช่ราคาถูกๆด้วย
มีส่วนครับ ผมว่าเรื่องนี้ก็น่ากลัว แต่น่ากลัวตรงที่เป็น Nissan นี่ล่ะครับ ช่วงนี้ยิ่งผีเข้าผีออกอยู่
ถ้านิสสันทำแบต Rebuilt แบบโตโยต้าตอนนี้ ได้ก็คงจะดีครับ
-
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ
เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan
ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที (แต่ยังต้องคุมอัตราสิ้นเปลืองให้ได้ 25 กม./ลิตร)
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย นี่ค่าย Nissan นะครับ ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ ตื่นๆ ครับ
ดูโลกแคบจังเลยนะครับ ลองดูตามที่ คห. บนบอกเกี่ยวกับรถ Tesla ดูนะครับ ถือว่าเปิดโลกใหม่ละกัน
-
สวัสดีครับพี่
ประเด็นที่พี่พูดมา เราสามารถเทียบเคียงระบบ e-power กับ Accord hybrid I-MMD ได้เลครับ
เพราะระบบไฮบริดของฮอนด้าทำงานเหมือน e-power ครับ คือที่ความเร็วต่ำ-กลาง เครื่องยนต์ 2.0L ทำหน้าที่ปั่นไฟ
ป้อนแบต แล้วมอเตอร์ก็ดึงไฟไปใช้ แต่ช่วงความเร็วเกินร้อยขึ้นไป ระบบของฮอนด้าจะย้ายเอากำลังของเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรง ซึ่งตรงนี้ระบบ e-power ไม่มี มันจึงน่าคิดที่ว่าการที่ทำฮอนด้าเซ็ตระบบเช่นนั้นเพราะการเอาเครื่องยนต์
ไปขับล้อโดยตรงที่ความเร็วสูงจะให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าการปล่อยให้เครื่องยนต์ตั้งหน้าตั้งตาปั่นไฟป้อนแบตไปเรื่อย ๆ
ในทุกช่วงความเร็วครับ ซึ่งถ้ามันไม่ดีกว่าจริง ฮอนด้าคงไม่จำเป็นต้องเพิ่มระบบเพิ่มครัชต์เพื่อย้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลัง
ลงล้อไป แล้วถ้าฮอนด้าไม่ได้ทำตรงนั้น ระบบไฮบริดของฮอนด้ามันก็คือ e-power 100% ครับ
ใช่ครับ ตรงนี้เข้าใจตรงกัน ว่า E-Power น่าจะสู้ i-MMD ในการ Cruising นิ่งๆ ไม่ได้
แต่ประเด็นของผมในย่อหน้านั้นคือ ชิ้นส่วนจะน้อยกว่า และการซ่อมบำรุงควรจะถูกกว่าครับ
อาจจะสมเหตุสมผลในเรื่องเงินมากกว่า i-MMD สำหรับคนที่ใช้รถปานกลาง ไม่วิ่งต่างจังหวัดเยอะจัดๆ
ส่วนที่ผมว่า E-Power น่าจะประหยัดกว่า คือเทียบกับ 1.2 สันดาปล้วนครับ
เพราะถึงจะไม่ได้ขับตรงแบบเกียร์ธรรมดา แต่วัฏจักรของ Atkinson มันประหยัดกว่า
ยิ่งถ้าเทียบกับ 1.2 + Torque Converter ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คนละชั้นเลย
คุณลืมคิดถึงเรื่องการที่แบตต้องชาร์จตลอดเวลาเพราะเป็นแบตลูกเล็กๆ ตัวนี้วงจรแบตย่อมต้องเสื่อมเร็วแน่นอนเพราะวิ่งไปแบตหมดไป เพราะเป็นแบตเตอรี่ลูกเล็กกาารต้องบ่อยขึ้น รวมถึงการชาร์จไปด้วยจ่ายไฟไปด้วยแบตต้องทำงานหนักแน่นอนทำให้วงจรจำนวนการชาร์จแบตเหลือน้อยลงและแบตเตอรี่น่าจะไม่ใช่ราคาถูกๆด้วย
มีส่วนครับ ผมว่าเรื่องนี้ก็น่ากลัว แต่น่ากลัวตรงที่เป็น Nissan นี่ล่ะครับ ช่วงนี้ยิ่งผีเข้าผีออกอยู่
ถ้านิสสันทำแบต Rebuilt แบบโตโยต้าตอนนี้ ได้ก็คงจะดีครับ
จริง น่ากลัวตรงนิสสันนี่แหละ
-
ถ้าราคาข้ามล้าน จะขายไงเนี่ย
มาเท่าราคา Juke เดิม ตอนนี้ยังไม่รู้จะออกหมู่หรือจ่าเลย
ตอน Juke มีแค่ HR-V กับ CX-3 ตอนนี้มาทั้ง CH-R และ ZS + HS ด้วย
ต้องดูราคาแล้วละ ออฟชั่นอัดมา อย่าให้น้อยกว่าเขา