ผู้เขียน หัวข้อ: ขนาดยางเท่ากัน เติมลมไนโตรเจน vs เติมลมธรรม ฟิลลิ่งต่างกันไหม ?  (อ่าน 4516 ครั้ง)

ออฟไลน์ Akrachai

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 350
    • อีเมล์
ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ

แล้วสอบถามเพิ่มเติมมันต้องบ่อยแค่ไหนครับ ถ้าใช้งานรถอาทิตย์ละ 4-6 วัน/สัปดาห์ ?

ออฟไลน์ mobgang33

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 176
Nitrogen เติมเเล้วตอนขับนุ่มกว่า ลมleak น้อยกว่าจะอยู่ได้นานกว่าครับ
2เดือน เช็คที ยังได้ครับ
หาที่เติมยาก เพราะที่เติมตามปั๊มมีแต่ ลมธรรมดาครับ

ออฟไลน์ SpeedC

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 313
ผม2-3เดือน ยาง19 เติม40 ลดไป 2-3psi ครับ ใช้แล้วขับยาวๆสบายใจ เวลาใช้ลมปกติ เป็นโรคจิต เติมตลอดเลย

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,871
ฟิลลิ่ง ผมว่า ลมธรรมดาที่ปอนด์เท่ากัน ความตึงตังจะน้อยกว่านะครับ...ตรงนี้ผมอาจคิดไปเองก็ได้

ส่วนเรื่องแรงดันลมยาง

กับรถที่ไม่ค่อยได้ขับ คืออยู่ได้นานครับ นานมากด้วยเมื่อเทียบกับลมธรรมดา

แต่กับรถที่ใช้งานทุกวัน ช่วงที่ลดจาก จุดเต็ม ก็เร็วนะ
เช่น จาก 33 แป๊บเดียวจะมาที่ 31 แล้ว หลังจากนั้น ก็จะอยู่ยาว

ออฟไลน์ kabokaboh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
ไม่ต่าง ถ้าลมไม่ชื้น ปั๊มมีดักน้ำ

N2 คุณสมบัติต่างดาว เอาไว้โม้

จริงๆ มันแค่ไม่มีความชื้น ตามขบวนการผลิต

ลมปรกติ ก็มี n2 70% ที่เหลือ คือ O2 กะ อย่างอื่นเล็กน้อย

มันแทบไม่ขยายตัวจนทำให้ก้นคุณรู้สึกได้

(แก้ไขเพิ่ม สมการก๊าซ PV=nRT ในยาง V คงที่ R คงที่
แรงดัน จะแปลผันตามจำนวนก๊าซและอุณหภูมิ
แต่ ถ้าแอบมีน้ำในรูปของเหลวเข้าไปเพียงเล็กน้อย เนื่องจากไอน้ำถูกอัด มันจะกลายเป็นของเหลว

 แล้วน้ำเกิดการระเหิดในยาง ยิ่งร้อนยิ่งระเหิด

ค่า n จะเพิ่มเป็นอย่างมาก แรงดัน คงจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปรกติ ด้วยสาเหตุนี้)

แต่

ถ้าลมชื้น ปั๊มไม่มีถังดักน้ำ พออากาศอัด น้ำมาเป็นสาย ไม่รู้ตัว เติมไปด้วยความมั่นใจ

 ยางร้อน น้ำขยายตัว แรงดันขึ้น ความดันจะเปลี่ยนไป แข็งขึ้นแน่นวล

อันนี้ รู้สึกได้แน่นอน ถ้าใครมี TPM จะรู้ดี

ถ้าไม่มั่นใจในปั๊มลมที่ไปขอเติมฟรีๆ หรือ ใช้แบบเสียบปลั๊ก 12v น้ำใหลปลายสาย

 ก็ไปหา N2 เติม แห้งชัวร์

ถ้าลมธรรมดา คลีนพอ มันก็ไม่ต่างกัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 07, 2022, 11:31:44 โดย kabokaboh »

