Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NINENOI ที่ กุมภาพันธ์ 08, 2013, 13:57:03
-
เซฟโรเลต ระยอง เพิ่มวันเสาร์ทำงานปกติ พนักงานกว่า 5,000 คน ไม่พอใจบริษัทให้ทำงานวันหยุดแต่ไม่จ่ายโอที 2 แรง
วันนี้ ( 8 ก.พ.) เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่า ได้มีพนักงานของบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย)จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบร์อด อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หรือ เชฟโรเลต ออกมาประท้วง แสดงความไม่พอใจที่ทางบริษัทฯ ได้มีการประกาศใช้ระเบียบปฎิบัติให้โดยให้พนักงานทุกคนมาทำงานวันเสาร์ทุกคน โดยถือว่าเป็นวันทำการปกติ และจะไมมีการเบิกจ่ายค่าแรงเพิ่มได้เพียง 1 แรงเท่านั้น ถึงแม้ว่าทางบริษัท ฯ จะมีข้อเสนอในเรื่องของการจ่ายโบนัส ค่าปลอดขวัญ และสวัสดิการต่าง ๆ ให้เพื่อชดเชย แต่พนักงานได้มาคิดแล้ว ไม่คุ้มค่ากับการดำเนินชีวิตประจำวัน เหมือนที่ผ่านมา
พนักงานคนหนึ่งเล่าว่า สาเหตุที่พนักงาน จำนวน 5,000 คน ออกมาประท้วง เรียกร้องให้บริษัทฯ ใช้ระเบียบปฎิบัติเดิม ก็เพราะในปัจจุบันพนักงานส่วนมากใช้วันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ไปสมัครเรียนต่อ ในระดับที่สูงขึ้น และเป็นการเรียนเทียบโอน เพื่อนำวุฒิไปวิริยะฐานะในตำแหน่งการทำงาน สร้างสมประสบการณ์ ให้ดีกว่าปกติ และที่สำคัญในเรื่องของครอบครัวที่มีความสำคัญมาก ถึงแม้จะมีค่าตอบแทนสูงเพียงใด แต่คุณภาพชีวิต ความแตกแยก ครอบครัวขาดความอบอุ่น ไม่มีเวลาดูแลลูก พ่อ แม่ และครอบครัว ก็จะดำเนินชีวิตอย่างไม่มีความสุข
พนักงานจึงเลือกที่จะให้บริษัท เหมือนเดิม มีการจ่ายค่าแรง โอที เหมือนเดิม อย่าบีบบังคับให้ต้องปฎิบัติ เนื่องจากคุณภาพชีวิต ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนไม่มีภาระอะไรก็ทำโอทีได้ บางคนมีภารกิจก็ไม่ต้องทำ ก็จะไม่ได้รับผลค่าแรง ก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำระเบียบอื่นมาอีก จะทำให้วิถีของพนักงานเปลี่ยนไป
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทางบริษัทฯไม่มีการผลิต พนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพก็โดนหักเงินเดือน ยกเว้นเสียแต่พนักงานที่ไม่ได้เป็นสมาชิก กับพนักงานซัพคอนแทคที่ยังคงได้ค่าจ้างตามปกติและจะเป็นไปแบบนี้จนกว่าจะตกลงกันสำเร็จและเริ่มมีการผลิต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ แต่ถ้าบทสรุปจบที่สหภาพแรงแพ้ บริษัทล่ะก็พนักงานคือฝ่ายที่เสียเปรียบสุดๆเนื่องจากต้องเสียสละวันหยุดเสา มาเปนวันทามงานเดือนละ 2 โดยไม่ได้โอที แม้บริษัทจะเพิ่มโบนัสให้ก็ตาม
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เซ็งมากมาย ฤๅ เวลามีปัญหาจะประท้วงอะไรกันต้องปิดถนนให้คนอื่นเดือดร้อนกันด้วยเริ่มประท้วงเมื่อวานตอนเย็น ตอนเช้าเอารถตู้ 10 กว่าคันปิดถนนจนตำรวจมาเจรจาจึงยอมเปิดให้เลนเดียวเอารถตู้จอดกินไป 1 เลนทำให้การจราจรติดขัดมากพนักงานที่โรงงานผมมาสายกันเกือบครึ่ง จะเรียกร้องอะไรก็จัดการกันเองภายในสิมาทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนกันทำไม โรงงานผมก็ทำเสาร์เว้นเสาร์ยังไม่เห็นมีใครเดือดร้อนอะไรพูดซะยังกับคนทำงานวันเสาร์มันย่ำแย่มากงั้นแหละ ใครที่จองเชฟไว้หล่ะก็รอนานอีกหน่อยนะครับ
-
งงด้วยคน ปกติบริษัทเค้าทำงาน6วัน/สัปดาห์เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรอะ มีราชการ+รัฐวิสาหกิจทั้งหมดที่จะทำงานแค่5วัน/สัปดาห์
-
กฎหมายแรงงานไทย ผมไม่รู้ว่าเคยอ่านกันไหมครับ
การกำหนดเวลาทำงานปกติ ตามมาตรา 23
มาตรา 23 ให้นายจ้างประกาศเวลาทำงานปกติให้ลูกจ้างทราบ โดยกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทำงานแต่ละวันของลูกจ้างได้ไม่เกินเวลาทำงานของแต่ละประเภทงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่วันหนึ่งต้องไม่เกินแปดชั่วโมง ในกรณีที่เวลาทำงานวันใดน้อยกว่าแปดชั่วโมง นายจ้างและลูกจ้างจะตกลงกันให้นำเวลาทำงานส่วนทีเหลือนั้นไปรวมกับเวลาทำงานในวันทำงานปกติอื่นก็ได้ แต่ต้องไม่เกินวันละเก้าชั่วโมงและเมื่อรวมเวลาทำงานทั้งสิ้นแล้ว สัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง เว้นแต่งานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามที่กำหนดในกฎกระทรวงต้องมีเวลาทำงานปกติวันหนึ่งไม่เกินเจ็ดชั่วโมง และเมื่อรวมเวลาทำงานทั้งสิ้นแล้วสัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกินสี่สิบสองชั่วโมง
ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บริษัทก็ต้องรีดประสิทธิภาพให้ได้มากกว่าก่อน รีดจากแรงงานระดับล่างไม่ได้ ก็รีดสูงขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นตัวเลขบัญชีก็ไม่ดีขึ้น ไม่มี Improvement เอาไปโชว์เบื้องบน
-
โรงงานผมก็เสาร์ หยุดอาทิตย์ วันเดียว เอาง่ายๆ ปัญหาเกิดจาก สหภาพแรงงานล้วนๆ ทำเป็นขบวนการ รีดเงินจากบริษัทพอใจแล้วค่อย ยอมๆกัน คนที่เป็นผู้บริหารโรงงานแถวนั้นรู้หมดแล้วครับว่าอะไรเป็นอะไร ยกตัวอย่างตอนที่ ประท้วงที่แมกซิส เหมือนกัน ตอนนี้โรงงานใหม่ๆเค้าไม่ให้ตั้งสหภาพแรงงานกันแล้วครับ เพราะปัญหาเยอะมากๆ ถ้าเมื่อไหร่เค้าเหมาต่างด้าวมายกชุดล่ะก็ รับรองร้องไม่ออกกันแน่ เพราะตอนนี้เริ่มมีบริษัทจัดหาแรงงานเยอะขึ้รเรื่อยๆแล้ว เอามาที 300-400 คน แล้วจ้างเป็นสัญญาเอา พอหมดก็ต่อถ้าไม่ต่อบริษัทก็ย้ายไปโรงใหม่ จบแบบง่ายกว่าเยอะ
-
ผมไม่เห็นด้วยกับการประท้วงเลยครับ โดยเฉพาะการประท้วงปิดถนน ปิดนั่น ปิดนี่
ทำให้คนอื่นที่เค้าไม่ได้รับรู้เรื่องด้วย ต้องมาเดือนร้อนกับคนพวกนี้ เหมือนกับ
เอาคนอื่นมาเป็นตัวประกันว่า ถ้าคุณไม่ทำก็ไม่เป็นไรแต่คนอื่นจะต้องเดือนร้อน
ถ้าพนักงานประท้วงกันแบบนี้ ในระยะเวลาที่เป็น AEC เปิด แล้วสมมติ ผมเป็นประธานบริษัท ผมจะมีตัวเลือกให้สองอย่างครับ คือ 1.ยอมรับเงื่อนไขของบริษัท 2.ถ้ารับไม่ได้ก็ออกไป อีกทั้งสบายสหภาพแรงงานของบริษัททิ้งด้วยครับ
ระหว่างนั้นก็ประกาศหาพนักงานใหม่ โดยอาศัยทั้งแรงงานภายในและภายนอกประเทศเลยครับ อาจจะส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่ถ้ายังปล่อยปัญหาให้เป้นแบบนี้ เอะอะอะไรไม่ได้ดั่งใจก็ประท้วง ผมว่าสุดท้าย ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะส่งมาถึงผู้บริโภคแน่นอนครับ
-
งงด้วยคน ปกติบริษัทเค้าทำงาน6วัน/สัปดาห์เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรอะ มีราชการ+รัฐวิสาหกิจทั้งหมดที่จะทำงานแค่5วัน/สัปดาห์
ผมอยู่ บ.เอกชน แต่หยุด เสาร์-อาทิตย์นะครับ
ถ้าโดนเวรวันหยุดจะได้ชดเชยวันธรรมดา
บริษัทไหนทำ 6 หยุด 1 โดยมาก บริษัทตามนิคมอุสาหกรรม
บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น เอเชีย หรืองานในห้าง โรงแรม
ส่วนตัวเคยทำงาน 6 หยุด 1 มาเหมือนกัน บอกได้คำเดียวว่า ร่างกายพัง หุหุหุ
-
เพิ่งขับรถผ่านตอนเที่ยง ยังงงอยู่ว่าเค้ามารวมตัวทำอะไรกัน ตอนนี้รู้แล้ว :(
-
ถูกต้อง! ใครจะไปทำ ทำงาน 6 วัน หยุด 1 วัน ตายกันพอดีครับ
พวกจ้างเหมามา อยากให้มีกฎหมายออกมาช่วยเหลือได้แล้ว แบบนี้ตัวบริษัทได้เปรียบครับ ส่วนสหภาพแรงงานถ้าไม่ขอมากไป ได้กันทั้งสองฝ่ายก็ขอให้ตกลงกันได้ด้วยดีครับ อย่าปิดถนนเลย
โสดๆก็ร่างกายพัง มีครอบครัวก็มีกิ๊กกันหมดทั้งชาย และหญิง --" ยิ่งคนมีลูก ไม่คิดถึงลูกตายเลยเหรอครับ
คนที่บอกว่าทำงาน 6 วันเป็นเรื่องปกติ ผมว่ามันไม่ถูกต้องน่ะครับ มันจริงตามที่บอกว่าทำงาน 6 วัน หยุด 1 วัน คือตามนิคมอุตสาหกรรม หรือพวกบริษัท หรือโรงงานที่มีการ Operate ตลอดเวลาครับ
ผมก็บริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ หรือราชการ ตัวบริษัทที่สำนักงานใหญ่ก็ทำ 5 วัน หยุด 2 วัน ส่วนตามหน้างาน ก็ทำงานเป็นกะ ทำงาน 6 วัน หยุด 1 วันครับ
แต่คนที่ทำงาน 6 วัน หยุด 1 วัน ผมว่าเขาควรได้ค่าล่วงเวลานะครับ และก็ให้โบนัสเขาด้วย
สู้ๆนะครับ
-
^
^
^
ผมไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่เค้าเรียกร้องเพราะไม่เกี่ยวกับผมเป็นเรื่องของเค้ากับบริษัทของเค้า จะเรียกร้องทำงานเดือนละวันก็ได้ผมไม่เดือดร้อนอยากจอดขวางทางเข้าออฟฟิศตัวเองก็ช่างหรือจะไปชุมนุมกันที่สนามบอลตัวเองก็แล้วแต่ แต่ที่ผมเดือดร้อนคือเค้าปิดถนนแล้วทำความเดือดร้อนให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง โรงงานอื่นเค้าก็มีงานทำที่นี่ไม่ได้มีแค่โรงงานเดียว อยากทราบว่าที่คุณบอกให้สู้ๆนี่เชียร์ให้ปิดถนนใช่มั๊ยคนอื่นจะเดือดร้อนยังไงก็ไม่สนใจงั้นสิ
-
บ้านเราทำกันจนเคยตัวครับ
สาเหตุที่ต้องประท้วงแบบให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย
ก็เพื่อให้มันดัง ให้มันเป็นข่าว ใช้คนเดือดร้อนกดดันให้ได้ตามที่เรียกร้องครับ
-
ขอตอบในนามคนที่รู้เรื่องแล้วกันนะครับ
สหภาพ ไม่ได้ปิดถนนแน่นอนครับ เรียกว่ากีดขวางการจราจรดีกว่า แต่ไม่ถึงขั้นปิดถนน
ผมแบ่งปัญหาเรื่องรถติดเป็นสี่ส่วนแล้วกัน
ส่วนแรก เป็นรถเครื่องเสียงของสมาชิกสหภาพ จอดริมถนน แต่ไม่ได้ปิดถนน บวกกับโรงงานห้ามเข้าพื้นที่ในตอนแรก
