อาชีพพนักงานขาย(sale person, sale man, sale executive, 9ฯ9) มันเป็นเรื่องของประสบการณ์และฐานข้อมูลซะเป็นส่วนใหญ่ครับ
ผมเคยเจอนักงานขายตั้งแต่จบ ป.4 ยันปริญญาโท แล้วแต่ว่าขายอะไร
สำหรับเซลส์ขายรถยนต์นั้นมี 2แบบครับ
แบบแรกคืออย่างที่อยู่ตามโชว์รูมที่เราไปซื้อรถกัน พวกนี้ส่วนใหญ่จะต้องเรียนงานอยู๋แล้วใน 1 ปีแรก
หลัังจากนั้นจะเป็นช่วงเก็บฐานลูกค้าอีก 3-4 ปี ถ้าคุณสามารถทำงานได้เกิน 5 ปีในแวดวงนี้ หลังจากนั้นคุณก็จะเริ่มสบายแล้ว
เพราะลูกค้าเก่าของคุณจะเกิด"การซื้อซ้ำ" ตามวัฎจักรอายุกาใช้งาน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการบริการหลังการขาย ถ้าดูแลกันดี ความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อกับเราก็มีสูง
เซลส์บางคนบริการดีขนาดที่ย้ายงานเปลี่ยนยี่ห้อที่ขายแล้วลูกค้าก็ยังตามไปซื้อยี่ห้อใหม่ด้วย
พวกข้อมูลทางเทคนิคของสินค้าทั้งของเราและของคู่แข่งไม่ได้เป็นจุดแข็งสำหรับเซลส์มากนัก เพราะถึงยังไงก็ต้องถูกบริษัทรถยนต์อบรมให้อยู๋แล้ว
คุณจะถูกบริษัทรถยนต์ล้างสมอง ปลุกขวัญกำลังใจ ยัดเยียดข้อมูลมากมาย จับหัดยืน เดิน นั่ง พูด กิริยามารยาท การแต่งตัว
สิ่งเดียวที่คุณต้องทำอย่างหนักคือ "การบริการให้ลูกค้าประทับใจตลอด 4-5 ปี"
นอกนั้นจะมีคนคอยช่วยดูแลให้เอง
เส้นทางการทำงานของเซลส์แบบนี้จะคล้ายๆกัน
เซลส์แมน ---> หัวหน้าทีมเซลส์ ---> ผู็ช่วยผู็จัดการฝ่ายขาย --> ผู้จัดการฝ่ายขาย ---> ผู้ช่วยผู็จัดการทั่วไป --> ผู้จัดการทั่วไป
แต่ละตำแหน่งน่าจะต้องมีอายุงานในแต่แหน่งนั้นอย่างน้อย 3-5 ปี ก่อนจะได้เลื่อนขั้น
อันนี่คือแบบแรก
แบบที่2ที่เราไม่เคยเจอกันคือ เซลส์แมนของบริษัทรถยนต์ที่คอยขายรถให้ดีลเลอร์
มีหน้าที่คอยขายส่งรถยนต์ให้ดีลเลอรืเพื่อมาขายเราต่อกันอีกทีนึง
เซลส์คนนึงจะดูแลโชว์รูมประมาณ 6-8 แห่ง เพื่อคอยดูยอดขายปลีกของโชว์รูม เพื่อช่วยผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามที่บริษัทรถยนต์ต้องการ
แล้วคอยผลักดันยอดขายส่งจากบริษัทรถยนต์ไปให้ดีลเลอร์ มีทั้งคุยกันดีๆ ซื้อขายตามรอบ มีทั้งยัดเยียดให้ซื้อ มีทั้งขู่ให้ซื้อ มีทั้งอ้อนวอนให้ซื้อ
เซลส์พวกนี้จะไม่ต้องเจอกับลูกค้าอย่างเราๆท่านๆโดยตรง แต่ต้องเจอกับเจ้าของดีลเลอร์ คุณต้องเจรจากับเค้าเพื่อให้ยอมซื้อรถคุณ
การซ์้อขายกันมีตั้งแต่ 1-2 คัน จนบางทีระดับ "หมื่นคัน" ในการเจรจาครั้งเดียว
ตอนมาร์ชเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย มีดีลเลอร์บางเจ้าสั่งซ์้อรถทีเดียว 12,000 คัน เรียกว่ากะขายเดือนละ 1000 คันเลย
พวกนี้จะรับคนมีประสบการณ์บ้าง5-10 ปี หรืออย่างน้อยก็ต้องจบปริญญาตรี
ภาษาอังกฤษต้องแน่นในระดับที่นั่งประชุมกับชาวต่างชาติแล้วรู็เรื่อง
เรื่องรองที่คุณควรมีคือ ความสามรถในการอ่านแผนที่ เพราะคุณต้องคอยออกไปตรวจเยี่ยมดีลเลอร์ที่คุณดูแลอยู๋เป็นประจำ
ความก้าวหน้าในสายงานก็จะคล้ายๆกับแบบแรกครับ เพียงแต่คุณจะอยู่ในองค์กรที่ใหญ่กว่า อินเตอร์กว่า