ออฟไลน์ samaklen

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,928
ถ้าไนโตรฯ จากโรงแยกก๊าซ
ต่างแน่ครับ
ที่เติมๆ กัน ตู้มันแยกได้ไม่เต็มที่

ออฟไลน์ TeslaX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,765
ความรู้สึกนุ่มขึ้นจริง แต่แลกมากับการที่ต้องเติมลมยางไนโตรเจนอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามเติมผสม

ออฟไลน์ adisakponmuang

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
ผมเห็นด้วยครับผมว่าไนโตรเจนมันหนักกว่าในปอนด์ที่เท่ากัน ผมเลยปล่อยออก แล้วเติมลมธะมดาแทน เหมือนล้อจะเบากกว่าเดิม ไม่ตึงตังเหมือนตอนเติมไนโตรเจน

ฟิลลิ่ง ผมว่า ลมธรรมดาที่ปอนด์เท่ากัน ความตึงตังจะน้อยกว่านะครับ...ตรงนี้ผมอาจคิดไปเองก็ได้

ส่วนเรื่องแรงดันลมยาง

กับรถที่ไม่ค่อยได้ขับ คืออยู่ได้นานครับ นานมากด้วยเมื่อเทียบกับลมธรรมดา

แต่กับรถที่ใช้งานทุกวัน ช่วงที่ลดจาก จุดเต็ม ก็เร็วนะ
เช่น จาก 33 แป๊บเดียวจะมาที่ 31 แล้ว หลังจากนั้น ก็จะอยู่ยาว

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,402
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
ความรู้สึกส่วนตัว ผมว่าใช้ลมไนโตรเจนนุ่มกว่าครับ ตอนที่ผมใช้ยาง Toyo C1S ได้ราวๆปีกว่า ระยะทางประมาณ 3.5 หมื่นโล เติมลมไนโตรเจนมาตลอด และผมมักจะชอบเช็คลมยางตอนเช้าๆก่อนออกจากบ้าน คือเติมจากร้านมาแข็งๆ 35 แล้วจอดข้ามคืน ตอนเช้าๆจะปล่อยลมออกให้เหลือ 32 พอดีแล้วก็ใช้ไปยาวๆครับ มีช่วงนึงย้ายบ้านมาอยู่ที่ๆไม่ค่อยสะดวกเติมไนโตรเจนเหมือนก่อน เลยเติมลมธรรมดาตามปั๊มไป ใช้ได้อยู่ราว 3 เดือน จาก 3.5 หมื่นโล เป็น 4.5 หมื่น ยางแข็งขึ้นจนรู้สึกว่าน่าจะถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว เริ่มค่อยๆลดลงยางจาก 32 เหลือ 31 ได้แปปนึงก็แข็งอีกแล้ว เลยคิดว่ามันแข็งและคงต้องเปลีย่นแล้วหละ (ปกติผมจะใช้ยางได้อย่างทนก็ปีครึ่งถึงปีปลายๆทุกเส้น ไม่เคยได้ถึง 2 ปีเลยครับ)

แต่ไม่รู้นึกไงก่อนจะตัดสินใจไปเปลี่ยนยาง ลองไปบีควิกให้ปล่อยลมยางออกทั้ง 4 เส้นแล้วเติมไนโตรเจนเข้าไปใหม่ จอดข้ามคืนถึงตอนเช้าปล่อยลมให้เหลือ 31 เหมือนเดิม ปรากฏว่า อ้าว! มันนุ่มลงกว่าเดิมเฉย ยังไม่ต้องเปลี่ยนยางแล้วจ้า เลยใช้ไนโตรเจนมาได้อีกราวๆ 3 เดือน ยางจึงกลับมาแข็งเท่าตอนที่เคยใช้ลมธรรมดาครับ ก็เลยได้เปลี่ยนยาง ณ ตอนนั้น สิริรวมทั้งสิ้น 52,198 กม. กับ 1 ปี 10 เดือนครับ (ถ้าไม่เปลี่ยนลมยาง คงจบตั้งแต่ 1 ปี 7 เดือน กับ 4.5 หมื่นโลแล้วครับ)
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,601
  • may the force lead your way ...
เท่าที่ผมลองใช้มาเติมไนโตรเจนแล้วนุ่มขึ้นจริงๆครับ  ::)