จึงมีสมาชิกสหภาพส่วนหนึ่งใช้เลนริมซ้ายเลนเดียวในการเคลื่อนไหว แต่ตอนหลังก็เข้าพื้นที่หน้าโรงงานจนได้
ส่วนที่สอง เกิดจากการที่รถเข้านิคมชะลอดูว่าเขาประท้วงอะไร
ส่วนที่สาม นิคมนี้ ตรงปากทางเข้านิคม ติดเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเขาเอากรวยมา
แบ่งเลนขาออกจากนิคมเลนนึง มาทำเป็นเลนขาเข้า ก่อนจะบีบกลับมาอยู่ฝั่งเดียวกันหลังเข้านิคมแล้ว
ส่วนที่สี่ สำคัญ เกิดจากการจัดการจราจรของโรงงาน บวกเจ้าหน้าที่เอง
ไอ้รถตู้ที่เห็น ๆ เป็นรถตู้รับส่งพนักงานเข้าโรงงานครับ ไม่ใช่รถตู้ของทางสหภาพ สหภาพไม่มีรถตู้
เจ้าหน้าที่ มึน ๆ อะไรไม่รู้ ทีแรกมากั้นไม่ให้รถเข้าโรงงาน แล้วเพิ่งมาปล่อยเข้าตอนรถรับส่งพนักงานเริ่มมา แล้วก็มีกระบวนการคัดคนเข้าโรงงาน
พนักงานที่เข้าโรงงาน เขาให้เซ็นชื่อก่อน พอรถรับ-ส่งพนักงานมาเยอะเข้า รถก็เลยต่อแถวออกไปนอกโรงงาน
ทีแรก ผมก็นึกว่าสหภาพปิดถนน แต่พอมาถึงหน้าโรงงานแล้ว ถึงได้รู้ ว่าเจ้าหน้าที่มึนเอง
ส่วนที่เขาประท้วงรอบนี้ สาเหตุหลัก คือ
โรงงานต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง จากเดิม ทำงาน 5 วัน เป็น ทำงาน 6 วัน
โดยกำหนดให้วันเสาร์ เป็นวันทำงานปกติ
จากเดิม ที่เปิดเป็นโอทีและสามารถมาทำได้โดยสมัครใจ
สำหรับพนักงานในไลน์ โอทีเป็นหนึ่งในรายได้ที่พวกเขาต้องพึ่งพา เพราะเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไร
ส่วนโบนัสที่โรงงานเสนอมาล่าสุด เรียกได้ว่า น้อยที่สุดในบรรดาโรงงานผลิตรถยนต์ด้วยกัน แต่ยังไม่ใช่ประเด็นหลัก
ประเด็นหลัก คือ ทำงาน 6 วันมากกว่า
คนเคยทำงาน 6 วันประจำหลายคนคงรู้ว่า การได้หยุดวันเดียวต่อสัปดาห์เป็นยังไง
แต่คนในไลน์ก็มี พวกที่เรียนต่อ เสาร์ อาทิตย์ กำลังเรียนใกล้จะจบ มาตอนนี้ก็เครียด ว่าถ้าทำงานวันเสาร์ จะทำยังไง
ต้องลาออกหรือเปล่า
ทางโรงงานก็แค่ประกาศว่า มีมาตรการผ่อนคลายอยู่
แต่พอเขาถามหามาตรการผ่อนคลาย ผ่อนคลายอย่างไร กลับไม่บอกอะไรออกมาเลย แค่บอกว่ามีมาตรการให้อย่างเดียว
บอกได้เลย ว่าถ้าโรงงานไม่คลุมเครือแต่แรก คงยังมาไม่ถึงขั้นหยุดงานประท้วง
-
ผมอยู่เอกชน แต่มองว่า
บริษัทที่ทำ จ-ศ นะปกติ
แต่ที่ทำเสาร์ด้วยนะไม่ปกติครับ
และมองว่าบริษทไหนทำ ค่าแรงเค้ารวมไปกับเงินเดือนอยู่แล้วตามสัญญาจ้างงานที่ทำในตอนแรก
แต่ถ้าในสัญญาจ้างงานตอนแรกที่เซ็นตอบเข้างานเขียนไว้ว่าทำจันถึงศุกร์ แล้วให้มาทำเสาร์เพิ่มต้องจ่ายโอทีหนึ่งเท่าครับ
ถ้าทำโอทีในวันหยุดและเลยเวลาเลิกงาน (หมายถึงหลัง 5.30 ) ให้จ่ายสามเท่าครับ
และที่สำคัญกหมายแรงงานระบุไว้ด้วยนะครับ เวลางานปกติที่ไม่ได้จ่ายโอที ลูกจ้างทำงานในหนึ่งสัปดาหรือหนึ่งเดือนห้ามเกินกี่ ชม มันมีระบุไว้
ถ้าเกินแล้วไม่จ่ายโอที ผิดกฏหมายแรงงานครับ
-
ต่างคนต่างมีสิทธิ์ออกความเห็นคับ
บางทีเค้าอาจจะพยายามคุยกันเองแล้วภายในแต่ไม่เป็นผล...
ชีวิตคนเรา สบาย ลำบาก เหตุผล แตกต่างไม่เหมือนกันครับ
ก็ต้องดิ้นรนกันไป
-
งงด้วยคน ปกติบริษัทเค้าทำงาน6วัน/สัปดาห์เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรอะ มีราชการ+รัฐวิสาหกิจทั้งหมดที่จะทำงานแค่5วัน/สัปดาห์
เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ ปกติอ่ะเค้าทำ 5 วัน หยุด 2 วัน
ส่วนที่ทำ 6 หยุด 1 น่ะ มันไม่ปกติ
แต่มันดันไม่ปกติกันเยอะ ซึ่งถ้ารู้ตั้งแต่ก่อนทำงานว่า 6 วันนะ .. ถ้ายอมทำก็โอเคไป
แต่นี้สัญญาให้ทำ 5 แต่จะเพิ่มให้เป็น 6 โอทีไม่ได้ .. ใครจะอยากทำ
-
ผมทำงานโรงงานก็ทำ 5 วันนะ แต่เสาร์ อาทิตย์บางทีก็ต้อง หรือเดินทางตปท. หรือทำงานซึ่งมันจะทรมานมากๆ แบบว่านอนไม่พอ
สำหรับ case นี้ผมว่า GM ทำไม่ถูกอย่างแรงนะครับ จากเคยจ่ายโอที แล้วมากำหนดเป็นวันธรรมดา อย่างนี้ พนง. ในไลน์ที่เค้ายอมเหนื่อยมาทำงานวันเสาร์ เพื่อให้ได้รายได้พิเศษ เค้าจะอยู่กันยังไงครับ อย่างนี้กำลังใจพนง. หายหมด พาลจะไปลงที่คุณภาพงานประกอบเอานะครับ
-
นอกจากทำ จ-ศ
บริษัทผม วันศุกร์เลิก แค่ 3 โมงด้วยครับ
ใครมีทางเลือกคงไม่ทำหรอก
เวลา เรียกไปสัมภาษณ์ผมถามก่อนเลย ว่าทำงาน กี่วัน / สัปดาห์
ถ้า 6 บอกลาทันที
เดียวนี้เค้า ให้ทำงานเหมือนมาเล่น มาสนุก ทำออฟฟิต เทพๆ แบบ กูเกิ้ล
ผลงานมันจะดีมากๆ กว่าทำงานหนักๆ โหดๆ
มันหมดยุค แรงงานทาสแล้ว
หรือไอ้พวกหัวทอง มะกัน GM มันยังมองเราเป็นทาสอยู่เลย ใช้งาน แบบนี้ นะ
-
ที่่ผมเคยทำงานมาเกือบทุกที่ทำงาน 6 วันครับ :P มีที่สุดท้ายก่อนออกมาทำงานอิสระที่ทำ 5 วันแต่ตำแหน่งอื่นๆก็ 6 วันนะ
