Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Swenz ที่ พฤษภาคม 28, 2020, 09:48:52
-
"สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว" เดือดหลังกลุ่มฯยานยนต์เสนอรัฐฯ ลดภาษีรถใหม่ 50 % ,รถเก่าแลกรถใหม่รัลส่วนลด 1 แสน และเลื่อนการใช้มาตรฐานยูโร 5 - 6 เตือนระวังจะซ้ำรอยโครงการรถยนต์คันแรก
หลังจากที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ได้ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือต่อกรมสรรพสามิต เกี่ยวกับการเยียวยากลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งทางกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ยื่นข้อเรียกร้องในการลดภาษีรถใหม่ หรือลดภาษีสรรพสามิตลง 50%, ให้รัฐสนับสนุนโครงการรถเก่าแลกรถใหม่โดยให้รัฐซับซิไดซ์ (subsidize)ราคารถเก่าในมูลค่า 100,000บาท/คัน, รวมทั้งการเลื่อนการใช้มาตรฐานไอเสียยูโร 5 และ 6 ออกไปเป็นปี 2565 โดยข้อเสนอทั้งหมดได้นำเสนอไปยังกรมสรรพสามิตแล้ว กรณีที่เกิดขึ้น ทำให้ นาย วิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ ประธานสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดผ่านเพจสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว โดยมองว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวได้ถูกนำเสนอไปยังกรมสรรพสามิตจริง หากแต่ว่าในภาคปฏิบัติ "ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะเกิดขึ้น" เนื่องจากข้อเรียกร้องดังกล่าวนั้นล้วนแล้วแต่สร้างผลกระทบต่อผู้ที่มีส่วนได้ส่่วนเสีย(stakeholders) ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำไปจนถึงธุรกิจปลายน้ำทั้งสิ้น
"ผมเชื่อมั่นว่าสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ซึ่งเป็นธุรกิจปลายน้ำ ยังไม่เคยได้รับการปรึกษาหารือเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากข้อเสนอของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแน่นอน และขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมสรรพสามิต คุณพชร อนันตศิลป์ ที่ท่านได้ให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า "การลดภาษีรถยนต์ไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสมในเวลานี้"
นาย วิสุทธิ์ กล่าวต่อไปว่า หากย้อนเวลากลับไปในปี 2012 ประเทศไทยได้รับบทเรียนจากการที่ภาครัฐออกนโยบายซับซิดี้ (subsidy)ให้กับภาคประชาชนเพื่อสนับสนุนการขายรถยนต์ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นจำนวนเงิน 70,000-100,000บาท/คัน สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์คันแรกในซึ่งการออกนโยบายเชิงมหภาคดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้วที่เป็นอุตสาหกรรมปลายน้ำเป็นอย่างมากเนื่องจากมูลค่าราคารถยนต์ใช้แล้วที่ผู้ประกอบการครอบครองอยู่เพื่อจัดจำหน่ายมีการปรับราคาลงอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วต้องล้มหายตายจากไปจากธุรกิจนี้กว่า 30% จากการออกนโยบายที่ไม่ได้คำนึงถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย(stakeholders)ในองค์รวม
"โควิด -19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แต่เพียงกลุ่มเดียว แน่นอนว่าธุรกิจต้นน้ำจนถึงธุรกิจปลายน้ำของอุตสาหกรรมยานยนต์ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น การเรียกร้องเพื่อให้ภาครัฐสนับสนุนอุตสาหกรรมของท่านโดยไม่คำนึงถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง "เป็นการกระทำที่น่าละอายและเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด" "