ผมขับรถได้ทั้งกลางวันและกลางคืนช่วงที่ผ่านมาได้ใช้ tpms สังเกตมาประมาณนี้
ตอนเติมไนโตรเจนที่อุณหภูมิ 30 ผมเติม 33 4 ล้อ

ไปอีสานอุณหภูมิแถว 20 แรงดันลมไปอยู่แถวๆ 30 31
ขับระหว่างทางก็ขึ้นไปที่ 32 33 กลางคืน

ขับกลับกลางวันร้อนๆก็ขึ้นไปที่ 34 35

------

ตอนลมธรรมดาไม่ได้ใช้ไนโตรเจนผมเติม 33 4 ล้อเหมือนกัน
กลางวันร้อนๆมีขึ้นไปถึง 36 37

พอได้สังเกตการยืดขยายของอากาศธรรมดากับไนโตรเจนที่กรองแล้ว
พบว่าต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญครับ

สรุป เติมได้ก็ดีกว่าแน่นอน
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
      เติมลมไนโตรเจน  ขับไปแล้วเวลายางร้อนๆแรงดันจะสูงขึ้นประมาณ 3 ปอนด์  ส่วนลมธรรมดาแรงดันจะสูงขึ้น 5-6 ปอนด์  ทำให้รู้สึกว่าลมไนโตรเจนนุ่มกว่า

ออฟไลน์ Teera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
    • อีเมล์
ผมไม่รู้สึกครับ

ออฟไลน์ Firzen

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 887
ส่วนตัวไม่รู้สึกเรื่องฟิลลิ่ง แต่เท่าที่เจอมากับตัวเอง ลมไนโตรเจน จังหวะตอนเลี้ยวหรือยูเทิร์นนี่ เสียงยางร้องลั่นเลยครับ ในขณะที่ตอนใช้ลมธรรมดาไม่เป็น (ยางเดิม รถเดิม ยูเทิร์นเดิม ต่างกันแค่ชนิดของลมยาง) ทีแรกก็นึกว่าเป็นคนเดียว แต่รถเพื่อนก็เจอแบบนี้เหมือนกัน  :-\


ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,485
ไม่ต่าง ถ้าลมไม่ชื้น ปั๊มมีดักน้ำ

N2 คุณสมบัติต่างดาว เอาไว้โม้

จริงๆ มันแค่ไม่มีความชื้น ตามขบวนการผลิต

ลมปรกติ ก็มี n2 70% ที่เหลือ คือ O2 กะ อย่างอื่นเล็กน้อย

มันแทบไม่ขยายตัวจนทำให้ก้นคุณรู้สึกได้

(แก้ไขเพิ่ม สมการก๊าซ PV=nRT ในยาง V คงที่ R คงที่
แรงดัน จะแปลผันตามน้ำหนักก๊าซและอุณหภูมิ
แต่ ถ้าแอบมีน้ำในรูปของเหลวเข้าไปเพียงเล็กน้อย เนื่องจากไอน้ำถูกอัด มันจะกลายเป็นของเหลว

 แล้วน้ำเกิดการระเหิดในยาง ยิ่งร้อนยิ่งระเหิด

ค่า n จะเพิ่มเป็นอย่างมาก แรงดัน คงจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปรกติ ด้วยสาเหตุนี้)

แต่

ถ้าลมชื้น ปั๊มไม่มีถังดักน้ำ พออากาศอัด น้ำมาเป็นสาย ไม่รู้ตัว เติมไปด้วยความมั่นใจ