ส่วนเรื่องปัญหาไม่ขอออกความเห็นครับเรื่องภายในไม่รู้..แต่ว่าถ้าพนง.ที่รวมกันเป็นสหภาพมีปัญหามากเกินความจำเป็น(ซึ่งที่ผมดูๆนี่ถ้ามีการตั้งสหภาพเมื่อไหร่มักจะมีปัญหาเยอะ) อนาคตผมว่าเค้าอาจจะจ้าง out source หมดเพราะปัญหาน้อยกว่า
-
ปัญหามันแยกเป็น 2 อย่างคือ
1. ลูกจ้างประท้วงแล้วปิดถนนทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เดือดร้อนไปด้วยซึ่งไม่ควรกระทำ
2. วันทำงานเปลี่ยนแปลงไปจากข้อตกลงก่อนการทำงานซึ่งก็ไม่สมควรเปลี่ยนแปลงก่อนจะพูดคุยจนได้ข้อสรุป บางคนอาจเถียงว่าหลาย ๆ บริษัทก็ทำงานวันเสาร์ไม่เห็นมีอะไร แต่อย่าลืมถ้าบริษัทนั้นบอกว่าขอให้ทำงานวันอาทิตย์ด้วยล่ะ ผลจะเป็นอย่างไร มันเกิดความขัดแย้งเพราะการทำงานมาเปลี่ยนกิจวัติประจำวันของพนักงานที่เคยทำมาก่อน
-
ผมเปลี่ยนงานมา 5 ครั้งก็ทำ 5 วันตลอดไม่เคยทำ 6 วันเลย
ผมว่าเคสนี้ GM ผิดเต็มๆที่อยู่ดีๆจะเพิ่มวันทำงานปกติเป็น 6 วัน
รถก็ขายดีจะตาย 5 แต่นี่กะลดต้นทุนซะงั้นแทนที่จะตอบแทนพนักงานให้ดีๆหน่อย >:(
พนักงานผิดนิดหน่อยที่กีดขวางการจราจร ;D
-
ถ้าจะเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ก็บริหารข้อตกลงกันเสียใหม่ ใครรับได้ก็อยู่ ใครรับไม่ได้ก็จ่ายชดเชยให้เขาไป หัดลงทุนซะบ้าง เปลี่ยนสภาพการจ้างแล้ว ก็เปลี่ยนอัตราค่าจ้างไปด้วย จะให้ทำวันเสาร์ ก็เพิ่มค่าจ้างให้ไป อย่างไรเสียก็เจ็บตัวไม่มาก ทำอะไรตอนแรกไม่คิดเผื่อมันก็อย่างนี้แหล่ะ ถ้าบริษัทมีระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่เจ๋งจริง ๆ รับคนใหม่เข้ามาก็เทรนให้ได้คุณภาพ ให้เกิด Balance ระหว่างงานกับการใช้ชีวิต ผมว่ายังมีอีกมากที่ต้องการทำงาน แม้จะต้องทำวันเสาร์ ก็ไปบริหารเอาซิครับ ทำอย่างไรให้สมดุล
ใครรับไม่ได้ที่ต้องทำงานวันเสาร์ ก็จะได้ไม่ต้องมาสมัคร สุดท้ายบริษัทก็ควบคุมค่าใช้จ่ายได้อีกหนึ่งวัน ถึงแม้ช่วงแรกจะต้องควักเนื้อไปก่อนก็เหอะ
แล้วไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะได้คนไม่เก่ง ห่วงอย่างเดียวบริษัทคุณสร้างคนเก่งเป็นหรือไม่...แค่นั้นเอง
-
ผมเป็น SMEs ระดับเล็กๆนะครับ
ขอแยกอย่างนี้
คนรายได้น้อย ทำงาน 7วันต่อสัปดาห์ครับ (ไม่เห็นมีใครบอกร่างกายทรุดเลย) ผมเห็นแม่ค้ามาขายของที่ตลาดตั้งแต่ ตี 2(วางของ-จองที่) กลับบ้านบ่าย3 ทุกวันครับ
ร้านค้าแบบเก่าๆ เปิดร้าน 7 วันครับ
ร้านค้ารูป หจก. บริษัท หรือร้านงานเยอะขึ้นมาหน่อย ก็ทำงาน 6 วันครับ (ขอย้ำว่าเป็น ปกติ ของร้านค้าMarginต่ำ ที่ต้องสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของกรุงเทพ)
บริษัทในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ทำงาน 5 วัน
ลองเดินแถว วรจักรสิ ร้านค้า ทำงาน 6 วันนะครับ
ลองเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวสิ ทำงาน 7 วันนะครับ
ลองเข้าห้างดูสิ ร้านค้าทำงาน 7 วัน ห้ามหยุดวันนักขัตฤกษ์นะครับ (มีสัญญานะครับ ว่า ถ้าหยุดต้องโดนปรับด้วย การหยุดต้องส่งเรื่องเป็นสัปดาห์ถึงจะขอหยุดได้นะครับ)
อย่าบอกครับ ว่าอย่างไหน ปกติ หรือไม่ปกติ เพราะคุณ ไม่ได้เจอสังคมอีกแบบหนึ่ง ที่ต้องสู้กับยักษ์ใหญ่ต้นทุนต่ำกว่ามากกกก
คำว่า "ร่างกายพัง" มันเป็น สมมติ ของคนเท่านั้น เพราะถ้าคุณเทียบดู ยังมีคนอีก เกิน 50% ทำงาน 6 วัน และ 7 วัน เขาก็ยังอยู่ได้โดยปกติสุข
ร่างกายผู้ใช้แรงงานบางท่าน ยังคลอดลูกง่ายว่า บรรดาสาวออฟฟิศ ที่ต้อง"ประคบประหงม" กลัวนู่นกลัวนี่ สุดท้าย ทนไม่ได้ ก็ต้องผ่า (เพราะกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เวลาเบ่งลูกจะเจ็บมากกว่า คนที่มีกล้ามเนื้อเชิงกรานที่แข็งแรง)
"ออกกำลัง" ครับ ที่ช่วยได้ ช่วยให้พวกบรรดาท่านๆ "ร่างกายไม่พัง"
แทนที่จะเอาเวลาไปเดินห้าง ทานข้าว ดูหนัง พักผ่อน เปลี่ยนเป็น ออกกำลังกายพักผ่อนสิครับ กำหนดลมหายใจ เวลาวิ่ง เพื่อฝึกสมาธิอีกทาง แล้วท่านจะทราบว่า การพักผ่อนที่แท้จริงคืออะไร
ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ เพราะ จะต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
ผมเพียงอยากให้ท่านผู้อ่านเปรียบเทียบกับกลุ่มคนในหลายระดับชั้น ว่า พวกเขาเหล่านั้น ทำงานในอีกรูปแบบหนึ่ง คนละเวลากับท่าน คนละหน้าที่ คนละสภาพแวดล้อม คนละฐานเงินเดือน และอื่นๆอีกมากมายที่ แตกต่างกัน
แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันเลยนั้น มีเพียง เกิด แก่ เจ็บ ตาย และ เมื่อตาย ก็ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ แม้แต่ความดี ความชั่ว
เมื่อจิตละแล้วซึ่งการปรุงแต่ง แล้วกรรมก็จะสลายไป ตัวตนที่แท้จริง มันมีอยู่แน่หรือ?????
