Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: starlight ที่ กรกฎาคม 07, 2017, 08:27:21
-
จะนำไปใช้นำทางขับรถในยุโรป อยากใช้ google map ก็กลัวว่าบางช่วงของการขับอาจจจะไม่มีสัญญานinternet
ส่วนกามิน ไม่เคยใช้ ก็เลยไม่มีข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ
ขอบคุณมากครับ
***อาจจะนอกเรื่องนิดนึง ขออภัยด้วยครับ***
-
ใช้ google maps หาที่อยู่ของสถานที่ที่จะไป แล้วเอาที่อยู่ไปใส่ใน navigation ของรถครับ
ส่วนใหญ่จะมีภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
-
ผมเคยขับ England Scotland ใช้ garmin ครับ เอาเลขที่บ้านใส่เข้าไปหาง่ายเจอทุกท่ี
-
อยากแนะนำให้ใช้คู่กันเลยคนับgarmin บอกช่องทางจราจร ได้ดีกว่า
แต่ google map หาสถานที่ได้ครบกว่า ยิ่งไปประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษจะเห๋นชัดเลยว่ามันหาเจอเยอะกว่าจริงๆ แผนที่ก็อัฟเดทกว่า ส่วน garmin ผมเคย search สถานที่ พอกดให้นำทาง มันบอกไม่สามารถนำทางได้ งงเลย..
ถ้าให้เลือกอย่างเดียว ผมเลือก google maps ครับ
-
อยากแนะนำให้ใช้คู่กันเลยคนับgarmin บอกช่องทางจราจร ได้ดีกว่า
แต่ google map หาสถานที่ได้ครบกว่า ยิ่งไปประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษจะเห๋นชัดเลยว่ามันหาเจอเยอะกว่าจริงๆ แผนที่ก็อัฟเดทกว่า ส่วน garmin ผมเคย search สถานที่ พอกดให้นำทาง มันบอกไม่สามารถนำทางได้ งงเลย..
ถ้าให้เลือกอย่างเดียว ผมเลือก google maps ครับ
เห็นด้วยครับ เพราะเดี๋ยวนี้ผมก็ใช้ทั้งสองตัวพร้อมกัน แต่ถ้าให้เลือกอันเดียว ผมเอา Garmin ครับ
-
ซื้อซิม ตปท ใส่มือถือ แล้วเปิด google maps ครับ
เวลามีจุดซ่อมถนนข้างหน้ามันยังบอกได้เลยครับ
แต่ในเมืองไทยนั้นอย่าหวัง 55555
-
อาจจะไม่ใช่ยุโรปผมขับมาเลใช้ Google Maps โอเคนะครับจะ งง ตอนเข้า Overpass มันจะบอกมั่วๆหน่อยต้องตามป้ายด้วยและคนไทยอาจจะไม่ค่อยชนด้วยมั้ง สถานที่แนะนำ Google เพราะมันเยอะกว่าแต่เอาที่อยู่มาใส่ได้
-
แนะนำใช้คู่กันครับ บางที่สัญญาณโทรศัพท์อ่อนหรือไม่มี Garmin จะช่วยท่านได้
ตัวผมเคยเจอGarminเอ๋อ ทำหลงไปหลายร้อยกิโล เลยลองเปิดGoogle Maps ถึงกับช๊อก
ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ
-
google map สิครับ คนละยุดเลยส่วนตัวไม่เคยพอใจกับ garmin ใช้ igo ยังดีกว่า
-
Google map ต้องระวังอย่างเดียวครับ คือ สถานที่ปักไม่ตรง น่าจะมาจากมือถือจากคนทั่วไปสร้าง Mark นี่แหละครับ มันจับ GPS ไม่แม่นแล้วส่งข้อมูลให้ Google มันก็ได้แบบไม่แม่นไปครับ ผมเจอแบบนี้อยู่บ่อยๆอยู่เหมือนกัน
-
เคยไปกับทัวร์คนไทย ที่อยู่เยอรมัน .. เค้าใช้ garmin ครับ .. ขับรถเที่ยวเยอรมันตอนใต้ สวิส ออสเตรีย
ผมเปิด google maps ตาม ก็ใช้ได้ ไม่ต่างกันครับ แต่ net กับแบต จะหมดเร็วนะครับ
-
ควรมีทั้ง 2 อย่างไปพร้อมกัน
ส่วน google map ให้ download offline ไปด้วย
ในกรณีที่ไม่มีสัญญาณมือถือ เพราะ บน motorway บางที่ operator มือถือไม่ครอบคลุม จะได้ใช้ได้
ส่วนเปิด online ในกรณีที่ต้องการ traffic จะได้คำนวนเส้นทางที่เหมาะสม
โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน หรือ weekend เจอรถติดๆ หนีไปทางอื่น
สมัยก่อน ผมใช้ garmin แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช้แล้ว เพราะ ขี้เกียจพกไปอีก
ใช้มือถือ โหลดทั้ง sygic และ igo primo next ไปด้วย คำนวนกล้องจับ กับ จราจรให้ด้วย
แต่ถ้าขยัน ก็พก garmin ไปก็ดี ไม่ต้องไปกินแบตมือถือ
-
แนะให้ใช้ควบคู่กัน Garmin จะเป็นแบบ Offline ไม่ต้องพึ่งเน็ต แต่ตัวรับสัญญาณ GPS ค่อนข้างแม่นกว่า Google ทำให้ทำงานได้แม่นยำกว่า (ตำแหน่ง) แต่ก็มีข้อเสีย เนื่องจากเป็นแบบ Offline จึงต้องมั่น update แผนที่บ่อยๆ ในขณะที่ Google เป็น Online ซึ่งแผนที่มักจะ update ตัวเองอยู่แล้ว เราไม่ต้องทำอะไร แต่ตำแหน่งมักไม่ค่อยแม่นยำนัก และ Sync ช้าเพราะต้องผ่านเน็ต แม้จะมีแบบ Offline ออกมาแล้วก็ยังไม่ค่อยแม่นนัก เพราะทำเป็นแบบ Layer ซ้อนบนแผนที่อีกที (แต่ตัวแผนที่ OK) เพราะบนมือถือจะใช้ Chip ตัวรับไม่ดีเท่า Garmin หรืออุปกรณ์ GPS โดยเฉพาะ ข้อดีของ Google อีกอย่างคือ สามารถดู 360 องศาได้ (Street View) ซึ่ง Garmin หรืออุปกรณ์ GPS เฉพาะจะไม่มีตรงนี้ครับ จึงควรใช้ควบคู่กันครับ
-
ยุโรป อเมริกา Garmin แน่นอนดีครับ พัฒนามายาวนาน
และที่สำคัญ ไม่พึ่งสัญญาณมือถือ
ในเมืองไทย ของผมอัพเดตทุกครั้งที่ทาง garmin มีให้อัพเดต
ผมก็แฮปปีดีนะ ชอบสุดๆ คือ Junction View แยกในเมืองใหญ่ๆ ใช้ได้ดีจริงๆ
ไปในเส้นทางที่ไม่เคยไป แต่เรารู้จุดหมาย ผมก็เปิดนะ เช่นจาก อำเภอหนึ่ง ไปอีกอำเภอหนึ่ง
ผมก็เปิดแบบแผนที่ (ไม่นำทาง ไม่มีเสียง แต่เรียลไทม์) เพื่อดูโค้งล่วงหน้า ว่าโค้งขนาดไหน
พี่ผมอยู่แคลิฟอร์เนีย กลับมานั่งรถผม เห็นผมเปิด Garmin แกยังทัก เจ้านี่ในเมืองต้องยอมมัน แต่นอกเมือง ไปยิงนกตกปลา อย่าเชื่อมัน
ข้อเสียของ google map ผ่านสมาร์ทโฟนคือ ดูดแบตฯ เร็วมาก และเครื่องร้อน ไม่รู้เป็นเพราะแอปหรือเปล่า ผมซีเรียสเรื่องนี้เรื่องเดียว กลัวใช้บ่อยโทสับพัง
-
ผมชอบ Garmin มากกว่าครับ บอกเส้นถนนบอกเลนดูแล้วเข้าใจง่ายกว่า
แต่ความละเอียดยังสู้ Google ไม่ได้
แต่ที่ Garmin ได้เปรียบก็คือสัญญานครับ
บางสถานที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ (เช่น ทางไป Grand Canyon)
อันนี้ประสบการณ์จริงเลยครับ ขับหลงไปเป็นร้อยไมล์ เพราะตอนนั้นไม่ได้เอา Garmin ไปด้วย
-
อีกยี่ห้อที่ยุโรปใช้กันมากคื TomTom ครับ เป็น off-line GPS แบบ garmin
ใช้ขับที่อังกฤษ บอกทางดีมาก ไม่หลงเลย
ผมหาจาก ebay พร้อม แผนที่ทั่วทั้ง EU ล่าสุด สองพันบาทปลายๆครับ ใช้งานดีทีเดียว
-
ใช้ของจีนคับ มีโดรแกรมแผนที่ให้ อัพเดทล่าสุด ใช้ง่ายคับ
-
Garmin มีใช้ใช้นำทางในการ"ขับรถ"
Google ใช้"ดู"เส้นทาง
ข้อดี Garmin จะบอกทางละเอียดกว่า
ฟังไปขับไปได้แทบไม่ต้องมอง
เช่น อีก 1 กม. ชิดขวา อีก 500 เมตรเลี้ยวขวา
ถ้าถนน 4-6 เลนส์จะบอกเลยว่าเราต้องเข้าเลนส์ไหน ชิดฝั่งไหน
เพราะถนนในเมืองจะมีเบริเออกั้น เข้าเลนส์ผิดจะเลี้ยวช่องที่ต้องการไม่ได้ คราวนี้หลงยาว....