 ยางร้อน น้ำขยายตัว แรงดันขึ้น ความดันจะเปลี่ยนไป แข็งขึ้นแน่นวล

อันนี้ รู้สึกได้แน่นอน ถ้าใครมี TPM จะรู้ดี

ถ้าไม่มั่นใจในปั๊มลมที่ไปขอเติมฟรีๆ หรือ ใช้แบบเสียบปลั๊ก 12v น้ำใหลปลายสาย

 ก็ไปหา N2 เติม แห้งชัวร์

ถ้าลมธรรมดา คลีนพอ มันก็ไม่ต่างกัน

เห็นตามนี้  ไม่เคยเติม  เลยไม่รู้ครับ

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,367
ไม่เคยลอง เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเสียเงินเติมลมไปทำไม
ปกติ ผมเช็คลมยาง ตามปั๊มแทบจะทุก 2 อาทิตย์อยู่แล้ว เลยเฉยๆครับ

ออฟไลน์ red898

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
    • อีเมล์
กลไกทางวิทยาศาสตร์ที่กำหนดฟีลลิ่ง ก็แค่ความดันลมยางเท่านั้นแหละครับ
ถ้าสามารถจับอาการรถที่แรงดันต่างไป 2-3psiได้ก็จัดไนโตรเจนเลยครับ

เรื่องลมรั่วไม่รั่วมันไม่เกี่ยวกับไนโตรเจนไม่ไนโตรเจนเลย อยู่ที่คุณสมบัติของวาล์วเก็บลมต่างหาก
ที่เห็นลมธรรมดารั่วมันเกิดจากอากาศเย็นแล้วไอน้ำจากลมธรรมดามันหดตัว แค่นั้นเลย
พออากาศร้อนแรงดันก็กลับมาเท่าเดิม



ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,230
    • อีเมล์
ไม่ต่างครับ เพราะมันคือ ลม ทั้งคู่

ต่างกันแค่ส่วนผสม ในระดับโมเลกุล ผมว่า คุณแยกไม่ออกหรอก

ขนาดล้อลมต่างกัน 34 vs 36 ปอนด์ ยังแยกไม่ออกเลย

ปล.คนที่ผมใช้ประจำ เติมลมไนโตรเจนตลอด แต่เก๋งอีกคัน ลมธรรมดา ไม่ได้ต่างกันเลย หรือเรียกว่า ไม่ต่าง ครับ

ออฟไลน์ เต๋า AV

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,393
ลมยางไนโตรเจนเติมเหมาะกับใคร ?
เดิมทีรถยนต์ที่ใช้ไนโตรเจนเติมลมยาง จะมีเพียงรถสูตร 1 (F1) เพราะจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิภายในยางอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากรถใช้ความเร็วสูงมาก และวิ่งติดต่อกันนาน ถ้าหากมีความร้อนสะสม ยางจะระเบิดเอาได้ง่ายๆ นอกนั้นจากไนโตรเจนยังใช้เป็นลมยางของเครื่องบิน เพราะต้องประสบกับภาวะที่เสี่ยงต่อการระเบิด เช่นการเร่งความเร็วเพื่อเทคออฟ หรือการรับน้ำหนักตัวเครื่องขณะร่อนลงจอด

สำหรับผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถเติมได้สำหรับผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วสูงต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ใช้รถบรรทุก และรถกระบะที่ต้องบรรทุกหนัก ส่งของทั้งในเมือง และนอกเมืองจะได้รับประโยชน์เต็มที่กับการเติมลมไนโตรเจน

แต่สำหรับผู้ที่ไม่เข้าข่ายนี้ก็สามารถใช้ได้ แต่อาจได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าคุณพอใจที่จะจ่าย

สรุป

ข้อดีของไนโตรเจน ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วมีแน่ แต่หากไม่ได้นำไปใช้งานที่ต้องการความคุมอุณภูมิแบบละเอียด ไม่ได้แตกต่างจาก ลมทั่วไป จะจำเป็น หรือคุ้มหรือไม่กับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม อยู่ที่ความพึงพอใจ และการใช้งานของแต่ละตัวบุคคล

ออฟไลน์ kabokaboh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
เพิ่มเติม เด่วจะหาว่า ไม่เห็นดีงาม กับ N2