นาย วิสุทธิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นกลุ่มองค์กรในสภาอุตสาหกรรมยานยนต์ ตนเองจึงอยากให้ทางสภาฯไตร่ตรองข้อเรียกร้องให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะยื่นข้อเรียกร้องไปยังภาครัฐ มิฉะนั้นความน่าละอายในครั้งนี้ แน่นอนว่าสภาอุตสาหกรรมยานยนต์จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เช่นกัน "หากปัญหาของพวกท่านคือยอดการผลิตและยอดจัดจำหน่ายรถยนต์ที่ลดลง ท่านก็ควรไปปรับปรุงพัฒนาวิธีการจัดจำหน่ายในยามวิกฤตินี้ให้ดีขึ้น เฉกเช่นเดียวกับผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีทุนในการประกอบธุรกิจน้อยกว่าท่านได้ปรับตัวกันไปแล้วในช่วงวิกฤตในครั้งนี้"นาย วิสุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงมือแก้ไขปัญหาด้วยตนเองก่อนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการมืออาชีพ การที่ทางกลุ่มฯยังไม่ได้ลงมือแก้ปัญหาแต่กลับเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยแก้ไข ซ้ำยังสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอื่นด้วย ตนเองคิดว่าคณะผู้บริหารของสอท.ยังขาดความเป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก "สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศร่วมกับท่าน การร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งระบบตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำยันอุตสาหกรรมปลายน้ำเป็นส่วนสำคัญที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน อย่าให้บทเรียนที่เคยเกิดขึ้นแล้วมาซ้ำเติมเศรษฐกิจของเราด้วยความโลภอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อ 8 ปีก่อนอีกเลย"
นาย วิสุทธิ์ กล่าวว่า การเสนอให้ภาครัฐซับซิไดซ์ (subsidize)ราคารถยนต์ใช้แล้วและผลักภาระมาให้อุตสาหกรรมข้างเคียงโดยไม่ปรึกษาหารือกันเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทในทางธุรกิจ ข้ออ้างที่ว่าการที่การขายรถยนต์ใหม่มากขึ้นจะทำให้รถยนต์ที่ปล่อยไอเสียที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมีจำนวนลดลง ล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างทางธุรกิจ หากท่านมีวัตถุประสงค์เช่นนั้นจริง คงไม่เสนอให้ภาครัฐเลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานยูโร5และยูโร6ออกไปด้วยเช่นกัน
"อุตสาหกรรมของพวกเรายังมีวิถึทางในการพัฒนาไปอีกมากมายในหลากหลายมิติ อุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้วเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยสนับสนุนการขายรถยนต์ใหม่ในประเทศนี้มากว่า50ปี วิกฤตโควิด -19 ในครั้งนี้ หากเราเลือกที่จะใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส จะเป็นการปฏิวัติการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบได้เช่นกัน"
https://www.thansettakij.com/content/motor/435877
-
ส่วนนึงก็ยอมรับว่าจริง
ลดราคารถใหม่ 1 แสน --> รถเก่าอายุ 3-4 ขายยากขึ้นมาก
เป็นโอกาสดีของคนที่ซื้อรถคันแรก ไม่ต้องปล่อยคันเก่า
หรือแบบที่รถคันเก่าโทรมจนราคาไม่เหลือแล้ว ซื้อคันใหม่ก็ไม่เจ็บ
แต่ใครที่ใช้รถมานาน อย่างผม
ขายคันเก่าได้น้อยลง คันใหม่ราคาถูกลง หักไปหักมา อาจจะได้ แต่ได้ไม่มาก
ถึงภาษีจะยังไม่เคาะ แต่ใจคนมันนำ Demand ไปแล้ว
ราคาวันนี้แกว่งตั้งแต่ยังไม่ประกาศแล้วหล่ะ
-
ออสเตรเลีย ก็ใช้วิธีลดภาษีรถคันแรกเพื่อกระตุ้นตลาด
-
มันแน่อยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่ตลอดมือสอง
คนมีรถมือหนึ่ง ที่กะจะขายเป็นมือสอง ก็โดนกดราคาหัวแตกแน่ๆ เพราะจะให้ซื้อเข้าเต้นท์แพงก็ขายไม่ได้
เต้นท์ที่รับซื้อรถไว้ในราคา ณ ตอนนั้น แต่พอวันนี้ ลดภาษี 50% ทำให้รถถูกลง แล้วราคารับซื้อ ณ วันโน้น กะจะได้ขายราคาดี แต่กลายเป็นขายไม่ได้ในราคาที่ตั้งใจ ต้องมาลดราคาขายออกตามอีก จะหลายเป็นเข้าเนื้อเอา เขาก็โวย เป็นเรื่องธรรมดา
-
ถึงภาษีจะยังไม่เคาะ แต่ใจคนมันนำ Demand ไปแล้ว
ราคาวันนี้แกว่งตั้งแต่ยังไม่ประกาศแล้วหล่ะ
เห็นตามคุณ YenChar เลยค่ะ
ตัวเราเองกำลังว่าจะลงขายรถอยู่ เริ่มคิดหนักแล้วค่ะ ว่าจะรีบขายเลยทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร
หรือว่ารอตัดสินใจให้ได้ก่อนแล้วค่อยขาย แต่พอถึงตอนนั้น ราคาจะยิ่งหล่นวูบไปเลยไหม ^^"
-
ลดสรรพาสามิต 100,000 เพื่อกระตุ้นตลาดรถยนต์
แบรนด์ได้ โรงงานได้ ผู้ผลิตอะไหล่ได้ supplier อีกเยอะแยะได้
คงไว้เดิม เต้นรถมือสองแค่ได้กำไรมากขึ้น
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของใครเยอะกว่า?