(ผมไม่ได้บอกนะ ว่า GM ทำถูก เพราะ กฎหมายแรงงาน จะต้องให้สิทธิ์ลูกจ้าง ดีกว่าเดิม ไม่ใช่แย่กว่าเดิม อาทิ เรื่องให้ทานข้าวกลางวันฟรี (ไม่อยู่ในสัญญา) ถ้าตัดทิ้งไป ลูกจ้างสามารถร้องเรียนได้ครับ)
-
เข้าใจเลยครับ ทำงาน 6 วันมันแย่ขนาดไหน ;)
แต่ถ้าเป็นธุรกิจผม ทำทุกวันไม่กลัวครับ เพราะเราต้องทำกำไรให้ได้ แต่ถ้าเป็นลูกจ้าง ไม่มีใครอยากทำแบบนั้นหรอกครับ
-
เพลียกับแรงงานไทยครับ
ผมทำงานตั้งแต่ 8โมงเช้า ถึงเที่ยงคืน 4ปีติดกันยังไม่เห็นร่างกายพังเลย
พ่อผมยิ่งกว่า ทำมาเกือบ30ปี 8โมงเช้าถึงตี2 วันอาทิตย์ก็ยังทำหาเงิน ขยันตั้งแต่เป็นลูกจ้างเค้าจนเป็นเจ้าของกิจการเอง
คนไทยชนชั้นแรงงานส่วนใหญ่ขี้เกียจครับ แต่ชอบเพ้อฝันอยากเป็นใหญ่เป็นโต แต่ไม่ขยัน
-
เพลียกับแรงงานไทยครับ
ผมทำงานตั้งแต่ 8โมงเช้า ถึงเที่ยงคืน 4ปีติดกันยังไม่เห็นร่างกายพังเลย
พ่อผมยิ่งกว่า ทำมาเกือบ30ปี 8โมงเช้าถึงตี2 วันอาทิตย์ก็ยังทำหาเงิน ขยันตั้งแต่เป็นลูกจ้างเค้าจนเป็นเจ้าของกิจการเอง
คนไทยชนชั้นแรงงานส่วนใหญ่ขี้เกียจครับ แต่ชอบเพ้อฝันอยากเป็นใหญ่เป็นโต แต่ไม่ขยัน
ถูกต้อง!!!!!!!!
ผมจันทร์ถึงเสาร์ บางเดือนทำอาทิตย์ด้วยทั้งเดือนไม่ได้หยุดเลย ร่างกายก็ไม่เห็นพังอ้วนเอาๆ ^^
-
คือ ขอบอกข้อมูลอีกทีโดยคร่าว ๆ แล้วกันครับ
จริง ๆ ที่นี่ ทำงานเกือบทุกเสาร์อยู่แล้วครับ แต่วันเสาร์ เขาจะได้เป็นโอทีกัน
ทีนี้ ทางโรงงานจะเปลี่ยนให้วันเสาร์เป็นวันทำงานปกติ นั่นก็คือ ต่อไปถ้าเข้ามาทำงานวันเสาร์ จะไม่ได้เป็นโอที
ซึ่งพนักงานในไลน์ รายได้จากโอทีถือว่าเป็นส่วนสำคัญครับ
-
ผมเป็น SMEs ระดับเล็กๆนะครับ
ขอแยกอย่างนี้
คนรายได้น้อย ทำงาน 7วันต่อสัปดาห์ครับ (ไม่เห็นมีใครบอกร่างกายทรุดเลย) ผมเห็นแม่ค้ามาขายของที่ตลาดตั้งแต่ ตี 2(วางของ-จองที่) กลับบ้านบ่าย3 ทุกวันครับ
ร้านค้าแบบเก่าๆ เปิดร้าน 7 วันครับ
ร้านค้ารูป หจก. บริษัท หรือร้านงานเยอะขึ้นมาหน่อย ก็ทำงาน 6 วันครับ (ขอย้ำว่าเป็น ปกติ ของร้านค้าMarginต่ำ ที่ต้องสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของกรุงเทพ)
บริษัทในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ทำงาน 5 วัน
ลองเดินแถว วรจักรสิ ร้านค้า ทำงาน 6 วันนะครับ
ลองเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวสิ ทำงาน 7 วันนะครับ
ลองเข้าห้างดูสิ ร้านค้าทำงาน 7 วัน ห้ามหยุดวันนักขัตฤกษ์นะครับ (มีสัญญานะครับ ว่า ถ้าหยุดต้องโดนปรับด้วย การหยุดต้องส่งเรื่องเป็นสัปดาห์ถึงจะขอหยุดได้นะครับ)
อย่าบอกครับ ว่าอย่างไหน ปกติ หรือไม่ปกติ เพราะคุณ ไม่ได้เจอสังคมอีกแบบหนึ่ง ที่ต้องสู้กับยักษ์ใหญ่ต้นทุนต่ำกว่ามากกกก
คำว่า "ร่างกายพัง" มันเป็น สมมติ ของคนเท่านั้น เพราะถ้าคุณเทียบดู ยังมีคนอีก เกิน 50% ทำงาน 6 วัน และ 7 วัน เขาก็ยังอยู่ได้โดยปกติสุข
ร่างกายผู้ใช้แรงงานบางท่าน ยังคลอดลูกง่ายว่า บรรดาสาวออฟฟิศ ที่ต้อง"ประคบประหงม" กลัวนู่นกลัวนี่ สุดท้าย ทนไม่ได้ ก็ต้องผ่า (เพราะกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เวลาเบ่งลูกจะเจ็บมากกว่า คนที่มีกล้ามเนื้อเชิงกรานที่แข็งแรง)
"ออกกำลัง" ครับ ที่ช่วยได้ ช่วยให้พวกบรรดาท่านๆ "ร่างกายไม่พัง"
แทนที่จะเอาเวลาไปเดินห้าง ทานข้าว ดูหนัง พักผ่อน เปลี่ยนเป็น ออกกำลังกายพักผ่อนสิครับ กำหนดลมหายใจ เวลาวิ่ง เพื่อฝึกสมาธิอีกทาง แล้วท่านจะทราบว่า การพักผ่อนที่แท้จริงคืออะไร
ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ เพราะ จะต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
ผมเพียงอยากให้ท่านผู้อ่านเปรียบเทียบกับกลุ่มคนในหลายระดับชั้น ว่า พวกเขาเหล่านั้น ทำงานในอีกรูปแบบหนึ่ง คนละเวลากับท่าน คนละหน้าที่ คนละสภาพแวดล้อม คนละฐานเงินเดือน และอื่นๆอีกมากมายที่ แตกต่างกัน
แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันเลยนั้น มีเพียง เกิด แก่ เจ็บ ตาย และ เมื่อตาย ก็ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ แม้แต่ความดี ความชั่ว
เมื่อจิตละแล้วซึ่งการปรุงแต่ง แล้วกรรมก็จะสลายไป ตัวตนที่แท้จริง มันมีอยู่แน่หรือ?????