ข้อดี นอกจากมันชื้นน้อย ความดันลมไม่วูบวาบ

ยังมีส่วนทำให้ซึมช้า (ถ้าวาล์วดี) ขึ้นเล็กน้อย

ไม่อยากบอกว่าเพราะอะไร เพราะไม่ชัวร์ เช่น อาจจะเป็นเพราะ พวกเรื่อง oxydation น้ำหนักโมเลกุล ความเฉื่อยก๊าซ อะไรพวกนี้

ปล ถ้าจะเติม N2 ให้ได้ผล อย่าลืมไล่ลมเก่าออก อาจจะเติมปล่อย เติมปล่อย หลายๆรอบ

ไม่งั้น น้ำ หรือความชื้น มันยังอยู่ แค่เติมลมไปเพิ่ม มันจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่

ตอนบ้าๆเรื่องพวกนี้ จิตนิดๆ ยังเคยแอบปล่อยลม ให้อ่อนๆ แล้วค่อยเข้าร้านไปเติม จะได้ N2 เยอะๆ

ปล2 ตอนนี้อะไรก็ได้ ยางแข็งขึ้นก็ดี จะได้ไม่ย้วย เวลาสลับเลน

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,042
    • อีเมล์
อากาศปกติ  N2 78%
พวกปั๊ม N2 ที่ขาย ๆ กัน  N2 แถว 93-95%

ดังนั้น ถ้าสามารถรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของ N2  15-17% ในยางได้  ก็เติมได้คับ


แต่ผมไม่สามารถแยกแยะฟิลลิ่งได้ขนาดนั้น ก็เลยเติมลมธรรมดาต่อไป
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ DeziNnoS™

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 84
คนที่บอกต่าง นี่น่าเอามาจับนั่ง blind test ให้หมด

ออฟไลน์ panupong508

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 681
    • อีเมล์
ความเห็นส่วนตัวคิดว่าเงียบกว่าเดิมนะครับ  แถมไม่ต้องเติมบ่อยๆเดือนนึงเช็คสักครั้งครับ

ออฟไลน์ CMaN20

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
ไม่ต่าง ถ้าลมไม่ชื้น ปั๊มมีดักน้ำ

N2 คุณสมบัติต่างดาว เอาไว้โม้

จริงๆ มันแค่ไม่มีความชื้น ตามขบวนการผลิต

ลมปรกติ ก็มี n2 70% ที่เหลือ คือ O2 กะ อย่างอื่นเล็กน้อย

มันแทบไม่ขยายตัวจนทำให้ก้นคุณรู้สึกได้

(แก้ไขเพิ่ม สมการก๊าซ PV=nRT ในยาง V คงที่ R คงที่
แรงดัน จะแปลผันตามน้ำหนักก๊าซและอุณหภูมิ
แต่ ถ้าแอบมีน้ำในรูปของเหลวเข้าไปเพียงเล็กน้อย เนื่องจากไอน้ำถูกอัด มันจะกลายเป็นของเหลว

 แล้วน้ำเกิดการระเหิดในยาง ยิ่งร้อนยิ่งระเหิด

ค่า n จะเพิ่มเป็นอย่างมาก แรงดัน คงจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปรกติ ด้วยสาเหตุนี้)

แต่

ถ้าลมชื้น ปั๊มไม่มีถังดักน้ำ พออากาศอัด น้ำมาเป็นสาย ไม่รู้ตัว เติมไปด้วยความมั่นใจ