ผมเคยให้แฟนใช้ google แล้วผมขับรถ
แทบปามือถือทั้ง บอกทางหยาบมาก ถนน 6 เลนส์อยู่ดีๆบอกเลี้ยวซ้าย เรามาขวาสุด แล้วซ้ายก็มีทางเข้า 3 ช่องแต่ละช่องไปคนละทางเลย แมร่งไม่บอกว่าต้องเข้าช่องไหน? สรุปหลงยาวๆเลยครับ
-
ใช้หาสถานที่ใน google maps ก่อนไป และ ทำ bookmark ใน garmin ให้เรียบร้อยก่อนใช้
ที่ไม่ชอบ maps เพราะบางทีมีดีเลย์ แต่ข้อดีก็คือหาอะไรก็เจอครับ
ถ้ามี garmin อยู่แล้วก็แค่ซื้อ maps ยุโรปเอาก็ได้ครับ
-
เคยไปสวิส เยรมัน ออสเตรีย ได้ข้อสรุปคือ ต้องใช้คู่ครับ เวลาหลงมันช่วยได้จริงๆ มีอย่างใดอย่างหนึ่งสำรองไว้ดีกว่าครับ เพราะบางครั้ง ตัวใดตัวหนึ่ง อยู่ไมันก็รวนขึ้นมา
หลงทางเมืองนอกชนบทตอนดึกๆนั้น ไม่สนุกเลย
-
google ดีตรงที่ แผนที่อัพเดทตลอด แต่ห่วงเรื่องปักไม่ตรงนี่แหละครับ และก็สัญญาณ net
ส่วน Garmin ถ้าแผนที่อัพเดท ก็หมดห่วงครับ
-
ขอบคุณทุก คห. เป็นอย่างมาก
ไปเที่ยวกลับมาแล้ว พกไปทั้ง 2 อย่างเลย กามินเอาไว้นำทางตอนขับแม่นยำกว่า ส่วน google maps เอาไว้น้ำทางตอนเดินเที่ยว ดีคนละอย่างจริงๆ ไม่เสียดายที่พกไปทั้งสองอย่าง
ขอแชร์ ปสก.การขับรถที่นั่นนิดหน่อย ขับยากและเกร็งๆ ใน 3 วันแรกเพราะระบบทุกอย่างตรงข้ามกับที่เราเคยชินมาแต่เกิด และอีกอย่างนึง นิสัยการขับรถของคนยุโรป เค้าจะขับกันระห่ำมาก ไม่ว่า ช ญ หรือคนสูงอายุ และชับที่ความเร็วที่ชนเพดานลิมิตในแต่ละเส้นทาง ซ้ำยังชอบขับจี้ท้ายแทบจะทุกคัน แรกๆก็มีแอบบ่นเหมือนกันว่า มรืงจะขับจี้ท้ายทำไม 5555+ วันหลังๆ ก็ปรับตัวได้เอง
สรุปว่า ครั้งเดียวพอแล้ว แค่อยากลองว่าเราจะขับได้มั้ยในสิ่งที่ตรงข้ามกับเราเคยๆ ขับแล้วเครียดและต้องใช้สมาธิสูงกว่าปกติเท่าตัว
ขอบคุณครับ