(ผมไม่ได้บอกนะ ว่า GM ทำถูก เพราะ กฎหมายแรงงาน จะต้องให้สิทธิ์ลูกจ้าง ดีกว่าเดิม ไม่ใช่แย่กว่าเดิม อาทิ เรื่องให้ทานข้าวกลางวันฟรี (ไม่อยู่ในสัญญา) ถ้าตัดทิ้งไป ลูกจ้างสามารถร้องเรียนได้ครับ)
เห็นด้วยครับ (ตอนนี้ทำส่วนตัวทำเืกือบทุกวัน) ตอนเป็นลูกจ้างก็ 6 หยุด1 แต่ในความเป็นจริงที่เห็นพนักงานระดับล่างนี้ ทำกัน6-7วันต่อสัปดาห์แถมโอที หรือควบกะ เผื่อความอยู่รอด(เน่าเห็นใจมากๆๆ)
-
ส่วนมากคนเห็นด้วย คือคนทำงาน 5 วัน คนคัดค้านคือ คนทำงาน 6 วัน ส่วนใหญ่ โรงงานก็ 6 วันนะ ไม่เห็นแปลกตรงไหน ผมก็ทำงาน 6 วัน ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ส่วนตัวมองว่า ถ้ารับได้ก็อยู่ต่อถ้ารับไม่ได้ก็ลาออก แค่นั้นเอง จริงๆควรจะไปตกลงคุยกันให้เรียบร้อยโดยหาทางแก้สำหรับพนักงานที่มีความจำเป็น เรียนต่อ อะไรพวกนี้เป็นเคสๆไปมากกว่า ไม่ต้องเหมารวมเอาเรื่องครอบครัวสุขภาพ มาอ้าง ผสมด้วยความขี้เกียจของบางคน เพราะคนที่ทำงานวันเสาร์มีค่อนประเทศก็ไม่เห็นเค้าป่วยตายอะไร เรื่องรถติดผมไม่ออกความเห็นมาก แต่จริงๆก็ควรเคารพสิทธิคนอื่นๆ
-
เรื่องภายใน GM ไม่ออกความเห็นนะครับ ของผมเป็น Warehouse ใน ESIE ครับ ทำจันทร์-เสาร์เหมือนกัน
ก็กระทบไปด้วย (งานน้อยลง ;D) เพราะส่งสีให้ GM ด้วย พรุ่งนี้ไม่มีงานเลย ;)
เพราะวันเสาร์มีส่ง GM เจ้าเดียว คงจัด stock สักครึ่งวัน แล้วปล่อยลูกน้องกลับบ้าน ;D ;D ;D
ปล. อยากได้สีแต้มรถ หลังไมค์ได้ครับ ฟรี ;) ;) ;) มีทั้ง GM กับ Ford นะครับ บางสี (ผิดกฏไหมหว่า)
-
ผมเป็น SMEs ระดับเล็กๆนะครับ
ขอแยกอย่างนี้
คนรายได้น้อย ทำงาน 7วันต่อสัปดาห์ครับ (ไม่เห็นมีใครบอกร่างกายทรุดเลย) ผมเห็นแม่ค้ามาขายของที่ตลาดตั้งแต่ ตี 2(วางของ-จองที่) กลับบ้านบ่าย3 ทุกวันครับ
ร้านค้าแบบเก่าๆ เปิดร้าน 7 วันครับ
ร้านค้ารูป หจก. บริษัท หรือร้านงานเยอะขึ้นมาหน่อย ก็ทำงาน 6 วันครับ (ขอย้ำว่าเป็น ปกติ ของร้านค้าMarginต่ำ ที่ต้องสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของกรุงเทพ)
บริษัทในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ทำงาน 5 วัน
ลองเดินแถว วรจักรสิ ร้านค้า ทำงาน 6 วันนะครับ
ลองเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวสิ ทำงาน 7 วันนะครับ
ลองเข้าห้างดูสิ ร้านค้าทำงาน 7 วัน ห้ามหยุดวันนักขัตฤกษ์นะครับ (มีสัญญานะครับ ว่า ถ้าหยุดต้องโดนปรับด้วย การหยุดต้องส่งเรื่องเป็นสัปดาห์ถึงจะขอหยุดได้นะครับ)
อย่าบอกครับ ว่าอย่างไหน ปกติ หรือไม่ปกติ เพราะคุณ ไม่ได้เจอสังคมอีกแบบหนึ่ง ที่ต้องสู้กับยักษ์ใหญ่ต้นทุนต่ำกว่ามากกกก
คำว่า "ร่างกายพัง" มันเป็น สมมติ ของคนเท่านั้น เพราะถ้าคุณเทียบดู ยังมีคนอีก เกิน 50% ทำงาน 6 วัน และ 7 วัน เขาก็ยังอยู่ได้โดยปกติสุข
ร่างกายผู้ใช้แรงงานบางท่าน ยังคลอดลูกง่ายว่า บรรดาสาวออฟฟิศ ที่ต้อง"ประคบประหงม" กลัวนู่นกลัวนี่ สุดท้าย ทนไม่ได้ ก็ต้องผ่า (เพราะกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เวลาเบ่งลูกจะเจ็บมากกว่า คนที่มีกล้ามเนื้อเชิงกรานที่แข็งแรง)
"ออกกำลัง" ครับ ที่ช่วยได้ ช่วยให้พวกบรรดาท่านๆ "ร่างกายไม่พัง"
แทนที่จะเอาเวลาไปเดินห้าง ทานข้าว ดูหนัง พักผ่อน เปลี่ยนเป็น ออกกำลังกายพักผ่อนสิครับ กำหนดลมหายใจ เวลาวิ่ง เพื่อฝึกสมาธิอีกทาง แล้วท่านจะทราบว่า การพักผ่อนที่แท้จริงคืออะไร
ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ เพราะ จะต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
ผมเพียงอยากให้ท่านผู้อ่านเปรียบเทียบกับกลุ่มคนในหลายระดับชั้น ว่า พวกเขาเหล่านั้น ทำงานในอีกรูปแบบหนึ่ง คนละเวลากับท่าน คนละหน้าที่ คนละสภาพแวดล้อม คนละฐานเงินเดือน และอื่นๆอีกมากมายที่ แตกต่างกัน
แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันเลยนั้น มีเพียง เกิด แก่ เจ็บ ตาย และ เมื่อตาย ก็ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ แม้แต่ความดี ความชั่ว
เมื่อจิตละแล้วซึ่งการปรุงแต่ง แล้วกรรมก็จะสลายไป ตัวตนที่แท้จริง มันมีอยู่แน่หรือ?????
(ผมไม่ได้บอกนะ ว่า GM ทำถูก เพราะ กฎหมายแรงงาน จะต้องให้สิทธิ์ลูกจ้าง ดีกว่าเดิม ไม่ใช่แย่กว่าเดิม อาทิ เรื่องให้ทานข้าวกลางวันฟรี (ไม่อยู่ในสัญญา) ถ้าตัดทิ้งไป ลูกจ้างสามารถร้องเรียนได้ครับ)
เห็นด้วยครับ ผมก็เป็น sme เข้าใจเลย จากเหตุการณ์นี้มีพนักงานที่นี่มาทำงานกะผมคนนึง เหตุที่ออกคือ ทำมากกว่าเดิม แต่ได้เท่าเดิม
-
ตอนผมฝึกงานก็มาทำงาน 6 วัน (จันทร์-เสาร์) นะครับ มีที่ทำงานปัจจุบันนี่ละที่ทำ 5 หยุด 2 วัน
ส่วนตัวผมว่านานนาจิตตัง แล้วแต่คนครับ ถ้าโอเคก็ทำ ไม่โอเคก็ออกเท่านั้นเอง เพราะจริงๆมันต้องคุยกันก่อนละครับว่าจะทำกันกี่วัน อย่างไร
-
กฎหมายระบุ
แต่กฎบริษัทก็ตั้งได้ ก่อนเข้าทำงานเค้าต้องบอกว่าทำกี่วัน