 ยางร้อน น้ำขยายตัว แรงดันขึ้น ความดันจะเปลี่ยนไป แข็งขึ้นแน่นวล

อันนี้ รู้สึกได้แน่นอน ถ้าใครมี TPM จะรู้ดี

ถ้าไม่มั่นใจในปั๊มลมที่ไปขอเติมฟรีๆ หรือ ใช้แบบเสียบปลั๊ก 12v น้ำใหลปลายสาย

 ก็ไปหา N2 เติม แห้งชัวร์

ถ้าลมธรรมดา คลีนพอ มันก็ไม่ต่างกัน

ใช้ครับ ลมในโตรเจนเอาไว้โม้ครับ. ถ้าไม่ใช้สนามแข้งที่เติมจากถัง N2จริงๆ ผมไม่เห็นว่ามันจะดีกว่าลมธรรมดายังไงเลยในการใช้กับรถบ้าน. สุดท้ายจะลมอะไร ขอให้หมั่นเช็คแรงดันลมกันบ่อยๆ ดีที่สุดครับ.
# BMW    520d E60   
# BENZ   E250CDI W212
# BMW    520d G30
# VOLVO  XC90 D5 Y2020

ออนไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,234
    • อีเมล์
รถ city ผม ใส่ล้อ weds ยาง re004 แล้วร้านเติมลมธรรมดามาให้

ขับไป ก็บ่นไป ทำไมรถมันแข็ง แบบนี้

นึกไงไม่รู้ เออ ไปไล่ไนโตรดีกว่า จะได้ไม่ต้องเติมลมบ่อย สเปค 36 / 33 ให้อัด 40 psi แล้วค่อยปล่อยทีหลัง ขับออกมา โหยยย คนละเรื่องเลย นิ่มขึ้น ไม่ดีด ไม่เด้ง แค่นี้พอใจละ

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,002
ถ้าวิ่งทางไกล หรือทางที่บ้านไม่ดี
ลมธรรมดายางจะแข็งกว่าครับ

ส่วนตัวขับทางไม่ดี เติมไนโตรเจนตลอด
เท่าที่เช็คดู ก็อยู่ได้ประมาน 6 เดือนนะครับ
ที่เคยเติมบางทีก็มีหายไปนิดหน่อย ประมาน 1-2 ปอนด์ ในเวลา 1ปี

ออฟไลน์ CHANOM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,091
เราเติมไนโตรเจนตลอดเลยค่ะ
เพราะสาวๆที่บ้านชอบลืมเติมลมยางกัน เลยต้องเอาที่อยู่ได้นานเข้าไว้

แต่ก็ไม่เคยสังเกตถึงความแตกต่างนะคะ  ;D
In My Garage
2007 MB A180 CDI W169
2007 MB C220 CDI W203
2021 Mazda CX3 Comfort
2023 Honda Civic E-Hev RS

Sold
2016 Mazda 2 Skyactiv-D High Connect
2019 Honda HRV EL
2021 Subaru Forester IS-Eyesight

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,870
คนที่บอกต่าง นี่น่าเอามาจับนั่ง blind test ให้หมด

เห็นด้วยครับ ต่างกันแค่อากาศขยายตัวจากความร้อนความชื้น เพิ่มขึ้น2-3psi ไปถึงขั้นยางหนักกว่าเบากว่าเลย อ่านแล้วก็ขำ

แต่อย่างว่า จขกท.เค้าถามฟีลลิ่งไม่ใช่fact ก็จินตนาการกันไป

ออฟไลน์ EVA01

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 532
คนที่บอกต่าง นี่น่าเอามาจับนั่ง blind test ให้หมด
;D ;D ;D เห็นด้วยเลยครับ

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าต่างครับ
ในอากาศเองก็มีไนโตรฯ เป็นส่วนใหญ่เกือบ 80 % แล้ว เทียบกับไนโตรฯ 100% (หรือเกือบๆ)
ท่านที่รู้สึกต่างได้ ยอมรับในความละเอียดอ่อนและความเซนซิทีฟครับ คารวะ ...

ปล. อากาศรอบๆตัวเรา จะประกอบด้วยก๊าซต่างๆ คือ ไนโตรเจน ประมาณ 78% ออกซิเจนประมาณ 21%...
CR http://www.circlife.com/knows.php

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
    • อีเมล์
ต่างไหม จำไม่ได้แล้วครับ ไม่ได้เติมเลย

รถแข่งทางเรียบ ผมก็เติมลมธรรมดาครับ ขี้เกียจมานั่งเอา N2 มาเติม