ธุรกิจตัวกลางต่อไปมีแต่น้อยลงครับ ผู้บริโภคซื้อขายกันเองมากขึ้นแน่นอน
-
โรงงานผู้ผลิต ส่งออก การจ้างงาน ซัพพลายรอบตัว VS เต๊นส์รถ ราคารถมือสองตก
เป็นผมเลือกโรงงานผู้ผลิต
-
แค่ส่งสัญญาณว่า "อย่าลืมผม" แค่นั้นหละ สุดท้าย ถ้า win win รัฐอุ้มหมด มีใครไม่เอา
-
ถ้าออกมา คงเป็นการกระตุ้นตลาดได้ดีเลยล่ะครับ มีหลายๆ ฝ่ายก็ได้ผลประโยชน์ไปด้วย ตอนนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ กำลังแย่กันมากๆ
คิดว่ามาตรการนี้ น่าจะแค่ชั่วคราว ถ้าจะกระทบคนขายรถมือสอง ก็คงกระทบไม่นานครับ
-
เกลียดมันมาก พวกเต้นรถที่น่ารังเกียจ พวกนี้
-
เห็นด้วยกับการลดภาษีครับ...แต่ไม่ควรเยอะถึง50% และรถเก่าแลกรถใหม่ได้ส่วนลด100,00บาท อันนี้เห็นด้วยครีบ...เป็นการระบายรถเก่าที่ปล่ยมลพิษมากกว่าค่ามาตรฐานออกไปจากระบบ
-
เกลียดมันมาก พวกเต้นรถที่น่ารังเกียจ พวกนี้
ไม่ต้องเกลียดเต๊นรถหรอกครับ ท้ายที่สุดคนมีรถคือคนเจ็บกันหมดครับ ต่อให้คุณบอกเต๊นรถเจ็บหนัก แต่คนมีรถจะขายยังไง เต๊นราคาลดหมด คุณจะซื้อเพิ่มอีกคัน คันเก่าต้องขายก็ต้องลดราคาไปเช่นกัน
-
ถ้าจะให้วินวินทุกฝ่าย ก็ช่วยเหลือตลาดรถมือสองด้วยก็ดีครับ
เช่น งดเก็บ vat ค่างวดรถมือสอง คนซื้อรถมือสองเอามาลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ อะไรทำนองนี้ครับ
-
คนเสียประโยชน์มันก็ต้องเต้นเป็นธรรมดา
-
ถ้าถึงเวลาต้องช่วยจริงๆ ก็ต้องดูว่าถ้าช่วยแล้วมีผลต่อเนื่องหมุนไปในวงกว้างแค่ไหน ทางไหนประโยชน์ต่อคนทั่วไปมากกว่า
ในระบบผลิตมีทั้ง โรงงานประกอบ supplier ต่างๆ อีกหลายทอด รวมๆกันแล้ว น่าจะมีพนักงานหลายหมื่นคน รวมครอบครัว ถ้าช่วยได้ก็คุ้ม และเงินยังหมุนไปใช้จ่ายอีกหลายรอบ ซื้ออาหาร ซื้อปัจจัยสี่ เลี้ยงลูกหลาน จ่ายหนี้ ไปอีกหลายๆทอด
แต่อีกฝั่ง รถมือสอง ไม่แน่ใจว่าจะมีคนเสียประโยชน์ ในวงกว้างแค่ไหน อาจอยู่ในวงจำกัดกว่า
ถ้าช่วยจริงทำเงื่อนไขให้ดี ก็อาจมีประโยชน์
ยากที่จะทำให้ได้ประโยชน์กันหมดทุกฝ่ายในยามนี้
-
รัฐไม่ต้องลดภาษีให้หรอก
รออีกหน่อยโรงงานผู้ผลิตทนไม่ไหวก็ต้องลดราคาเอง
ทำแบบนี้เหมือน ฮั้วๆกันเลย
ค่ายนึง ลดไปหลายแสนแล้ว
อีกค่ายนึงยังนิ่งๆ คอยจี้รัฐให้ลดภาษี ตัวเองก็ขายราคาเดิม และตัดของแถม ประกัน พรบ ฟิลม บลาๆ แถมเล่นตัวอีก
-
ทุกวันนี้รัฐก็ลดภาษีให้บริษัทรถตั้งมากมายแล้วนะครับ จาก 25% เหลือ 4% ไม่เห็นราคารถจะถูกลงเลย ถ้ารัฐลดภาษีให้อีกก็ไม่มีอะไรการันตีว่าบริษัทรถจะขายรถถูกลง นอกจากบริษัทรถได้กำไรมากขึ้นจากการจ่ายภาษีน้อยลง อาจจะทำรถบางรุ่นให้ถูกลงนิดหน่อย พร้อมกับตัดออบชั่นต่างๆเพื่อที่จะได้อ้างกับรัฐได้ว่าลดราคารุ่นนี้แล้ว
และถึงแม้จะลดภาษีให้ประชาชนก็อาจจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ รถที่ใช้อยู่เมื่อนำไปขายก็จะยิ่งถูกกดราคาลง ก็ต้องหาเงินมาโป่ะเพิ่มมากขึ้นในการการใช้เป็นเงินดาวอยู่ดี เหมือนขายรถได้ราคาต่ำลง 1 แสน นำเก่าไปแลกใหม่ได้ส่วนลดเพิ่ม 1 แสน ก็เท่ากับว่าเหมือนเดิม ไม่ได้ซื้อรถได้ในราคาถูกลงแต่ประการใด
ถ้าอยากฟื้นไวๆก็ขายให้มากๆ อยากขายได้มากๆ ก็ขายให้ถูกๆ อย่างอมืองอเท้าหวังพึ่งแต่คนอื่น
-
เอามาลดหย่อนภาษีน่าจะดีกว่าครับ ผลประโยชน์ตกกับคนจ่ายภาษี
-
การเข้าไปแทรกแซงตลาดผมไม่เคยเห็นว่าจะเกิดประโยนช์กับผู้บริโภคเลย