เงินเดือนมันก็มาตามเวลาทำงาน แต่ควรจะมากกว่าขั้นต่ำ
รับไม่ได้ไม่ควรเข้าทำงาน
แต่ถ้าให้ขั้นต่ำและทำงานมากกว่าที่กฏหมายระบุ สมควรโดนประนาม
-
ผมก็เคยทำงาน 6 หยุด 1 แถมต้องเข้ากะด้วย เดือนไหนเข้ากะดึกคิดดูว่าวันเสาร์ เลิกงานตอน 7 โมงเช้าวันอาทิตย์ ก็ต้องนอนทั้งวัน
คืนวันอาทิตย์ ไม่ต้องไปทำงาน ไปทำงานอีกที 3 ทุ่มวันจันทร์ บอกได้เลยว่าชีวิตไม่เป็นผู้เป็นคน เสียสุขภาพอย่างมาก กินนอน ทำงาน
ไม่เป็นเวลา วันไหนนอนกลางวันไม่พอเพราะมีสิ่งรบกวน คืนนั้นทำงานด้อยประสิทธิภาพมากๆ ง่วงและทรมารสุดๆ
ถึงไม่เข้ากะดึก หยุดวันอาทิตย์ทำอะไร ก็ต้องทำงานงานบ้านซักผ้า เพื่อให้พร้อมไปทำงานต่อวันจันทร์ แทบไม่มีเวลาพักกันเลย
แต่บ. ก็ไม่ได้ทำผิดกฏหมายแรงงานใดๆ เพราะว่า กฏหมายให้ทำงาน ได้สัปดาห์ละไม่เกิน 48 ชม. ต่ำกว่าไม่ผิดกฏหมาย
ผมเลิกทำงานที่ทำ 6 วันผมรับไม่ได้เพราะผ่านมาแล้วรู้ว่าเป็นอย่างไร งานในธุระกิจที่มีงาน Operation มักจะทำงาน 6 วัน
เต็มตามกฏหมายกำหนด แต่ถ้างานที่ไม่มี Operation ก็มักจะทำงานตามธนาคาร หรือ ลูกค้าตัวเอง แต่ต้องไม่ผิดกฏหมาย
กรณีของ GM เข้าใจว่าผู้บริหารต้องการให้ทำงานเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่กฏหมายกำหนด คือ สัปดาห์ละ 48 ชม
จึงประการวันทำงานปกติใหม่ จาก 5 วันทำงาน เป็น 6 วันทำงาน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่าย OT วันเสาร์
ผู้บริหารต่างชาติพวกนี้ไม่ค่อยเข้าใจ เค้าถือว่าเค้าทำตามกฏหมาย แต่การเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลกระทบ
ไม่มากก็น้อย จริงๆก็ควรจะประกาศล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 3 เดือน และ การชดเชยต้องชัดเจนและเป็นธรรม
ถ้ารับการชดเชยไม่ได้ ก็จะได้มีเวลามีทางเลือก การชดเชยก็น่าจะ เพิ่มเงินเดือนไปตามส่วนที่ต้อง ทำงานเพิ่ม
เดือนละ 4 วัน อย่างน้อยก็ จ่ายถูกกว่า OT ที่ต้องจ่าย X2 ในวันหยุด ใครมาทำงานไม่ได้ก็แก้เป็น Case ๆ ไปก่อน
เช่นให้ลาไม่รับค่าจ้างในวันเสาร์ได้ในช่วงแรกๆ เช่นต้องไปเรียนอีกกี่วันกี่เดือนถึงจะจบ โดยไม่คิดเป็นวันลา
ก็ว่ากันไป พนักงานรุ่นใหม่ๆที่เข้ามาก็ต้องรับได้ที่จะทำงาน 6 วัน เป็นปกติ ปัญหาไม่ได้แก้ยากแค่ไม่จริงใจ
นะผมกว่า
-
ประเด็นหลักของปัญหานี้คือการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างครับ
แม้กฎหมายแรงงานจะระบุว่าให้ลูกจ้างทำงานไม่เกิน 48 ชั่วโมง/สัปดาห์(6วัน)
แต่สภาพการจ้างเดิมคือ 5 วัน ต้องยึดตรงนี้เป็นหลักก่อนครับ
นายจ้างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างได้โดยพลการ
ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน
ขอให้ปัญหาจบลงได้ด้วยดีนะครับ
-
ส่วนตัวแล้วก็มองว่าทางบ.เองทำไม่เหมาะสมเป็นผมๆก็คงไม่ยอมแต่การเรียกร้องโดยที่ต้องเดือดร้อนคนอื่นๆนี่ก็ไม่เหมาะสมนะครับมีปัญหากันเองก็ไปจัดการกันเองจะดีกว่าอันนี้พูดถึงรวมๆเลยนะครับและขอแย้งในส่วนข้อมูลของคุณ masueoh นิดนึงนะครับว่ามีการปิดถนนจริงๆรถไม่สามารเคลื่อนที่ได้แม้แต่น้อยเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงในเวลาเร่งด่วน และรถไม่ได้ช้าเพราะชะลอตัวแต่อย่างใดเพราะปกติก็คลานๆกันอยู่แล้วและจะมีเย้วๆเดินไปเดินมาและมีคนนึงเหมือนมาช่วยโบกแต่มาซะกลางถนนทำให้รถยิ่งต้องชะลอความเร็วลงเดี๋ยวไปชนเข้าจะเป็นเรื่องอีก ส่วนเรื่องรถติดที่มีเป็นประจำอยู่แล้วก็ใช่ครับแต่ๆๆๆๆๆปกติผมมาถึงโรงงาน 7:20 วันนั้นมาถึง 7:58 อีกคันปกติมาถึง 7:30 วันนั้นเล่นไปซะเกือบ 8:30 พี่อีกคนติดแหง็กอยู่เลนซ้ายไปไหนไม่ได้ต้องได้ลางานครึ่งวันเลยหลุดไปได้ก็ยูเทิร์นกลับบ้าน คงบอกว่าไม่ทำให้รถติดเพิ่มมากนักไม่ได้ และเรื่องรถตอนนี้ไม่ใช่รถตู้แล้วแต่ส่วนใหญ่เป็นกระบะซึ่งเป็นของคนที่มาตั้งเต้นท์นอนกันนั่นแหละจอดอยู่ข้างทางให้กีดขวางการจราจรทำให้เมื่อวานเกิดเหตุเฉี่ยวกันหลายกรณีมากเพราะรถที่วิ่งมาทางซ้ายมาเจอรถที่จอดขวางไว้ต้องออกขวาทำให้มาต๊ะกันกับรถที่วิ่งมาเลนปกติ
อยากให้เข้าใจเรื่องเสรีภาพกันหน่อย ไม่ใช่เพื่อเรียกร้องส่วนตัวแล้วจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอย่างไรก็ช่างคิดเหมือนพวกทำเครื่องเสียงแล้วเปิดดังๆนั่นแหละ
ป.ล. จริงๆประเด็นหลักอยากสื่อว่าคนที่จองเชฟคงได้รอกันนานอีกหน่อยแต่ใส่ความเห็นส่วนตัวด้านอื่นมากไปหน่อยเลยไหลไปทางอื่นซะงั้น ขออภัยด้วยครับ
-
เอาให้ปิดโรงงานไปเลยยิ่งดี
เอาคนเก่าออกให้หมดวัฒนธรรมองค์กรของ GMTh จะได้ดีขึ้นกว่าเดิม
-
กรณีของ GM เข้าใจว่าผู้บริหารต้องการให้ทำงานเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่กฏหมายกำหนด คือ สัปดาห์ละ 48 ชม
จึงประการวันทำงานปกติใหม่ จาก 5 วันทำงาน เป็น 6 วันทำงาน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่าย OT วันเสาร์
ผู้บริหารต่างชาติพวกนี้ไม่ค่อยเข้าใจ เค้าถือว่าเค้าทำตามกฏหมาย แต่การเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลกระทบ
ไม่มากก็น้อย จริงๆก็ควรจะประกาศล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 3 เดือน และ การชดเชยต้องชัดเจนและเป็นธรรม
ถ้ารับการชดเชยไม่ได้ ก็จะได้มีเวลามีทางเลือก การชดเชยก็น่าจะ เพิ่มเงินเดือนไปตามส่วนที่ต้อง ทำงานเพิ่ม
เดือนละ 4 วัน อย่างน้อยก็ จ่ายถูกกว่า OT ที่ต้องจ่าย X2 ในวันหยุด ใครมาทำงานไม่ได้ก็แก้เป็น Case ๆ ไปก่อน
เช่นให้ลาไม่รับค่าจ้างในวันเสาร์ได้ในช่วงแรกๆ เช่นต้องไปเรียนอีกกี่วันกี่เดือนถึงจะจบ โดยไม่คิดเป็นวันลา
ก็ว่ากันไป พนักงานรุ่นใหม่ๆที่เข้ามาก็ต้องรับได้ที่จะทำงาน 6 วัน เป็นปกติ ปัญหาไม่ได้แก้ยากแค่ไม่จริงใจ
นะผมกว่า
เห็นด้วยครับ
-
ทำส่วนตัว 7 วันครับไม่มีวันหยุดครับ
-
งงด้วยคน ปกติบริษัทเค้าทำงาน6วัน/สัปดาห์เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรอะ มีราชการ+รัฐวิสาหกิจทั้งหมดที่จะทำงานแค่5วัน/สัปดาห์
ทำงาน 6วัน เขาเรียก ไม่ปรกติครับ
-
ทำงานมากน้อย ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบธุรกิจเป็นอย่างไรด้วยครับ
ธุรกิจหลายอย่างไม่สามารถให้ค่าตอบแทน ตามแบบอย่างของบริษัทใหญ่ได้
ถ้าลูกจ้างเอาอย่างบริษัทที่ให้โบนัส 8 เดือน โดยไม่ดูเลยว่า เค้าทำกำไรปีละเท่าไหร่และไปเรียกร้องกับธุรกิจที่ัตัวเองทำงานอยู่ ถ้าหาทางออกร่วมกันไม่ได้ นายจ้างก็ต้องปล่อยให้เค้าไปหาสิ่งที่ดีกว่า แต่...........ตำแหน่งงาน 100 ตำแหน่ง คนสมัคร 5000 คน มันไม่ใช่ทุกคนที่จะได้อย่างนั้น
ผมมองว่า ต่อไปทางแก้คือ ไม่ว่าธุรกิจเล็กใหญ่ เจอปัญหาทั้งนั้นแหละ ต้องคุยกันก่อนรับทำงานว่าสโคปเป็นแบบนี้รับได้ก็ทำ รับไม่ได้ ก็ต้องหาที่อื่น เจ้าของก็เช่นกัน
-
งงด้วยคน ปกติบริษัทเค้าทำงาน6วัน/สัปดาห์เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรอะ มีราชการ+รัฐวิสาหกิจทั้งหมดที่จะทำงานแค่5วัน/สัปดาห์
ทำงาน 6วัน เขาเรียก ไม่ปรกติครับ
คุณครับ มีงานเยอะแยะในประเทศนี้ที่ทำงานยาวติดๆกัน บางทีหาวันพักแทบไม่เจอ
- คนขับรถทัวร์เสาร์-อาทิตย์,เทศกาลไม่เคยได้หยุด กิน-นอนอยู่บนรถกันเป็นอาทิตย์
- พนักงานห้าง ทำงานแทบไม่มีวันหยุด ให้เป็นลาพักร้อนแทน
- ร้านคาร์แคร์ทั้งหลายอาทิตย์นึงหยุด1วัน ทำงานตัวเปียกกันทั้งวัน
- ร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดทุกวัน เด็กเสิร์ฟ,พ่อครัวได้หยุดซักกี่วัน/เดือน
- CEO ผู้บริหารทั้งหลายแหล่นี่ส่วนใหญ่ทำงานทุกวันนะครับ คุณมองว่าเค้ามีวันหยุดไม่มาทำงาน แต่เค้าทำงานตลอดเวลาครับ นัดพบลูกค้าในวันหยุดของตัวเองก็เยอะ ไปเที่ยวกับครอบครัวแต่เอา notebook ไปทำงานบ้างเป็นระยะ ผมไม่เคยเจอผู้บริหารใช้วันหยุด 100% เต็มเลย
นี่แค่ตัวอย่างนะครับ มีอีกหลายอาชีพที่ทำงานกันจนหาวันหยุดแทบไม่เจอ ผมผ่านงานมาพอสมควรดั้งนั้นทำงานวันละ 8 ชม. 6วันสำหรับไม่ถือว่าแปลกครับ ทุกวันนี้ผมทำธุระกิจส่วนตัวเริ่มงาน 6โมงเช้าเลิก6โมงเย็นครับ ตั้งแต่เดือนตุลาปีที่แล้วจนถึงวันนี้ผมยังไม่มีวันหยุดเลย ลูกน้องหยุดผมไปทำงานอย่างอื่นอีก
-
ปีที่แล้วผมทำงานได้ วันทำงาน/วันหยุด=1.76 เคยแบบหนักสุดก็ทำงาน 75 วันติดต่อกันไม่มีพัก 8)
อยากได้ผลตอบแทนสูงต้องลงทุนหนักครับ พอเปิด AEC ถ้าทำงานแล้วมีข้อต่อรองมาก ระวังบริษัทจ้างคนอืนแทนแล้วจะแย่นะครับ
-
เห็นด้วยกับคุณ seamonkey ครับ
ผมเคยทำงาน 6 วัน
มันก็ไม่ได้แย่นะครับ ชีวิตก็ปกติ แต่ที่ขาดไปคือ การไปเที่ยวพักผ่อน หรือทำกิจกรรมอะไรที่อยากทำมากกว่า
บางครั้งผมต้องทำ 7 วันด้วยเนื่องจากบริษัทลูกค้าทำ 7 วัน(ทำเป็นกะ 3 กะ 24 ชม ) จึงต้องเข้าไป Support บ่อยครั้ง
ผมคิดว่าคนที่เลือกสมัครคงไม่มีใครอยากทำงาน 6 วันหรอกครับถ้าคิดในมุมของคนกินเงินเดือนซึ่งได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
ไม่ใช่ค่าคอมเพราะค่าคอมนั่นถ้าเราทำมากก็ได้มาก
แต่ผมคิดว่าคนที่มาประท้วงคงไม่ได้มีทางเลือกมากนักในการเลือกสถานที่ประกอบการเพราะถ้าเขาเลือกได้คงจะไม่มาประท้วง(ไปหาที่ใหม่ที่ดีกว่า)
แต่ตอนนี้ผมเห็นโรงงานหลายโรงมากที่มีต่างชาติ(เพื่อนบ้าน)เข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก
คนไทยอาจจะตกงานเยอะกว่านี้ก็ได้ครับ ลองดูร้าน Fast food บางแห่งยังมีการจ้างแรงงานต่างด้าวเลยครับ
-
Update ให้ทราบเพิ่มเติมครับ
http://www.dailynews.co.th/thailand/183718 (http://www.dailynews.co.th/thailand/183718)
ตอนนี้มีการจัดการที่ดีขึ้นเยอะไม่ได้กีดขวางการจราจรเหมือนวันแรกที่น่าด่ามาก คาดว่าศึกครั้งนี้น่าจะยาวไกลนักท่านใดที่จองเชฟไว้นานหน่อยเด้อ อยากดูเจ้าสปินซักหน่อยสงสัยยืดไปอีกล่ะ
-
ทำงานกันน้อยๆ พักผ่อนให้มากๆ ครับ
ผมชอบ ;D